จีน : การลงทุนที่ย้าว...ยาว
อารัมภบท : วันซักฟอก
ก่อนจะไปถึงตัวเนื้อหาจริงๆ ขอเกริ่นให้เครดิตสักหน่อย สัมมนาครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ China : The Long Term Investment โดย ดร. สมภพ มานะรังสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเอเชียศึกษา จัดโดย TMBAM ที่โรงแรมพลาซ่า แอทเธอนี ..เอ สะกดถูกหรือเปล่าเนี่ย เมื่อบ่ายวันศุกร์ลุ้นระทึกที่ผ่านมานี้ เย้ว เย้ว ราชดำเนิน
ตอนแรกที่ตัดสินใจไปฟังก็เพราะอยากจะได้มุมมองจากผู้รู้จริงเรื่องจีน (ซึ่งตอนนั้นยังไม่เปิดเผยว่าใครเป็นวิทยากร) โดยมีข้อสงสัยว่าทำไมกองทุนจีนที่ TMBAM บริหารจัดการอยู่กองหนึ่ง คือ China Equity ถึงด้อยค่าลงทุกวัน ไหน ไหน บอกว่าเศรษฐกิจจีนดีไง จาก IPO ที่ 10 บาท เปิดเทรดวันแรก 11 บาท แล้วก็หล่นตุ๊บลงไปเหลือแค่ครึ่งเดียว มีอะไรในดินแดนกอไผ่และกังฟูแพนด้าที่เรายังไม่รู้หรือถูกปิดบังอยู่
ปรากฏว่าตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงที่วิทยากรสาธยายล้วนเป็นเรื่อง Macroทั้งสิ้น คนฟังก็พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่อง เห็นพ้องบ้าง หลับบ้าง..แห่ะ แห่ะ แต่พอถึง Q&A นี่ซิ ทุกตาตาสว่าง ได้เวลาเอาคืนแล้ว... ผู้จัดการกองทุนและ MD ซึ่งไม่ได้ถูกกำหนดให้ขึ้นเวทีอภิปราย ต้องถูกตามตัวมาตอบคำถามระรัวเป็นชุด เหมือนถูกซักฟอกอย่างหนักจากผู้สูญเสียเงินลงทุนที่หายไปเกือบ 50%แต่แรกเริ่ม
จนทำให้ Hi Light เบี่ยงจากภาพ Macro กลายเป็นเรื่องการลงทุนอย่างเดียว
แน่นอน..หลายคนมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ หวังจะซัดของว่างให้เต็มคราบ รีบมาก่อนเวลา ก็มีอยู่น้อยนิด 3 อย่างเท่านั้นเอง คือ ชิ้นแซนวิสเล็กๆ เอแคลร์ลูกเท่าหัวแม่โป้ง และแผ่นเค้กกระจุ๋มกระจิ๋ม แถมขาดระยะอีกต่างหาก
เฮอ..โชคดีที่ตัวเองไม่ได้ลงทุนไปกับเขาด้วย (โชคดีที่ไม่ค่อยมีเงินเย็นเหลือเยอะด้วย อิอิ) เลยพยายามนั่งฟังอย่างเป็นกลาง และจับประเด็นของคำบรรยายมาสรุปโดยไม่ต้องมีอารมณ์ขุ่นข้องเป็นพื้นฐาน มาแจกจ่ายให้เพื่อนๆในเวปรับรู้
หรือการจัดครั้งนี้เพื่อปลอบใจ ตอกย้ำความมั่นใจว่า จีน ยังมีอนาคตที่ยาวไกลมาก มาก ครับพี่น้อง
ฉะนั้นตกไป 50% ก็รอเอาคืนอีก 150% ภายในปี สองปีนี้แหละ ก็บอกแล้ว การลงทุนเป็นเรื่องให้เงินทำงานระยะย้าว...ยาว
ส่วนที่ท่านที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนนี้ก็ดูๆเสียหน่อย อย่าปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป ว่ากันตามนั้น
ดีหน่อยที่ MD ได้กราบขอโทษผู้ลงทุนทุกคนถึงผลประกอบการที่ผิดคาด ช่วยลดบรรยากาศที่กำลังปะทุร้อนแรงพอๆกับแถวทำเนียบรัฐบาลลง
เอาล่ะครับ บอกให้รู้ที่มาที่ไปของการจัดสัมมนานี้เสียก่อนว่า ทาง TMBAM ไม่ได้ตั้งใจจะขายกองทุนใหม่แต่อย่างไร (แต่อนาคต ไม่แน่)
หลุกพ้นจากเรื่องซักฟอกแล้ว ค่อยเข้าเรื่องมีสาระเสียที กูรูจะเรียบเรียงคำบรรยายมาถ่ายทอดในสไตล์ตัวเองเป็นลำดับ เพราะถ้าเอาคำพูดของ ดร.สมภพ มาทั้งดุ้น คงจะงงเก็ก เพราะอาจารย์พูดเร็วมาก จนบางครั้งฟังและจดไม่ทัน ชื่อเมือง ชื่อจังหวัดก็เป็นภาษาจีน ต้องขอไปค้นเพิ่มเติม เพราะตัวเองก็ไม่เคยกลับไปรากเหง้าตัวเองเลย..สักวันเหอะน่า
นอกเหนือจากเมืองจีนแล้วยังมีเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับเวียดนามด้วย ทิ้งไว้ตรงนี้ให้เพื่อนทายกันว่า สินค้าไทยตัวไหนที่ขายดีที่สุดในเวียดนามขณะนี้
Create Date : 24 มิถุนายน 2551 |
|
10 comments |
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 8:48:30 น. |
Counter : 799 Pageviews. |
|
|
ดร.สมภพ ปลุกให้คนฟังตาโตด้วยการเปิดเม็ดเงินแดนมังกรให้คนฟังทราบ
(เอ๋...สรรพนามชวนเกรงขามไปหรือเปล่า ขอเรียกพี่หมีกังฟูแพนด้าเข้าสมัยดีกว่า อิอิ..)
ทุนสำรองของพี่หมีกังฟูแพนด้า ณ วันนี้อยู่ที่ 1.76 ล้านล้านเหรียญ
ขณะที่เงินสำรองทั่วโลกมีอยู่ 6 ล้านล้านเหรียญ
คิดคร่าวๆภาษาคนอ่อนเลข 1 ใน 6 เชียวหรือเนี่ย ว๊าว
เมื่อเงินหยวนท่วมจีนอย่างนี้ก็ต้องหาทางระบายออก ไม่งั้นอึดอัดแน่นจุกตายแน่ๆ
การระบายเงินออกของพี่หมี ก็ไม่ใช่นึกอยากจะเขวี้ยงไปที่ไหนก็ได้
มีการดำเนินการด้วยประสิทธิภาพนั่นก็คือ
หนึ่ง เอาไปใช้สร้างระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ตอนในของแผ่นดิน
โดยเฉพาะบริเวณภาคกลางและภาคตะวันตกซึ่งยังกันดาร ยากไร้
เมื่อสาธารณูปโภคขั้นมูลฐานพร้อม (ถนน น้ำ ประปา ไฟฟ้าสนามบิน)
การขยายตัวด้านอุตสาหกรรมก็จะเกิดขึ้นตามมา
การประกาศตัวให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเชื้อชวนชาวต่างประเทศให้มาลงทุนก็ง่ายขึ้น
สอง เอาไปลงทุนในต่างประเทศเสีย
ลงทุนโดยตรง ก็ไปสร้างเขื่อน สร้างฝาย สร้างสารพัดระบบสาธารณูปโภคในประเทศด้อยพัฒนาต่างๆ
ทั้งในแอฟริกา เอเชียใต้ อเมริกาใต้ แต่ทวีปหลังอาจจะยากหน่อยเพราะพี่ใหญ่ลุงแซมก็จ้องตาเป็นมันเหมือนกัน
วิธีการนี้ยิงนกทีเดียวได้ 2 ตัวก็คือ นอกจากได้พัฒนาศักยภาพของแรงงานจีนให้ชาวโลก(ที่ 3)ประจักษ์แล้ว
เมื่อประเทศนั้นพัฒนาขึ้นมาอีกระดับ ประชากรมีรายได้มากขึ้นก็จะหวนซื้อสินค้าที่ Made in Chinaมากขึ้น
(สิทธิมนุษยชนหรือใครจะแซงชั่นใคร ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ทะเลาะไล่ล่าฆ่ากัน เป็นเรื่องภายในประเทศนั้นๆ
ข้าน้อยขอไม่รับรู้...อันนี้กูรูคิดในใจ )
ตัวอย่างล่าสุด จีนไปลงทุนสร้างสนามบินในทิเบต
ทั้งๆที่มีประชากรอยู่เพียง 80,000 คน
อันนี้อาจจะเป็นเรื่องของการเมืองเข้ามาเอี่ยวสักหน่อย
เพื่อประกาศชัดแจ้งว่านี่เป็นดินแดนภายใต้ในอุ้งตีนหมีเอ๊ย..ภายในอาณัติของอั๊วนะเฟ้ย
ลงทุนทางอ้อม ก็คือ ซื้อสินทรัพย์ราคาถูกๆทั้งหลายนอกประเทศ
จากบริษัทที่มีปัญหาหนี้สินรุมเร้า ขาดสภาพคล่องหรือต้องการระดมทุนจากพันธมิตรใหม่
ทั้งที่จดและยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำ
เมื่อเป็นเช่นนี้มูลค่าทรัพย์สินต่างประเทศของจีนก็เพิ่มขึ้นพะเรอ เออเฮอ..อิจฉา อิจฉา