ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 

หุบเขาแสงตะวัน

ผู้แต่ง: พิบูลศักดิ์ ละครพล
พิมพ์ครั้งแรก สตรีสาร
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก สนพ. ดอกไม้ ปี 2519
(ภาพปกมาจาก: toulo)

งานเขียนเล็กๆ เป็นเสมือนประกายหนึ่งของไฟแห่งความหวัง เป็นช่อหนึ่งของดอกไม้ที่ปรารถนาจะยังความรักในมนุษย์ให้งอกงาม
เรื่องราวของผู้คนถูกถ่ายทอดออกมาด้วยลีลาการเขียนที่ชวนอ่านของภาษากวี ทำให้เพลิดเพลินและสะเทือนใจไปกับชีวิตชาวบ้าน

* * * * * *


เป็นงานชิ้นแรกของคนแต่งที่เลือกเพราะมันเป็น 'นิยาย' แต่อ่านแล้วกลับรู้สึกเหมือนอ่านเรื่องสั้นมากกว่าแฮะ

เนื้อเรื่องไม่มีอะไร เหตุการณ์หลักในเรื่องคือกำลังจะมีการตัดถนนเข้าไปในห้วยคำเซิง ชาวบ้านหันมารับจ้างและวาดหวังกับความเจริญใหม่นี้ มีเพียงครูมาชา..ครูจากบางกอก..ที่รู้ดีกว่านั้น (ครูมาชาเป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ในเรื่อง เขาเห็นทั้งฝ่ายชาวบ้านและฝ่ายผู้ได้รับผลประโยชน์)

แต่จุดเด่นของเล่มนี้ไม่ใช่เนื้อเรื่อง--ซึ่งเดินช้ามาก แทบไม่มีอะไรให้เล่า ถ้าจะเก็บเล่มนี้ขึ้นหิ้ง ก็คงเพราะเนื้อหาแทบทั้งเล่มที่บรรยายถึงหมู่บ้านบนดอย ธรรมเนียมประเพณีของคนไต ธรรมชาติ สิงสาราสัตว์ทั้งหลายแหล่...ด้วยสำนวนง่าย ๆ แต่สละสลวย ละเอียดและละไม อ่านแล้วมองเห็นภาพ ได้ยินเสียง ราวกับขึ้นไปอยู่บนนั้นก็ไม่ปาน

ตัวอย่างบรรยากาศในเรื่อง เช่น
เริ่มเรื่องจะพูดถึงรุ่งสาง ไก่ขัน เอ้กอีเอ้ก เอ้กอีเอ้ก อยู่ในเล้าใต้ยุ้งข้าว ควายในคอกสะบัดหางไล่ริ้น มีเสียงกุกกักจากส่องไฟ (ครัวไฟ) ทุกบ้านจุดตะเกียงก่อนที่ตีนฟ้าจะยกแสงเงินแสงทองจับทั่วขอบฟ้า เสียงตั้งมองตำข้าว ก่อนจะมีเสียงย่ำมอง "โจ้ะจงลง โจ้งจงลง" แข่งกันจากที่นั่นที่นี่ ... พื้นดินชุ่มฉ่ำ ใบไม้เขียวไสว หมอกบาง ๆ เอื่อย ๆ เสียงนกเขาขันจากระเบียงบ้าน แมงเม่ากรูกันออกมา นกแซวบินปาดหน้าไป นกกระถาบเริงร่าถลาปีกโฉบตวัดไปมาระหว่างทุ่งนา พลางส่งเสียงร้อง "แอ้บๆ" แสบหู บนยอดสักใบใหญ่ การ้องก้าก ๆ แล้วก็โผลงมาชายทุ่งไต่เตาะแตะไปตามคันนา แซงแซวหางยาวร้องเป็นเพลงแปลก ๆ ติด ๆ กันเพลงแล้วเพลงเล่า นกหัวขวานมากันเป็นคู่ ๆ อวดหงอนสีทอง ฯลฯ

นอกจากจะอ่านได้บรรยากาศเต็มอิ่มแล้ว เรื่องยังแฝงเกร็ดความรู้ไว้อ่านสนุก ๆ เช่น

กาด (ตลาด) บนเขาไม่ได้ชั่งเนื้อด้วยตาชั่งกิโลอย่างที่เรารู้จัก ตาชั่งเขาเรียกว่า "หย่าจู" มาตราชั่งคือ..โจ้มหนึ่งเป็นสองจ้อย จ้อยหนึ่งมีสิบขัน หนึ่งขันมีสิบจาด ห้าจาดมีหนึ่งก้อนไฟฉาย เพราะงั้น เขาเลยเอาก้อนไฟฉายชั่งหย่าจู

ข้าวหนึ่งถังเท่ากับข้าวหกแป่ ข้าวแปดแป่เทียบกับข้าวหนึ่งควาย ข้าวแปดควายเป็นหนึ่งหลัง และถ้าสี่ควายคือหนึ่งขอน สองควายเท่ากับหนึ่งต๋าง (งงดีไหม? จขบ. อ่านจบก็ยังงงอยู่ดี)

เวลาไล่ควาย เขาร้องกันว่า "ฮุ้ยไฮ้ ขวาๆๆ"

เมื่ออยู่ที่ไหนไม่สบาย มีคนเจ็บคนตาย พวกกะเหรี่ยงแดงก็ต้องลงผี "กระดูกไก่" จะโยกย้ายไปที่ใหม่ตามแต่หมอผีจะบอกว่าให้ปักหลักตรงไหน หากไม่ทำจะถือเป็นมหาวิบัติ เพราะฉะนั้น บางทีถึงจะย้ายไปแค่นิดเดียว พวกเขาก็ต้องรื้อถอนหรือเผาเรือนเสีย

อีกจุดที่เพลินดีคือเรื่องของภาษา
พระมหากษัตริย์คือ "เจ้าพาราขนโหคำ" หมากลางคือขนุน หมากผ้าคือมะนาว หมากซางพอคือมะละกอ เจ้าพาราคือพระภิกษุ จองคือวัด กั่นตอคือขอโทษ เยิงคือเลียงผา แยคือตำรวจ เปี่ยวแปลว่าสนุก ก๊อกไฟคือจุดไฟ ฯลฯ

นอกจากเกร็ดสนุก ๆ พวกนี้ เรื่องยังแฝงประเด็นย่อยไว้อีกมาก เช่น เรื่องของการถูกพวกนายทุนหรือผู้มีความรู้เอารัดเอาเปรียบ นโยบายการศึกษาที่ไม่ประนีประนอมกับชนพื้นเมือง ความเจริญที่มาพร้อมความเสื่อมของศีลธรรมและการรุกรานธรรมชาติ ระบบช้างเท้าหลังในครอบครัว ฯลฯ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ได้บรรยากาศการอ่านแบบภาพสวยอารมณ์ใส แต่กรุ่นกลิ่นอายเศร้าเสียดายเพราะเรารู้ว่าหมู่บ้านแบบนี้จะเป็นเช่นไรในอนาคต


** Spoiled ** (บอกช้าไปเปล่าเนี่ย?)


หากแต่คนเขียนก็ทิ้งท้ายไว้ด้วยเรื่องของก๊างโจบนห้วยภูเทาที่ถูกกะเหรี่ยงอิสระจับไป และครูมาชาที่บอกลาห้วยคำเซิงเพื่อขึ้นไปเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ให้ชาวกะเหรี่ยงที่ตัดสินใจเลิกทำสงคราม เหมือนจะบอกว่ายังมีความหวัง ตราบใดที่คนเรายังมีอุดมคติ ยังมีไฟอยู่



นอกเรื่อง:
อ่านจบถึงรู้ว่าหาซื้อเล่มนี้ยากแล้ว? ลองเสิร์ชดู พบว่าเคล็ดไทยมีพิมพ์ใหม่ออกมา ราคา 140 บาท (แต่ในเว็ปบอกว่าของหมด) ... อยากได้แบบกระดาษปอนด์จัง




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2549
1 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 23:11:53 น.
Counter : 1735 Pageviews.

 

ข้อคิด คุณค่า ประโยชน์ที่ได้รับจากเรื่องนี้ คืออะไรหรอคะ
พอดีว่าใช่หนังสือนี้ทำรายงานนะคะ อ่านแล้วแต่ไม่เข้าใจเลย รบกวนหน่อยนะค่ะ

 

โดย: ยิ้มมมม IP: 223.207.32.49 9 ธันวาคม 2555 17:33:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.