|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คืนนี้...ที่เชียงคำ
3 ตุลาคม 2549
หลังจากไปนอนเล่นบนดอยปางปูเลาะมาหนึ่งคืน ด้วยน้ำใจและน้ำแรงจากนุกับติ๋มเพื่อนรุ่นน้องสองคู่รัก(อันที่จริงผมเป็นเพื่อนกับพ่อเขา)อาสาเป็นสารถีให้ไม่ว่าผมต้องการจะไปไหน เขาและเธอยินดีขับรถไปส่ง
ผมตัดสินใจเก็บสัมภาระเตรียมตัวออกจากบ้านพี่ปอน เพราะพี่ปอนกลับมาแล้ว และคิดว่าสมควรแก่เวลาที่จะกลับบ้านได้แล้ว แต่ในใจก็มีลังเลนิดหน่อยว่า น่าจะได้ไปต่อที่ไหนอีกสักหน่อยก่อนกลับบ้าน นุกับติ๋มเสนอว่าจะพาไปดอยแม่สะลอง เพราะมีเพื่อนเขียนรูปอยู่ที่โน่น แต่เมื่อติดต่อแล้วปรากฏว่าเจ้าบ้านไม่อยู่ เลยเคว้งคว้างว่าจะไปไหนดี ใจผมยังค้างคาอยู่ที่ดอกคำใต้ คราวนี้มีรถแล้วขอเวียนกลับมาที่ดอกคำใต้อีกสักครั้งเถอะน่า เพื่อหวังว่าจะถ่ายรูปที่ต้องการให้ได้ เลยบอกให้นุวิ่งออกทางสายเก่าเพื่อที่จะได้พบเห็นภาพวิวที่แปลกตาไปบ้าง ได้ภาพตูบตามท้องนาและทุ่งข้าวสีเขียว แต่ไม่มีดอกคำใต้ เพราะยังไม่ถึงฤดูกาล ผมจำตัดใจเรื่องมนต์รักดอกคำใต้ทิ้งไป ผมลังเลว่าจะกลับไปซื้อตั๋วเดินทางดีหรือว่าหาที่พักที่ไหนสักคืนหนึ่งดี ผมนึกถึงเมืองเชียงคำ เพราะได้ยินชื่อมานานแล้วแต่ยังไม่เคยมาและเพิ่งเห็นรูปวัดนันตารามในหนังสือ สู่อ้อมแขนแผ่นดินลานนา ที่พี่ปอนเพิ่งมอบให้หมาดๆ
ผมโทรศัพท์หาครูติ๋ม(ทำไมผมรู้จักคนชื่อติ๋มเยอะจังนะ และแต่ละคนก็ใจดีทั้งนั้น- ต้องเขียนเรื่อง "หากโลกนี้ไม่มีติ๋ม" เสียแล้ว)บ้านเธออยู่ อ.จุน อย่างน้อยเธออาจรู้เรื่องที่พักบ้าง เป็นจังหวะที่เธอกำลังมาทำธุระที่เชียงคำพอดีและบอกว่าที่เชียงคำมีรีสอร์ทแห่งหนึ่งเธอรู้จักกับเจ้าของ ผมบอกกกับเธอว่าเน้นราคาถูกเข้าไว้ และต้องการบรรยากาศเงียบสงบ ในที่สุดผมก็บอกนุกับติ๋มว่าคืนนี้เราค้างที่เชียงคำกันดีกว่า เพราะบางทีเราไปเที่ยวแบบไม่หวังอะไรเลยก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยนอนในที่เงียบสงบสักคืนแล้วค่อยเตรียมตัวกลับบ้าน
ทันทีที่รถค่อยวิ่งเข้าสู่เมืองเชียงคำ ผมเริ่มรู้สึกดีตั้งแต่เห็นทุ่งนาบางทุ่งที่เริ่มเป็นสีทอง กลิ่นหอมข้าวฟุ้งจนนุกับติ๋มบอกว่าข้าวแถวนี้สุกแล้ว พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงตัดกับสีเขียวอยู่ริมทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา ผ่านวัดนันตาราม ผ่านวัดพระนั่งดินผ่านโรงบ่มเก่าๆที่เลิกใช้งานแล้ว ผ่านค่ายทหาร ฯลฯ ผ่านโบสถ์คริสตจักรศรีบานเย็น เชียงคำมีเสน่ห์กว่าที่ผมคิดเสียแล้ว ครูติ๋มขับรถนำหน้าออกจากเชียงคำมาที่ตำบลทุ่งเย็น โดยมีนุขับรถตามมาติดๆ ผมนั่งคู่กับนุ ส่วนติ๋ม(แฟนนุ)นั่งอยู่ด้านหลัง รถผ่านประตูที่เขียนไว้ว่า "คุ้มขนาบเขา"
ดวงตะวันยามเย็นทว่ายังมีแสงสว่างชัดเจน รถครูติ๋มมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่ง ขณะที่ผมกับนุกับติ๋ม ยังงงไม่หายขณะลงจากรถ ถามตัวเองว่านี่หรือรีสอร์ท ? เมื่อลงจากรถก็ได้พบกับคุณมาเรียผู้เป็นเจ้าของ เธออยู่วัยสี่สิบต้นๆดูท่าทางคล่องแคล่วและใจดี เธอเล่าให้ฟังว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นบ้านส่วนตัว แต่กำลังจะเปิดทำรีสอร์ทในเร็วๆนี้ ส่วนรีสอร์ทที่เปิดให้พักคือบ้านขนาดย่อมๆลงมาที่อยู่รอบนอกๆนั่นคือเธอเปิดให้พักแต่ตอนนี้สะดวกสุดก็น่าจะเป็นที่คฤหาสน์หลังนี้ เพราะทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
เธอพาไปดูตามบ้านต่างๆ ผมกลับพอใจที่หอสูงสามชั้นชั้นละห้อง ทุกด้านเป็นกระจก สามารถรูดม่านปิดได้ทั้งสี่ด้าน เธอตั้งชื่อว่าหอกระท้อนเพราะอยู่ใกล้ต้นกระท้อนใหญ่อายุร้อยปี
ใจผมอยากพักห้องเล็กๆที่เป็นหอกระจกเพราะรู้สึกชอบที่ขนาดเล็กและเป็นส่วนตัวดี แต่ปรากฏว่าระบบน้ำขัดข้องนิดหน่อย พรุ่งนี้เธอจะให้ช่างมาจัดการให้ เธอจึงให้นอนที่ห้องหนึ่งของคฤหาสน์ ซึ่งห้องกว้างขวางมากหากนอนเบียดๆกันก็ได้เป็นสิบ
ในห้องมีตู้เย็น มีทีวี ห้องน้ำปูพื้นด้วยหินอ่อน เปิดบานประตูออกไปก็จะเห็นสระน้ำขนาดกว้าง 60 ไร่สุดลูกหูลูกตา ผมตกลงใจนอนห้องที่เธอเตรียมไว้เพื่อจะได้ไม่เป็นคนเรื่องมาก ส่วนนุกับติ๋มนั้นต้องการกลับบ้านที่พะเยาเพราะเป็นห่วงแม่
ถึงตรงนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องทำให้ผมสามารถเดินทางมาถึงตรงนี้ได้ และต้องขอบพระคุณคุณมาเรียเป็นอย่างสูงที่เปิดโอกาสห้ผมได้นอนในคฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งว่าไปแล้วโอกาสที่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้เป็นเรื่องยากพอสมควรสำหรับผม ผมหลับอย่างสบายจนกระทั่งรุ่งเช้า ตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนคฤหาสน์หลังนี้เพียงลำพังแต่ผู้เดียว ผมรีบลุกขึ้นไปเพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ยามเช้า
ขณะที่ผมเดินๆดูพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ริมระเบียงคฤหาสน์มองดวงตะวันหลังม่านหมอกค่อยๆโผล่พ้นเทือกเขาเหลื่อมสลับซับซ้อน เดินสำรวจบริเวณที่ว้าง 120 กว่าไร่ หลังจากถ่ายรูปจนพอใจ
นึกถึงเมื่อคืนก่อนยังนอนอยู่ในหมู่บ้านเย้าบนดอยปางปูเลาะ แต่เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาพบตัวเองเดินอยู่ในคฤหาสน์ ผมเอื้อมมือหยิกแขนตัวเองว่านี่ผมกำลังฝันไปหรือเปล่านะ ?
----------------------------------
คุณมาเรียเรียกคฤหาสน์หลังนี้ว่า "ตึกใหญ่"
ริมระเบียงด้านหน้า
บึงน้ำยามเช้า
Create Date : 03 ตุลาคม 2549 |
|
16 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2549 16:16:28 น. |
Counter : 5695 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ก ไก่ IP: 124.120.129.29 3 ตุลาคม 2549 16:36:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.136.85.152 3 ตุลาคม 2549 19:20:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปิ่นกำนัน IP: 203.113.45.205 3 ตุลาคม 2549 20:23:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.41 4 ตุลาคม 2549 9:35:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลายแปรง IP: 222.123.86.41 4 ตุลาคม 2549 11:02:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: gee IP: 203.157.14.245 4 ตุลาคม 2549 12:00:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย IP: 58.136.148.44 4 ตุลาคม 2549 15:03:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย IP: 58.136.148.44 4 ตุลาคม 2549 15:05:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ปันปอง (วีดวาด ) 4 ตุลาคม 2549 18:48:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนจันท์ IP: 125.25.46.55 4 ตุลาคม 2549 22:47:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่ IP: 222.123.66.86 8 ตุลาคม 2549 18:23:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซิ้นดี้ IP: 210.4.139.129 14 ตุลาคม 2549 20:35:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนแถวนั้น IP: 115.67.85.229 21 เมษายน 2552 17:04:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนหักอก IP: 10.0.0.121, 118.173.224.98 25 พฤศจิกายน 2552 12:38:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: Hom IP: 124.121.211.65 26 กันยายน 2560 20:01:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ม่ายรู้ยังจำกันได้อะป่าวน๊า
คงสบายดีนะคะ
ดูแล้วน่าอิจฉาจังเลย
ดูแล้วชีวิตมีความสุขจังค่ะ
ด้วยความระลึกถึงอยู่เสมอ ๆ ค่ะ