|
12 มีนาคม 2554
|
|
|
|
"เล่าเรื่องงาน....ที่ยังหน้าบานอยู่ได้ทุกวัน"
วันนี้ขอเล่าเกี่ยวกับชีวิตการทำงานค่ะ
(เขียนยาว..ใครยังไม่อยากใช้สายตาเยอะรีบปิดเลยค่ะ ฮ่าๆ)
ช่วงนี้หันหน้าไปทางไหนเก๋ก็เจอแต่หน้าลูกค้า เก๋ชอบเรียกคนที่มาใช้บริการให้เก๋ทำงานว่าลูกค้า แต่จริงๆแล้วก็คือคนในที่ทำงานเดียวกัน ที่มาขอให้เก๋ทำงานให้
หน้าที่ของเก๋ก็คือให้บริการทางด้านไอที อยู่ในส่วนของการวิจัยและวางแผนโครงการ งานหลักๆก็คือทำหน้าที่หาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการนำมาใช้ในองค์กร ซึ่งเก๋จะเน้นไปทางด้านหาโปรแกรมเพื่อช่วยเหลือการทำงานแล้วก็เพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กร
การเกิดงานมีสองแบบคือ ผู้ใช้งานเกิดปัญหาในการทำงานเลยขอให้หาระบบหรือหาโปรแกรมมาช่วยเหลือการทำงาน หรืออีกแบบคือ เราเป็นฝ่ายเสนอ คือเห็นว่าเทคโนโลยีไหนเหมาะที่จะนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในองค์กรได้ เราก็จะเสนอระบบให้ผู้ใช้งานดูว่าเค้าสนใจมั้ย ถ้าสนใจก็จะทำงานร่วมกับผู้ใช้งานเพื่อให้ได้มาซึ่งระบบที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นงานก็จะเป็นการนัดคุยกับผู้ขอระบบซึ่งเป็นส่วนงานต่างๆในองค์กร
พอได้ความต้องการมาก็จะมาวิเคราะห์หาเทคโนโลยีที่เหมาะสม
วางแผนประมาณระยะเวลา งบประมาณ
หาความเสี่ยง ความคุ้มค่าที่จะทำ
หาผู้พัฒนาโปรแกรมมาคุยรายละเอียดหลายๆเจ้าเพื่อเปรียบเทียบ
และอีกหลายๆขั้นตอน ตามหลัก project management (เริ่มเล่าเวิ่นเว้อแล้ว)
จนผู้ใช้ได้รับโปรแกรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของเค้า ก็ถือว่าจบงานหนึ่งโปรเจ็ค ผู้ขอระบบ ยิ้มได้...เราก็จบงาน
ช่วงไหนมีหลายๆส่วนงานมาขอระบบพร้อมๆกัน เก๋ก็จะมีโปรเจ็คอยู่ในมือเยอะ
และทุกๆโปรเจ็คจะต้องมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆตามแผนของแต่ละโปรเจ็คว่าวันไหนต้องทำอะไร
เมื่อเกิดปัญหาจึงเป็นหน้าที่ที่ต้องรีบหาทางแก้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้โปรเจ็คติดขัดและล่าช้าไปกว่าแผน
จากการทำงานหน้าที่นี้ทำให้เก๋พบว่า ปัญหาทั้งหลายส่วนใหญ่เกิดจากคน
ซึ่งบางครั้งก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาได้
เช่น ผู้ขอต้องการระบบที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้รอบด้าน บอกความต้องการเยอะมาก แต่พอถามว่าใครจะเป็นผู้ใช้งานหลัก เพราะต้องกรอกข้อมูลที่เกิดขึ้นแต่ละวันเข้าระบบ
เค้าก็บอกว่าไม่มีคนทำงาน ทุกคนยุ่งหมดเลย อยากได้ระบบที่วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเลยได้มั้ย เราไม่ต้องกรอกเอง
โอ้...ถ้าไม่กรอกแล้วระบบจะเอาข้อมูลที่ไหนมาวิเคราะห์ได้ อธิบายกันอยู่พักนึง ปรากฏว่าเค้าเข้าใจ แต่ก็ยังยืนยัน "อยากได้แต่ไม่อยากเป็นคนทำ"
เป็นแบบนี้หลายโปรเจ็คเลย ...บางทีมีหลายส่วนงานใช้ระบบร่วมกัน เกี่ยงกันกรอกข้อมูลอีก ถึงขั้นนัดประชุมตกลงกันเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบก็ไม่ยอมมาเลย กลัวได้รับมอบหมายงาน ทั้งๆที่งานส่วนใหญ่ก็คืองานที่เราทำทุกวันนั่นแหละแต่เปลี่ยนไปทำในระบบใหม่
สุดท้ายก็ต้องหาทางออกและใช้วิธีการคุยเป็นเคสๆไป
หลายๆครั้งจึงต้องใช้ความใจเย็นและเปิดใจกว้างเพื่อให้เข้าใจความคิดพื้นฐานของคน และหาทางออกที่ดีที่สุดให้ทุกฝ่าย เพื่อทำให้ข้อขัดแย้งหายไปและให้งานได้เดินต่อ
ส่วนที่เก๋ทำ มีแค่เก๋กับหัวหน้าอีกคน หัวหน้าเป็นคนเก่งทางด้านไอทีหลายๆด้าน เค้าจะให้คำแนะนำเก๋ได้ดีเพราะเค้าเก่งและมีประสบการณ์หลากหลายทางด้านไอทีด้วยประสบการณ์การทำงานยี่สิบกว่าปีแล้ว
บางครั้งที่ผู้ขอบอกความต้องการที่ไม่ใหญ่มาก เก๋หรือหัวหน้าก็จะเขียนโปรแกรมเล็กๆออกมาให้เค้าใช้งานกัน องค์กรของเก๋ไม่มีนโยบายจ้างโปรแกรมเมอร์เพราะต้องการให้เราใช้หลักบริหารโครงการไปจ้างข้างนอกทำ มากกว่าลงมือปฏิบัติเอง แต่ด้วยความที่อยากช่วยประหยัดเงินให้กับองค์กร บางครั้งเราเลยต้องทำตัวเป็นโปรแกรมเมอร์จำเป็น แต่ถ้าเป็นระบบใหญ่ๆก็จะซื้อมาบ้างหรือจ้างพวกซอฟแวร์เฮาส์เขียนบ้าง
งานแต่ละวันของเก๋หลักๆก็คือการประชุมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง จากหลายๆโปรเจ็คที่เก๋ดูแลอยู่ ถ้าไม่ประชุมก็จะนั่งเขียนแผนบ้าง นั่งเขียนรายงานหรือ ทำ Presentation สำหรับใช้ในการประชุมบ้าง นั่งเขียนโปรแกรมบ้าง และหาข้อมูลเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
ตลอดเวลาการทำงาน สิ่งที่เก๋ค้นพบก็คือ การทำงานกับคนคือสิ่งที่ยากที่สุด
การเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เริ่มต้นคือเราต้องเรียนรู้แต่ละภาษา รู้โครงสร้างคำสั่งของภาษานั้นๆ คล้ายการฝึกอ่านเขียนภาษาต่างๆของคนนี่แหละ ที่มีภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
แต่ภาษาของคอมฯไม่มีพลิกแพลง เขียนถูกเครื่องก็ทำงานตามคำสั่ง
เลยรู้สึกว่าคุยกับคอมพิวเตอร์ ง่ายกว่าคุยกับคน
เพราะคนมีอารมณ์มีความรู้สึก พลิกแพลง พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง คุยกันไม่เข้าใจก็มี
การทำงานกับคนถึงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เปิดใจกว้าง ถึงจะไม่เครียดและทำให้งานเดินไปได้
สี่ปีกว่าที่เก๋ทำงานที่นี่มา
ขอเล่าย้อนหลังไปถึงที่แรกที่เก๋ทำงาน
>>>>ใครไม่ไหวพักตรงนี้เลยค่ะ เป็นจุดแบ่งตอน<<<<<<
ก่อนหน้านี้เก๋ทำงานในโรงงานผลิตสุรามาสองปี เป็นที่แรกที่เก๋ได้เข้าทำงานหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย
กับการได้เข้าทำงานแบบฟลุ้คๆของเก๋ หลังจากเก๋เรียนจบจากสงขลา ก็มาพักอยู่บ้านป้าที่สมุทรสาครเพื่อเตรียมตัวสมัครงาน
บ้านป้าเป็นร้านขายอาหารใต้ ในระหว่างที่หาข้อมูลงานและตระเวนสมัครงาน ทุกๆวันเก๋ก็จะมาช่วยครอบครัวป้าขายอาหาร เป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ตักอาหารบ้าง แล้วแต่จะทำได้ (เนียนๆไปกับเด็กพม่า)
แล้ววันนึงก็มีผู้จัดการของโรงงานใกล้ๆร้านมาทานข้าว ท่านเห็นเก๋...และถามกับป้าว่าเก๋เป็นใคร เมื่อป้าได้บอกท่านว่าเก๋กำลังหางานทำ ท่านจึงให้เก๋ลองไปสมัครงานที่โรงงานดู
แล้วเก๋ก็ผ่านการสัมภาษณ์งานและได้งานทำ....เก๋รู้สึกได้เลยว่าน่าจะเป็นความช่วยเหลือจากท่านที่ทำให้เก๋ได้งาน เพราะคนที่สัมภาษณ์แทบจะไม่ถามทดสอบความรู้เก๋เลย
ตอนนั้นเก๋ทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ ขอบเขตงานคือ ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ในโรงงาน ตั้งแต่งานซ่อม ดูแลแก้ปัญหาโปรแกรมต่างๆที่โปรแกรมเมอร์คนเก่าเคยเขียนไว้ และเขียนโปรแกรมขึ้นมาเองบ้างตามที่ได้รับมอบหมาย
ซึ่งตอนนั้นเก๋ซ่อมคอมไม่เป็น ตอนเรียน..พอคอมที่ใช้ที่บ้านมีปัญหาก็ยกเข้าร้านซ่อมตลอด
โปรแกรมที่เคยเขียนตอนเรียนก็ใช้ภาษาเก่าๆที่ระบบงานจริงๆเลิกใช้ไปหมดแล้ว
ดูเหมือนเก๋จะไม่มีความรู้พื้นฐานสำหรับการทำงานในครั้งนี้เลย
ก่อนเริ่มงานเก๋เลยไปซื้อหนังสือซ่อมคอมพิวเตอร์เล่มหนาๆมาเล่มนึง พอเข้างานก็นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเลย เริ่มตั้งแต่ในคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยอุปกรณ์อะไรบ้าง และถ้าเกิดปัญหามันจะส่งสัญญาณเตือนยังไง แก้ไขยังไง
แล้วเวลาที่น่าตื่นเต้นก็มาถึง....มีผู้ใช้งานโทรมาแจ้งปัญหา (ลูกค้ารายแรก..อิอิ) เก๋เลยเอาหนังสือมากาง เปิดหน้าสารบัญตามปัญหาที่เค้าแจ้ง แล้วตรวจสอบแก้ปัญหาไปตามที่หนังสือบอก ...แล้วก็ได้ผลค่ะ แก้ปัญหาผ่านไปได้
หลังจากนั้นเก๋ก็จะทำแบบนี้อยู่ทุกวัน มีเวลาว่างก็จะอ่านหนังสือทันที ทำงานไปเปิดหนังสือไป ครั้งหลังๆที่เกิดปัญหาเดิมๆก็จะจำวิธีแก้ได้แล้ว แค่เดือนนึงก็รู้สึกว่าทำงานได้คล่องขึ้น แก้ปัญหาโดยไม่ต้องเปิดหนังสือได้
ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจการซ่อมคอม....เก๋รับประกันได้เลยค่ะว่าเราสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง ถ้าขยันหาความรู้...ขยันลองด้วยตัวเอง รับรองว่าไม่นานก็เป็นช่างซ่อมคอมได้สบายค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วอุปกรณ์หรือโปรแกรมต่างๆก็ไม่ซับซ้อนเกินไปเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ แค่เราเรียนรู้กับมันบ่อยๆเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นพอมีเวลาว่างเก๋ก็ฝึกเขียนโปรแกรม เรียกว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ใหม่ด้วยตัวเองหมดเลย.....เพราะเป็นไอทีคนเดียวของโรงงาน ถามใครก็ไม่ได้
เก๋รู้สึกว่าเก๋ชอบชีวิตในโรงงาน ชอบบรรยากาศ ชอบเห็นท่อถังใบใหญ่ๆ
ทุก ๆเช้าจะได้กลิ่นส่าเหล้า...หอมดีค่ะ
โรงงานกว้างมากต้องปั่นจักรยานไปหาแผนกต่างๆเวลาไปแก้ปัญหาให้เค้า
บางทีที่ต้องยกคอมพิวเตอร์กลับมาดูที่ห้องทำงานก็จะขอให้พี่ๆอุ้มเครื่องนั่งซ้อนท้ายจักรยานเก๋มา หรือนั่งอุ้มเครื่องซ้อนท้ายเค้ามาบ้าง
เป็นช่วงชีวิตที่สนุกและได้ออกกำลังกายเต็มที่เลย
บางทีปั่นไปก็มีเสียงวี๊ดวิ้วออกมาจากหลังถังใบไหนก็ไม่ทราบ ฮ่าๆ....หนุ่มๆแซว หาตัวไม่เจอ
เป็นภาพต่างๆเกี่ยวกับชีวิตการทำงานที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา
ไม่ได้ก้าวไปอย่างรวดเร็ว และก็ไม่ช้าเกินไป แค่เก๋ได้หายใจในจังหวะที่พอดี
เก๋ไม่ได้บอกตัวเองว่าเก๋จะโตไปเป็นนั่น เป็นนี่ แต่เก๋แค่ทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
หลายครั้งที่หัวหน้ามอบหมายให้ทำหน้าที่ตามความจำเป็นบ้าง เพราะขาดคนทำบ้าง
บางอย่างที่ไม่เคยทำ เก๋ก็จะบอกตัวเองว่าเราทำได้ ขอแค่ขยันที่จะเรียนรู้
ให้เราสร้างความรัก สร้างความสนใจให้งานนั้นก่อนที่จะเริ่มต้น และภาคภูมิใจกับงานทุกๆอย่างที่ทำ
อย่าดูถูกอาชีพของตัวเอง....อย่ามองว่าเราด้อยกว่าใคร
ทุกๆคนในโลกนี้ล้วนแต่มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่
เพราะมีคนหลากหลายอาชีพ....วงจรธุรกิจและการใช้ชีวิตถึงได้หมุนไปอย่างสมดุล
ขาดส่วนใดส่วนหนึ่งก็เกิดการหยุดชะงักและเป็นปัญหา
ทุกๆคนมีความชำนาญเฉพาะด้านในหน้าที่ของตัวเอง
ต้องขอบคุณทุกๆหลากหลายอาชีพที่ทำให้ทุกวันนี้ชีวิตเราไม่ติดขัด
หลายคนมุ่งมั่นกับงาน ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน
เพื่อเงิน...เพื่อความก้าวหน้า....เพื่อตามฝัน เพื่อความสุขทางใจ หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่
แต่สุดท้ายแล้วงานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
หลายคนทิ้งครอบครัว ทิ้งทุกอย่าง เพื่อเอาเวลามาทุ่มกับงาน
ทั้งที่จริงๆแล้วเวลาของชีวิตคุณมีไม่มากนักหรอก ที่จะได้อยู่ร่วมกับคนเหล่านั้น
ความมุ่งหวังในชีวิตการทำงานของเก๋มีอยู่แค่ว่า
ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน สายไหน
และไม่ให้การทำงานเกินกรอบชีวิตส่วนอื่นๆของเก๋
เพราะเก๋มีหน้าที่ของการเป็นแฟน เป็นลูก เป็นเพื่อน และหน้าที่อื่นๆกับคนรอบข้าง
สารภาพตามตรง
บางครั้งที่เก๋หายไปจากโลกออนไลน์ ไม่ได้เป็นเพราะเก๋ต้องหอบงานมาทำหลังเลิกงาน
แต่เพราะเมื่อต้องทำงานมากขึ้น...ก็ต้องใช้เวลาพักเยอะขึ้น
การพักของเก๋คือการใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนที่รัก อ่านหนังสือ เล่นกีตาร์
เก๋จะไม่หอบงานไปทำที่ห้องพัก นอกจากสุดวิสัยจริงๆ
เพราะเมื่อเลิกงานกลับถึงห้อง... ก็จะเป็นเวลาที่เก๋ให้กับคู่ชีวิตของเก๋ หรือคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่
เมื่อถึงห้อง เก๋จึงหลีกเลี่ยงที่จะเปิดโน๊ตบุ๊ค ...เพราะความสนใจของเก๋อยู่ที่คนสำคัญข้างๆแล้ว
นั่งทานข้าวด้วยกันในห้อง...คุยกัน...ดูทีวีด้วยกัน เป็นแบบนี้มาตลอดสองปีกว่าที่คบกัน
เวลาที่แฟนไม่อยู่ หรือในช่วงที่แฟนเก๋ติดทำอะไร ไม่ได้นั่งอยู่ด้วยเท่านั้น เก๋ถึงจะเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเข้าสู่โลกออนไลน์
หลายคนอาจมีแนวคิดเพื่อดำเนินชีวิตที่ต่างกัน
บางคนมุ่งมั่นเพื่อความก้าวหน้าบ้าง ร่ำรวยบ้าง
เก๋เคยสงสัยว่า ทำไมหนังสือบางเล่มเขียนถึงแนวคิดที่มุ่งมั่น วิธีจัดการความคิดเพื่อความก้าวหน้า
แต่หนังสือบางเล่มกลับเขียนถึงแนวคิดที่เรียบง่ายเพื่อให้ชีวิตมีความสุขและไม่กดดัน
เมื่ออ่าน...บางครั้งรู้สึกเหมือนขัดกัน
แต่สุดท้ายก็เข้าใจว่า ตัวเราเท่านั้นที่จะรู้ว่า ควรเลือกแนวคิดไหนขึ้นมาปฏิบัติตอนไหน
หยิบและนำไปใช้ในระดับที่เหมาะสม...ทุกๆแนวคิดมีประโยชน์ต่อเราทั้งนั้น
ระดับความเหมาะสมของแต่ละคนต่างกัน อยู่ที่ว่าจะอยากให้ชีวิตเดินไปทางไหน
และชีวิตของเก๋ตอนนี้ แม้จะมีทุกข์บ้าง มีปัญหาเข้ามาบ้างเป็นระยะ
แต่ชีวิตเก๋ก็มีด้านของความสุขอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
ทุกวันนี้เก๋มีความสุขกับคนรอบข้าง...กับชีวิต
....เป็นเป้าหมายของชีวิตที่เก๋เดินไปถึงอยู่ทุกวัน
จะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก
...ความสุขทุกวันของเก๋
==================== ปล. ใครอ่านจบ ..สุดยอดไปเลยค่ะ
ใครอ่านไม่ไหว...เข้าใจค่ะว่าปวดตา ฮ่าๆ
ขออภัยหากเรื่องนี้ยาวจนทำลายสายตาคุณผู้อ่าน
เป็นเหตุผลว่าทำไมเก๋ไม่เคยตกแต่งบล็อกให้มีสีสัน ...สีทำลายสายตาสำหรับการอ่านในช่วงเวลานาน
...ในที่สุดก็อ่านจบเนอะ ====================
Create Date : 12 มีนาคม 2554 |
|
18 comments |
Last Update : 13 มีนาคม 2554 11:23:09 น. |
Counter : 912 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: ดวงลดา 13 มีนาคม 2554 7:58:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pae IP: 202.183.153.228 13 มีนาคม 2554 12:48:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: toeyao 14 มีนาคม 2554 0:56:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดวงลดา 14 มีนาคม 2554 21:14:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดวงลดา 15 มีนาคม 2554 11:44:46 น. |
|
|
|
| |
|
|
sea_story |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางที่จะเดินได้
ถ้าเชื่อมั่นว่ากำลังทำสิ่งดี
..ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี
คิด..พูด..ทำ.. ในสิ่งที่เชื่อว่าดีที่สุด
แล้วทุกอย่างจะดีเอง
|
|
|
"ไม่ได้ก้าวไปอย่างรวดเร็ว และก็ไม่ช้าเกินไป แค่เก๋ได้หายใจในจังหวะที่พอดี"
นี่ไง ความคิดของผู้หญิงคนนี้ที่พี่อ่าน blog ที่ผ่านๆ มาแล้วพี่แอบชื่นชม (เอ ไม่ได้แอบนอะ ก็ไปประกาศมาแล้วว่าจะขอติดตามอ่าน)
มีความสุขกับทุกวินาทีนะคะ ...