ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
7 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สงครามหรือสันติภาพ (51)

หัวใจของข้าวขวัญเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเสนอความคิดบ้าๆ นี้ออกไปได้อย่างไร แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ไม่มีหนทางถอยสำหรับเธออีก โชคดีที่เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เธอยังมีกล้าไพรคอยอยู่ใกล้ๆ เสมอ ความเคลื่อนไหวรอบๆ ตัวหยุดลงในที่สุด ดูเหมือนว่าเธอจะมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว 'เอายังไงต่อดีล่ะ'

#####

ข้อมูลที่เจิดจรัสได้รับมาจากหน่วยลาดตระเวนที่ส่งออกไปนั้นเป็นไปตามคาด แต่คำถามสำคัญที่ยังติดค้างอยู่ภายในใจ ก็ยังคงไม่มีคำตอบอยู่เช่นเดิม

กองทัพปริศนาที่กำลังเดินทางมานั้นไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นคนของสุริยันเอง พวกเขาคือเหล่าทหารที่ถูกรังสีทอดทิ้งเอาไว้ยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำคำสัญญา วารีไม่ได้ทำการกวาดล้างสังหารพวกเขาจนหมดสิ้นอย่างที่เข้าใจ แต่การกระทำทั้งหมดนี้จะมีกลศึกที่ลึกล้ำซ่อนอยู่ หรือจะเป็นการแสดงออกอย่างจริงใจจากทางวารีกันแน่

เจิดจรัสยังคงคิดเรื่องนี้ไม่ตก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับทหารเหล่านี้กลับมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากเขาไม่ทำเช่นนั้น กำลังใจของกองทัพจะยิ่งตกต่ำลงไปกว่าเดิม สะพานที่ถูกเตรียมไว้สำหรับข้ามแม่น้ำ จะถูกนำมาให้ทหารเหล่านี้ใช้ข้ามกลับมาเสียก่อน

การเคลื่อนพลนำกองทัพทั้งหมดไปรวมกันที่ฝั่งตรงข้าม อาจเป็นตาเดินที่ศัตรูคาดไม่ถึง แต่มันมีความเสี่ยงอยู่มาก เจิดจรัสจึงต้องเลิกล้มไปในที่สุด เมื่อไม่มีเครือข่ายข่าวสาร ก็เหมือนกับเขากำลังเดินอยู่ท่ามกลางหมอกหนา จึงต้องถือหลักปลอดภัยไว้ก่อน

หน่วยลาดตระเวนยังรายงานกลับมาอีกว่าจากการสอบถามทหารที่รอดตายเหล่านั้น กองทัพใหญ่ของวารีกำลังเคลื่อนตัวติดตามมาอยู่ห่างๆ แต่ไม่อาจทราบถึงจำนวนกำลังพลที่แน่นอนได้

เจิดจรัสเองก็ยังชั่งใจกับข้อมูลที่ได้รับมานี้ว่าจะเป็นข้อมูลลวงด้วยหรือไม่ เขาไม่คิดว่าทหารเหล่านั้นจะหลอกขายพวกเดียวกันเอง แต่พวกเขาอาจโดนหลอกให้เข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้นเลยก็เป็นได้ 'การส่งทหารฝ่ายตรงข้ามกลับไปพร้อมกับข้อมูลผิดๆ ก็นับเป็นยุทธวิธีทางทหารแบบหนึ่งเช่นกัน'

นอกจากการศึกที่รออยู่ตรงหน้าแล้ว ยังคงมีอีกเรื่องหนึ่งที่รบกวนจิตใจเจิดจรัส หลายวันมานี้มีเรื่องแปลกๆ ให้พบเห็นได้ในทุกค่ำคืน เงาประหลาดที่เดินเพ่นพ่านไปมาในยามราตรี เสียงกระซิบน่ากลัวซึ่งจะได้ยินเมื่ออยู่ในความมืดเพียงลำพัง ทั้งหมดนี้มากเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าการกลับมาของเคออสนั้นเป็นเรื่องจริง

เมื่อรับทหารเหล่านี้กลับมาเรียบร้อย สิ่งที่เจิดจรัสต้องรีบตัดสินใจคือ สงครามทั้งหมดนี้ยังคงมีความจำเป็นอยู่อีกหรือไม่ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างเห็นตรงกันในเรื่องของเคออส ความร่วมมือก็น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม เขาอาจเป็นฝ่ายเสนอให้มีการประชุมร่วมกันในเรื่องนี้เอง

สะพานข้ามแม่น้ำถูกประกอบขึ้นอย่างรวดเร็ว กองกำลังต่างๆ ถูกวางประจำตำแหน่ง หน่วยลาดตระเวนยังคงไม่พบเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผน แต่เจิดจรัสก็ยังไม่อาจสลัดความกังวลใจแปลกๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เช้าได้

เมื่อถึงยามเที่ยงการข้ามแม่น้ำก็สำเร็จลงได้ด้วยดี ทหารเหล่านั้นแม้มีสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการถูกจับขัง และต้องเดินทางไกล แต่สภาพจิตใจนั้นกลับตรงกันข้าม การได้กลับมาอยู่ในหมู่พี่น้องเพื่อนพ้องของตนอีกครั้งทำให้รอยยิ้มเบ่งบาน และลุกลามไปทั่ว

ตะวันซึ่งเป็นตัวแทนของเหล่าผู้ที่เคยถูกจับ ถูกนำตัวเข้าสู่การประชุมที่มีเจิดจรัสเป็นประธานอย่างเร่งด่วน แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้รังสีเข้าร่วมด้วย การให้ทั้งสองฝ่ายได้พบเจอหน้ากันในทันทีนั้นคงเกิดผลเลวร้ายอย่างที่สุด

“ทางวารีมีข้อเรียกร้องมาว่าอย่างไร”

เจิดจรัสไต่ถามตะวันทันทีที่เขาบอกเล่าเรื่องราวของการถูกคุมขังจบลง เขาเล่าถึงสภาพสถานที่คุมขังที่เลวร้าย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถูกทรมานแต่อย่างใด และเมื่อถูกปล่อยตัวกลับมา พวกเขาก็ได้รับเสบียงอาหารมาด้วยจำนวนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็เพียงพอให้พวกเขาไม่อดตายในระหว่างทาง

“ท่านเจิดจรัส ผมไม่ได้คิดเข้าข้างศัตรูนะครับ...แต่...”

“ฉันเข้าใจดี พูดมาเถอะ”

ตะวันอดเหลียวมองรอบตัวไม่ได้ การพูดในครั้งนี้อาจทำให้เขาไม่อาจกลับเข้าสู่กองทัพสุริยันได้อีกต่อไป แต่เขาก็ได้ทำใจเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ได้พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น แม่ทัพหญิงที่กลายเป็นราชินีในเวลาต่อมา

“ท่านม่านเมฆที่ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งวารีไปแล้วนั้น ต้องการให้มีการพูดคุยกันอย่างเร่งด่วน ท่านบอกว่าสงครามในครั้งนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น...แต่เราล้วนเป็นพวกเดียวกัน เราต่างมีศัตรูร่วมกัน นั่นคือเคออส กับกองทัพของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีของมัน...ราชินีม่านเมฆต้องการเจรจากับท่านเจิดจรัสเพื่อความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย”

เสียงอื้ออึงดังขึ้นภายในที่ประชุม ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะลุกขึ้นแล้วชี้หน้าตะวัน

“มันเป็นคนทรยศ มันขายชีวิตให้วารีไปแล้ว พวกเราอย่าหลงกลมันเด็ดขาด”

ตะวันนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ มันเป็นสิ่งที่เขาคาดไว้อยู่ก่อนแล้ว เสียงโต้เถียงยิ่งดังขึ้นอีก จนในที่ประชุมถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายที่เห็นด้วยกับตะวันนั้น จะมีจำนวนน้อยกว่า

“เงียบ”

เจิดจรัสยืนขึ้นพร้อมกับคำพูดเรียบๆ แต่ความวุ่นวายในที่ประชุมก็สงบลงทันที เขาเพียงโบกมือก็มีทหารมานำตัวตะวันออกไปจากที่ประชุมทันที

“ท่านจะลงโทษเขาอย่างไร”

“ท่านจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป”

เจิดจรัสแม้เห็นด้วยกับตะวัน แต่เมื่อครู่เขาได้เห็นท่าทีของคนสำคัญแต่ละคนในที่ประชุมแห่งนี้แล้ว การตัดสินใจในครั้งนี้ จะมีผลต่อดุลอำนาจในกองทัพที่เขาถืออยู่ด้วย นับตั้งแต่อรุณรุ่งจากไป ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีก หากผิดพลาดเพียงก้าวเดียว อาจหมายถึงจุดจบของเขาด้วยเช่นกัน

ใบหน้าของเจิดจรัสยังคงมีความเชื่อมั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

“การตัดสินโทษของทหารพวกนั้นให้รอไปก่อน เพื่อป้องกันความวุ่นวาย...พรุ่งนี้เช้าหากไม่มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรู เราจะฉวยโอกาสข้ามแม่น้ำแล้วเดินทัพต่อไปตามแผนเดิมทันที”

การประชุมในวันนั้นจบลงด้วยความพอใจของเสียงส่วนใหญ่ แต่คนที่รู้สึกไม่พอใจมากที่สุดก็คือตัวเจิดจรัสเอง ตลอดช่วงบ่ายของวันนั้น ทั้งกองทัพได้เข้าสู่สภาพเตรียมความพร้อมเพื่อการเคลื่อนพลข้ามแม่น้ำในยามเช้าที่จะมาถึง

เหล่าทหารที่เดินทางกลับมาพร้อมกับตะวันได้ถูกแยกให้ออกไปอยู่อีกส่วนหนึ่ง พวกเขาถูกกำชับอย่างแข็งขันว่าห้ามพูดคุยเรื่องข้อเสนอของทางวารีอย่างเด็ดขาด ซึ่งพวกเขาต่างเข้าใจในเหตุผล และยอมทำตามแต่โดยดี

แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลับหายไปจากขอบฟ้า เจิดจรัสกวาดตามองไปรอบๆ ที่ตั้งของกองทัพ ความกังวลใจของเขาที่มีมาตั้งแต่เช้ายิ่งทวีมากขึ้นกว่าเดิม และจำนวนของเงาประหลาดในค่ำคืนนี้ก็ดูเหมือนจะทวีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน

#####

หัตถานำกำลังหน่วยเล็กๆ ของเขา หลบไปตามเงามืดพร้อมกับเคลื่อนเข้าใกล้จุดตั้งทัพของสุริยันอย่างชำนาญ เขาไม่เคยสนใจในเรื่องการทหาร หรือการเมืองแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นถึงผู้ดูแลสมาคมพ่อค้ามาก่อนก็ตาม ความชื่นชอบของเขานั้นมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น และดูเหมือนว่าเจ้านายคนใหม่จะรู้เรื่องนี้ดี

“ฉันมีงานให้ทำ”

นิลวายุเรียกหัตถาให้ไปพบในค่ำคืนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวคำพูดนี้

“...ผมไม่ค่อยชอบเรื่องการทหาร”

“ฉันรู้...ฉันมีงานอย่างอื่นให้ทำ”

หัตถามองนิลวายุอย่างสงสัย

“นำนักฆ่าที่ไว้ใจได้ไปด้วย กำจัดผู้นำในกองทัพของสุริยันให้ได้มากที่สุด...ถ้าเป็นไปได้ก็ให้จัดการกับเจิดจรัสด้วย”

“...จะให้ผมทำงานในฐานะอะไร”

นิลวายุหยิบถุงเล็กๆ ส่งให้กับหัตถา

“นี่เป็นค่ามัดจำล่วงหน้า เมื่อเสร็จงานจะจ่ายให้อีกตามจำนวนผลงานที่ทำได้”

นั่นหมายความว่าหัตถาถูกว่าจ้างในฐานะของนักฆ่านั่นเอง ดูเหมือนนิลวายุจะมุ่งหมายเพียงความสำเร็จ โดยไม่สนใจถึงเกียรติยศใดๆ ทั้งสิ้น นั่นอาจเป็นเพราะเหล่านักรบแห่งพายุหมุนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่เขาคาดเอาไว้มากนั่นเอง ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่เพียงแค่หนึ่งร้อยเจ็ดคนนั้นนับว่าน้อยเหลือเกิน

'ต้องเป็นร้อยแปดสินะ รวมตัวฉันด้วย' รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นมาที่มุมปากของหัตถา 'แต่ใครจะไปสนกันล่ะ ขอเพียงให้ได้ฆ่าคนก็พอแล้ว' มีเงาแปลกๆ เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายนั้นต่างไม่สนใจซึ่งกันและกันเลย

แนวป้องกันของกองทัพสุริยันอาจดูเข้มแข็ง แต่มันกลับไร้ประโยชน์เมื่อพบกับการบุกเจาะจากเหล่านักฆ่า หัตถาให้ทุกคนกระจายกำลังกันออกไป เสาะหาเป้าหมายที่เหมาะสมแล้วลงมือให้เงียบที่สุด หากถูกพบเห็นก็ให้รีบถอนตัวหลบหนีทันที เป้าหมายที่เขาหมายตาเอาไว้ ย่อมต้องเป็นแม่ทัพน้ำแข็งเจิดจรัสนั่นเอง

หัตถายังไม่ได้บอกเรื่องหนึ่งกับเหล่านักฆ่า เพราะเขาตั้งใจว่าจะบอกเองภายหลังในเวลาที่เหมาะสม 'คนที่ทำให้ศัตรูรู้ตัว มันผู้นั้นต้องตาย' เขาตั้งใจจะกระซิบบอกที่ข้างหูในขณะที่กำลังแทงดาบทะลุร่างของมันผู้นั้น เขาหวังว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่เขาได้ลงมือสังหารเป้าหมายของตนได้เรียบร้อยแล้ว

#####

ข้าวขวัญรอจนข้างนอกเริ่มมืดลงแล้ว จึงค่อยๆ เร้นกายออกมาจากรถคันเก่าๆ ที่ม่านเมฆจัดหามาให้พวกตะวันใช้ในการขนเสบียงในระหว่างเดินทาง แม้จะยากลำบาก แต่เธอก็ได้อาศัยกล้าไพรช่วยให้ผ่านพ้นมันมาได้

“ราชาเจิดจรัสผู้นี้เป็นแม่ทัพที่มากเล่ห์ พวกเราอาจกลายเป็นฝ่ายหลงกลเขาเสียเองก็เป็นได้”

“...ไม่มีใครที่เชื่อถือได้เลยหรือคะ”

ม่านเมฆยิ้มอย่างเศร้าๆ คำพูดของเด็กคนนี้แทงใจดำเธออีกครั้ง 'เรื่องทั้งหมดมันก็เริ่มขึ้นมาจากความไม่ไว้วางใจกันนั่นเอง' การล่มสลายของมหาอาณาจักรวายุก็เริ่มต้นจากความไม่ไว้วางใจระหว่างราชา กับประชาชน โดยมีสมาคมพ่อค้าเป็นตัวเร่งให้เรื่องราวเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว

ความบาดหมางระหว่างสุริยันกับวารีที่ยิ่งลุกลาม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่ไว้วางใจ และแม้แต่ในวารีเองความวุ่นวายที่มีมาตลอดนั้นก็เป็นเพราะความไม่ไว้วางใจกันเองเหมือนกัน ม่านเมฆพลันเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา 'เคออสคือต้นกำเนิดแห่งความสับสน หรือว่าทั้งหมดนี้จะเกิดจากมัน'

ตอนนี้วารีได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว 'และที่รวมกันได้นั้นก็เป็นเพราะ' ม่านเมฆมองดูเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความคิดประหลาดอีกเรื่องหนึ่งก็แวบขึ้นมา

“...ฉันอยากให้ใครสักคนแอบติดตามพวกตะวันไปด้วย เพื่อคอยดูว่าราชาเจิดจรัสคิดจะซ้อนแผนดัดหลังพวกเราหรือเปล่า แต่ใครจะไปทำแบบนั้นได้กัน”

ม่านเมฆรู้ดีว่ามีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ แต่เธอกลับแกล้งแสดงสีหน้ายุ่งยากใจ เพื่อรอคอยให้ข้าวขวัญเป็นคนเอ่ยปากออกมาเอง ซึ่งเธอก็ไม่จำเป็นต้องรอนานนัก 'ขอโทษด้วยนะข้าวขวัญ แต่ถ้าฉันคิดไม่ผิด มีแต่เธอเท่านั้นที่จะทำให้วารีกับสุริยันร่วมมือกันได้ในที่สุด'

แผนของข้าวขวัญนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน เธอคิดจะอาศัยความมืดแอบเข้าไปใกล้ที่พักของพวกคนสำคัญเพื่อสืบหาข่าว หรือถ้าโชคดีอาจได้ฟังการพูดคุย หรือการประชุมที่มีความสำคัญเข้า และหากไม่ได้อะไรจริงๆ เธอก็คงต้องติดตามคอยดูความเคลื่อนไหวของทั้งกองทัพ 'ขอเพียงส่งข่าวให้ม่านเมฆได้ทันก็พอ'

ภายนอกที่ตั้งของกองทัพสุริยันในค่ำคืนนั้น เต็มไปด้วยเงาประหลาดจำนวนมากผิดปกติ จนเหล่าทหารทั้งหลายที่ทำหน้าที่เฝ้ายามต่างไม่กล้าอยู่เพียงลำพัง


Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2554 7:35:44 น. 6 comments
Counter : 462 Pageviews.

 
ติดตามอยู่นะ แต่ดูเหมือนจะตัดสลับไปมา ซึ่งผมเกือบงง แต่ไม่งงหรอก เขียนต่อไปครับ (รอเหมือนเช่นเคย)


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:11:02 น.  

 
กำลังพยายามดึงทั้งหมดเข้าหากันอยู่ครับ
ยอมรับว่าช่วงนี้รู้สึกตันๆ มีแกนเรื่องอยู่
แต่รายละเอียดประกอบมันเขียนไม่ค่อยออกเลย

หลังจากนี้จะเหลือเพียงสองกลุ่ม คือ
มายากับข้าวเขียว และตัวละครที่เหลือทั้งหมด
กับสงครามใหญ่ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่


โดย: zoi วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:52:57 น.  

 
ผมเชื่อว่า มันจะไม่เกิดหรอก เพราะจะต้องมีเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่งที่เป็นแรงส่งให้เคออสทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเหมือนจะก่อกวนทุกคน แต่ทุกคนจะร่วมมือกัน โดยที่เคออสไม่รู้ตัว

อ่านแล้วงงไหมครับ


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:46:34 น.  

 
คนรักนิยายช่วยหน่อยนะคะ

ตอนนี้เรากำลังทำวิทยานิพนธ์หัวข้อ "การอ่านนวนิยายออนไลน์ของเด็กและเยาวชนไทย" เลือกด้วยความชอบส่วนตัวล้วนๆ อิอิ

ผลที่ได้นอกจากจะมีประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน คนอ่าน เว็บไซต์ สำนักพิมพ์ ยังสามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยทำแบบสอบถามให้หน่อยนะคะ (แบบสอบถามไม่ยาวค่ะ) แต่ต้องเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมหาศาล Y_Y

https://spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dFF4VmgxRW9hUzIyZ0NoYUtsd2ZUaHc6MQ

(เค้าไม่ให้ฝังลิงค์อ่าาาา)

ปล.ส่งต่อคนอื่นได้นะค้า ไม่หวงๆ จักเป็นพระคุณอย่างสูง (-/\\\\-)

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ใบบัว (Baibua ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:28:05 น.  

 
แบบสอบถามระบุอายุไว้ 11-25
...ผมเกินแล้วครับ
คุณใบบัวลองเอาไปแปะที่ Dek D ดีกว่าครับ


โดย: zoi วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:12:21 น.  

 
ผมตอบแบบสอบถามแล้วนะครับ


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:12:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.