ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ อดีตของรอยแผล (46)

“เธอคิดอย่างไรกับความเคลื่อนไหวของหมีทองในครั้งนี้”

ม่านเมฆเบ้ปาก และหวังว่าคลื่นสมุทรคงไม่ได้เชื้อเชิญเธอมาเพื่อพูดคุยเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น

“ก็คงคิดจะเอาหน้าเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ”

หมีทองเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งเวทีแสดง อีกทั้งยังช่วยกระจายข่าวไปยังผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งกระโจม เพื่อให้มาร่วมชมการแสดงของนักมายากลในค่ำคืนนี้ ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาในทันที

โดยเฉพาะในกลุ่มของคนหนุ่มสาว และพวกเด็กๆ ที่เคยได้ยินแต่คำบอกเล่าเกี่ยวกับการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจของนักมายากล และแม้แต่บรรดาผู้ใหญ่หลายๆ คน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงอาการตื่นเต้นออกมาด้วย

ม่านเมฆคิดว่ามันอาจเป็นแผนของจิ้งจอกยักษ์ที่คิดจะทำให้ตัวแทนจากเผ่าต่างๆ เกิดความหวั่นไหว และคาดหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในสภาชนเผ่าจนมีผลต่อการประชุมในครั้งถัดไป 'คิดง่ายเกินไปแล้ว'

คลื่นสมุทรนิ่งฟังคำตอบของม่านเมฆ โดยที่ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา เธอคุ้นเคยกับใบหน้าเหี่ยวย่นที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของผู้เฒ่าคนนี้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็ก และก็จำได้เช่นกันว่าพี่สาวของเธอเคยเตือนให้คอยระวังคลื่นสมุทรผู้นี้เอาไว้ให้ดี 'พี่ม่านฟ้า' ความเศร้าพลันเข้าจู่โจมเธอในทันทีที่หวนคิดถึงพี่สาวขึ้นมา

“ผลการรบที่ริมแม่น้ำนั้น นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของเธอ”

“เป็นเพราะว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนเท่านั้นเองค่ะ”

ม่านเมฆไม่เคยคิดอยากจะรับคำชมเหล่านี้ เพราะเธอรู้ตัวดีว่ามันไม่ได้เกิดจากความสามารถของตัวเองเลยแม้แต่น้อย การปะทะกับสุริยันในครั้งแรก หรือการเข่นฆ่าอันน่าสยดสยอง ณ ชายป่านั้น

แม้ผู้อื่นจะเห็นว่าเป็นความสำเร็จ แต่สำหรับเธอแล้ว มันคือความล้มเหลวเสียมากกว่า กองทหารของเธอเป็นฝ่ายเดินหลงเข้าไปติดกับของสุริยันเอง เพียงแต่ว่าสามารถต่อสู้แลกชีวิตจนสุดท้ายก็เสียหายย่อยยับหมดทั้งสองฝ่าย

ส่วนในครั้งที่สอง หรือแผนน้ำท่วมใหญ่ที่พึ่งประสบความสำเร็จไปนั้น ก็เป็นแผนที่มีการเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว ประตูน้ำเก่าแห่งนั้นได้ถูกสร้าง และเฝ้ารักษาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน

มันเกิดมาจากมันสมองของชายผู้ที่ได้ทำการวางรากฐานทางทหารให้กับชนเผ่าเร่ร่อนทั้งมวล ชายผู้ที่สามารถมองเห็นสงครามได้ตั้งแต่ในยามที่มีแต่ความสงบสุข

เขาล่วงรู้เส้นทางการเดินทัพที่สุริยันจะเลือกตั้งแต่แรก และกำหนดให้มีการกักน้ำเอาไว้เป็นประจำทุกปี 'ผู้คนจะได้เข้าใจไปเองว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากหลอกได้แม้แต่พวกของตัวเอง ศัตรูจะต้องหลงกลแน่นอน'

แผนทั้งหมดของเขาคือ 'ใช้สายน้ำที่รุนแรงตัดกองทัพศัตรูออกเป็นสองส่วน ทำลายส่วนหน้าให้ย่อยยับ หากส่วนหลังยังคิดช่วยส่วนหน้าให้เร่งจัดการให้หมดสิ้น หากส่วนหลังหลบหนีให้รีบยกกำลังทั้งหมดติดตามไปก่อนที่จะตั้งตัวได้อีกครั้ง' และเขายังเน้นย้ำอีกว่า 'ห้ามประมาทศัตรูบาดเจ็บที่กำลังหลบหนีเด็ดขาด ให้เน้นใช้ประโยชน์จากธนูสายฝนให้มากที่สุด'

ธนูที่ไม่อาจยิงได้จากบนหลังม้า ธนูที่เล็งเป้าหมายได้ยากยิ่ง ธนูที่ครั้งหนึ่งเคยถูกชาวเผ่าเร่ร่อนหัวเราะเยาะ เขากลับทำการฝึกฝนเด็กหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งอย่างไม่ย่อท้อ จนจัดตั้งเป็นกองธนูเล็กๆ ขึ้นมาได้ และเมื่อทุกคนได้ประจักษ์ถึงสิ่งที่ธนูสายฝนสามารถทำได้ ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะพวกมันอีกเลย

ภาพใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของชายคนนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของม่านเมฆ ชายคนที่เธอเคยแอบหลงรักมาก่อน 'เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว' เธอได้แต่ย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ

“แต่ทำไมเธอถึงไม่จัดการให้เด็ดขาดไปเลย”

ม่านเมฆมองดูใบหน้าที่อ่อนโยนของคลื่นสมุทร มันช่างแตกต่างจากสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยปากถามออกมาเหลือเกิน เหตุผลหนึ่งที่เธอต้องนำกองทัพทั้งหมดย้อนกลับมายังเมืองแห่งกระโจม ก็เพื่อจะได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุมด้วยตัวเอง

“...ฉันไม่อาจสังหารคนไร้ทางสู้พวกนั้นได้ ไม่มีทาง”

เมื่อส่วนหนึ่งของกองทัพสุริยันถูกกับดักที่ริมแม่น้ำคำสัญญา เหล่าทหารที่ติดอยู่ทางฝั่งด้านนี้ต่างนับได้ว่าเป็นคนตายโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ม่านเมฆกลับยับยั้งคำสั่ง หยุดการยิงธนูสายฝนเอาไว้ ทหารสุริยันเหล่านั้นก็ก้มหน้ารับความพ่ายแพ้ และวางอาวุธยอมให้จับกุมแต่โดยดี

“แต่หากกลับกัน ฉันคิดว่าทางฝ่ายสุริยันคงไม่ใจดีเหมือนเธอหรอกนะ”

ม่านเมฆเม้มปาก ยังมีอีกหลายคนที่ให้ความเห็นว่า เธอควรจะใช้โอกาสนี้จัดการกับทหารสุริยันทั้งหมดให้เด็ดขาด ซ้ำยังย้ำกับเธอว่ามันเป็นเรื่องของสงคราม และเธอยังสามารถนำไปใช้เป็นผลงานในการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำแห่งวารีเสียเลย

แต่เธอก็ยังยืนยันคำพูดเดิมอย่างหนักแน่นโดยอ้างว่า 'นักรบที่แท้จริงย่อมไม่เข่นฆ่าคนไร้ทางสู้' และชนเผ่าเร่ร่อนส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อเช่นนั้นจริงๆ

“ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันด้วย”

นี่คือตัวตนแท้จริงที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ของม่านเมฆ ที่ผู้คนพากันเรียกขานเธอเป็นนางเสือดาว เพราะเห็นเพียงลักษณะทางภายนอกของเธอเท่านั้น 'ฉันไม่อาจสั่งฆ่าคนแบบนั้นได้'

ผลการรบในครั้งนี้แทนที่จะหนุนส่งความนิยมในตัวม่านเมฆให้มากขึ้นไปอีก กลับกลายเป็นก่อให้เกิดความสงสัยในภาวะความเป็นผู้นำของเธอ แต่ชนเผ่าเร่ร่อนทั้งหมดที่เป็นกำลังหลักของกองทัพยังคงมีความภักดีที่ไม่สั่นคลอน ดังนั้นตำแหน่งแม่ทัพของเธอจึงยังมั่นคงอยู่

คลื่นสมุทรสำรวจดูท่าทางของม่านเมฆก่อนที่จะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

“ความจริงแล้ว ผู้เฒ่าคนนี้เพียงต้องการได้เห็นวารีรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปเท่านั้นเอง”

“สภาพของพวกเราที่เป็นอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรนักนี่คะ”

คลื่นสมุทรส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเศร้าๆ ก่อนที่จะทอดสายตามองออกไปไกล

“ใช่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก แต่พวกเรานั้นสมควรที่จะยิ่งใหญ่มากกว่านี้ ลูกหลานของพวกเราควรได้ปกครองไปทั่วหล้า พวกเขาจะได้สุขสบายมากขึ้น เธอไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

ม่านเมฆไม่ค่อยเข้าใจความคิดนี้ของคลื่นสมุทร 'ยิ่งใหญ่อะไรกัน จะอยู่เหนือคนอื่นไปทำไม ชีวิตแบบนั้นจะมีความสุขได้อย่างไร ชีวิตคือการทำงาน ความสุขคือการได้เห็นพืชไร่เติบโต ฝูงสัตว์เลี้ยงแข็งแรง ได้กิน ได้ดื่ม ให้สมกับแรงงานที่ได้ทุ่มเทลงไปต่างหาก' นี่ก็คือความคิดเห็นทั่วไปของเผ่าเร่ร่อน เธอจึงนิ่งเงียบปล่อยให้คลื่นสมุทรพูดต่อไป

“ความจริงแล้วหมีทองเองก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรนัก ทุกสิ่งที่เขาทำลงไป ก็เพื่อพวกพ้องของตนทั้งสิ้น...ถ้าหากพวกเธอสองคนตัดสินใจที่จะร่วมมือกัน รับรองได้ว่าสงครามในครั้งนี้พวกเราต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และวารีจะต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”

ม่านเมฆพึ่งจะตามความหมายในคำพูดของคลื่นสมุทรได้ทัน

“หยุดเลยนะท่านผู้เฒ่า เจ้าจิ้งจอกยักษ์คงมาขอร้องให้ท่านช่วยพูดใช่ไหม”

ม่านเมฆลืมตัวจนถึงกับตวาดใส่คลื่นสมุทร ผู้เฒ่าถึงกับหน้าซีดพร้อมกับรีบก้มหน้าหลบสายตาของเธอ

“...ขอโทษค่ะท่านคลื่นสมุทร แต่อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปเลย”

คลื่นสมุทรรีบพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง

“ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของทางสุริยันเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเธอวางแผนรับมือเอาไว้อย่างไร”

ม่านเมฆแกล้งแสดงท่าทางว่าไม่มีความกังวลแต่อย่างใด

“เจิดจรัสกำลังเร่งทำการรวบรวมกำลังทหาร พร้อมทั้งสะสมเสบียงใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาคงต้องเป็นผู้นำทัพออกมาด้วยตัวเองแน่ และการรบในครั้งหน้าก็จะเป็นการตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามในครั้งนี้”

“...ถ้าอย่างนั้นที่เธอนำกำลังทั้งหมดกลับมายังเมืองแห่งกระโจม คงเป็นเพราะมีแผนเตรียมรับมือเอาไว้แล้วใช่ไหม”

คลื่นสมุทรพยายามคาดเดาความคิดของม่านเมฆ แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าเธอจะรับมือกับเจิดจรัส และกองทัพของเขาเช่นใด อาจเหมือนกับแผนน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีใครสามารถเดาแผนของเธอได้เลย

ก่อนจากกันคลื่นสมุทรก็พูดขึ้นมาว่า

“...บางทีหมีทองอาจมีแผนอื่นซ่อนอยู่ในความเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นได้”

ม่านเมฆใช้ความคิดอย่างหนักในขณะที่เดินผ่านไปท่ามกลางกระโจมหลากสีสรร แผนการรบครั้งสุดท้ายที่ใครๆ ต่างคาดหวังจากตัวเธอนั้น มันไม่มีอยู่จริง หากเดินตามหนทางที่ชายผู้นั้นวางเอาไว้ให้ การรบที่ผ่านมาต้องเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายไปแล้ว

กองทัพของเธอต้องบุกตะลุยไปจนถึงปราสาทสุริยัน ลูกธนูสายฝนที่ถูกเตรียมไว้มากมายจะต้องตกกระหน่ำเข้าไปในกำแพงสูงของป้อมปราการไร้พ่ายแห่งนั้น เธอรู้ว่าได้ปล่อยโอกาสแห่งชัยชนะที่ดีที่สุดให้หลุดมือไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นม่านเมฆก็ไม่ได้ยอมถอดใจง่ายๆ เธอยังคงมีพวกพ้องที่เข้มแข็ง และอานุภาพของธนูสายฝนก็ยังคงให้ความมั่นใจกับเธอได้อยู่เช่นเดิม หากเจิดจรัสเคลื่อนทัพออกมาเมื่อใด เธอเองก็พร้อมที่จะนำพาผู้คนของเธอออกไปเผชิญหน้ากับเขา ถึงแม้จะไม่มีแผนลับใดๆ ของชายผู้นั้นอีกแล้วก็ตาม

ม่านเมฆได้คิดแผนที่เรียบง่ายขึ้นมา นั่นคือฉวยโอกาสที่สุริยันต้องเร่งรีบเดินทัพมาด้วยความแค้น ใช้การรอคอยอย่างเยือกเย็นเข้าโจมตีกองทัพที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล และแน่นอนว่าพระเอกของการรบในครั้งนี้ย่อมหนีไม่พ้นธนูสายฝนเช่นเดิม

สายตาของม่านเมฆพลันพบเห็นเด็กผู้ชายเคลื่อนตัวหายไปทางมุมกระโจมหลังหนึ่ง ชุดที่แตกต่างจากชาววารีของเขาทำให้เธอเกิดความสนใจขึ้นมาในทันที 'คงเป็นเด็กคนที่เดินทางมากับนักมายกล'

คำพูดสุดท้ายของคลื่นสมุทรพลันผุดขึ้นมาในทันที การจับมือกันระหว่างจิ้งจอกยักษ์ กับนักมายากลอาจไม่ได้มีเพียงเท่าที่เห็น 'บางทีสองคนนั้นอาจมีแผนอย่างอื่นซ่อนอยู่ก็เป็นได้'

ม่านเมฆลองคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ นักมายากลคนนั้นจะยืนเด่นอยู่กลางเวที ในขณะที่สายตาของทุกผู้คนคงถูกดึงดูดเอาไว้บนเวทีแห่งนั้นเช่นกัน เมืองแห่งกระโจมจะกลายเป็นเมืองร้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็จะยังคงมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ยังคงมีทหารเฝ้าประจำอยู่

ม่านเมฆพลันนึกสงสัยถึงจุดหมายของเด็กคนนั้นขึ้นมาทันที 'ทิศทางนั้นมัน' เธอเร่งติดตามเขาไปโดยไม่ให้รู้ตัว และจุดหมายของเขาก็เป็นสถานที่ที่เธอกังวลใจจริงๆ เธอเห็นเขาไปหยุดด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงทางเข้าสู่ปราสาทวารี ซึ่งได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ต้องห้ามจากผลของการประชุมชนเผ่าในครั้งแรก ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว

ผู้ที่จะสามารถย่างก้าวเข้าไปในปราสาทแห่งนี้ คือผู้ที่ได้รับเลือกให้ขึ้นเป็นราชาแห่งวารีเท่านั้น และมันจะเป็นด่านทดสอบสุดท้ายถึงความเหมาะสมในตำแหน่งราชาของเขา หรือเธอผู้นั้นด้วย

ม่านเมฆหวนนึกถึงพี่สาวของเธอ กับเรื่องราวที่แสนเศร้าเหล่านั้นอีกครั้ง เรื่องราวที่เกี่ยวข้องพัวพันกับความผิดพลาดในวัยสาวของเธอกับชายหนุ่มผู้นั้น เธอรีบหลบเข้าไปข้างกระโจมหลังหนึ่ง

เมื่อเด็กชายคนนั้นเดินย้อนกลับมาในทิศทางเดิม เธอแอบมองดูใบหน้าที่ซื่อตรงของเขา ตาของเขาฉายแววแห่งความเฉลียวฉลาดออกมา 'เด็กแบบนี้จะทำเรื่องร้ายอะไรได้นะ'

ม่านเมฆไม่ยอมให้สิ่งที่เห็นจากภายนอกนั้นมาทำลายความสงสัยของตัวเอง จิ้งจอกยักษ์ต้องอยู่ที่ข้างเวทีแน่เพื่อให้ผู้คนเห็นว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นจึงค่อยใช้วิธีการบางอย่าง จัดการกับสิ่งที่เด็กคนนั้นนำออกมาจากปราสาทวารี

สิ่งเดียวที่เธอสงสัยก็คือ 'เด็กคนนั้นจะนำเจ้าชายแห่งสายน้ำออกมาได้จริงหรือ' อะไรทำให้พวกเขาเชื่อมั่นกันถึงขนาดนั้น

การหาทางเล็ดรอดเข้าสู่ปราสาทวารีในช่วงเวลาที่แสดงมายากลอยู่นั้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก แต่หมีทองเองก็รู้ถึงสิ่งลึกลับอีกอย่างหนึ่งที่คอยคุ้มครองดาบต้องสาปนั้นเอาไว้

การบุกเข้าปราสาทวารีในยามราตรีนั้น นับเป็นความคิดที่บ้าบออย่างที่สุด 'จิ้งจอกยักษ์อาจคิดว่า การเสี่ยงชีวิตเด็กที่ไม่รู้จักเพียงคนเดียวนั้นคงไม่เป็นไร' หรือไม่นักมายากลก็อาจมีแผนร้ายอย่างอื่นซ่อนอยู่

หลังจากที่ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลง การแสดงบนเวทีของมายาก็เริ่มต้นขึ้น เสียงกล่าวเปิดการแสดงของเธอดังกังวาลไปทั่วเมืองแห่งกระโจมได้อย่างน่าประหลาดใจ ม่านเมฆหาข้ออ้างที่จะไม่อยู่ร่วมชมการแสดง ก่อนที่จะมาแอบซ่อนตัวคอยจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าปราสาทวารี

ทหารยามดวงซวยกลุ่มหนึ่งที่ต้องอยู่ทำหน้าที่เฝ้าประตูปราสาทวารีในค่ำคืนนี้ แทบจะไม่สนใจงานที่ต้องรับผิดชอบเลย ต่างคนต่างคอยแต่เฝ้าชะเง้อมองไปทางเวที และนึกสงสัยว่ากำลังมีการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหนเกิดขึ้นอยู่กันแน่

ม่านเมฆที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด มองเห็นเงาร่างสองสายค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามา หนึ่งในนั้นคือเด็กผู้ชายที่ได้พบเจอเมื่อตอนบ่าย ส่วนอีกคนสวมใส่เสื้อคลุมปกปิดร่างกายเอาไว้นั้น 'คงจะเป็นลูกศิษย์ของนักมายากล' เธอจำได้ว่าพวกเขาเดินทางมาด้วยกันสามคน

เด็กผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าข้าวเขียว ส่วนเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของนักมายากลนั้น กลับไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นตัวมากนัก และนักมายากลที่มีชื่อว่ามายาผู้นี้ ก็ดูเหมือนว่าจะพยายามไม่ให้เด็กสาวเปิดเผยตัวเองออกไปด้วย 'เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่'

ม่านเมฆตัดสินใจรอดูการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ก่อนที่จะคิดลงมือทำอย่างไรต่อไป


Create Date : 28 ธันวาคม 2553
Last Update : 2 มกราคม 2554 13:48:38 น. 3 comments
Counter : 658 Pageviews.

 
ขอให้หายป่วยไวๆนะครับ เพราะอยากอ่านให้จบ ไม่อยากให้ค้างคา กำลังสนุก

และก็สุขสันวันปีใหม่ล่วงหน้าด้วยนะครับ

...เจอกันปีหน้า...ทำไม ๆๆๆๆๆๆๆ...ม่ายยยยย ยอมมมมมมมมม...


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:10:03:21 น.  

 
ในที่สุด...ก็ได้อ่านเสียที เป็นอารมณ์ อะไรที่มีความสุขมั่ก ๆ สำหรับการผ่านวันปีใหม่เพียงวันเดียว

แสดงว่าคุณก็หายป่วยแล้วซี เป็นอะไรหรือเปล่าครับ พอเล่าสู่กันฟังได้ไหม ก็ถึงอยากอ่าน"สัญญาจ้าวราชันย์"เพียงใด แต่ก็ไม่ลืมที่จะห่วงสุขภาพคนเขียนหรอกครับ เพราะเรื่องราวทุกอย่างก็อยู่กับนักเขียนเสียหมด ถ้าเป็นอะไรไป ทั้ง ๆ ที่เรื่องยังค้างคนอ่านก็แย่เลย

พูดมาถึงป่านนี้แล้วก็อยากบอกว่า รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ขนาดนักอ่านยังฟุดฟิดฟอฟายเลย แล้วคนเขียนจะขนาดไหนอ่านะ

ด้วยความหวังดี จนกว่าจะอั๊บบล็อกใหม่
สวัสดีครับ


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 2 มกราคม 2554 เวลา:20:16:01 น.  

 
ก็เป็นหวัดตามฤดูกาลนั่นแหละครับ
แต่อาการค่อนข้างจะรุนแรงหน่อย
ตอนไข้ขึ้นนี่ ได้แต่นอนอย่างเดียวเลย
(นอนจนรู้สึกปวดหลังเลยทีเดียว)

แต่ตอนนี้ก็หายเกือบดีแล้วครับ
กลับมานั่งโม้ได้เหมือนเดิมแล้ว
จะรีบปั่นตอนต่อไปออกมาเร็วๆ ครับ


โดย: zoi วันที่: 2 มกราคม 2554 เวลา:23:31:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.