ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
22 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สงครามหรือสันติภาพ (54)

แม่ทัพอัสดงไม่อาจควบคุมเหล่าทหารที่อยู่ในแนวป้องกันเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาพากันวิ่งแตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง ในขณะที่แมงมุมยักษ์ตัวสีดำสนิทที่เกิดจากการรวมร่างของทหารเงาเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องจากความหวาดกลัว

อัสดงรีบนำเหล่าผู้ติดตามถอยมาจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ บนตัวสะพานกว้างมีผู้คนแออัดอยู่เต็ม อีกทั้งยังมีคนร่วงหล่นลงไปในแม่น้ำจากการเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ตลอดเวลา ส่วนในสายน้ำที่ไหลเชี่ยวนั้นก็มีทหารลงไปลอยคออยู่เป็นจำนวนมาก มีบางส่วนลอยไปกับกระแสน้ำ และบางส่วนก็จมหายไปในสายน้ำที่ดำมืด

ภาพที่เห็นทำให้อัสดงต้องรีบคิดหาทางแก้ไข 'ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง มีหวังได้ตายกันอยู่ตรงนี้แน่'

“อย่าตกใจ อย่าเบียดกัน ไม่อย่างนั้นจะตายกันหมด”

แม้จะช่วยกันตะโกนจนสุดเสียง แต่กลับไม่มีใครใส่ใจเลย เพราะเสียงกรีดร้องที่ดังยิ่งกว่ายังคงดังไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด และหากหันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็จะได้พบกับภาพของแมงมุมยักษ์ที่กำลังไล่จับทหารที่โชคร้ายฉีกร่างกินอย่างสนุกสนาน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถทำอย่างที่อัสดงบอกได้เลย

“ท่านแม่ทัพ ขออภัย”

เหล่าทหารคนสนิทต่างช่วยกันฉุดดึงร่างของอัสดงเบียดเสียดขึ้นไปบนสะพาน สุดท้ายพวกเขาก็ทั้งผลักทั้งดันไม่แตกต่างจากทหารคนอื่นๆ เลย

“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำแบบนี้”

“ขออภัยด้วยครับ แต่ท่านต้องรีบข้ามไปโดยเร็ว”

“...อย่า...ปล่อยเดี๋ยวนี้”

อัสดงมองเห็นทหารเคราะห์ร้ายคนหนึ่งถูกคนสนิทของเขาผลักจนล้มลงไป และทหารที่เหลือก็พากันเหยียบย่ำขึ้นไปบนร่างของเขา โดยไม่มีใครสนใจเสียงร้องขอชีวิตของเขาเลย

อัสดงหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก เขาสลัดหลุดจากการผลักดันของเหล่าทหารคนสนิท แล้วก้าวกลับลงมาจากสะพาน พร้อมกับชักดาบคู่กายออกมาถือเอาไว้

“เหล่าทหารสุริยันอันเกรียงไกรทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้ลบหลู่เกียรติของตนเองให้มากไปกว่านี้อีกเลย การสละชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นนั้นคือหน้าที่แห่งนักรบ แต่การตายด้วยความขลาดเขลานั้นไม่อาจนับเป็นอย่างไรได้”

อัสดงก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เหล่าทหารติดตามมองหน้ากันอย่างละอายก่อนที่จะก้าวลงมาจากสะพานพร้อมกับชักดาบของตนเองออกมาเช่นกัน เขาหันมองทุกคนก่อนจะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“พวกเจ้าเร่งข้ามสะพานไป...อย่างมีระเบียบ ให้สมกับที่เป็นทหารกล้าแห่งสุริยัน”

ด้วยการแสดงออกอย่างกล้าหาญของแม่ทัพอัสดง มีหทารหลายคนติดตามมาอยู่ข้างกายเขา ในขณะที่บนสะพานก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น การเบียดเสียดจบสิ้นลง เหล่าทหารเคลื่อนที่ผ่านสะพานไปได้อย่างมีระเบียบและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

ดวงตาที่มืดดำของแมงมุมยักษ์จ้องมองมายังกลุ่มของอัสดง มันมีท่าทางไม่พอใจที่คลื่นแห่งความกลัวที่มันชื่นชอบนั้นแผ่วเบาลง 'แต่คงไม่นาน' มันรู้ดีว่าจะสร้างความกลัวให้กับเหล่ามนุษย์ตัวจ้อยพวกนี้ได้อย่างไร 'แค่จัดการกับคนไม่กี่คนนี้ ความกลัวก็จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม' แน่นอนอยู่แล้วการสร้างความหวาดกลัวคือชีวิตของมัน

แมงมุมยักษ์ก้าวตรงเข้าหากลุ่มของแม่ทัพอัสดงอย่างรวดเร็ว 'ต้องเก็บเจ้าแก่นั่นไว้เป็นคนสุดท้าย' ขาคู่หน้าของมันคว้าเอาร่างทหารโชคร้ายที่ขวางทางขึ้นมา ก่อนจะฉีกเขาออกเป็นสองท่อน สายฝนสีแดงสาดกระจายไปทั่วบริเวณ แต่อัสดงยังคงยืนอยู่อย่างแน่วแน่ และความหนักแน่นของเขาก็เหมือนกับจะสามารถถ่ายทอดไปยังคนอื่นๆ ได้ด้วย

'มนุษย์พวกนี้ช่างแปลกนัก เมื่อครู่พวกมันยังวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว แต่ตอนนี้กลับกล้ายืนเผชิญหน้ากับข้า กับความตายอย่างข้า' แมงมุมยักษ์ส่งร่างของทหารเข้าสู่ความมืดไร้สิ้นสุดที่เป็นเหมือนกับปากของมัน ก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่แม่ทัพชรา

“หมอบลง หมอบลง”

แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ทำตามคำสั่งนั้น เสียงโห่ร้องตะโกนก็ดังขึ้น พร้อมกับลูกธนูเพลิงจำนวนมากลอยโค้งข้ามแม่น้ำมาจากทางด้านหลัง ลูกธนูหลายดอกปักเข้าใส่ร่างของมัน และมีอีกหลายดอกที่ปักลงในจุดที่พวกเขาต้องการ ตำแหน่งที่มีน้ำมันดินจำนวนมากที่ใช้ในการทำคบไฟถูกเทเอาไว้เพื่อดักทางเดินของเจ้าแมงมุมยักษ์ มันส่งกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะลุกติดเป็นเปลวไฟที่ร้อนแรง

เหล่าหทารพากันโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อเห็นร่างของแมงมุมยักษ์ถูกเปลวไฟลุกท่วมขึ้น

“รีบถอย รีบถอย”

เสียงตะโกนเรียกสติให้หทารเหล่านั้นเร่งทำการข้ามแม่น้ำกันต่อไป เจิดจรัสมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับหันไปถามข้าวขวัญ

“...เพียงพอจะกำจัดมันได้หรือไม่”

ข้าวขวัญส่ายหน้า

“ให้รีบข้ามมาให้หมด แล้วเผาสะพานทิ้งทันที...ถ้าโชคดีมันอาจจะข้ามแม่น้ำคำสัญญาไม่ได้ แต่ถ้ามันทำได้...กว่ายามเช้าจะมาถึงนั้น ยังอีกนานนัก”

ข้าวขวัญไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน เจิดจรัสก็สามารถเข้าใจในความหมายได้ หากมันข้ามแม่น้ำมาได้พวกเขาก็ไม่รอด มาลา กับมาลาตีทำท่าคล้ายกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขายกมือขึ้นห้ามไว้

“ฉันไม่ยอมหนีเอาตัวรอดคนเดียวแน่ ฉันคือราชาแห่งสุริยัน หากมันจะจบสิ้นลงเพียงแค่นี้...ฉันก็จะสู้ให้ถึงที่สุด”

“ทราบแล้วค่ะ”

“พวกเราก็จะสู้เคียงข้างท่านเช่นกัน”

ข้าวขวัญมองดูทั้งสามคน ก่อนจะกล่าวเบาๆ

“เพลงดาบแสงตะวัน มีพลังสัญญาสถิตอยู่...หากทุกคนร่วมมือกัน อาจพอขับไล่มันไปได้”

“...เพียงแค่ขับไล่มันได้เท่านั้นหรือ”

เจิดจรัสถามด้วยความกังขา

“ตอนนั้นนิลวายุแห่งพายุหมุนเคยขับไล่มันไปได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เขามีเจ้าชายแห่งสายลมอยู่ด้วย...และเพลงดาบสายลมของเขา ก็มีพลังลึกลับที่เพลงดาบแสงตะวันไม่มี เขาสามารถจะสร้างลมพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาได้”

“...มันเป็นเรื่องจริง”

ข้าวขวัญพยักหน้า เจิดจรัสจึงหวนนึกถึงจักรพรรดิแห่งฟากฟ้าที่เขาฝากเอาไว้ที่สุสานของอรุณรุ่ง 'ฉันมอบดาบเล่มนั้นให้กับเธอไปแล้ว และฉันจะไม่ขอคืนอย่างเด็ดขาด' เขาเอื้อมมือไปแตะด้ามของฉายรัศมีอย่างลืมตัว 'แต่ฉันจะจัดการกับมันด้วยดาบของเธอเล่มนี้'

ข้าวขวัญเองก็นึกถึงของอีกสิ่งหนึ่ง มันคือลูกแก้วที่มายาเคยใช้ในค่ำคืนนั้น ลูกแก้วที่บรรจุผงจากดวงจันทร์เอาไว้ ถึงแม้ว่ามายาจะมอบกระบอกยิงพลุ และพลุอีกหลายลูกให้กับเธอ 'แต่เธอกลับไม่ยอมมอบลูกแก้วพวกนั้นให้ฉัน' เธอไม่รู้ว่าที่มายาไม่ยอมมอบมันออกมานั้น เป็นเพราะมันไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไปแล้วนั่นเอง

ขาที่ลุกเป็นไฟข้างหนึ่งของแมงมุมยักษ์แทงทะลุผ่านร่างของทหารที่ยืนอยู่ข้างกายอัสดง เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นท่วมร่างของเขาก่อนที่มันจะดึงร่างนั้นผ่านกำแพงไฟหายไป ทหารคนนั้นไม่ทันแม้แต่จะได้ส่งเสียงกรีดร้อง

อัสดงเองก็ถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อครู่นี้เขามีโอกาสที่จะฟันดาบใส่ขาของมันได้ แต่เขากลับไม่อาจขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย ขาอีกข้างของมันพุ่งกลับออกมาอีกครั้ง เป้าหมายยังคงเป็นทหารที่ยืนอยู่รอบกายเขานั่นเอง 'มันจงใจทำแบบนี้' เขากัดฟันขยับดาบในมือฟันออกไปสุดแรง

แม่ทัพอัสดงเองก็ได้รับสืบทอดเพลงดาบแสงตะวันแบบโบราณมาเช่นกัน ในดาบของเขาจึงมีพลังสัญญาสถิตอยู่ แต่มันยังไม่มากเพียงพอ คมดาบของเขาสามารถฟันผ่านผิวนอกของมันเข้าไปได้ แต่ยังไม่อาจตัดขาข้างนั้นให้ขาดออกจากกัน ร่างของทหารอีกคนหนึ่งจึงลอยหายไปต่อหน้า เขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนจะขาดใจตาย

ถึงตอนนี้ทุกคนที่เหลือต่างรีบพากันถอยขึ้นไปบนสะพาน ภาพของแมงมุมยักษ์ที่ค่อยๆ ก้าวย่างผ่านกำแพงไฟออกมาโดยแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ และการที่ดาบของตนไม่อาจทำอันตรายมันได้ ทำให้สายใยที่ดึงสติเส้นสุดท้ายเอาไว้ขาดผึง อัสดงกับทหารที่เหลือต่างรีบยื้อแย่งกันข้ามสะพานอย่างไม่คิดชีวิต

แมงมุมยักษ์ส่งเสียงประหลาดออกมาพร้อมกับตัวสั่น มันกำลังหัวเราะเยาะมนุษย์เหล่านี้ มนุษย์ที่มีจิตใจเปราะบาง มนุษย์ที่มีความกลัวอันแสนโอชะ คลื่นแห่งความกลัวไหลเข้าสู่ตัวมันอย่างไม่ขาดสาย และทำให้มันยิ่งฮึกเหิมมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม 'เอามาอีก มากกว่านี้อีก'

“เผาสะพาน เผาสะพาน”

เมื่อทหารคนสุดท้ายข้ามพ้นไป น้ำมันดินก็ถูกเทลาดพร้อมจุดไฟทันที พวกทหารยังช่วยกันพยายามผลักดันสะพานให้พ้นห่างออกจากฝั่งให้มากที่สุด ไฟจากน้ำมันดินนั้นไม่กลัวน้ำ พวกเขาจึงไม่กังวลว่าไฟบนสะพานจะดับไปเสียก่อนที่จะไหม้มันจนหมด

แมงมุมยักษ์รีบก้าวขึ้นไปบนสะพาน ถึงแม้ว่าเปลวไฟจะทำอันตรายมันไม่ได้มากนัก แต่ความร้อน และแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้มันเชื่องช้าลง มันก้าวอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนที่โครงสร้างของสะพานจะส่งเสียงลั่นอย่างน่ากลัว

ลูกธนูเพลิงถูกระดมยิงเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง หน่วยพิเศษและเหล่าแม่ทัพต่างเริ่มจัดแถวเพื่อเตรียมตัวรับมือหากแมงมุมยักษ์สามารถข้ามแม่น้ำมาได้ แต่ท่าทางของทุกคนกลับดูไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก จะยกเว้นก็แค่เจิดจรัศ มาลา และมาลาตีเพียงสามคนเท่านั้น ที่มีท่าทีสงบอย่างไม่น่าเชื่อ

ข้าวขวัญเองก็รู้สึกแปลกใจที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน 'ทำไมกันนะ' หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ตอนนี้เธอกำลังพยายามคิดหาหนทางที่จะต่อสู้กับผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี บางทีอาจเป็นเพราะว่า 'ฉันกลายเป็นนักมายากลจริงๆ ไปแล้ว'

ข้าวขวัญรู้สึกขบขันกับความคิดนี้ 'ตอนแรกฉันอยากเป็นนักมายากล แต่กลัวว่าจะเป็นไม่ได้ ต่อมาพอฉันได้เป็นนักมายากล ฉันกลับไม่รู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น แล้วพอฉันคิดจะเลิกเป็นนักมายากล ฉันก็กลายเป็นนักมายากลไปจนได้' เธอเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ จนทำให้หลายคนที่ยืนอยู่แถวนั้นหันมามองเธอแปลกๆ

'ว่าแต่กล้าไพรหายไปไหนกัน' พักหลังมานี้ข้าวขวัญอยู่กับเขา และพึ่งพาพลังของเขา จนเธอคิดไปว่าการขาดเขาไป คงเป็นเรื่องที่เธอไม่อาจทนทานได้ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็เพียงแค่รู้สึกคิดถึงเขามากเท่านั้น แม้ไม่มีพลังของเขา แต่เธอก็ยังพยายามสู้ต่อไปด้วยตัวเธอเอง 'เขาจะกลับมาไหมนะ'

โครงสร้างของสะพานหักออกจากกันส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แมงมุมยักษ์พยายามเกาะเกี่ยวเศษชิ้นส่วนต่างๆ เป็นพัลวัน แต่สายน้ำที่ไหลเชี่ยวก็พัดพาพวกมันให้แยกย้ายออกจากกัน จนในที่สุดร่างที่ยังคงมีเปลวไฟลุกติดอยู่ของมันก็ร่วงลงสู่สายน้ำที่เย็นเฉียบ มันยังคงดำผุดดำว่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ จมหายลงไปในแม่น้ำคำสัญญา

เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะของเหล่าทหารสุริยันดังสนั่นขึ้นทันที แม้แต่ข้าวขวัญเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คงมีเพียงเจิดจรัสและบรรดาแม่ทัพทั้งหลายที่เหม่อมองดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฝีมือของแมงมุมยักษ์ และเปลวเพลิงที่พวกเขาเป็นคนจุดขึ้นมาเอง

“มันจะตายไหม”

เจิดจรัสเอ่ยถาม และข้าวขวัญก็ตอบอย่างมั่นใจ

“ไม่”

เจิดจรัสเหม่อมองไปรอบๆ เขาคาดว่าคงเสียทหารไปประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นก็คือข้าวของต่างๆ ซึ่งรวมถึงอาวุธ และเสบียงอาหารซึ่งคงจะถูกเปลวไฟลุกลามเผาไหม้จนหมดสิ้น กองทัพที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่อาจสู้กับใครได้ ย่อมไม่อาจนับเป็นกองทัพอีกต่อไป

“...จบสิ้นแล้ว...”

เหล่าแม่ทัพที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต่างเข้าใจในความหมายของคำพูดนี้ แม่ทัพน้ำแข็งกล่าวได้ถูกต้อง กองทัพของสุริยันอันเกรียงไกรไม่มีอีกต่อไปแล้ว

“ยังไม่จบหรอก...”

เจิดจรัสหันไปมองข้าวขวัญอย่างไม่เข้าใจ เธอค่อยๆ เปิดหมวกคลุมออกเพื่อเผยให้เขาได้เห็น เขาเข้าใจว่านักมายากลนั้นต้องปิดบังใบหน้าของตนเองเอาไว้ และเขาก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่านักมายากลคนนี้จะเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น

“...เรายังมีกันและกัน สุริยันและวารี พวกเราจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน”

“...ถึงแม้ว่ากองทัพของสุริยันจะย่อยยับไปแล้วเช่นนี้หรือ”

ข้าวขวัญจ้องตาของเจิดจรัส

“ฉันไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของท่าน จงมองไปรอบๆ แล้วตอบฉันอีกครั้งว่า กองทัพของสุริยันนั้นคืออะไรกันแน่”

เจิดจรัสมองไปรอบๆ ตัว และได้สบตากับเหล่าทหารที่รอดชีวิตมาเหล่านั้น เขาตระหนักได้ในทันทีว่าครั้งนี้เขาเข้าใจผิดไปแล้ว 'กองทัพสุริยันอันเกรียงไกรยังคงอยู่ ตราบเท่าที่พวกเรายังคงมีลมหายใจ' เขายิ้มให้กับข้าวขวัญ และเธอก็ยิ้มตอบ เขาพลันรู้สึกได้ถึงความหวังที่ถูกส่งออกมาจากตัวของเด็กสาวคนนี้


Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2554 7:24:17 น. 3 comments
Counter : 501 Pageviews.

 
ฮุหุ...ไม่แคล้ว...

ข้าวขวัญ หนูข้าวขวัญเอ๊ย...

แม่ทับน้ำแข็ง คงจะอ่อนให้กับข้าวขวัญแน่ ๆ


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:13:10 น.  

 
ปล.

ถ้าไม่เข้ามาในบล็อกนี้อีกครั้ง คงไม่ทราบจริง ๆ ว่า

คุณจะอั๊บได้เร็วทันใจผมมาก

ว่าแต่...ทำไมอั๊บก่อนกำหนดล่ะครับ

สงสัย


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:15:25 น.  

 
พอดีตอนนี้ไอเดียกำลังแล่นครับ
อันนี้พึ่งเขียนเมื่อวานนี้เอง
พอเวลาคิดไม่ออกก็เขียนไม่ได้เลยจริงๆ
แต่ตอนไอเดียมันวิ่งก็แทบเขียนออกมาไม่ทันเลยครับ

อาทิตย์นี้คงไม่มีแล้วครับ รอวันจันทร์หน้าได้เลย


โดย: zoi วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:31:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.