เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ชาวพุทธเองจะต้องแก้คำปรัปวาทนั้นๆ นั่นก็เท่ากับบอกเราว่าต้องรู้เราเองด้วย
ในคราวที่มีคนภายนอกกำลังพูดสรรเสริญบ้าง ติเตียนบ้าง ซึ่งพระพุทธศาสนา พระภิกษุสงฆ์นำเรื่องนั้นมาสนทนากัน พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ถ้ามีคนพวกอื่นมากล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียนสงฆ์ เธอทั้งหลาย ไม่ควรอาฆาต ไม่ควรเศร้าเสียใจ ไม่ควรแค้นเคือง เพราะคำติเตียนนั้น ถ้าเธอทั้งหลายโกรธเคือง หรือ เศร้าเสียใจ เพราะคำติเตียนนั้น ก็จะกลายเป็นอันตรายแก่พวกเธอทั้งหลายเองนั่นแหละ คือ หากคนพวกอื่นติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียนสงฆ์ ถ้าเธอทั้งหลายโกรธเคือง เศร้าเสียใจ เพราะคำติเตียนนั้นแล้ว เธอทั้งหลาย จะรู้ชัดถ้อยคำนี้ของเขาว่าพูดถูก หรือพูดผิด ได้ละหรือ ?
ภิกษุทั้งหลาย ทูลตอบว่า “ไม่อาจรู้ชัดได้”
“ภิกษุทั้งหลาย ถ้ามีคนพวกอื่นมากล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียนสงฆ์ ในกรณีนั้น เมื่อไม่เป็นจริง พวกเธอก็พึงแก้ให้เห็นว่าไม่เป็นจริงว่า “ข้อนี้ ไม่เป็นจริงเพราะอย่างนี้ๆ ข้อนี้ ไม่ถูกต้อง เพราะอย่างนี้ๆ สิ่งนี้ไม่มีในพวกเรา สิ่งนี้หาไม่ได้ในหมู่พวกเรา”
“ภิกษุทั้งหลาย ถ้ามีคนพวกอื่นมากล่าวชมเรา ชมธรรม ชมสงฆ์ เธอทั้งหลายไม่ควรเริงใจ ไม่ควรดีใจ ไม่ควรกระหยิ่มลำพองใจ ในคำชมนั้น ถ้ามีคนมากล่าวชมเรา ชมธรรม ชมสงฆ์ หากเธอทั้งหลาย เริงใจ ลำพองใจแล้วไซร้ ก็จะเป็นอันตรายแก่พวกเธอเองนั่นแหละ
“ถ้ามีคนมากล่าวชมเรา ชมธรรม ชมสงฆ์ ในกรณีนั้น เมื่อเป็นความจริง พวกเธอก็พึงรับรองว่าเป็นจริงว่า “ข้อนี้ เป็นจริงเพราะอย่างนี้ๆ ข้อนี้ถูกต้อง เพราะอย่างนี้ ๆ สิ่งนี้มีในพวกเรา สิ่งนี้หาได้ในหมู่พวกเรา” (ที.สี.9/1/3)
(594)
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2566 10:38:22 น. |
Counter : 519 Pageviews. |
|
|
|