จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
กองไฟและความฝันที่หุบเขาฝนโปรยไพร




ขณะที่รถเกือบจะเลยบ้านไม้สองชั้นไปแล้ว สายตาผมเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสาละวนอยู่ที่ราวตากผ้า ลักษณะการแต่งกายมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้แน่ ด้วยระยะที่ไม่ไกลนักก็พอจะจำเค้าได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคืออุรุดา โควินท์ นักเขียนสาวคู่ชีวิตของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นั่นเอง

ผมตะโกนเรียกชื่อเล่นของเธอ เมื่อเธอขานรับ โชเฟอร์สาวก็ถอยหลังกลับเล็กน้อยแล้วเลี้ยวรถลงไปจอดที่หน้าบ้าน ขณะที่ผมก้าวลงจากรถ กนกพงศ์ก็ออกมาต้อนรับ สีหน้าและท่าทางของเขาบ่งบอกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้มาเยือนโผล่พรวดถึงบ้านโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า

ทันทีที่เท้าสัมผัสแผ่นดินที่นี่และเมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบผมบอกตัวเองได้ในทันทีว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่ ทั้งที่เจ้าของบ้านยังไม่ทันชักชวนให้นอนค้าง ผมก็ชิงเอ่ยปากขอพักด้วย เมื่อเขารับคำ ผมก็ทยอยขนกระเป๋าสัมภาระลงจากรถ

กนกพงศ์พาผมเดินมาทางด้านหลังบ้านซึ่งเป็นครัวหลังคามุงจาก ด้านข้างบ้านพื้นปูเป็นลานทรายซึ่งเป็นทรายที่ขนมาจากแม่น้ำ กนกพงศ์เล่าให้ฟังว่า ชาวสวนที่นี่ส่วนใหญ่จะปูพื้นทรายรอบๆบ้าน นอกจากจะทำให้รอบๆบ้านสะอาดสวยงามแล้วยังเป็นการป้องกันสัตว์เลื้อยคลานมีพิษเข้าบ้าน เพราะเวลามันเลื้อยออกจากป่ารกแล้วมาพบผืนทรายที่สะอาดโล่งมันจะไม่กล้าเข้า

ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ซึ่งเป็นต้นเงาะและต้นทุเรียน มีโต๊ะไม้ทำอย่างง่ายๆด้วยฝีมือของกนกพงศ์ สำหรับนั่งรับประทานอาหารหรือดื่มชากาแฟ ไม่ไกลกันนักเป็นกระบะใหญ่มีดุ้นฟืนและกองเถ้าทิ้งร่องรอยไว้ ทำให้นึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนที่มีเพื่อนฝูงมาช่วยกันก่อกองไฟแล้วนั่งล้อมวงสนทนากัน ถัดไปมีเปลญวนไว้นอนเล่น แค่มองเห็นก็ให้ความรู้สึกรื่นรมย์แล้ว

แดดยามบ่ายสาดทะลุใบไม้ลงบนผืนทรายแต้มลวดลายเป็นดอกดวงสวยงาม แสงแดดแถวนี้เดี๋ยวบานเดี๋ยวหุบตามอำเภอใจ เวลาส่วนใหญ่ของวันจะเป็นของสายฝนเสียมากกว่า และไม่ว่าเป็นจะฤดูกาลใดก็สามารถมีสายฝนโปรยได้ตลอดเวลา จึงเป็นที่มาของชื่อ “หุบเขาฝนโปรยไพร” ตามที่กนกพงศ์ตั้งขึ้น

หลังจากเพื่อนๆที่นั่งรถพาผมมาส่งขอตัวกลับ ผมกับกนกพงศ์ก็นั่งปักหลักสนทนากันที่โต๊ะใต้ร่มไม้ โดยมีอุรุดาเป็นผู้เสิร์ฟชาและกาแฟให้เป็นระยะๆ นานๆเธอจึงจะแทรกบางประโยคเข้ามาในวงสนทนาบ้าง

บ้านสองชั้นอายุกว่าห้าสิบปีแล้วหลังนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านในเขียว ตำบลทวนหงส์ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมทีนั้นเป็นของชาวสวน กนกพงศ์มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่เป็นเวลาราว 5 ปีแล้ว โดยที่ปีแรกเขาอาศัยอยู่เพียงลำพัง และปีถัดมาจึงมีอุรุดามาอยู่ร่วมชายคาด้วย

เธอปลูกต้นไม้นานาชนิดรอบบ้านและแต้มระบายสีสวยๆให้กับประตูหน้าต่าง พูดได้ว่าเธอคือผู้ทำให้บ้านหลังนี้มีสีสันและมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ในขณะเดียวกันตัวเธอเองก็เป็นชีวิตชีวาและสีสันของบ้านหลังนี้เช่นกัน

ภายในบ้านหลังนี้อุดมไปด้วยหนังสือจำนวนนับพันเล่ม มีตั้งแต่นิยายแปลคลาสสิกจนไปถึงหนังสือของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ หนังสือพิมพ์รายวันและรายสัปดาห์ที่เพิ่งวางแผงไม่เคยขาดชั้นหนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องที่พอจะบอกได้ว่า “นักเขียน” กับ “การอ่าน” นั้นน่าจะเป็นของคู่กัน

เขาและเธอเลือกวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ทั้งคู่ไม่ยอมใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์บ้านหรือมือถือ ถ้าจำเป็นจริงๆก็จะออกไปโทร.ข้างนอก ส่วนใหญ่เขาติดต่อกับเพื่อนฝูงทางจดหมายด้วยการเช่าตู้ป.ณ.ไว้ หุงข้าวทำกับข้าวด้วยเตาฟืน น้ำที่ใช้อาบและซักผ้าเดินท่อต่อมาจากน้ำตกอ้ายเขียวที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก

ความจริงแล้วผมกับกนกพงศ์ก็ไม่ได้สนิทสนมกันเป็นพิเศษ เราพบกันบ้างตามวาระโอกาสต่างๆในงานแวดวงวรรณกรรม ผมรู้สึกกับเขาตามทำนองสุภาษิตจีนที่ว่า “พบกันครั้งเดียว เป็นมิตรตลอดกาล” สำหรับการได้พบกันครั้งนี้ผมมีความรู้สึกประทับใจในตัวเขาหลายอย่าง แต่ที่อยากเล่าให้ฟังมีอยู่สามเรื่อง

เรื่องแรก คือช่วงที่เขาพาผมไปเที่ยวน้ำตกอ้ายเขียว ตอนข้ามลำธารผมถอดรองเท้าเดินตามไปห่างๆ เขาเดินขึ้นนำหน้าไม่ยอมหยุดและเดินลัดเลาะขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ส่วนผมแค่อยากมาเห็นและถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะไม่นึกสนุกกับการปีนป่ายน้ำตกในตอนนี้ แต่เขาอยากพาผมขึ้นไปเพื่อให้ได้เห็นน้ำตกชั้นที่สวยกว่าชั้นที่ผ่านมา

ผมจึงบอกเขาว่า “ไม่ได้ใส่รองเท้า” ด้วยเกรงว่าจะเหยียบหนามเพราะทางที่เขาเดินนำไปนั้นรกเรื้อพอสมควร เขากลับแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเสียสละรองเท้าแตะให้กับผม ส่วนตัวเขานั้นยอมเดินเท้าเปล่า เมื่อเป็นดังนั้นผมก็ต้องใส่รองเท้าเดินตามเขาต่อไปอีก โชคดีที่สะพานซึ่งจะเดินต่อไปขาด เขาจึงวกกลับเพื่อเดินลง

เรื่องที่สอง คือเรื่องอาหารมื้อหนึ่งในวันสุดท้ายก่อนลากลับ อุรุดาแสดงความคิดเห็นว่าเราน่าจะไปกินข้าวนอกบ้านกัน ผมเห็นด้วยเพราะจะได้สะดวกทุกๆอย่างและไม่ต้องทำอะไร แต่กนกพงศ์ไม่ยอมและบอกว่า “ตั้งแต่มายังไม่ได้กินข้าวที่บ้านเลย” แล้วเขาก็เดินออกไปเก็บผักข้างบ้าน ชั่วเวลาไม่นานนักผมก็ได้ลิ้มรสมือทำกับข้าวของเขา ต้องยอมรับว่าฝีมือของเขาเยี่ยมจริงๆ

เรื่องที่สาม คือการสนทนา ครั้งนี้เราได้สนทนากันถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย เขาพูดถึงความศรัทธาในการเขียนหนังสือ ซึ่งมีผลต่อศรัทธาต่อการมีชีวิต การเขียนหนังสือคือการทิ้งร่องรอยเล็กๆไว้ในโลกนี้ และวันนี้เขาลุกขึ้นมาทำหน้าที่บรรณาธิการคัดเลือกและรวบรวมเรื่องสั้นจากนักเขียนทั่วประเทศ เพื่อทำเป็นพ็อคเก็ตบุ๊ครายสี่เดือนในนามสำนักพิมพ์นาคร ท่ามกลางบรรยากาศหนังสือรวมเรื่องสั้นหรือประเภทวรรณกรรมที่มียอดพิมพ์ต่ำอย่างน่าใจหาย

ผมรู้สึกมีความสุขและอิ่มใจที่ได้นั่งสนทนากันโดยปราศจากความมึนเมาใดๆ ซึ่งต่างจากเวลาที่เราพบกันตามงานวรรณกรรมต่างๆเมื่อก่อนนี้

เมื่อผมนึกทบทวนถึงบทสนทนาระหว่างผมกับเขาขณะที่ผมได้มาพักที่บ้านหลังนี้ ผมได้พบว่านอกจากกนกพงศ์จะเป็นนักเขียนฝีมือระดับรางวัลซีไรต์แล้ว เขายังเป็นนักเล่าเรื่องและนักฟังชั้นดีทีเดียว

ขณะที่บทสนทนาดำเนินไป ผมเปิดใจน้อมรับฟังความคิดเห็นของคู่สนทนา ไม่ทำตัวเป็นชาล้นถ้วย ผมเริ่มได้สัมผัสกับความรู้สึกจริงๆและมากขึ้นเรื่อยๆว่า “เสียงจากคนอื่นสามารถออกมาจากเราได้ และเสียงของเราก็สามารถออกมาจากคนอื่นได้เช่นเดียวกัน” *


----------------------------

*คำพูดประโยคหนึ่งของ “ครูมี่”จากกระดานข่าวของเสมสิกขาลัยที่ //www.semsikkha.org


หมายเหตุจากผู้เขียน

วันที่ 5-7 มกราคม 2549 ได้ไปเยือนกนกพงศ์ที่บ้าน “หุบเขาฝนโปรยไพร”

วันที่ 23 มกราคม 2549 ส่งต้นฉบับเรื่องนี้ให้บรรณาธิการ “ขวัญเรือน”

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2549 ได้รับข่าวทางโทรศัพท์ว่า กนกพงศ์เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการติดเชื้อในปอด

ขอให้ “กองไฟและความฝัน” ของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มีส่วนช่วยจุดประกาย ไฟฝันของคนหนุ่มสาวรุ่นต่อไป…



------------------------



Create Date : 07 มีนาคม 2549
Last Update : 7 มีนาคม 2549 0:47:48 น. 15 comments
Counter : 924 Pageviews.

 


ขออภัยสำหรับท่านที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว...


เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้อ่าน

เพราะผมอยากให้เขารู้ว่าผมรู้สึกประทับใจในความน่ารักและความมีน้ำใจของเขาอย่างไร

แต่ทว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องไว้อาลัยเรื่องหนึ่งในหนังสือที่ระลึกงานศพของเขา


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:0:54:03 น.  

 
รำลึกถึงคุณกนกพงศ์อีกครั้งค่ะ


โดย: rebel วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:7:35:01 น.  

 
ผู้ที่จากไปเหมือนจะดึงเอาหัวใจของคนที่อยู่ไปด้วย

^
^
^

เพื่อนคนหนึ่งตั้งชื่อใน MSN ไว้อย่างนี้ค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงประโยคนี้ของเพื่อนจริงๆ



โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:8:22:15 น.  

 
เรื่องรองเท้าตอนไปน้ำตกบ่งบอกใจของเจ้าของได้อย่างดี

ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่วิถีชีวิตของนักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์คนนี้ อย่างน้อยก่อนสิ้นลม เขาได้ลิ้มรสกับวิถีชีวิตเรียบง่าย ลดชั้นและจำนวนของวัตถุสิ่งปรุงแต่งชีวิต
ใช้มือถือมา 6-7 ปีแล้ว เคยลืมเอาติดตัวมาที่ทำงาน เวลาออกไปกินข้าว มักจะรู้สึกว่ามือมันว่างๆบางอย่างขาดหายไป ทั้งที่บางครั้งทั้งวันไม่ได้โทรหาใคร ไม่มีใครโทรมา แม้ว่ายามฉุกเฉินเร่งด่วน มันมีประโยชน์ แต่ก็อดถามไม่ได้ว่าเราถูกมัน"ยึด"ไปหรือเปล่า
เคยถูกต่อว่าจากเพื่อนโทรเข้ามือถือ จังหวะเราไม่ได้เปิดเครื่อง ถามเขาว่าทำไมไม่โทรเข้าที่ทำงานหรือที่บ้าน เคยให้เบอร์ไว้แล้ว ดูเหมือนว่าเราใช้มือถือจนเสมือนมันเป็นช่องทางเดียวของการสื่อสารไปแล้ว เบอร์บ้านที่เคยเป็นช่องทางหลักกำลังถูกลดเป็นแค่ทางเลือกหรือเสมือนไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไปสำหรับบางคน


โดย: J IP: 203.154.114.253 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:8:30:17 น.  

 
น้ำตกอ้ายเขียวหรือในเขียว ชั้นบนสวยจริงๆ ถ้าเป็นผมผมก็อยากพาไปดูให้เห็นกับตา นานๆ จะมาทั้งที น้ำใจของคนบ้านป่า... บริสุทธิ์ใจ ...เหมือนหยดน้ำค้าง ม่านหมอกและรินลำธาร


เทคโนโลยีกร่อนคุณค่าของความคิดถึง ความรู้สึกที่สายตาสัมผัสอักษรที่เขียนออกมาจากใจ ถึงมันจะขยุกขยิก อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง น้ำหนักที่จรดลงไปหนักเบาล้วนมีความหมาย




โดย: hidden file วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:10:19:54 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกอิจฉาวิถีชีวิตของคุณกนกพงศ์และคู่ชีวิตมากๆ ค่ะ

คงเป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ



เมื่อส.ค.ที่ผ่านมาเราไปงานแต่งเพื่อนที่นครฯและได้ไปเล่นน้ำตกที่น้ำตกอ้ายเขียว สนุกสนานมากๆ

ไม่รู้มาก่อนว่าน้ำตกที่สร้างความประทับใจให้ จะอยู่ใกล้กับคุณกนกพงศ์ถึงเพียงนั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:10:50:31 น.  

 
การนับคนเป็นมิตรดี หรือประทับใจในตัวของเขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเลยนะค่ะ ขอแค่ให้เราได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเท่านั้นก็จะเป็นบันไดขั้นแรกได้เลเยค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:13:38:56 น.  

 
อ่านด้วยความประทับใจมาก ค่ะ

นับถือยกย่องให้เป็นคน...ผู้ยิ่งใหญ่ อย่างแท้จริง ค่ะ


โดย: samranjai วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:17:23:07 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ



โดย: AY IP: 58.147.124.76 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:17:34:32 น.  

 
ชอบเรื่องนี้ค่ะ

อาจเพราะชอบงานเขียนของคุณกนกพงศ์ด้วย และกับคุณอุรุดา โควินท์ ก็ยังจำท่าทางเอียงอายของเธอได้เสมอทุกครั้งที่แวะบูธหนังสือและพบเธอ

เธอจะไม่ยอมบอกว่ามีผลงานใหม่ของเธอออกวางขายในงานหนังสือด้วย นอกจากหนอนฯ จะถามถึง เธอจึงจะหยิบหนังสือของเธอมาให้ดูและแนะนำด้วยท่าทีเกรงใจ

เธอบอกว่า "เกรงใจค่ะ เห็นพี่ซื้อหนังสือของนักเขียนหลายคนแล้ว" เมื่อเห็นหนังสือของเธอ...ก็ต้องอุดหนุนทุกครั้งไป คงเพราะเห็นความตั้งใจจริงที่ยอมสละอาชีพการงานดี ๆ มาเป็นนักเขียนสาวเพื่อทำงานเขียนอันเป็นงานที่รัก เช่นนี้ก็คงต้องอุดหนุนกันหน่อยล่ะ

กับการจากไปของคุณกนกพงศ์ หนอนฯ ชอบบทกวีร่วมไว้อาลัยหลายบทที่หลายคนเขียนถึงกนกพงศ์ค่ะ ซึ่งอาจหาอ่านได้ตามหนังสือและเว็บไซต์เกี่ยวกับหนังสือ (น่าเสียดายไม่มีโอกาสได้เห็นหนังสือที่ระลึกงานศพของคุณกนกพงศ์)

แต่บทกวีที่งดงามบทหนึ่งมีปรากฏในนิตยสารขวัญเรือน หน้าต่อจากคอลัมน์ริมรั้วหัวใจ เป็นบทกวีที่เขียนโดยคุณไพลิน รุ้งรัตน์ (ชมัยภร แสงกระจ่าง) ประทับใจมากค่ะ ไม่ต้องไปหาอ่าน เพราะยกมาให้อ่านที่นี่แล้วล่ะค่ะ (ต้องขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ของพ่อพเยียล่ะนะ)

แด่ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

เห็นมาแต่อายุสิบเก้าเยาวบุตร
ผมสั้นกุดนัยน์ตาใสหัวใจกระจ่าง
ค่อยเติบตนเป็นหนุ่มใหญ่ยิ้มบางบาง
เก็บทุกอย่างที่พบไว้ในตาลึก

ค่อยเปิดโลกเปิดความคิดพินิจหนัก
แต่ะเล่มเคี่ยวคลั่กตกผลึก
แต่ละตัวหนังสือคือเต็มนึก
แต่ละเรื่องฝ่าฝึกจารึกรอย

ยังมีไฟยังมีฝันยังวันอยู่
แล้วจู่จู่มาลาลับดับลงผล็อย
เหมือนฟ้าฟาดเขาหลวงลงร่วงลอย
โอ้ น้องน้อยสี่สิบมาจากลับ

จะไปสู่ "แผ่นดินอื่น" แล้วหรือเจ้า
ที่นั่นเขาดีกว่าใช่ใหมจึงไม่กลับ
ปล่อย "สะพานขาด" ใจไว้เยินยับ
"คนใบเลี้ยงเดี่ยว" ครับ ไยลับลา

เป็นยามเช้าแห่งกาฬปักษ์ทักทิน
แมวดำบินข้ามฝั่งยังโลกหน้า
"โลกหมุนรอบตัวเอง" อย่างช้าช้า
เป็นเช้าแห่งน้ำตาทะลักทลาย

ประเทศเสียนักเขียนที่ดีที่สุด
ถนนหนังสือเสียหมุดที่จุดหมาย
สะกดใจทำใจใครใครก็ตาย
พอนึกหน้าน้องชายต้ำตาเท
พอนึกหน้าน้องชายน้ำตานอง

ชมัยภร แสงกระจ่าง
13 กุมภาพันธฺ 49

แผ่นดินอื่น-สะพานขาด-คนใบเลี้ยงเดี่ยว-โลกหมุนรอบตัวเอง เป็นชื่อหนังสือผลงานหนังสือเล่มของคุณกนกพงศ์ สำหรับหนอนฯ แล้วยังชอบเล่ม "บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร" และ "ยามเช้าของชีวิต" ของเขามาก ๆ ด้วย สองเล่มหลังเป็นเรื่องเล่าแบบความเรียงเชิงบันทึกทัศนะของเขา อ่านสนุกค่ะ แม้จะเห็นต่างบ้างในบางประเด็น แต่โดยรวมก็จะชอบงานเขียนสองเล่มนี้ของคุณกนกพงศ์ค่ะ

และแม้วันนี้...คุณกนกพงศ์จะจากไปแล้ว แต่ผลงานของเขายังทิ้งร่องรอยไว้ให้เราตามอ่านและรู้จักตัวตนของเขาได้จนชั่วลูกหลานค่ะ

ขอบคุณพ่อพเยียที่เขียนเรื่องนี้ เพราะทำให้คนอ่านหนังสืออย่างหนอนฯ ได้รู้จักคุณกนกพงศ์มากขึ้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งในคอลัมน์ริมรั้วหัวใจที่อ่านแล้วประทับใจค่ะ


โดย: หนอนฯ IP: 61.91.89.64 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:2:53:46 น.  

 
แก้คำผิดค่ะ

"พอนึกหน้าน้องชายน้ำตาเท"

"กุมภาพันธ์"

ถามพ่อพเยีย คำว่า "กาฬปักษ์ทักทิน" ใช่เข่นนี้หรือไม่ (ลอกมาทั้งหมด) เป็นคำแปลกดี แต่อ่านแล้วจะสะดุดทุกครั้ง และต้องนึกหาความหมายที่ชัดเจนค่ะ


โดย: หนอนฯ IP: 61.91.89.64 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:3:02:09 น.  

 
สวัสดีค่ะ

Constant Gardener ยังเข้าโรงใหญ่อยู่ค่ะ แต่อาจแค่บางโรงเท่านั้น เราไปดูที่ลิโดค่ะ (แถวสยาม) ยังไงลองโทร.ไปสอบถามดูนะคะ 0-22526498 ค่ะ

ขอให้ชมภาพยนตร์ด้วยความรื่นรมย์


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:8:41:17 น.  

 


โดย: filmgus วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:12:40:15 น.  

 
ไม่ทราบว่าจะสามารถติดตามอ่านเรื่อง บักทึก ส่วนตัว ถึงตะกั่วป่า และกว่าจะถึงฝั่งฝัน ได้จากที่ไหนและอย่างไรครับ เจอที่หรรษาคลับแต่เปิดอ่านไม่ได้


โดย: เด็กลาดเหนือ IP: 58.10.250.31 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:18:29:01 น.  

 
นั่งอ่านไป
ฟังเพลงของญานีไป
ได้อารมณ์
หุบเขาฝนโปรยไพรดีแท้


โดย: ตาพราน IP: 117.47.104.218 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:19:34:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.