|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
 |
|
อาลัยรัก เกิดเก่ง ลูกศิษย์ของฉัน |
|
อาลัยรัก เกิดเก่ง ลูกศิษย์ของฉัน
"ความรัก ความผูกพัน เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์" เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้เลย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า "การพลัดพราก" เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ แล้วก็มีตาย ทุกคนรับทราบทฤษฎีนี้ทั้งนั้น แต่พอเวลานั้นมาถึง ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะหักห้ามทะเลแห่งความเศร้าโศก แห่งการพลัดพรากจากไปของคนอันเป็นที่รักได้สักคน เฉกเช่นเดียวกับฉัน ก็เข้าใจทฤษฎีดังกล่าวนี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อลูกศิษย์ที่รักต้องจากไปอย่างกระทันหัน ฉันก็โศกเศร้าเสียใจ อาลัยรักเขา ในใจลึก ๆ แอบคิดว่า ทำไมหนอ คนหนุ่มคนแน่น ที่กำลังอยู่ในวัยทำงาน วัยแห่งความรุ่งโรจน์ ที่จะทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้มากมายกว่าคนแก่อย่างฉัน มัจจุราชทำไมต้องเอาเขาไปก่อนวัยอันควรหนอ ที่จริง ควรให้คนแก่ไปก่อนเขา จึงจะถูกต้อง แต่เรื่องของความตาย มันไม่ได้จำกัดอายุมาก อายุน้อย มันเป็นไปตามกรรมของแต่ละคนที่ได้ทำกันมาแต่ชาติปางก่อนนั่นเอง คนแก่ คนที่อยู่เบื้องหลัง จึงต้องโศกเศร้าอาดูรยิ่งนัก
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 54 ที่ผ่านมา ฉันได้รับทราบจากข้อความในเฟสบุ๊คของลูกศิษย์คนหนึ่งส่งข่าวมาว่า "ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ เกิดเก่ง ที่เกิดเก่งเสียชีวิตแล้ว ....." ฉันแทบช็อต ไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ว่า นั่น คือ อ่านถูกต้องแล้วหรือ ต้องย้ำถามกลับไป จนได้รับคำยืนยันว่า เป็นความจริง ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อ จึงได้เมลไปถาม ต้อม พี่สาวของ เก่ง ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของฉันเหมือนกัน จนได้รับคำยืนยันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เป็นความจริง ฉันจำเป็นต้องยอมรับ ว่า "ฉันได้สูญเสียเกิดเก่ง ลูกศิษย์ ของฉันไปแล้วจริง ๆ ไม่อาจจะโกหกตัวเองได้อีกแล้ว" นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของฉัน ที่ฉันรูสึกเสียใจมาก เพราะ เก่ง เป็นเด็กประจำชั้นของฉันตั้งแต่สมัยปี 37 และเป็นลูกศิษย์ที่สนิทกับฉันมากทีเดียว ฉันยังจำความมีน้ำใจของเขาได้เสมอ ตอนฉันผ่าตัดเข่าข้างขวา เมื่อปี 38 เปิดภาคเรียนแล้ว ฉันยังไม่ได้ผ่าเฝือกออก เดินเหินลำบากมาก เขามีน้ำใจบอกว่า "แม่ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเก่งเอาช็อปเป้อร์ของพ่อมารับแม่ไปโรงเรียนเอง" เขามารับฉันไปโรงเรียนได้สองวัน พ่อเขาคงเป้นห่วงทั้งฉันและลูก เลยห้ามไม่ให้ขี่ช้อปเปอร์ เขาก็มาบอกว่า เขาเสียใจที่ไม่ได้มารับแม่อีกแล้ว ฉันบอกเขาว่า ไม่เป็นไรหรอก พ่อคงห่วงว่า เป็นอันตรายมาก เดี๋ยวครูจ้างรถสามล้อเครื่องได้ เขาจึงได้สบายใจหายห่วงฉัน เขาเป็นเด็กร่าเริง มีน้ำใจกับครู กับเพื่อนเสมอ ใครเดือดร้อนอะไร เขาจะช่วยอย่างเต็มที่ มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของครู ของเพื่อนเสมอ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานของเขา ถึงเวลาที่เขาจากไป ทุกคนจึงรู้สึกอาลัยรักเขาเป็นอย่างยิ่ง ก็สมกับความดี ความมีน้ำใจของเขาในขณะที่มีชีวิตอยู่นั่นเอง
โรจน์โทรมาบอกฉันว่า "แม่มน พรุ่งนี้ วันที่ 8 ผมจะไปโคราช เพราะครอบครัวของเก่ง จะฌาปนกิจ เก่ง วันที่ 9 แม่จะไปค้างคืนที่โคราชได้ไหม เพราะถ้าไปวันเผา กลัวว่าจะฉุกละหุก เนื่องจากตอนนี้กรุงเทพฯน้ำท่วม เส้นทางที่จะไปโคราช ต้องอ้อมไปอีกเส้นทางหนึ่ง รถก็ติดมาก" ฉันตอบโรจน์ไปทันทีว่า "ไปค้างคืนได้ไม่มีปัญหา" เรานัดแนะกันไป เพื่อที่จะไปฟังสวดให้ทันอย่างน้อย 1 คืน แล้วรุ่งขึ้นรอส่งเก่งขึ้นเมรุเพื่อไปสู่สรวงสวรรค์ แล้วพวกเราตีรถกลับกรุงเทพฯเลย เรากะจะไปประมาณ 10.00 น. แต่ในที่สุด ต้องเปลี่ยนเวลาเป็นบ่ายโมง เพราะ คงเดช จะไปด้วย ช่วงเช้า เขาต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัดนั่นเอง
พวกเราไปถึงที่โคราชเป็นเวลามืดแล้ว ต้องถามทางไปตลอดเพื่อจะไปถึงวัด สามัคคี ที่เก่งตั้งศพอยู่ โชคดีเป็นของพวกเราเพราะไปทันพระสวด คืนนี้ สวดทบ เป็นสองคืน จะได้เป็นการสวดทั้งหมด 3 คืน วันที่ 4 ก็เลี้ยงเพลและฌาปนกิจช่วงบ่ายสองโมง (แต่ก็ต้องเลื่อนเป็นบ่ายสี่โมง เนื่องจากเพื่อนร่วมงานของเก่งจากกรุงเทพฯจะมาร่วมงานด้วย นั่นเอง)
ฉันได้พบพ่อแม่ และต้อม พี่สาวของเก่ง ทุกคนอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ ดวงตาแดงก่ำ ฉ่ำไปด้วยน้ำตา ฉันเองก็เสียงเครือ น้ำตาคลอเหมือนกัน เมื่อฟังพ่อแม่เขาเล่าถึงการเสียชีวิตของเก่งว่า เขาลื่นหกล้มเมื่อออกจากห้องน้ำ ศีรษะฟาดพื้น เส้นโลหิตในสมองแตก โดยไม่มีใครรู้และช่วยเขาได้เลย หมอบอกว่า เกิดเก่งเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง ตอนที่พบศพของเขา ฉันฟังถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของลูกศิษย์ด้วยความโศกเศร้าอาดูรยิ่งนัก ไปดีเถอะนะ เก่งลูกรัก ขอให้ดวงวิญญาณเก่งรับรู้เถิดนะว่า ครูเสียใจ เสียดาย ที่เก่งจากครูไปอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันกับเก่งยังคุยกันที่เฟสบุ๊ค เขายังชวนเพื่อน ๆ มาร่วมโต๊ะ เพื่อที่จะไปงาน 60 ปี ธาตุทองอยู่เลย แล้วใครเลยจะรู้ชะตาชีวิตของตนเองล่ะว่า ตัวเองจะต้องจากเพื่อน ๆ ไปอย่างไม่มีวันที่จะมาพบเจอกันอีก จะเจอกันก็แต่ในโลกแห่งความฝันเท่านั้นเอง
หลังฟังสวดเสร็จ ฉัน โรจน์ เดช ก็ไปไหว้เก่ง และอธิษฐานบอกเขาว่า ชาติหน้ามีจริง เราก็กลับมาเป็น ครู เป็นศิษย์กันอีกนะ เพื่อน ๆ ของเขาฝากเงินมาทำบุญให้เก่งด้วยนะ แล้วก็ถ่ายรูปกับโลงศพและรูปหน้าโลงศพของเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงเก่งด้วย
รูปอันหล่อเหลาของเก่ง หน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่ม นิด ๆ 
รูปหน้าโลงศพที่มีเกิดเก่งลูกรัก นอนหลับอย่างสบายไปแล้ว ขอให้ไปสู่สรวงสวรรค์นะจ๊ะ 
ครูและเพื่อน ๆ ของเธอจะระลึกถึงเก่งเสมอนะจ๊ะ

รุ่งเช้า พวกเราตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะใส่บาตรไปให้เก่ง โดยพวกเราซื้ออาหารที่แตกต่างกัน เพื่อให้เก่งได้ทานหลาย ๆ อย่างตามใจชอบ ฉันซื้อเกาเหลาเลือดหมู ข้าวสวย ตามด้วย เต้าฮวยร้อน ๆ อีกหนึ่งถุงใส่บาตรให้เก่ง ส่วนเจ้าโรจน์ซื้อข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง คงเดช รู้สึกจะซือไก่ทอด อะไรประมาณนั้น หน้าโรงแรม มีพ่อค้าแม้ค้ามาขายของมากมาย ข้อสำคัญมีพระมาบิณฑบาตด้วย พวกเราเลยมีโอกาสใส่บาตรให้เก่งได้อย่างสะดวกสบาย หลังใส่บาตร พวกเราก็ไหว้ย่าโมและซื้อของกินของใช้เตรียมกินในช่วงติดน้ำท่วมด้วย
ประมาณ 11.00 น. ก็มีการเลี้ยงพระเพลเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้เก่ง มีการทำพิธีกับสิ่งของต่าง ๆ ของเก่งซึ่งเก็บอยู่ที่รถของเขา เพราะเขาเป็นเซล จะต้องเดินทางบ่อย ๆ ไปติดต่อลูกค้านั่นเอง มีเสื้อผ้าสองกระเป๋าใหญ่ ๆ รองเท้า เครื่องโน้ตบุ๊ค ของใช้ จิปะถะ อีกมากมาย ฉันเห็นสิ่งของของเก่งแล้ว ก็เกิดความเศร้าสลดในใจ ปลงอนิจจังได้เยอะทีเดียว คนเราก็เท่านี้เอง ตายแล้ว เราก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง ไปแต่ร่างที่เขาเอาเราลงบรรจุใส่โลง เล็ก ๆ ใบหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่รู้พวกที่โลภมาก จะกอบโกยร่ำรวยไปไม่รู้จักจบสิ้นทำไมกันหนอ
เวลาเคลื่อนศพของเขาก็ประมาณบ่ายโมงกว่าเกือบบ่ายสองโมง เดชและโรจน์ไปช่วยนำโลงศพออกจากโลงเย็น (ปัจจุบัน ทันสมัยมาก ศพจะไม่ฉีดโฟโมลีนกัน จะให้อยู่ในโลงเย็น กันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย) เจ้าหน้าที่ที่จัดพิธีศพของวัดประกาศให้ผู้ชายมาช่วยแบกศพ ให้แม่ของเก่งเป็นคนถือรูปเก่ง พ่อเป็นคนถือกระถางธูป ฉันมองภาพนี้อย่างสะเทือนใจเป็นที่สุด เสียวสะท้านในอารมณ์อย่างอาดูรยิ่งนัก คิดหวนกลับไปถึงหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แทนที่จะให้ลูกมาถือกระถางธูป ถือรูปถ่ายของตัวเอง แต่อนิจจา กลับต้องมาถือรูปถ่ายและกระถางธูปของลูกแทนเสียนี่ อย่างนี้ จะไม่ให้เศร้าโศกเสียใจอย่างมากได้อย่างไร แม่ของเก่ง ถือรูปถ่ายของเก่งแล้วร้องไห้ คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร ฉันเดินเข้าไปปลอบใจเขา พยายามสรรหาคำพูดเพื่อให้แม่เก่งผ่อนคลายความเศร้าโศกเสียใจ โรจน์ ตัวโต ได้เข้าไปช่วยแบกโลงศพลงมาจากที่แท่นที่ตั้งโลงและยกมาใส่รถเพื่อทำการเวียนรอบเมรุเผาศพ 3 รอบ ฉันร่วมเดินเวียนศพด้วยหัวใจที่ร้าวราน โศกเศร้า อาดูรอย่างเหลือที่จะกล่าวออกมาเป็นถ้อยคำได้ ถึงเก่งจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฉัน แต่เขาก็เรียกฉันว่า "แม่" มาโดยตลอด ความรัก ความผูกพันที่เก่งกับฉันมีต่อกัน จึงค่อนข้างจะมาก การจากไปของเขาย่อมทำให้ฉันเศร้าโศกเสียใจมากกว่าลูกศิษย์คนอื่น ๆ ที่เคยจากไปในลักษณะเช่นนี้ (อุบัติเหตุ)
พวกเราเดินแห่ศพเก่งรอบเมรุ 3 รอบ ตามประเพณีก่อนที่จะส่งเก่งขึ้นเมรุ เพื่อเตรียมให้เก่งไปสู่สรวงสวรรค์ 
หน้าเมรุ ทุกคนนำพวงหรีดมาตบแต่งให้สวยงาม เพื่อเก่งเห็นแล้วจะได้สดชื่นและจากไปอย่างสบายใจได้บ้าง

หลังจากส่งเก่งขึ้นตั้งอยู่บนเมรุใกล้เตาเผาแล้ว พวกเราก็นั่งรออยู่ในที่ศาลาหน้าเมรุ ตอนนี้สนิทเพื่อนเก่ง(ลูกศิษย์ฉัน)ที่หนีน้ำมาอยู่ที่โคราชก็มาร่วมไว้อาลัย เก่ง เป็นครั้งสุดท้ายด้วย เราต้องนั่งรอพวกเพื่อนร่วมงานของเก่งที่มาจากกรุงเทพฯก่อน ประมาณบ่ายสามโมงกว่า ก็มีการอ่านคำไว้อาลัยให้กับเก่ง โดยเจ้าหน้าที่ของวัดที่เป็นคนจัดการเรื่องพิธีการต่าง ๆ จากนั้นมีการเชิญแขกผู้ใหญ่ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล ต้อมได้มาขอให้ฉันขึ้นทอดผ้าบังสุกุลด้วย ฉันก็รับปากและขึ้นไปทอดผ้าบังสุกุลให้เก่งด้วยความเต็มใจ คนทอดผ้าบังสุกุลมีถึง 36 คน นับว่ามากมายพอควร แต่เขาจัดดี ย่นย่อเวลา โดยการขึ้นทอดครั้งละ 4 คน ประธานในพิธีทอดผ้าบังสุกุลเป็นคนสุดท้ายและประชุมเพลิง ก่อนเผาจริง มีการเปิดโลงศพให้ญาติมิตรดูเก่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งเก่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์ โรจน์และคงเดชขึ้นไปดูหน้าเก่งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ฉันทำใจไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นไปดูเขา ได้แต่ดูรูปของเขาที่คงเดชถ่ายมาให้ดู เขานอนหลับตาพริ้ม เหมือนคนนอนหลับ ไปดีเถิดนะ เก่ง ขอให้ดวงวิญญาณของเก่งไปสู่สุขคติ ชาติหน้ามีจริง ขอให้เราเกิดมาเป็นครูเป็นศิษย์กันอีกนะจ๊ะ
แม่เก่งต้องการจะไปเคาะโลงเก่ง และคุยกับเก่งเป็นครั้งสุดท้ายด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยรักลูกเก่ง รำพันด้วยน้ำตานองหน้าว่า " มาเอาแม่ไปด้วย แม่อยากไปอยู่กับเก่ง แม่ไม่อยากอยู่อีกแล้ว" ต้อมต้องคอยจับและดึงตัวแกออกมาจากการเกาะกุมโลงศพของเก่ง ทุกคนพยายามดึงตัว แกะมือแกออกจากการยึดตัวโลงศพ พาเดินลงบันไดเมรุ เดินได้แค่สองสามขั้น แกก็ร้องไห้จนเป็นลมล้มพับลงไปอย่างหมดแรง หน้านั้นเผือดจนขาวซีด แทบไม่มีสีเลือด ทุกคนทุลักทุเลจับตัวแกไว้ไม่ให้ลื่นไถลลงบันได ฉันต้องรีบเข้าไปบอกพวกผู้ชายที่หิ้วปีกนั้น ให้ใช้วิธีอุ้มแกลงมาจากบันไดมากกว่าการหิ้วปีกให้แกเดิน เพราะแกหมดสติที่จะเดินแล้ว ผู้ชายที่หิ้วปีกนั้น จึงช่วยกันอุ้ม คนหนึ่งช้อนด้านศีรษะ อีกคนหนึ่งอุ้มทางส่วนขา ลงบันไดมานอนที่โซฟา ต้อมได้แต่ร้องไห้ เรียกแม่ ไม่ขาดปาก เป็นภาพที่สะเทือนใจฉันจนอดร้องไห้ไม่ได้ สงสารแม่ของเก่งแทบขาดใจ หัวอกคนเป็นแม่อุ้มท้องเขามาตั้ง 9 เดือน 10 เดือน เลี้ยงมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ตีนเท่าฝาหอย ยิ่งเป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่ เอาใจใส่ ฉอเลาะ เป็นห่วงเป็นใยพ่อแม่ ไม่เคยทำความเดือดร้อนไห้พ่อแม่เลย แล้วจากไปอย่างนี้ จะไม่ทำให้แม่หัวใจแทบขาดรอน ๆ อยากตายตามลูกไปได้อย่างไร ฉันเองไม่เคยมีลูก ไม่เคยสัมผัสถึงความผูกพันของความเป็นแม่ที่มีต่อลูกก็จริง แต่ฉันก็รู้ถึงความรักของแม่ที่มีต่อฉันได้เป็นอย่างดี มันจึงเป็นภาพที่ทำให้ฉันสะเทือนใจมากจนกลั้นน้ำตาแห่งความเศร้าสลดไม่ได้ ได้แต่บอกต้อมและคนที่อยู่ใกล้ ๆ ให้เอาน้ำมัน ยาหม่อง นวดมือ นวดเท้าให้อบอุ่นและร้อน ๆ ไว้ตามการปฐมพยาบาลที่เคยเรียนมา มีบางคนบอกให้เรียกชื่อแกไว้บ่อย ๆ บางคนโทรตามรถพยาบาลมารับแกไปโรงพยาบาล สักครู่ใหญ่ แกก็เริ่มลืมตาขึ้น แล้วก็ร้องไห้กระซิก ๆ ฉันเข้าไปปลอบใจแก บอกแกว่า ถ้าแกเป็นอะไรไป เก่งต้องจากไปอย่างไม่สบายใจแน่ ทุกอย่างมันได้เกิดขึ้นแล้ว ให้แกทำใจ ตั้งสติให้ดี เพื่อเก่งจะได้จากไปอย่างไม่ต้องห่วง ส่วนต้อมก็ขู่แกว่า ถ้าไม่สบายจะต้องไปนอนโรงพยาบาลให้หมอตรวจ แกจึงพยายามไม่ร้องไห้ แล้วรถพยาบาลหน่วยกู้ชีพก็เลี้ยวเข้าวัดมา พร้อมเตียงพยาบาล หมอ และ นางพยาบาลสองคน แกก็ร้องว่าไม่ไปโรงพยาบาล ต้อมต้องบอกหมอว่า แม่หายแล้ว ไม่ต้องไปโรงพยาบาล หมอและนางพยาบาลได้ซักประวัติคนไข้ ถามถึงโรคประจำตัวของแก และเจาะเลือดตรวจน้ำตาลในเลือดด้วย และบอกว่า ถ้าหากรู้สึกไม่สบายให้รีบไปโรงพยาบาลทันที เฮ้อ! เหตุการณ์ร้าย ๆ ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้วเป็นอย่างดี แขกเริ่มทยอยลาเจ้าภาพกลับบ้านไป แม่ของเก่งเริ่มเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ สิ้นเคราะห์ไปที
ภาพแม่ของเก่งคร่ำครวญถึงเก่งอย่างเศร้าโศกอาดูร

พวกเราอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเก่งสักพักใหญ่ ก็อำลาแม่ของเก่งและต้อมกลับกรุงเทพฯ เพราะ 16.20 น. แล้ว เราต้องกลับถึงกรุงเทพฯ ก็คงประมาณไม่ต่ำกว่าสามทุ่มขึ้นไปแน่นอน ขับรถไปเรื่อย ๆ แค่ ห้าโมงเย็นกว่า ๆ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เพราะเป็นช่วงย่างเข้าหน้าหนาว กลางวันจะสั้นกว่ากลางคืน นั่นเอง
แวะทานอาหารมื้อเย็นที่ปั้มน้ำมัน และเข้าห้องน้ำ เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นโกเด้ง ร้อน ๆ ก็อร่อยดี ทานกันคนละชาม แล้วมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ ทางด่วนตอนนี้ ให้ผ่านฟรี ไม่มีการเก็บค่าผ่านทางเลย คงเป็นเพราะน้ำท่วม รัฐบาลเลยเห็นใจยกเว้นค่าทางด่วน โรจน์มาส่งฉันที่บ้านเป็นเวลา สี่ทุ่มแล้ว จากนั้น จึงไปส่งคงเดชที่บ้าน เฮ้อ ! ความทุกข์ความโศกที่ได้พบเจอในครั้งนี้ ขอให้ลอยไปกับแม่คงคาเถิด (พรุ่งนี้เป็นวันลอยกระทง) อย่าได้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกเลย สาธุ
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 20:16:27 น. |
|
14 comments
|
Counter : 9525 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: รุ่นพี่ร่วมสถาบันฯ..น้ำฝน IP: 110.169.194.236 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:24:23 น. |
|
|
|
โดย: รุ่นพี่ร่วมสถาบันฯ..น้ำฝน IP: 110.169.194.236 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:25:44 น. |
|
|
|
โดย: วงศ์จันทร์ IP: 183.89.185.69 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:21:53 น. |
|
|
|
โดย: หนุ่มสรายุทธ IP: 124.121.238.165 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:00:04 น. |
|
|
|
โดย: Grape IP: 180.214.217.118 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:03:22 น. |
|
|
|
โดย: ต้อม พัฒนียา กลัดจิตร IP: 172.16.2.22, 122.154.16.54 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:56:32 น. |
|
|
|
โดย: ต้อม พัฒนียา กลัดจิตร IP: 172.16.2.22, 122.154.16.54 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:37:17 น. |
|
|
|
โดย: รุ่นพี่สถาบันธาตุทองค่ะ IP: 171.96.17.104 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:25:28 น. |
|
|
|
โดย: ณัฐกานต์ (ตั้ม 6/4) IP: 203.114.106.62 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:43:33 น. |
|
|
|
โดย: ร้าน องศา อุดรธานี IP: 110.77.242.122 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:32:33 น. |
|
|
|
โดย: เพื่อนๆ ราชภัฎฉะเชิงเทรา กลุ่ม512 IP: 171.4.85.133 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:44:02 น. |
|
|
|
โดย: ราชภัฏฉะเชิงเทรา กลุ่ม512 IP: 115.67.216.104 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:45:54 น. |
|
|
|
โดย: บุญยานุช IP: 180.183.88.233 วันที่: 16 ธันวาคม 2554 เวลา:16:28:29 น. |
|
|
|
โดย: พี่ตุ้ย ราชภัฎฉะเชิงเทรา IP: 182.52.174.173 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:52:38 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|