การปลูกเบญจมาศ ตอนที่2

โรคและแมลงที่สำคัญ

1.โรคใบแห้ง

สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Erwinia chrysanthemi

ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกยอดจะเหี่ยวในเวลากลางวันและฟื้นตัวในเวลากลางคืน ต่อมายอดจะเน่าแห้งเป็นสีน้ำตาล ถ้าบีบลำต้นดูจะรู้สึกว่าต้นกรอบ ไส้กลวงของลำต้นมี สีน้ำตาลแดง โรคนี้จะระบาดได้เร็วในที่ที่มีอากาศร้อน ความชื้นสูง

การแพร่ระบาด  จะติดไปกับเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร และส่วนมากเชื้อแบคทีเรีย จะเข้าทำลายได้ง่ายในพืชที่เป็นแผลหรือมีรอยแตก

การป้องกันกำจัด  ถ้ามีโรคระบาดในแปลงควรเผาทำลายเสีย อย่าให้เชื้อแพร่กระจายไป และควรใช้กิ่งปักชำที่ปราศจากโรคหรือใช้สารเคมีประเภทสเตรปโตมัยซิน

2.โรคใบจุด

สาเหตุ  เกิดจากเชื้อรา Septoria sp.

ลักษณะอาการ  ใบเป็นจุดสีน้ำตาลไหม้ บางครั้งจะมีขอบแผลสีเหลือง ลักษณะแผลค่อนข้างกลมมีขอบแผลชัดเจน เมื่อแผลขยายใหญ่ขึ้น หรือ หลายๆแผลขยาย มาชนกัน จะทำให้ใบไหม้ แห้งและร่วงหล่นไปในที่สุด โรคใบจุดนี้จะเริ่มต้นที่ใบล่างๆที่ติด พื้นดินก่อนแล้วค่อยๆลามขึ้นไปจนถึงยอด

การแพร่ระบาด  สปอร์ที่อยู่ตรงกลางแผลจะปลิวไปตามลมหรือถูกน้ำชะล้างให้กระเด็นจาก ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งได้ โรคนี้จะระบาดมากในฤดูฝน

การป้องกันกำจัด  ไม่ควรปลูกต้นเบญจมาศชิดกันเกินไป เพราะจะทำให้อากาศไม่ถ่ายเท มีผลทำให้ความชื้นระหว่างโคนต้นสูง เหมาะแก่การแพร่ระบาดของโรคยิ่งขึ้น และควรพ่น สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แคบแทน มาเนบ หรือ ไซเนบ ให้ทั่วโดยเฉพาะบริเวณโคน ต้น

3.โรคราสนิมขาว

สาเหตุ  เกิดจากเชื้อรา Puccinia horiana

ลักษณะอาการ เริ่มแรกเกิดจุดสีเหลืองขนาดเล็ก บริเวณส่วนบนของใบ ซึ่งจะค่อยๆขยาย ใหญ่ขึ้นถึงเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร ส่วนด้านใต้ใบที่ตำแหน่งเดียวกันเริ่ม แรกจะเห็นจุดสีขาวนวล ต่อมาเมื่อจุดนั้นขยายใหญ่ขึ้นเป็นนูนกลมออกสีชมพู และเปลี่ยน เป็นสีขาวเมื่อเจริญเต็มที่ ระบาดมากจะทำให้ใบมีสีเหลืองและลามแห้งไปทั่วทั้งใบ ในดอก จะมีการไหม้แห้งจากปลายกลีบดอกเข้ามา

การแพร่ระบาด  เป็นโรคที่ระบาดรุนแรงในภาคเหนือช่วงฤดูหนาวขณะมีอากาศชื้น แต่เมื่อ อากาศร้อนและแห้งแล้งความรุนแรงจะลดลง สปอร์ของเชื้อราจะงอกที่อุณหภูมิระหว่าง 4 -24 องศาเซลเซียส สปอร์จะงอกได้เมื่อผิวใบเปียกน้ำ และในสภาพที่เหมาะสมสปอร์สา มารถ งอกได้ภายในเวลา 2 -2.5 ชั่วโมง

การป้องกันกำจัด เชื้อราสนิมขาวมักแพร่ระบาดโดยต้นพันธุ์ที่เป็นโรค หรือส่วนของพืชที่มี เชื้อราอยู่ สปอร์ของเชื้อราสนิมขาวนี้สามารถมีชีวิตอยู่บนใบที่ร่วงจากต้นได้เป็นเวลานานถึง 8 สัปดาห์ จึงควรป้องกันดังนี้

             - ควรให้ต้นและใบเบญจมาศแห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลีกเลี่ยงการรดน้ำถูกใบโดย เฉพาะในช่วงเย็น เนื่องจากใบที่เปียกเป็นสภาพที่เหมาะสมกับการเกิดโรค และป้องกันน้ำ กระเด็นจากใบหนึ่งไปสู่อีกใบหนึ่ง

             - หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำค้างเกาะที่ใบ หรือการมีน้ำจากหลังคาหยดลงใบ ควรระบายอา กาศหรือให้ความร้อนในโรงเรือนในช่วงเย็น

             - ปลูกเบญจมาศให้มีระยะห่างพอสมควร เพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี หากการ ระบาดอยู่ในระยะแรก การเด็ดใบที่เป็นโรคออกจะช่วยควบคุมโรคได้

            - ควรขุดหลุมลึกเพื่อฝังซากพืชที่มีอาการของโรค หรือเผาทำลาย

การใช้สารเคมี เนื่องจากการกำจัดทำได้ลำบาก จึงควรป้องกันโดยฉีดพ่นด้วยสารเคมีประ เภทสัมผัส เช่น คลอโรธาโลนิล สลับกับ แมนโคเซบ ฉีดพ่นทุก 7 วัน หากเกิดระบาดมาก การใช้สารเคมีประเภทดูดซึม จะได้ผลดีกว่า แต่เชื้อรามักจะต้านทานต่อสารเคมีประเภทนี้ ได้ง่าย โดยฉีดพ่นทุก 5 -7 วัน และเพื่อป้องกันการดื้อยา การฉีดพ่นสารเคมีทั้งเพื่อป้องกัน หรือกำจัด โรคราสนิมขาว ควรใช้สารเคมีซ้ำกันไม่เกิน 2 -3 ครั้ง เพื่อให้สารเคมีที่ใช้มีประ สิทธิภาพสูงสุด จากนั้นจึงควรเปลี่ยนกลุ่มสารเคมี

 4. เพลี้ยไฟ

ลักษณะการทำลาย  ชอบทำลายส่วนอ่อนและส่วนยอดของพืช จะทำลายดอกทันทีที่ออก ดอกเป็นตุ่มเท่าหัวไม้ขีด ดอกจะแคระแกรนไม่คลี่บานตามปกติ หรือทำให้กลีบดอกมีสีน้ำ ตาลไหม้ เหี่ยวแห้ง เนื่องจากเพลี้ยไฟมีขนาดเล็ก จึงมักซุกซ่อนหลบหลีกการสังเกต การใช้ สารเคมีฉีดพ่นทำได้ไม่ทั่วถึง

การป้องกันกำจัด

       - ใช้กับดักกาวเหนียว ใช้ในการทำลายการระบาดเท่านั้น ยังไม่มีการทดลองนำกับดัก ชนิดนี้มาเพื่อใช้ลดปริมาณเพลี้ยไฟ

       - ใช้สารสกัดจากสะเดา

       - ศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงตัวห้ำ

5.หนอนชอนใบ

ลักษณะการทำลาย จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ โดยสังเกตเห็นเป็นทางเดินของหนอนภาย ในใบ

การแพร่ระบาด  เป็นหนอนที่ทำความเสียหายเป็นอย่างมากในมะเขือเทศและดอก เบญจ มาศ

การป้องกันกำจัด  โดยใช้สารเคมี เช่น อะบาเม็คติน หรืออ๊อกซามิล ฉีดพ่นทุกสัปดาห์ ติดต่อ กันอย่างน้อย 4 สัปดาห์

        - การใช้สารเคมี สารเคมีที่แนะนำใช้ในการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ เช่น คาร์บาริล เอ็นโดซัลแฟน กูซาไธออน - เอ มาลาไธออน เมทธิโอคาบ คาร์โบซัลแฟน โปรไธโอฟอส ฟอร์ มีทาเนต อะบาเมคติน เบนฟูราคาร์บ และฟิโปรนิล ซึ่งการใช้สารเคมีเหล่านี้ควรจะคำนึงถึง พืชที่จะพ่น สภาพและท้องที่การระบาด ตลอดจนความรุนแรงของการระบาดด้วย ถ้าอยู่ใน ช่วงที่มีการระบาดรุนแรงควรพ่นสารเคมีค่อนข้างถี่ คือ ประมาณ 3 -5 วัน โดยพ่นติดต่อกัน 2 -3 ครั้ง จนจำนวนเพลี้ยไฟลดลง แล้งจึงเว้นระยะห่างออกไป สำหรับพืชที่ต้องการดูแล เป็นพิเศษควรใส่ปุ๋ยใบพ่นให้พืชเพื่อให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งความรู้จาก

  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่
  • ห้องสมุดความรู้การเกษตร
  • กรมส่งเสริมการเกษตร

ชอบกด Like & Share เป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะจ๊ะ ==>




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2555 10:56:20 น.
Counter : 867 Pageviews.

0 comments
วันอังคารที่1กค มีงานนำเสนอสตาร์ทอัพ"ไทย"ที่พร้อมไปบุกตลาดจีน💡   peaceplay
(22 มิ.ย. 2568 12:57:29 น.)
14 มิ.ย. 68 ไปเรียน kae+aoe
(19 มิ.ย. 2568 06:48:33 น.)
18 มิย 68 mcayenne94
(18 มิ.ย. 2568 17:08:30 น.)
บทบาทของล่ามในภารกิจทูตทางทหารและข้อพิพาทชายแดน: เสียงที่เชื่อมโยงสันติภาพกับความขัดแย้ง สมาชิกหมายเลข 6145569
(6 มิ.ย. 2568 01:04:56 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Axiom.BlogGang.com

Mr.Evo_IV
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]

บทความทั้งหมด