ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สงครามครั้งสุดท้าย (66)

“...คุณมายาตายแล้ว”

ข้าวเขียวพูดมันออกมาได้ง่ายดายกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้ เขาย้อนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันนั้น ภายในห้องหินที่อยู่ใต้แดนแห่งดารา ห้องลึกลับซึ่งเป็นที่อยู่ของเวทมายาหัวหน้าสมาคมนักมายากล

#####

“เหตุใดลูกถึงพาคนนอกเข้ามาแบบนี้”

“หนูมีคำถามอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องนั้นค่ะ”

“ลูกย้อนแม่ด้วยคำถามอย่างนั้นหรือ ลูกสาวที่น่ารักของแม่หายไปไหนแล้ว”

“หนูขอโทษค่ะ แต่หนูต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้”

ข้าวเขียวยืนนิ่งอยู่ในความมืด เขามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่ก็ทำให้สามารถได้ยินเสียงพูดโต้ตอบกันเบาๆ ระหว่างมายา กับเวทมายาได้อย่างชัดเจน เมื่อประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งถูกปิดไป มันก็ทำให้ประสาทสัมผัสส่วนที่เหลืออยู่มีความแหลมคมยิ่งขึ้น

เมื่อทั้งสองมาถึงปากทางเข้าสู่แดนแห่งดารา ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็ดึงดูดสายตาของพวกเขาในทันที มันคือเงาทะมึนของปราสาทที่ผงาดอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง อันเคยเป็นที่ตั้งห้องลับใต้ดินของสมาคมนักมายากล และยิ่งทั้งสองเดินทางใกล้เข้าไปเท่าใด บรรยากาศที่เงียบงันก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกชวนขนลุกมากยิ่งขึ้น

โชคดีที่ทางเข้าสู่ห้องลับใต้ดินนั้นไม่ได้ถูกตัวปราสาทปิดทับเอาไว้ และกลไกทุกอย่างยังคงทำหน้าที่ของพวกมันได้เหมือนที่เคยเป็นมา ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะเข้าไปสำรวจภายในปราสาทลึกลับแห่งนั้น ภายหลังจากที่ได้พบกับเวทมายา เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อน

มายาเงยหน้ามองดูดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนหายเข้าไปในเงามืดของตัวปราสาท เธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นจากภายในส่วนลึกของจิตใจ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องพาข้าวเขียวเข้าไปภายในห้องลับด้วยกัน ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนเธอกล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของเวทมายาเลยทีเดียว

“ปราสาทหลังนี้มาจากไหน...มันคือปราสาทจันทราใช่ไหมคะ”

“ถูกต้อง มันคือปราสาทจันทรา และเมื่อมันกลับคืนสู่ผืนดินอีกครั้ง ก็แสดงว่าเวลาอันสำคัญได้มาถึงแล้ว”

'กลับคืนสู่ผืนดิน' คำพูดนี้จุดประกายความคิดบางอย่างให้กับข้าวเขียว มายาเพียงคิดว่าเวทมายาคงหมายถึงช่วงเวลาที่จะทำการต่อสู้ตัดสินกับเคออสนั้นกำลังจะมาถึงแล้วนั่นเอง แต่ก็มีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจของเธอ คล้ายกับว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น เธอเดินอยู่ภายในหมอกจนทำให้มองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัดเจน 'มีอะไรบางอย่างผิดพลาด อะไรบางอย่างเป็นไปอย่างที่มันไม่ควรจะเป็น'

“...กองทัพนักมายากลที่แม่เคยบอกอยู่ที่ไหนกันคะ...และดูเหมือนว่ายิ่งเหล่าอาวุธของสี่ราชาถูกนำออกมาใช้มากขึ้นเท่าใด พลังของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี...พลังของเคออส ก็ดูเหมือนจะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย”

เวทมายายิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับจ้องมองดูลูกสาวที่รักของตน

“แล้วลูกคิดว่าอย่างไรล่ะ”

“บางที...พวกเราอาจเข้าในผิดกันมาตลอด...”

พอคำพูดนี้หลุดออกจากปาก ความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้น 'ผนึกเก่าสูญสลายเงาร้ายหวนกลับคืน แสงจันทร์พลันถูกกลืนด้วยเปลวแห่งไฟสงคราม' มายานึกทบทวนถึงข้อความนั้นอีกครั้ง

“...ตอนแรกก็เป็นการปลดปล่อยราชาแห่งสายลมออกมาโดยนิลวายุ ต่อมาก็เป็นเจ้าชายแห่งสายน้ำโดยกล้าไพร แล้วตอนนั้นดวงจันทร์ก็หายไปจากท้องฟ้า...ดูเหมือนว่าจักรพรรดิ์แห่งฟากฟ้าเองก็คงถูกใครบางคนปลดปล่อยออกมาแล้วเช่นกัน”

“ลูกลืมไปอย่างหนึ่ง ราชินีแห่งแสงจันทร์ที่อยู่ในความครอบครองของลูกอย่างไรล่ะ”

“...ใช่แล้ว จุลจันทรา ราชินีแห่งแสงจันทร์ มันคืออาวุธชิ้นแรกที่ถูกปลดปล่อยออกมา...”

ความทรงจำบางอย่างคล้ายกับกำลังพยายามที่จะแทรกตัวเองออกมาจากม่านหมอก เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ ในมือของเธอกุมดาบสั้นที่มีลักษณะคุ้นตา รอยเลือดบนดาบไหลนองเปื้อนเป็นทางอยู่บนพื้น ภาพใบหน้าที่เจ็บปวดของคนที่เธอเคยคุ้นเป็นจำนวนมาก แต่กลับนึกไม่ออกว่าพวกเธอเป็นใคร

มือของมายาเริ่มสั่น เหงื่อเย็นเยียบไหลท่วมเต็มแผ่นหลัง 'ไม่จริง ไม่จริง' ตะกร้าไม้ไผ่สานที่คุ้นตา ความเจ็บปวดในขณะที่กำลังล่องลอยไปในกระแสน้ำเชี่ยวที่เย็นเฉียบ มีหลายครั้งที่มันปะทะชนเข้ากับโขดหิน หรือท่อนไม้ที่อยู่ในน้ำ เด็กน้อยควรจะตายไปแล้วในวันนั้นถ้าไม่ได้พบกับใครคนหนึ่งเข้า

ใบหน้าของเวทมายาภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่โผล่ออกมาเหนือตะกร้านั้น ทำให้นางมองดูคล้ายกับนางฟ้าเลยทีเดียว เด็กหญิงตัวน้อยถูกลอยทิ้งมาในตะกร้าไม้ไผ่กลางสายน้ำเชี่ยว ด้วยเหตุเพราะว่าเธอเป็นหนึ่งในลูกแฝด เธอถูกทิ้งเพราะความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ เธอถูกทิ้งเพราะมีพลังมายากลที่มากล้นอยู่ภายในตัว

เวทมายาเลี้ยงดูเด็กน้อยเป็นอย่างดี สอนให้เธอได้รู้ถึงความสามารถลึกลับที่ถูกซ่อนอยู่ภายใน เปลี่ยนเธอจากเด็กต้องสาปที่ถูกทิ้ง ให้กลายเป็นนักมายากลมากความสามารถ ทั้งยังตั้งชื่อเธอว่ามายาตามชื่อของตนเอง

เด็กน้อยเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาว เธอต้องการช่วยงานเวทมายาทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักมายากล ที่เดินทางไปทั่วเพื่อเปิดการแสดงอันแสนวิเศษ และคอยกำจัดเหล่าทหารเงาของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีที่ยังคงหลงเหลืออยู่

วันหนึ่งเธอได้กลับมายังแดนแห่งดารา และในค่ำคืนนั้นความทรงจำที่เธอเคยคิดว่าได้ถูกกลบฝังไปจนหมดสิ้นแล้ว ฝันร้ายที่เคยต้องพบเจอในวัยเด็กได้หวนกลับมาอีกครั้ง

'ฉันจะคอยปกป้องพวกมนุษย์ไปทำไม ในเมื่อพวกมันเคยทำกับฉันถึงขนาดนั้น' ในท่ามกลางความฝันที่เหมือนความจริง และความจริงที่เหมือนความฝัน เธอได้ก้าวเข้าสู่ห้องที่ถูกสั่งห้าม ห้องที่มีเวทมายาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้ เธอหยุดยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานนี้ และเวทมายาที่ยืนอยู่ในนั้นก็ได้กระซิบบอกให้เธอทำสิ่งหนึ่ง

'จงปลดปล่อยราชินีแห่งแสงจันทร์' และด้วยจี้รูปร่างแปลกๆ ที่เวทมายาเคยมอบให้เธอเก็บรักษาเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก เธอก็ได้ถอนดึงดาบสั้นที่ปักอยู่หน้ากระจกเงาออกมา หลังจากนั้นเธอก็ใช้ดาบเล่มนั้นกระทำสิ่งหนึ่ง

มายาส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน เวทมายาส่งเสียงหัวเราะอย่างคุ้มคลั่ง ข้าวเขียวพยายามก้าวเปะปะไปตามเสียงของเธอ

“...คุณมายาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“...ฉัน...ฉัน...ฉันฆ่าทุกคน คืนนั้นฉันฆ่าทุกคนด้วยมือของตัวเอง”

ข้าวเขียวไม่เข้าใจเลยว่ามายากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ความทรงจำที่หายไปได้เปิดเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่น่าเกลียดของมัน หมอกหนาที่เคยปกคลุมอยู่สลายหายไปแล้ว ใบหน้าที่เจ็บปวดเหล่านั้นคือเพื่อนพ้องพี่น้องของเธอ สีแดงเหล่านั้นคือเลือดของพวกเธอ และมันหลั่งไหลออกมาด้วยราชินีแห่งแสงจันทร์ที่อยู่ในมือของเธอเอง

มายาส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง หนึ่งในใบหน้าเหล่านั้นก็คือเวทมายา มารดาสุดที่รักของเธอนั่นเอง เธอเป็นคนฆ่านางด้วยมือของตนเอง

“แก...แก...เป็นตัวอะไรกันแน่”

“ลูกรัก ลูกยังไม่รู้ตัวอีกหรือ”

ชื่อมากมายเหล่านั้นพากันผุดขึ้นมาในหัวของมายา ผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี ผู้เฝ้ารอในความมืด ผู้ซ่อนในเงา ผู้เชิดหุ่น ผู้กางกับดัก ผู้ชักใย และอีกชื่อหนึ่งที่เธอไม่เคยนึกออกมาก่อน ผู้อยู่ในกระจก

“...แกเอง...”

มายาส่งเสียงคำราม เงาของเวทมายาส่งเสียงหัวเราะอย่างคุ้มคลั่ง แล้วฉับพลันภายในห้องมืดก็เกิดแสงสว่างสีเหลืองนวลสาดส่อง ราชินีแห่งแสงจันทร์สาดแสงอยู่ในมือของเธอ และจากแสงดังกล่าวทำให้ทั้งสองได้เห็นรายละเอียดของกระจกเงาบานนี้เป็นครั้งแรก

สิ่งที่มองดูเหมือนกับลวดลายที่แกะสลักอยู่ที่ฐานของมัน ขยับตัวยุกยิกไปมาเมื่อถูกแสง นี่คือสิ่งเดียวกับที่ข้าวขวัญเคยได้พบเห็น พวกมันคือแมงมุมตัวเล็กๆ จำนวนมากมายมหาศาล ภาพของเวทมายาที่อยู่ในกระจกเกิดการบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ดวงตาที่แยกออกกลายเป็นแปดดวงจ้องมองออกมาจากในนั้น

ปริศนาที่กระจัดกระจายบางส่วนต่อกันเข้ากลายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในความคิดของมายา

“ผนึกโบราณที่ว่า ความจริงแล้วก็คืออาวุธของสี่ราชานั่นเอง”

“ในที่สุดก็เข้าใจ และเจ้าคือคนที่ช่วยปลดปล่อยข้าออกมาในค่ำคืนนั้น เมื่อราชินีแห่งแสงจันทร์ถูกถอนออกไป เจ้าก็ตกอยู่ในความควบคุมของข้าอย่างเต็มที่ และกลายเป็นหุ่นเชิดคอยทำงานให้กับข้าโดยไม่รู้ตัว”

“แก...”

“...และตอนนี้ปราสาทจันทรา สถานที่ที่ใช้กักขังท่านเคออสก็กลับคืนสู่ผืนดินแล้ว ด้วยความช่วยเหลืออย่างเข้มแข็งของเจ้า ที่ช่วยปลดผนึกของสี่ราชาออกจนหมด”

“ดวงจันทร์ที่หายไป...มันคือปราสาทจันทรานั่นเอง”

ข้าวเขียวส่งเสียงอุทาน

“ฉลาดมากเด็กน้อย มิน่าลูกรักของข้าถึงชอบเจ้านัก”

มายาฟันดาบสั้นเข้าใส่เงาในกระจกจนเกิดเป็นประกายไฟแตกกระจาย

“หุบปาก ห้ามแกเรียกฉันแบบนั้น”

มันยิ้มอย่างอ่อนโยน ใบหน้ากลับกลายเป็นเวทมายาอีกครั้ง

“อย่าทำแบบนี้เลย แม่รักลูกนะ”

“ห้าม...แก...พูด...แบบ...นี้...”

มายากระหน่ำฟันดาบสั้นใส่กระจกอย่างบ้าคลั่ง ข้าวเขียวคิดว่าการกระทำของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี ต้องมีเบื้องหลังซ่อนอยู่ 'มันจงใจยั่วโมโหเธอ' เขาจึงตัดสินใจเสี่ยงกระโดดเข้าขวางเธอเอาไว้

“หยุด คุณมายา”

“หลีกไปเจ้าเด็กบ้า”

“มันจงใจให้คุณทำแบบนี้ มันมีแผนอะไรสักอย่าง”

คำพูดนี้ทำให้มายาหยุดมือลงได้ ภาพในกระจกเปลี่ยนไปอีกครั้ง ใบหน้าของเวทมายาที่อาบไปด้วยน้ำตา ใบหน้าที่มายาในตอนนี้สามารถจดจำได้ขึ้นใจ

“...แม่รักลูกนะ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของมารดาในตอนที่มายาแทงดาบสั้นเข้าใส่ร่างของนาง

“แกกล้าดียังไง”

ราชินีแห่งแสงจันทร์สาดแสงสีเหลืองนวลเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มายาฟันมันใส่กระจกสุดแรง เศษกระจกที่แตกพุ่งกระจายออกมาถูกดูดกลับเข้าไปในหลุมสีดำที่เปิดขึ้นกลางอากาศ มีบางสิ่งไต่ออกมาจากหลุมนั้นอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่มายาได้เห็น ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินเธอเข้าไป

'ที่ข้าเปลี่ยนแปลงความทรงจำ ปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตอยู่ ก็เพื่อรอคอยเวลาเหมาะสม ที่จะให้เจ้าปลดปล่อยข้าออกมาอย่างสมบูรณ์ และใช้ประโยชน์จากร่างกายนี้เท่านั้นเอง' เสียงหัวเราะก้องดังออกมาจากความมืดรอบกาย 'ฉันหลงกลมันอีกแล้ว แต่อย่าหวังว่าฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ '

“คุณมายา คุณมายา เป็นอะไรไปครับ”

ข้าวเขียวเขย่าร่างที่หยุดยืนนิ่งไม่ไหวติงของมายา เธอหันมายิ้มให้กับเขาพร้อมกับตวัดดาบสั้นไปที่ลำคอ แต่คมดาบเพียงเฉือนผ่านหนังของเขา จนมีหยดเลือดเล็กๆ ไหลย้อยลงมา

“...หนีไป...มันได้ตัวฉันแล้ว...ฉัน...จบสิ้นแล้ว”

มายาทิ้งราชินีแห่งแสงจันทร์ลงบนพื้น พร้อมกับดึงเสื้อคลุมราตรีออกจากร่าง

“แกต้านฉันได้ไม่นานหรอก...เอาพวกมันหนีไป...เตือนทุกคน...ให้ระวังกองทัพ...นักมายากล...เตือนทุกคน...ให้ระวัง...พลังสัญญา...”

“ผมทิ้งคุณไปไม่ได้”

“...ฉัน...ตายไปแล้ว...ซ่อนตัวไว้ด้วยเสื้อคลุม...รอดชีวิตไปให้ได้...แกขัดขืนฉันไม่ได้หรอก”

ข้าวเขียวก้มลงเก็บดาบกับเสื้อคลุมขึ้นมา แต่ยังคงลังเลอยู่

“...ไป...อย่าให้ฉันตายเปล่า...ไป”

ข้าวเขียวชูราชินีแห่งแสงจันทร์ที่ส่องแสงเหลืองนวลขึ้นแทนคบไฟ ก่อนออกวิ่งไปโดยไม่เหลียวหน้ากลับมา เมื่อวิ่งผ่านประตูออกไปเขาจึงได้พบเห็น รูปสลักแท้จริงบนบานประตูซึ่งเคยถูกสัญลักษณ์ของสี่ราชาปิดบังเอาไว้ รูปสลักที่พวกเขาสองพี่น้องเคยสงสัยว่าเป็นรูปอะไร

สัญลักษณ์ทั้งสี่ชิ้นนั้นแตกหักหลุดร่วงลงมากองอยู่บนพื้น รูปที่ปรากฏอยู่บนบานประตูคือภาพของแมงมุมตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในอดีต มันคือเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าห้องลับแห่งนี้คือสถานที่ที่ใช้จองจำมันเอาไว้นั่นเอง

เสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายดังสะท้อนก้องไล่ตามหลังเขามาติดๆ ข้าวเขียวคลี่กางเสื้อคลุมราตรีขึ้นปกปิดร่างกาย ก่อนวิ่งหายเข้าไปในราตรีอันมืดมิด และต้องคอยหลบซ่อนจากพวกมันนับแต่นั้นเป็นต้นมา

#####

“คุณมายาตายไปแล้ว...เราถูกมันหลอกมาตั้งแต่ต้น แท้จริงแล้วอาวุธของสี่ราชา ก็คือผนึกที่ใช้จองจำเคออส เราไม่ควรไปยุ่งกับพวกมันตั้งแต่แรกแล้ว”

ข้าวขวัญเหม่อมองขึ้นไปบนตัวปราสาทที่สูงเสียดฟ้า ยิ่งเข้ามาใกล้มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของมัน ตอนนี้พวกเขาอยู่เยื้องมาทางด้านหลังของตัวปราสาท มีเสียงของการต่อสู้ดังแว่วมาจากทางด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่ากองทัพผสมคงบุกเข้ามาใกล้แล้ว

คำเตือนของเมฆาเดินทางไปไม่ทัน หรืออาจจะเกิดเรื่องอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น และแม้พวกเขาจะอยู่ ณ สถานที่เดียวกัน แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มก็ห่างไกลกันมาก เนื่องจากความกว้างขวางที่ไม่ธรรมดาของปราสาทแห่งนี้

“เอายังไงต่อล่ะน้องขวัญ”

รัตติกาลถามอย่างเร่งรีบ เวลาของพวกเขาดูเหมือนแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว ข้าวขวัญหันมองทั้งสองคนก่อนเงยหน้ามองขึ้นไป

“เราจะขึ้นไปบนนั้น”


Create Date : 16 พฤษภาคม 2554
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 18:48:06 น. 14 comments
Counter : 586 Pageviews.

 
ถูกหลอก...คนอ่านก็ถูกหลอก


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 17 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:44:12 น.  

 
ขอบคุณที่โดนหลอกครับ

นี่คือเนื้อเรื่องที่ผมวางไว้ตั้งแต่เริ่มต้นเขียนแล้ว


โดย: zoi วันที่: 17 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:05:49 น.  

 
ส่วนใหญ่ ... คุณมักจะคิดตอนจบของเรื่องก่อนเหรอครับ

คิดตอนจบแล้วค่อยขยายผลออกมาเรื่อย ๆ


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:11:25 น.  

 
ที่คิดไว้ก่อนไม่ใช่ตอนจบหรอกครับ
แต่เป็นจุดสำคัญของเรื่อง จุดพลิกผัน
หรือจุดหักมุม ก็แล้วแต่จะเรียกครับ

ก่อนเขียนผมมักมีแนวความคิดก่อนว่า
อยากจะนำเสนอเรื่องอะไรออกไป
สร้างตัวละครขึ้นมา แล้วก็ปล่อยให้เล่นกันไป
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว รายละเอียดจะหลุดออกจากที่คิดไว้เสมอ
แต่แกนหลักจะยังคงอยู่ครับ


โดย: zoi วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:57:56 น.  

 
อืม...ขอบคุณครับ

...จะได้ใช้วิธีนี้บ้าง


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:47:52 น.  

 
อ่า... คือผมมีเรื่องอยากสารภาพ

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อบ่ายค้อยตลอดจนหัวค่ำที่ผ่านมานี้ ผมเพิ่งได้มีโอกาสอ่านเพชร x เพชร ผลงานของคุณ ทั้ง ๆ ที่ควรจะอ่านมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะมีความคิดที่ว่า มันคงจะเป็นนิยายแนวสงครามรุนแรง เช่น วชิระ เวทภพ สยบมาร ที่ผมลงความเห็นว่า มันไม่ใช่แนวผม ผมเลยไม่ได้อ่าน

ซึ่งความเป็นจริงนั้น เพชร x เพชร เป็นนิยายที่ถูกกับโรคของผมที่สุด เพราะเป็นนิยายที่บอกเล่าผ่านตัวละครที่ก่อเกิดจากครอบครัว หรือเด็ก และมันก็เป็น style ที่เหมือนกับสัญญาจ้าวราชันย์ และ เทพมารสะท้านมิติ ที่ผมกำลังติดตาม และเรื่องสุดท้ายนั้น ก็จบสมบูรณ์แล้ว

ดังนั้นหลังอ่าน เพชร x เพชร จบแล้ว จึงมีความรู้สึกที่ ถูกใจ สมใจ และอิ่มใจมว่ากกกกกก คือเมื่อเราได้อ่านหนังสือในแนวที่ถูกใจ เนื้อหาตรงใจ อะไร ๆ ก็ดี ก็ถูก ก็สุขไปหมด

และเช่นเคย ผมขอขอบคุณที่คุณได้เขียนเรื่องดี ๆ มาให้ผมได้อ่าน เป็นเรื่องที่ถูกใจอีกเรื่องเลยครับ


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:13:56 น.  

 
แต่ความเห็นอันนี้สิที่คุณต้องให้คำตอบกับผม

นั่นคือ จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่เข้าใจสักทีว่า เพชร x เพชร มีความหมายว่าอย่างไร รู้แหละว่า เพชร เป็นชื่อตัวละครในเรื่องนั้น

แต่...เอ๊ะ ยังมีเพชรอีกความหมายหนึ่ง คือ เพชรแห่งความหวัง

...คุณเลยเอามารวม ...ไม่สิ เอามาคูณกันต่างหาก


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:27:41 น.  

 
ประมาณนั้นครับ เพชร ที่เป็นคน กับ เพชรแห่งความหวัง
ส่วนที่มันเป็น เพชร x เพชร มาจากชื่อการ์ตูนที่กำลังชอบมากในช่วงนั้นคือ HUNTER X HUNTER ครับ

จริงๆ เรื่องนี้ตอนแต่งทีแรกตั้งชื่อไว้ว่า
เพชรแห่งสีขาว the diamond of the white
ซึ่งสื่อถึงแรงบันดาลใจของเรื่องได้อย่างชัดเจน คือ
the lord of the ring และ the hobbit
ซึ่งอ่านไปหลายรอบก่อนเขียนเรื่องนี้

แหวน คือ หายนะแห่งสีดำ ที่คอยล่อลวงให้ทำผิด
พระเอก เป็นตัวละครเล็กๆ ธรรมดา แต่สู้ด้วยใจ

ผมเขียน เพชรแห่งสีขาว กับ สัญญาจ้าวราชันย์
โดยคิดว่าจะให้วัยรุ่นอ่าน เลยไม่ได้ใส่ความรุนแรงมากนัก
แต่ตอนเขียน วชิระ นั้นกะให้ผู้ใหญอ่าน(เป็นนิยายจีน)
เนื้อหาเลยค่อนข้างรุนแรงหน่อย

ทั้งสามเรื่องนี้มีจุดเชื่อมโยงที่ผมแอบใส่ไว้อย่างจงใจ
ด้วยนะครับ

ปีศาจห้าสี ใน วชิระ เป็นจุดเริ่มต้น

ผุ้พเนจรทั้งห้า ใน เพชรแห่วสีขาว
ซึ่งเป็นที่มาของ หายนะ และ ความหวัง

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
คือผู้พเนจรที่เป็นจุดกำเนิดของพลังสัญญา ใน จ้าวราชันย์


โดย: zoi วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:22:41 น.  

 
อา...เออ...เอ่อ...เฮ้ย

...จริงด้วยครับ คุณพยายามซ่อนความเชื่อมโยง โดยที่ผมเองและคนอื่น ๆ ไม่รู้ (ถ้าไม่เฉลย)

...ทำได้ไง...คิดได้ไงง่ะ

...แล้วนี่แสดงว่า ยังมีอะไรอีกใช่ไหมครับ แต่เท่าที่ผมอ่าน ในเทพมารสะท้านมิติ ก็ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับสัญญาจ้าวราชันย์เลยนี่ครับ รึอาจจะเป็นเรื่องอื่นที่กำลังเขียน แต่ยังมิได้ลงในบล็อก


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:35:08 น.  

 
อ๊ะ อ๊ะ อย่าคิดไปไกลมากครับ
ผมแค่ใส่ไปเพราะความสนุกเท่านั้น
ไม่ได้วางแผนอะไรไว้ไกลขนาดนั้น
แค่คิดว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นโลกของผม ผมสร้างขึ้นมาเอง ก็เลยอยากทำให้มันมีอะไรเชื่อมโยงถึงกันบ้างเท่านั้น

แต่บางที บางทีนะครับ

วันหนึ่ง เพชร อาจจะล่องไปในทะเลน้ำเค็ม
เจอพายุ และได้พบกับโลหะมีชีวิตที่เคยเป็นแขนของวชิระ
ได้เจอกับ รัตติกาล ที่กำลังออกเดินทาง เพื่อค้นหา
ความลับ และตัวตนที่แท้จริงของ ผู้พเนจรทั้งห้า ก็เป็นได้


โดย: zoi วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:58:12 น.  

 
มายั่ว...แล้วก็จากไป

...นิสัยนักเขียนเป็นยังงี้กันทุกคนหรือเปล่าเนี่ย


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:09:04 น.  

 
เอ...ผมเคยถามคุณรึยังว่า แม่ของรัตติกาลไปอยู่ไหนกัน ถ้าเคยถามแล้ว ก็ช่วยตอบอีกทีได้ไหมครับ คือยังคาใจอยู่เลย


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:12:00 น.  

 
จันทร์เสี้ยว เดี๋ยวกำลังจะกล่าวถึงแล้วครับ


โดย: zoi วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:36:15 น.  

 
ขอบคุณครับ...


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:17:10:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.