ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

สัญญาจ้าวราชันย์ เศษเสี้ยวจากอดีต (21)

มายาเดินนำกลุ่มของหัวหน้าหมู่บ้านไปยังจุดที่ร่างของกล้าณรงค์นอนสงบนิ่งอยู่ ก่อนที่จะปล่อยพวกเขาเอาไว้ในที่นั้น แล้วเธอก็ปลีกตัวจากมาอย่างเงียบๆ เพื่อเดินต่อไปยังตำแหน่งที่ได้แยกทางกับวาณิชเมื่อคืนนี้

มายาทำการสำรวจไปรอบๆ บริเวณ 'แปลก ทั้งสองฝ่าย หรืออย่างน้อยวาณิชก็น่าจะทุ่มสุดตัวเพื่อจัดการกับเจ้าแมงมุมยักษ์นั่น' ความรู้สึกของเธอบอกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แน่นอนว่าเธอไม่ได้พบร่างของวาณิช และเธอก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าแมงมุมเงาตัวนั้นจะหลงเหลือสิ่งใดเอาไว้หรือไม่หากถูกกำจัดลงได้ แต่ร่องรอยความเสียหายจากการต่อสู้นั้นน้อยกว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก

มายาพยายามคาดเดาถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น 'พลังของราชาแห่งสายลมอาจจะร้ายกาจมากจนทำให้ผู้ชักใยต้องรีบหลบหนีไป' ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะมีร่องรอยของการไล่ล่าติดตามเกิดขึ้น ชายคนนั้นต้องไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปโดยง่าย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น 'บางทีผู้ชักใยอาจจะสามารถหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก็เป็นได้'

พวกกรรมการหมู่บ้านช่วยกันหามร่างไร้วิญญาณของกล้าณรงค์กลับไปเพื่อทำการกลบฝังตามประเพณี ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านแห่งนี้ แต่พวกเขาคงต้องรวบรัดตัดพิธีการต่างๆ ลงบ้าง เพราะยังคงมีงานอื่นๆ อีกมากมายที่ทุกคนต้องช่วยกันทำให้เสร็จโดยเร็ว

มายายืนส่งพวกเขาจากไปโดยไม่คิดจะติดตามไปด้วย เพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ยังคงวนเวียนดูรอบๆ บริเวณอีกพักหนึ่งโดยไม่ได้พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่มายารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือวาณิชจะต้องยังมีชีวิตอยู่แน่ และเขาจะไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เธอกับพวกเด็กๆ เห็นอีกโดยง่าย 'นิลวายุแห่งพายุหมุน ขอสัญญาว่าจะคุ้มครองทุกคนในที่นี้จากเงื้อมมือของเคออส และจะต่อสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด'

ความเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ของวาณิช ทำให้เขาพบเจอช่องโหว่ในคำสัญญาได้อย่างง่ายดาย หากเขาไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเธอด้วย เขาก็ไม่อาจปกป้องพวกเธอได้หากเกิดเหตุอะไรขึ้น และมันก็ไม่ได้เป็นการทำผิดคำสัญญาแต่ประการใด เพราะในคำสัญญานั้นไม่ได้ระบุว่าเขาจะต้องติดตามพวกเธอไปในทุกที่ แต่หากเขาได้รับรู้ถึงภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเธอ เขาก็ไม่อาจจะเพิกเฉยได้เช่นกัน

เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว 'คงคิดว่าได้กำไรสินะ แล้วเราจะได้เห็นกัน'

#####

ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นสาดแสงไปทั่วหมู่บ้าน อากาศค่อยๆ อบอุ่นขึ้นตามลำดับ รัตติกาลนั่งลงตรงหน้าประตูบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาแน่ใจว่าได้ค้นหาจนทั่วทุกซอกทุกมุมภายในบ้านแล้ว แต่ก็ไม่พบเบาะแส หรือสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ดูเหมือนว่ามารดาของเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ต้องสงสัยเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ก็คือเจ้าเงาประหลาดพวกนั้น

'ทำไมต้องเป็นแม่ด้วย' รัตติกาลไม่ได้อยากให้ใครต้องมาเจอเรื่องราวแบบเดียวกับเขา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบนี้ 'มีผู้คนตั้งมากมายแต่ทำไมต้องเป็นแม่ด้วยเล่า' เขาพยายามที่จะเลิกคิดถึงเรื่องพวกนี้ 'ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาคร่ำครวญกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว'

รัตติกาลลุกขึ้นพร้อมกับดาบของกล้าณรงค์ที่เขายังคงเป็นคนเก็บเอาไว้ 'สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้น' เขาตวัดดาบในมือออกไปเพื่อระบายความอัดอั้นที่เกิดขึ้น คมดาบตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นรอยแยก พลังสายลมพลันไหลทะลักออกมาจากรอยกรีดนั้น

รัตติกาลจ้องมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือพลังสัญญาที่เกิดจากเพลงดาบสายลม มันเป็นแบบเดียวกับสิ่งที่เขาได้พบเห็นตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา เขาลองตวัดดาบฟันกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คมดาบยังคงตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วเช่นเดิม แต่มันเพียงทำให้เกิดกระแสลมที่แผ่วเบาเท่านั้น

'ความแตกต่างมันอยู่ตรงไหนกันนะ' รัตติกาลยังคงไม่อาจทำความเข้าใจในเพลงดาบสายลมได้ เขาย้อนกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง แต่คราวนี้เพื่อเก็บรวบรวมข้าวของต่างๆ สำหรับการเดินทาง เขายังไม่ลืมที่จะนำเอาเงินที่เก็บออมไว้ทั้งหมดติดตัวไปด้วย

ในระหว่างนั้นความคิดของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของดาบอยู่นั่นเอง 'ถ้าวาณิชยอมสอนให้ก็คงจะดี' เขายังไม่รู้ว่าพ่อค้าเร่คนนั้นได้หลบหนีหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

#####

ข้าวขวัญค่อยๆ เล่าเรื่องราวในฝันของเธอให้ข้าวเขียวฟัง ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ ส่วนมารดาของทั้งสองคนนั้นออกไปรอสามีอยู่ที่หน้าบ้านด้วยความกระวนกระวาย ทั้งคู่ต่างพูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ เท่านั้น

“...ห้องขังในปราสาท กับดวงดาวแปลกๆ บนท้องฟ้าอย่างนั้นหรือ”

ข้าวเขียวพึมพำพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตากระต่ายขึ้นมาดู เขาหิ้วมันโดยจับหูที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวนั้น ข้าวขวัญตีมือของพี่ชายเบาๆ พร้อมกับหยิบมันกลับคืนไป

“มันคือเจ้าขาวจริงๆ นั่นแหละ”

ข้าวเขียวเองก็จำมันได้เช่นกัน เขาพยายามเอาเรื่องราวทั้งหมดมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน แต่มันก็มีช่องว่างอยู่มากมาย และอีกหลายเรื่องที่ยังคงไม่มีคำอธิบาย จริงๆ แล้วก็คือเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่ดูเหมือนว่าทั้งเขา และน้องสาวคงต้องติดอยู่กับเรื่องราวแปลกประหลาดพวกนี้ไปอีกนาน

“แล้วเราจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีคะ”

“...พี่ว่า...เราเก็บมันไว้เป็นความลับก่อนดีกว่า อย่าเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น”

“จะดีหรือคะ”

ข้าวขวัญยังคงรู้สึกเป็นกังวล เธอกลัวว่าความฝันแปลกๆ ของเธอนั้นอาจจะมีความสำคัญซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ข้าวเขียวเองก็ดูจะคิดหนักเช่นกัน แต่ในที่สุดเขาก็ยังคงยืนยันความคิดในเรื่องนี้ของเขา

“พี่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรทำ”

คำตอบที่หนักแน่นของข้าวเขียวทำให้ข้าวขวัญยอมตกลงในที่สุด มีไม่บ่อยนักที่พี่ชายของเธอจะออกปากยืนยันอย่างหนักแน่นเช่นนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้วเขาจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงความคิดไปมาได้โดยง่าย แต่หากครั้งใดที่เขาตกลงใจอย่างแน่วแน่แล้ว เขาก็จะยึดมั่นในสิ่งนั้นจนถึงที่สุด

“แล้วเรื่องเดินทาง พี่จะทำยังไงคะ”

“...พี่จะขอพ่อกับแม่ตรงๆ นั่นแหละ น่าจะดีที่สุดแล้ว”

“...แล้วทางคุณมายาล่ะคะ”

'นั่นสินะ ลืมไปเลยว่าต้องขอมายาด้วย ไม่รู้ว่าเธอจะยอมหรือเปล่า' ข้าวเขียวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที 'ยุ่งยากจริง'

“เอาอย่างนี้ละกัน...พี่จะขอพร้อมกันให้หมดทีเดียวเลย เพราะถึงยังไงมายาก็ต้องมารับน้องที่บ้านนี้อยู่แล้ว”

ทั้งคู่พลันได้ยินเสียงของมารดา กับบิดาคุยกันดังแว่วมาจากทางหน้าบ้าน

“เขาจะทำพิธีฝังศพกล้าณรงค์ตอนเที่ยงของวันนี้เลย ตอนนี้พวกหนุ่มๆ กำลังช่วยกันขุดหลุมอยู่”

“แล้วใครจะเป็นคนวางก้อนหินให้เขาล่ะคะ กล้าไพรก็มากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”

ตามปกติแล้วเมื่อทำการกลบฝังร่างของผู้ตายเรียบร้อย ญาติของผู้ตายจะต้องนำก้อนหินมาวางลงเหนือหลุมศพนั้นเพื่อเป็นการบอกตำแหน่ง ก้อนหินนี้อาจจะมีการแกะสลักทำเครื่องหมายเพื่อสื่อถึงผู้ที่จากไปด้วย มีหลายคนเตรียมหาก้อนหินเหล่านี้เอาไว้ก่อนที่เวลาของพวกเขาจะมาถึง บางคนถึงกับแกะสลักพวกมันด้วยมือของตนเอง

สองพี่น้องหันไปมองดูร่างของเพื่อนที่นอนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ถึงแม้ว่านักมายากลจะบอกให้ทิ้งเขาไว้ที่ลานกลางหมู่บ้าน แต่พวกเขากลับตัดสินใจหอบหิ้วเพื่อนคนนี้กลับมาด้วย

“ก็คุยกันเอาไว้ว่าจะให้พวกเด็กๆ ช่วยกันวาง ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน”

“...มันจะดีหรือคะ”

“อย่าไปคิดมากเลย เอาเวลามากังวลเรื่องการอพยพกันดีกว่า”

แล้วจู่ๆ เสียงของทั้งสองก็เบาลงจนพวกเด็กๆ แทบจะไม่ได้ยิน ข้าวเขียว กับข้าวขวัญมองหน้ากันก่อนที่ทั้งคู่จะพร้อมใจค่อยๆ ย่องไปที่ประตูบ้าน

“...เอ่อ...แล้วเรื่องของ...ข้าวขวัญ”

อุดมส่ายหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองของนางเอาไว้

“เราทำอะไรไม่ได้แล้ว สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา...มันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่ให้ลูกไปกับนักมายากลในตอนนี้ เพราะพวกเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง...สงครามคราวนี้ดูเหมือนจะหนักหนาไม่ใช่เล่นนะ”

หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาเป็นสาย 'เมื่อตอนที่ลูกพึ่งเกิดก็ต้องแยกจากกันมาครั้งหนึ่งแล้ว มาคราวนี้ยิ่งไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า' อุดมดึงร่างของนางเข้ามาโอบกอดเอาไว้

“อย่าร้องไปเลย เดี๋ยวลูกๆ จะได้ยินเข้า”

เด็กทั้งสองมองสบตากันอีกครั้งก่อนที่จะถอยกลับไปยังโต๊ะกินข้าว ข้าวขวัญยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ เธอเอาแต่คิดถึงเรื่องการเดินทาง และการที่จะได้เป็นนักมายากล จนลืมนึกถึงความรู้สึกของบิดามารดาที่ต่างก็รัก และเป็นห่วงเธอ ข้าวเขียวได้แต่มองดูน้องสาว เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกอยากจะร้องไห้บ้างเช่นกัน

“เธอพอจะจำเรื่องแปลกๆ ของข้าวเขียวเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กได้หรือเปล่า”

จู่ๆ สามีก็เปลี่ยนเรื่องพูดจนทำให้เธอตั้งตัวแทบไม่ทัน

“...จำได้สิ เรื่องที่เขาพูดอะไรแปลกๆ พวกนั้นใช่ไหม”

อุดมผลักร่างที่กอดเอาไว้ออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเธอ

“ยังจำได้ไหมว่าเขาพูดอะไรบ้าง”

เธอพยักหน้าพร้อมกับบอกข้อความนั้นออกมาอีกครั้ง มันอาจจะไม่ถูกต้องหมดทุกคำ แต่เธอมั่นใจว่าความหมายของมันคงไม่แตกต่างจากนี้มากนัก เมื่อพูดจบทั้งสองต่างสบตากันด้วยความสงสัย คำพูดที่เคยฟังดูไร้สาระพวกนั้นกลับดูเหมือนจะมีความหมายขึ้นมาในเวลานี้

#####

มายาจูงม้าสีดำทั้งสองตัวมาเทียมเข้ากับรถสินค้า พวกมันดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้กับเธอสักเท่าไร ตามปกติแล้ววาณิชจะเป็นคนที่คอยทำหน้าที่พวกนี้ แต่ก่อนหน้าที่ทั้งสองจะได้พบเจอกัน เธอก็เดินทางเพียงลำพังมาโดยตลอด งานต่างๆ เหล่านี้เธอจึงสามารถจัดการได้เช่นกัน

'ป่านนี้งานศพคงเสร็จสิ้นลงแล้ว' มายาไม่ได้เข้าร่วมในงานด้วย เธอให้เหตุผลว่า 'เพราะฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านแห่งนี้' แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพราะเธอไม่ชอบคนที่มารวมกันมากๆ นั่นเอง มันอาจฟังดูแปลกเพราะเธอต้องออกแสดงมายากลไปตามที่ต่างๆ แต่ความรู้สึกเวลาที่อยู่บนเวทีกับเวลาอื่นๆ นั้นมันต่างกัน เมื่อลงจากเวทีแล้วเธอก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า

สินค้ามากมายที่เคยเก็บอยู่ภายในตัวรถต่างถูกเธอกำจัดไปจนหมดสิ้น แน่นอนว่าเธอใช้จันทรสัญญา พลังมายากลในการทำให้ข้าวของเหล่านั้นหายไป เมื่อไม่มีพ่อค้าเร่ก็ไม่จำเป็นต้องมีสินค้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่มีประโยชน์อะไรอีก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แจกจ่ายพวกมันให้กับคนในหมู่บ้านอย่างที่เคยคิดเอาไว้ในตอนแรก

'แต่ถ้าทำแบบนั้นอาจจะสนุกกว่าก็เป็นได้' เพราะถ้าทำแบบนั้นแล้วคงทำให้วาณิชรู้สึกหัวเสียได้มากแน่ มายาคิดถึงใบหน้าของชายคนนั้นว่าจะเป็นอย่างไรหากรู้ว่าสินค้าของเขาถูกแจกจ่ายออกไปฟรีๆ รอยยิ้มที่เกิดขึ้นพลันหยุดชะงัก 'ทำไมฉันจะต้องไปคิดถึงคนแบบนั้นด้วยนะ' มายาเพิ่งรู้ตัวว่ากลังจากที่แยกกันแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะคิดถึงเขาบ่อยๆ จนเริ่มรู้สึกรำคาญตัวเองขึ้นมา

มายาปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับของรถสินค้า พร้อมกับบังคับม้าทั้งสองให้เริ่มออกเดิน พวกมันต่างเหยาะย่างกันอย่างสบายใจเพราะน้ำหนักที่เคยต้องออกแรงลากนั้นลดลงไปมากทีเดียว เธอปล่อยให้พวกมันเดินไปตามสบาย พวกมันทั้งคู่ต่างก็เป็นม้าที่ฉลาด และเคยช่วยให้ทั้งสองรอดพ้นอันตรายในการเดินทางมาได้หลายครั้ง

มายาเฝ้าดูจังหวะการเหยาะย่างของม้าดำทั้งสองอย่างเงียบๆ พวกมันมองไปรอบๆ เหมือนกับพยายามค้นหาอะไรสักอย่าง ดูเหมือนพวกมันเองก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และรู้สึกคิดถึงวาณิชเช่นกัน

รถสินค้าค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ไปตามถนนใหญ่ ในขณะที่ผู้คนที่ไปร่วมในงานฝังศพต่างเริ่มทยอยกันกลับบ้าน ม้าดำทั้งคู่ค่อยๆ นำพานายหญิงของมันตรงไปยังบ้านของข้าวขวัญ 'เด็กหญิงที่จะกลายเป็นนักมายกลผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตอันใกล้ และเป็นกุญแจสำคัญในการโค่นล้มเคออสกับกองทัพมืดของมัน เพื่อรักษาแผ่นดินแห่งนี้ไว้อีกครั้ง' นั่นเป็นความคาดหวังที่อยู่ลึกๆ ในใจของมายา




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
1 comments
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 11:56:01 น.
Counter : 538 Pageviews.

 

ยังคงติดตามอยู่เสมอ

น่าสนใจขึ้นทุกทีแล่วนะ

 

โดย: (ขพจ.) (บ้านที่ไม่มีอะไร ) 6 กรกฎาคม 2553 17:25:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.