ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ พ่อค้าเร่กับนักมายากล (4)

“…เปลี่ยนกันบ้างสิ”

ข้าวเขียว ส่งเสียงประท้วงขึ้นเมื่อทุกคนหยุดนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทาง เขาโดนทั้งสามคนไล่ต้อนจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะ กล้าไพร ที่ดูจะตั้งอกตั้งใจในการไล่ล่าเขามากเป็นพิเศษ

“ก็อยากได้ไม้สั้นเองนี่นา ช่วยไม่ได้”

กล้าไพร ยิ้มเยาะ

“เปลี่ยนกันบ้างก็ดีนะคะ”

ข้าวขวัญ แสดงความคิดเห็น เพราะเริ่มรู้สึกสงสารพี่ชายขึ้นมาบ้างแล้ว

“…เอ่อ…นั่นสิ…เปลี่ยนกันบ้างก็ดีนะ”

กล้าไพร รีบเปลี่ยนคำพูด พร้อมกับหันไปยิ้มให้กับ ข้าวขวัญ แต่เขาก็ยังไม่วายพูดต่อไปอีกว่า

“เพราะดูท่าคงจะวิ่งต่อไม่ไหวแล้วล่ะ”

ข้าวเขียว หันไปจ้องหน้าเขาพร้อมกับทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง รัตติกาล เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหยุดพวกเขาเอาไว้ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย

“เลิกเล่นกันได้แล้วมั้ง ลานกว้างก็อยู่ข้างหน้านั่นแล้ว นั่งพักกันอีกสักครู่ แล้วรีบไปดู รถสินค้า กันดีกว่า”

เขาชี้มือไปที่ลานกลางหมู่บ้าน เนื่องจากบริเวณที่พวกเขาหยุดนั่งพักกันอยู่นั้น เป็นยอดเนินก่อนที่ทางเดินจะเทลาดลงไปยังลานกว้าง พวกเขาจึงสามารถมองเห็น รถสินค้า ที่จอดอยู่ริมด้านหนึ่งของลานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีม้าสีดำสองตัวถูกผูกให้กินหญ้าอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กันนั้นด้วย

รถสินค้า ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งที่เก็บสินค้า และที่พักของ พ่อค้าเร่ คันนี้ ถูกทาเอาไว้ด้วยสีน้ำเงินสดทั้งสี่ด้าน นอกจากนั้นยังมีการระบายสีเป็นรูปอะไรสักอย่างที่ไม่อาจบอกได้ คงต้องเดินเข้าไปให้ใกล้กว่านี้ถึงจะรู้

“สูงใหญ่ทีเดียวนะนั่น”

รัตติกาล หันกลับไปหา กล้าไพร ที่เป็นคนพูดขึ้นมา

“…หมายถึง รถสินค้า น่ะเหรอ”

“…นั่นก็ใช่ แต่จริงๆ แล้วฉันหมายถึงม้าสีดำคู่นั้นต่างหาก พวกมันตัวใหญ่เอาเรื่องทีเดียว มันดูเหมือนกับ ม้าศึก มากกว่าม้าที่จะเอามาใช้ลากรถแบบนี้”

“ฮ่าๆ ม้าศึก อย่างนั้นเหรอ สงสัยเอาแต่ฟังเรื่องเล่าของ ทหารหนีทัพ มากไปหน่อย เลยเพี้ยนไปอีกคนแล้วมั้ง”

ทหารหนีทัพ ที่ ข้าวเขียว พูดถึง คือ กล้าณรงค์ บิดาของ กล้าไพร นั่นเอง คนในหมู่บ้านทุกคนต่างรู้ดีว่าในเวลาปกติเขาจะเป็นคนเงียบๆ ไม่คบค้าสมาคมกับใคร แต่เมื่อใดที่เขาเข้ามากินเหล้าในหมู่บ้านจนเมาได้ที่ ก็จะเอาแต่เล่าถึงเรื่องราววกวนในหนหลังก่อนที่จะมาอยู่หมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทหาร และกองทัพ ที่จับใจความอะไรไม่ค่อยได้ หลายคนจึงพากันเรียกเขาลับหลังว่า ทหารหนีทัพ

กล้าไพร ลุกยืนขึ้นทันที ข้าวขวัญ จึงรีบเข้าไปยืนขวางระหว่างทั้งสองคนเอาไว้ พร้อมกับหันไปดุพี่ชายของตน

“พี่พูดเกินไปแล้วนะ”

ข้าวเขียว เองก็รู้สึกตัวเช่นกัน ว่าคราวนี้เขาพูดแรงเกินไป

“…ขอโทษ ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ”

กล้าไพร เบือนหน้าไปข้างๆ

“ไม่เป็นไร”

สีหน้าท่าทางของ กล้าไพร แสดงออกว่ายังคงโกรธ ข้าวเขียว อยู่ ที่ไปพูดพาดพิงถึงบิดาของเขาแบบนั้น รัตติกาล เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ทั้งสองคนต่างเป็นแบบนี้กันมานานแล้ว พอเจอหน้ากันได้ไม่นานเป็นต้องมีเรื่องทะเลาะกันทุกที

ในตอนนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อยู่ๆ กล้าไพร ก็พุ่งตัวออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาม้วนร่างกลิ้งตัวไปบนพื้นดินแล้วลุกขึ้นยืนโดยหันกลับไปทางด้านหลัง ร่างของเขาย่อต่ำลงเล็กน้อย มองดูเหมือนพร้อมที่จะพุ่งออกไปข้างหน้าได้ทุกเมื่อ เห็นเขาสอดส่ายสายตาไปมาก่อนที่จะตะโกนขึ้นเสียงดัง

“ใครน่ะ…ออกมาเดี๋ยวนี้”

มีดสั้นเป็นประกายวาววับที่เขาพกติดตัวอยู่เป็นประจำ มาอยู่ในมือขวาของเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ เขาจ้องเขม็งย้อนไปตามทางเดินที่พึ่งจะเดินผ่านมาเมื่อครู่

ทั้ง ข้าวเขียว และ ข้าวขวัญ ต่างตกใจจนพูดอะไรไม่ออก รัตติกาล เองก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าเขาเป็นลูกของ นายพราน ที่เก่งกาจ แต่ก็ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเขาจะเก่งถึงขนาดนี้ ความเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของเขาทั้งรวดเร็ว และเป็นธรรมชาติอย่างมาก ถ้าเขาพุ่งเข้าใส่ ข้าวเขียว แบบนั้นล่ะก็ คงไม่มีใครสามารถหยุดเขาเอาไว้ได้

ยังคงมีแต่ความเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น ข้าวเขียว ที่เริ่มหายตกใจแล้ว หันไปมอง กล้าไพร พร้อมกับทำหน้าสงสัย เขาหันกลับไปมองทางเดินที่ว่างเปล่าอีกครั้งพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป

“อย่าพึ่งออกไป มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ฉันรู้สึกได้…มันแปลก และไม่น่าไว้ใจ เชื่อฉันหน่อยเถอะ อยู่เงียบๆ อย่าพึ่งออกไป”

ท่าทางที่ดูจริงจังของ กล้าไพร ทำเอา ข้าวเขียว ต้องหยุดยืนนิ่ง ข้าวขวัญ เองก็เบียดเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กับพี่ชาย รัตติกาล เองก็ขยับเข้าไปหาพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าไม่ประสงค์ร้าย ก็รีบแสดงตัวออกมา”

มีดสั้น ถูกแทนที่ด้วย คันธนู อย่างรวดเร็ว เป้าหมายของมันชี้ตรงไปที่พุ่มไม้สูงข้างทางที่ไม่น่าจะมีใครสามารถเข้าไปซ่อนอยู่ข้างหลังได้ เพราะใบของมันมีขนาดเล็ก อีกทั้งทรงพุ่มของมันก็ดูโปร่งไม่ได้หนาทึบแต่อย่างใด
แต่พอจ้องมองดูดีๆ รัตติกาล ก็เริ่มมองเห็นเงาร่างของใครบางคนยืนอยู่จริงๆ เขารู้สึกแปลกใจที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในครั้งแรก

“เก่งมาก…”

เสียงหวานๆ ที่อยู่ๆ ก็ดังออกมาจากหลังพุ่มไม้นั้นทำให้พวกเด็กๆ ตกใจ ยกเว้น กล้าไพร เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงหนักแน่นอยู่เช่นเดิม มือที่โก่งคันธนูของเขาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย

“ลดคันธนูของเธอลงได้แล้ว ฉันไม่ใช่คนร้ายหรอก”

“ปรากฏตัวออกมาก่อนสิ”

ร่างภายใต้เสื้อคลุมสีดำก้าวออกมาจากหลังพุ่มไม้นั้นอย่างไม่น่าเชื่อ ชายเสื้อคลุมที่ยาวจนเกือบจะถึงพื้น แขนเสื้อที่คลุมปิดมือเอาไว้จนหมด กับหมวกคลุมที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ ไม่มีส่วนใดของร่างกายให้มองเห็นได้ นอกจากเสื้อคลุมสีดำตัวนั้น

“...นัก…มายากล”

คราวนี้แม้แต่ กล้าไพร ก็ยังแสดงอาการตกใจให้เห็น เขารีบลด คันธนู ในมือลงทันที

“ขอโทษครับ ผม…ผม…ไม่ได้ตั้งใจ”

แม้จะมองเห็นใบหน้าใต้หมวกคลุมของเธอได้เพียงลางๆ แต่ รัตติกาล คิดว่าเธอกำลังยิ้ม และจ้องมองดู กล้าไพร อย่างสนใจ

“เธอ มองเห็นตอนที่ฉัน ซ่อน อยู่ด้วยเหรอ”

“เปล่า…ผมมองไม่เห็นหรอกครับ”

“นั่นสินะ…ถ้าอย่างนั้น เธอสามารถรู้สึกถึง…ตัวฉัน…ได้อย่างนั้นเหรอ”

“…ใช่ครับ ผมรู้สึกได้…นิดหน่อยครับ”

“รู้สึกอย่างที่เธอบอกใช่ไหม…แปลก และอะไรอีกนะ ไม่น่าไว้ใจ ใช่ไหม”

“…”

กล้าไพร ได้แต่ยืนนิ่ง นักมายากล ยังคงให้ความสนใจกับตัวเขา

“เธอชื่ออะไร อ้อ…พวกเธอด้วย ชื่ออะไรกันบ้าง”

พวกเราจึงผลัดกันแนะนำตัวทีละคน โดยเริ่มต้นจาก กล้าไพร ข้าวเขียว กับ ข้าวขวัญ โดยมี รัตติกาล เป็นคนสุดท้าย เธอมองหน้าทุกคนก่อนที่จะแนะนำตัวเองบ้าง

“ฉันชื่อ มายา เป็น นักมายากล ซึ่งพวกเธอก็คงจะรู้กันอยู่แล้ว”

เธอหันไปพูดกับ กล้าไพร ต่อ

“อาจารย์ของเธอชื่ออะไร ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะมี นักรบ ฝีมือดีอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้”

“เขาชื่อกล้าณรงค์ เป็นพ่อของผมเอง…และเขาไม่ได้เป็นนักรบ เขาเป็นนายพรานครับ”

“นายพราน…”

มายา คิดขึ้นในใจ ‘นายพราน ที่ไหนจะมีฝีมือจนสามารถฝึกสอนลูกให้เก่งได้ถึงขนาดนี้ ถ้าดูไม่ผิด ท่าทางและวิธีการใช้มีดสั้นเมื่อครู่น่าจะมีความเกี่ยวพันกับทาง มหาอาณาจักรวาตะ อยู่บ้าง ดูเหมือนจะเป็น เพลงดาบสายลม แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้’

คราวนี้เธอจึงหันมาให้ความสนใจกับ ข้าวเขียว และ ข้าวขวัญ บ้าง

“พวกเธอสองคน…เป็นฝาแฝดกันหรือเปล่า”

ข้าวเขียว เอาแต่จ้องมอง มายา จนพูดไม่ออก ข้าวขวัญ จึงเป็นฝ่ายที่ตอบคำถามแทน

“เปล่าค่ะ พี่โตกว่า ขวัญ หนึ่งปี”

“อืม…แต่เหมือนกันจริงๆ เลยนะ ปีนี้เธออายุถึงสิบสองหรือยัง”

“ค่ะ ปีนี้ ขวัญ อายุสิบสองพอดี”

“ปีนี้เธอทำของหายบ่อยไหม ทำหายแล้วหายังไงก็ไม่เจอ หายไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่แล้วอยู่ๆ บางครั้งก็หามันเจอในที่แปลกๆ ที่ๆ ไม่คิดว่ามันน่าจะไปตกอยู่ได้…เคยเป็นแบบนี้บ้างไหม”

คำถามของเธอที่อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาทำให้ ข้าวขวัญ รู้สึกแปลกใจปนหวาดกลัว เธอเผลอก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว แต่ กล้าไพร ที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบยกมือขึ้นแตะที่แขนของเธอเบาๆ ในขณะที่เขายังคงจับจ้องมองดู มายา อย่างไม่วางตา

ข้าวขวัญ รีบหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่

“…ไม่…ไม่เคยค่ะ ขวัญไม่เคยเป็นแบบนั้น”

รัตติกาล เองก็รู้สึกเหมือนกับทั้งสองคน คำถามนี้ไม่ควรตอบรับอย่างเด็ดขาด ความรู้สึกบางอย่างข้างในบอกกับเขาเช่นนั้น ข้าวเขียว มองหน้าทุกคนด้วยความประหลาดใจ

“แต่ว่า”

สายตาของ ข้าวขวัญ ทำให้เขารีบเปลี่ยนคำพูดทันที

“…แต่ว่า…แต่ว่า…ปีนี้ผมก็อายุสิบสามแล้วครับ”

รัตติกาล มองเห็นใบหน้าจางๆ ภายใต้หมวกคลุมนั้นยิ้มขึ้นอีกครั้ง และมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ฉันคงต้องกลับไปเตรียมการแสดงก่อน หวังว่าคงได้พบกับพวกเธอทุกคนอีกครั้งในคืนนี้ ฉันจะเปิด การแสดง ที่พิเศษสุดเพื่อเป็นการตอบแทน มันจะเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่อย่างที่พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย และพวกเธอจะต้องจดจำค่ำคืนนี้ไปอีกนานแสนนาน…”

พอพูดจบ มายา ก็เดินผ่านกลุ่มของพวกเด็กๆ ที่รีบแยกออกเป็นสองฝั่ง ข้าวเขียว ยืนอยู่กับ ข้าวขวัญ ส่วน กล้าไพร นั้นก้าวมายืนอยู่ข้างๆ รัตติกาล
รัตติกาล เห็นใบหน้าของเธอเหลียวไปมองทางสองพี่น้องในตอนที่เดินผ่าน พอเธอเดินห่างออกไป ข้าวเขียว พลันตะโกนถามออกไปว่า

“จะมี…การแสดงดอกไม้ไฟไหมครับ”

มายา เดินต่อพร้อมกับตอบคำถามของเขาไปด้วย

“…มีสิ…ตามธรรมเนียมแล้ว ต้องมี การแสดงพลุ ให้ด้วยแน่นอน”

ข้าวเขียว ยิ้มด้วยความดีใจ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของคนอื่นๆ รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป เขายืนมองทุกคนด้วยความงุนงง ดูเหมือนเขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำนั้น
กล้าไพร พึมพำขึ้นมาเบาๆ

“…แปลก ไม่น่าไว้ใจ…และ…อันตราย”


Create Date : 11 มีนาคม 2553
Last Update : 11 มีนาคม 2553 12:28:07 น. 0 comments
Counter : 549 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.