ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ แดนแห่งดารา (33)

“...พี่กล้าไพร”

ข้าวขวัญที่ยังคงรู้สึกปวดแปลบจากบาดแผลที่โดนแทง ส่งเสียงเรียกออกไปอย่างหวั่นๆ ส่วนมายานั้นเมื่อช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นได้แล้ว ก็รีบหลบมายืนอยู่ทางด้านหลังเพื่อรอดูเหตุการณ์ต่อไป

กล้าไพรกำลังสับสน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ความทรงจำที่ขาดวิ่นของเขาขาดหายไปในตอนที่กล้าณรงค์ได้จบชีวิตลง หลังจากนั้นมันเหมือนกับเป็นความฝันอันเลือนราง เขาได้รับรู้เรื่องราวระหว่างการเดินทางมาบ้าง จากสิ่งที่ข้าวขวัญเล่าให้ฟังในขณะที่หมดสติอยู่ แต่ทั้งหมดนั้นมันก็ไม่ปะติดปะต่อ และไม่ค่อยจะชัดเจนนัก

กล้าไพรไม่ชอบใจกับสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ ทั้งภาพ เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ที่รับได้นั้นดูจืดจางห่างไกล คล้ายกับว่าทั่วทั้งร่างกลายเป็นเหน็บชา เขาไม่ได้อยากที่จะคงอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่ก็ยังต้องการที่จะช่วยข้าวขวัญ ตามคำมั่นสัญญาที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้ และเพื่อทำตามความต้องการในหัวใจของตนเอง

“พี่กล้าไพรคะ”

“...น้อง...ขวัญ...”

กล้าไพรพยายามที่จะสื่อสารอะไรให้มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย ด้วยสภาพร่างกายที่เขาเป็นอยู่ในขณะนี้

แสงจางๆ ที่ส่องออกมาจากราชินีแห่งแสงจันทร์ซึ่งลอยอยู่ข้างๆ กาย ทำให้ข้าวขวัญพอจะมองเห็นกล้าไพรได้บ้าง ร่างผอมแห้งที่ยืนอยู่ได้โดยอาศัยความมืดช่วยพยุงเอาไว้ ร่างที่ไม่ว่าจะมองดูอย่างไร ก็ไม่ให้ความรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย น้ำตาของข้าวขวัญค่อยๆ ไหลรินออกมา

“พี่กล้าไพรเป็นอะไรไปคะ คุณมายา...ไหนคุณสัญญาว่าจะทำให้เขาหายดี แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

ข้าวขวัญถามด้วยเสียงสะอื้น

“...ฉันทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ แต่ฉันก็นำเขากลับมา ตามคำสัญญาที่ให้ไว้แล้ว”

ข้าวขวัญรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของมายา ที่ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นคำแก้ตัวเสียมากกว่า กล้าไพรพยายามรับฟังคำโต้ตอบของทั้งสอง แต่ความรับรู้ และความเข้าใจของเขาในตอนนี้ขาดวิ่นเป็นเสี่ยงๆ เขาจึงรู้ได้แค่ว่า เป็นเพราะสภาพร่างกายของเขา ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้

“...อย่า...ร้อง...”

'ถ้าร่างกายนี้ทำให้เธอต้องเสียใจ ก็ขอให้มันหายไปเสียเถิด' ร่างที่เปราะบางของกล้าไพรค่อยๆ ถูกความมืดเข้าปกคลุม ก่อนที่จะจางหายไปในที่สุด

“เกิดอะไรขึ้น พี่กล้าไพรหายไปไหนแล้ว”

“เขายังอยู่ในที่เดิม เพียงแต่ร่างของเขาได้ข้ามไปอยู่ในโลกโน้นแล้ว”

เวทมายาตอบเรียบๆ ดูเหมือนว่าความร่าเริงในน้ำเสียงของนางเมื่อครู่นี้ จะหายไปหมดแล้ว มายาพยายามคิดให้ออกว่า เพราะเหตุใดกันที่ทำให้กล้าไพรกลายเป็นแบบนี้ 'สิ่งเดียวที่เขาให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือข้าวขวัญนั่นเอง'

“เธอลองบอกให้เขาปรากฏร่างออกมาสิ”

ข้าวขวัญทำตามคำพูดของมายาด้วยความลังเล

“พี่กล้าไพรยังอยู่หรือเปล่า ออกมาให้เห็นหน่อยสิคะ”

ท่ามกลางความมืดร่างของกล้าไพรก็ค่อยๆ ปรากฏกายออกมาอีกครั้ง มายายิ้มด้วยความพอใจ 'ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอจริงๆ'

“คราวนี้ให้เขาคืนจุลจันทราให้กับฉัน”

มายากระซิบสั่งข้าวขวัญอีก ถึงแม้ว่าข้าวขวัญจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่เธอก็ยังเห็นด้วยว่า ควรจะคืนดาบที่มีความสำคัญเล่มนั้นให้กับเจ้าของที่ถูกต้องของมันก่อน

“พี่กล้าไพรคะ คืนดาบให้กับคุณมายาได้ไหมคะ”

ราชินีแห่งแสงจันทร์พุ่งมาปักลงตรงหน้ามายาด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเธอไม่มีทีท่าว่าจะสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย เมื่อแขนของความมืดเคลื่อนจากไปแล้ว เธอก็รีบเอื้อมมือออกมากุมที่ด้ามดาบ แล้วจุลจันทราก็หายวับไปพร้อมกับแสงของมัน ห้องโถงแห่งนี้จึงกลับคืนสู่ความมืดมิดอีกครั้ง ส่วนดาบของกล้าณรงค์ก็ถูกปักเอาไว้ที่ข้างกายของกล้าไพรนั่นเอง

“เขาได้กลายเป็นอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างโลกของความเป็น กับความตาย แล้วก็ไม่ใช่ผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีด้วย เขาอาจจะไม่สามารถรับรู้ หรือเข้าใจอะไรในโลกฝั่งนี้ได้มากนัก ซึ่งสิ่งที่ผูกมัดเขาก็คือ คำสัญญาที่เคยให้ไว้นั่นเอง”

เวทมายาอธิบายให้ทั้งสองฟัง

“...แล้ว พอจะมีหนทางช่วยพี่เขาได้ไหมคะ”

ข้าวขวัญพูดคุยกับเสียงที่ได้ยินในความมืดนั้น

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เวทมายาตอบอย่างไม่ลังเล

“ฉันไม่เคยรู้จักอะไรที่เหมือนกับเขามาก่อน เธอคงต้องเรียนรู้ และหาหนทางด้วยตัวเองแล้ว...ฉันขอมอบมันให้เป็นงานชิ้นแรกสำหรับสมาชิกใหม่ของสมาคมนักมายากลอย่างเธอเลยก็แล้วกัน”

มายาจึงใช้โอกาสนี้กล่าวคำแนะนำอย่างเป็นทางการระหว่างทั้งสอง

“ท่านผู้นี้คือเวทมายา หัวหน้าสมาคมนักมายากล ส่วนเด็กคนนี้คือข้าวขวัญ เธอเป็นผู้ที่จันทรสัญญา ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก“

มายาไม่คิดจะเอ่ยขอโทษแม้สักคำ ที่ตนเองได้ทำร้ายข้าวขวัญจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนข้าวขวัญเองก็ไม่ได้จดจำใส่ใจเช่นกัน เธอบอกกับตัวเองว่า 'เป็นเพราะความจำเป็นบังคับ' ทำให้มายาต้องตัดสินใจทำเช่นนั้น

“เธอกลับออกไปรออยู่ข้างนอกได้แล้ว ฉันยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับท่านเวทมายาอีก”

เมื่อหมดประโยชน์แล้วมายาก็รีบขับไล่ข้าวขวัญออกไปทันที

“...เอ่อ...ขวัญมีเรื่องจะขอร้องได้ไหมคะ”

“มีเรื่องอะไรก็ว่ามาสิ”

มายาถามด้วยความสนใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าวขวัญไม่เคยที่จะแสดงความต้องการของตนเองออกมาเลย

“...อย่าบอกเรื่องของพี่กล้าไพรให้คนอื่นรู้ได้ไหมคะ...ขวัญไม่อยากให้ใครเห็นพี่เขาในสภาพแบบนี้...ขอให้บอกกับพวกเขาว่า พี่กล้าไพรกำลังพักรักษาตัวอยู่กับท่านเวทมายาแทนจะได้ไหมคะ”

“เอาแบบนั้นก็ได้ ฉันตกลง”

มายายอมรับปากในเรื่องนี้อย่างง่ายๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลึกๆ ลงไปภายในใจของเธอนั้น รู้สึกผิดที่ได้ลงมือทำร้ายข้าวขวัญจนได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้

ข้าวขวัญค่อยๆ เดินไปหากล้าไพรในท่ามกลางความมืด ร่างของเธอสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันให้ความรู้สึกแปลกๆ แต่ลึกๆ ลงไปภายในนั้นเธอคิดว่ามันคือความอบอุ่น เธอหลับตาลง แล้วเริ่มต้นกระซิบเบาๆ

“พี่กล้าไพรอย่าเผยร่างออกมาให้ใครเห็นอีกนะคะ...แล้วน้องขวัญจะหาทางทำให้พี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้”

ความมืดที่อยู่รอบกายคล้ายกับโอบกอดร่างของข้าวขวัญเอาไว้ ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หัวไหล่ค่อยๆ มลายหายไป เธอรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง และที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เธอสามารถมองเห็นได้ในความมืดแล้ว แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับมายาก็ตาม

#####

ข้าวเขียวเอื้อมมือไปยังสัญลักษณ์ของจักรพรรดิแห่งฟากฟ้า เมื่อเขาออกแรงดัน ก็รู้สึกได้ว่ามันขยับไปจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันอยู่สูง เขาจึงปีนป่ายขึ้นไปบนสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านล่างเพื่อให้สามารถออกแรงได้ถนัดยิ่งขึ้น แต่ในขณะที่กำลังพยายามอยู่นั้น ประตูก็เปิดออกพอดี ทำให้เขาหล่นลงมาบนพื้น

คนที่ก้าวออกมาจากประตูคือข้าวขวัญนั่นเอง ตอนนี้เธอสามารถมองเห็นพี่ชายในความมืดได้อย่างชัดเจน

“พี่ข้าวเขียวลงไปนอนเล่นทำอะไรอยู่คะ”

ข้าวเขียวลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับทำหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด เขาสามารถมองเห็นร่างของน้องสาวได้ลางๆ ในความมืด มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ ซึ่งเขาไม่อาจระบุได้ว่าเป็นอะไรกันแน่

“พี่เปล่านอนเล่นนะ พี่ตกลงมาจากบานประตูต่างหาก”

“แล้วพี่ข้าวเขียวปีนขึ้นไปบนประตูทำไมล่ะคะ”

ข้าวเขียวจึงอธิบายสิ่งที่เขาค้นพบให้ข้าวขวัญฟัง

“ถ้าอย่างนั้นให้น้องขวัญจัดการเอง”

ข้าวเขียวรู้สึกแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับน้องสาว เขารู้สึกได้ว่าเธอมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ‘หรือจะเป็นเพราะตอนนี้ เธอกลายเป็นนักมายากลเต็มตัวแล้ว’

ข้าวขวัญกระซิบเบาๆ กับความมืดที่อยู่ข้างกาย ข้าวเขียวยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น สัญลักษณ์จักรพรรดิแห่งฟากฟ้า ถูกความมืดที่เป็นส่วนหนึ่งของกล้าไพรยกออกจากบานประตู เผยให้เห็นรูปของอะไรบางอย่างที่ถูกซุกซ่อนอยู่ข้างใต้ เธอพยายามมองดูลายเส้นเหล่านั้น ที่เป็นส่วนหนึ่งของรูปอะไรบางอย่าง แต่เธอยังดูไม่ออก

ข้าวเขียวได้ยินเสียงดังมาจากประตู แต่เงาของน้องสาวยังคงยืนอยู่ในที่เดิมเขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

“...เกิดอะไรขึ้น...นั่นเสียงอะไรกัน”

“ข้างใต้มีรูปอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ ค่ะ พี่ข้าวเขียว แต่น้องขวัญดูไม่ออกว่ามันเป็นรูปอะไร”

ข้าวเขียวรู้สึกงงงัน

“...เดี๋ยว...อะไร...น้องขวัญรู้ได้อย่างไร พี่งงไปหมดแล้ว”

“...นี่เป็นความสามารถของนักมายากลไงคะ น้องขวัญยกรูปสัญลักษณ์นั้นออกไปแล้ว ข้างใต้มีรูปอื่นซ่อนอยู่ อย่างที่พี่ข้าวเขียวว่าจริงๆ แต่น้องขวัญดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร”

“มืดอย่างนี้น้องขวัญมองเห็นด้วยหรือ”

“...ก็พลังของนักมายากลไงคะ”

ข้าวเขียวดูจะแปลกใจกับคำอธิบายของน้องสาวอยู่ไม่น้อย ‘สิ่งที่เธออธิบายดูจะไม่เหมือนกับความสามารถของนักมายากลที่มายาเคยแสดงให้ดู มีอะไรแปลกๆ ที่เธอไม่ยอมบอก’

“ลองขยับสัญลักษณ์อันอื่นดูสิ”

ข้าวขวัญกระซิบบอกกล้าไพร แต่ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์ที่เหลือจะติดแน่นอยู่กับบานประตู วิธีการเดียวที่จะย้ายพวกมันลงมาได้คงต้องลงมือทุบทำลายเท่านั้น

“ไม่ได้ค่ะพี่ข้าวเขียว อันที่เหลือมันติดแน่นมาก ไม่ขยับเขยื้อนเลย”

ข้าวเขียวพยายามให้ข้าวขวัญอธิบายสิ่งที่เห็นให้ฟัง แต่ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ทั้งสองต่างไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันเป็นรูปอะไรกันแน่

‘มันเหมือนกับขาเล็กๆ ของตัวอะไรบางอย่าง’ หากข้าวขวัญสามารถจดจำลวดลายประหลาดบนฐานของกระจกที่เธอได้เห็นก่อนจะสิ้นสติไปได้ เธออาจจะพอคาดเดาได้แล้วว่ามันเป็นรูปของอะไรกันแน่

“แล้วกล้าไพรเป็นอย่างไรบ้าง”

ในที่สุดข้าวเขียวก็ถามคำถามที่ข้าวขวัญรออยู่ออกมา

“พี่กล้าไพรปลอดภัยแล้วคะ...”

ข้าวขวัญตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“...แต่เขาจำเป็นต้องอยู่รักษาตัวกับท่านเวทมายาอีกนานเลย”

“เอาน่า แค่รอดมาได้ก็ดีแล้ว ไว้จบเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ แล้วค่อยกลับมาเจอกันก็ได้”

“...ค่ะ”

ความมืดที่อยู่รอบกายโอบรัดข้าวขวัญคล้ายกับพยายามที่จะปลอบใจเธอ

#####

“รีบไปยังปราสาทวารีเพื่อปลดปล่อยเจ้าชายแห่งสายน้ำโดยเร็วที่สุด”

“ทราบแล้วค่ะ”

มายารับคำสั่งจากเวทมายาอย่างแข็งขัน

“เวลาที่กองทัพของพวกเราจะเคลื่อนพลใกล้เข้ามาแล้ว”

สิ้นเสียงของเวทมายา ก็มีนักมายากลภายใต้เสื้อคลุมสีดำปรากฏร่างขึ้นมากมาย อยู่ภายในกระจกด้านหลังของนาง หรือทั้งหมดนี้จะเป็นสมาชิกของสมาคมนักมายากลอันลึกลับ


Create Date : 21 กันยายน 2553
Last Update : 21 กันยายน 2553 22:53:51 น. 0 comments
Counter : 474 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.