ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน Patrick Ness เขียน





































ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน  A Monster Calls
Patrick Ness, Siobhan Dowd เขียน
Jim Kay วาดภาพประกอบ
วรรธนา วงษ์ฉัตร แปล
สำนักพิมพ์ Words Wonder
295 บาท  206 หน้า


หลังปก

หนังสือเล่มแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับทั้งรางวัล Carnegie Medal และรางวัล Kate Greenaway Medal ในเรื่องเดียวกัน


ปีศาจปรากฏตัวหลังเที่ยงคืน...เหมือนกับปีศาจทั่วไป แต่ปีศาจตนนี้ไม่ใช่ปีศาจที่คอเนอร์คาดหวัง...มันเป็นปีศาจจากฝันร้ายที่เขาฝันเกือบทุกคืน นับตั้งแต่แม่เริ่มเข้ารับการรักษา...ปีศาจที่มากับความมืด กับสายลม และกับเสียงกรีดร้อง...

ปีศาจตนนี้เป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป อะไรบางอย่างที่เก่าแก่ อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมันต้องการสิ่งที่อันตรายที่สุด

มันต้องการ "ความจริง"



คุยกันหลังอ่าน


ต้นยูที่มองเห็นจากหน้าต่างบ้านกลายเป็นปีศาจตัวมโหฬารที่มาเยือนหลังเที่ยงคืน

ปีศาจบอกคอเนอร์ว่า มันจะเล่าเรื่องสามเรื่องให้ฟัง และเมื่อมันเล่าครบ คอเนอร์ต้องเป็นผู้เล่าเรื่องที่สี่ โดยเรื่องที่สี่ต้องเป็นความจริง

คอเนอร์ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

มันควรจะเป็นปีศาจในฝันหลอกเด็กเท่านั้น 

แต่ทำไมทุกครั้งที่มันมา กลับทิ้งร่องรอยไว้...






นี่ไม่ใช่นิยายผจญภัย ถ้าคุณหวังความตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจ หนังสือเรื่องนี้ไม่ใช่คำตอบค่ะ


หนังสือเล่าเรื่องชีวิตธรรมดาๆ ของคอเนอร์ เด็กผู้ชายอายุสิบสามคนหนึ่ง ซึ่งมีแม่ที่กำลังป่วยเป็นโรคร้าย สลับกับเรื่องเล่าจากปีศาจที่มาเยือนหลังเที่ยงคืน

เมื่อปีศาจเล่าเรื่องแรกจบ โอคิดว่าผู้อ่านคงเหมือนโอ คือรอฟังเรื่องต่อไป

เป็นความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างเหมือนจะเดาได้ แต่ก็เดาไม่ได้ และก็ไม่ใช่คาดไม่ถึง

เรื่องเล่าเหล่านั้นไม่ได้มีเพื่อสอน แต่ต้องการจุดประกาย และปล่อยให้ตกตะกอน เพื่อรอเวลาที่น้ำจะหมุนวนกวนให้ครุ่นคิดอีกครั้ง

เพราะฉะนั้นถ้าตอบว่านี่เป็นเรื่องแบบไหน ก็คงต้องตอบว่า เป็นเรื่องที่แฝงปรัชญาและข้อคิดค่ะ

ความรู้สึกตอนอ่านโอเครียดนะ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะชวนเครียดแบบนั้น ไม่รู้ทำไม


4.5 ดาว สำหรับโออาจจะขาดในแง่ความเพลิดเพลินไป บางฉากที่ควรจะต้องเรียกพลังและความรู้สึกธรรมชาติออกมาเต็มๆ โอกลับรู้สึกว่ามันถูกจัดวาง

ส่วนอ่านแล้วจะชอบหรือไม่ ขึ้นกับมุมมองของแต่ละบุคคลค่ะ 

โอไม่ได้ชอบ แต่โอคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ



ถ้าอ่านหนังสือจบแล้วแวะมาอ่านช่วงท้ายบล็อกอีกครั้งนะคะ โอจะระบายความคิดลงไป ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่รู้ถูกต้องหรือไม่ เนื้อเรื่องต้องใช้การตีความพอสมควร และไม่แน่ว่าจะมีแค่คำตอบที่ถูกคำตอบเดียวเสมอไปด้วย











ถ่ายภาพในเล่มให้ดูนิดๆ ค่ะ ว่าเป็นลักษณะไหน

ภาพถ่ายทุกใบใช้เพื่อการรีวิวเท่านั้นนะคะ



เปิดมาหน้าแรก แอ่น แอ๊น

ปกอ่อน หลังปกสีน้ำเงิน กระดาษทุกหน้าในเล่มเป็นกระดาษมัน ภาพประกอบและตัวหนังสือสีขาวและดำ






เริ่มเรื่อง






ปีศาจมาเยือน






ตัวมโหฬาร






มีทั้งแบบภาพใหญ่เต็มสองหน้า แบบมีภาพและตัวหนังสือรวมอยู่ด้วยกัน และมีเฉพาะตัวหนังสืออย่างเดียว







จบในเล่มแล้ว มาดูต่อว่าถ้าซื้อหนังสือจะได้อะไรบ้าง

ขวามือเป็นปลอกสวมคาดปกลายภาพยนตร์ สามารถถอดออกได้ทางหัวหรือท้าย ...แต่ไม่สามารถสวมกลับเข้าไปใหม่ได้ (มันคับง่ะ อุตส่าห์จะใส่กลับเข้าใหม่เพื่อถ่ายรูปอวด นี่สงสัยมากว่าคนใส่ใส่เข้าไปได้ไง Smiley)

มีที่คั่นให้สองลาย ลายเดียวกับปก และลายภาพยนตร์






กลับหลังหัน! (แต่ที่คั่นดื้อ ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง)








ตัวอย่างภาพยนตร์ A Monster Calls 

เข้าฉาย 1 ธ.ค. 59 (ฉายอยู่ตอนนี้นั่นเอง)




เพลงประกอบภาพยนตร์ค่ะ เพราะดีนะคะ  นำเสนอเนื้อเรื่องออกมาได้ดีด้วย Smiley








ระบายบันทึก

ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ แนะนำให้ข้ามส่วนนี้ไปก่อนค่ะ

.
.
.
***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***
(เปิดใน PC คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากยาวๆ หรือกด ctrl+A
เปิดในมือถือ
กรณีเปิดโดยใช้ desktop version ใช้นิ้วกดค้างไว้ให้ขึ้นแถบหัวท้าย ลากท้ายมาให้สุด 
กรณีเปิดโดยใช้ mobile version ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะจะไม่เห็นส่วนที่โอทำแถบกันสปอยล์ อ่านได้ตามปกติ)
.
.
.
.
.
.
.
.

- ทุกคนมีทั้งส่วนดีและส่วนที่ไม่ดี คุณไม่อาจตัดสินใครคนใดคนหนึ่งจากการกระทำเพียงอย่างเดียว เพื่อบอกว่าเขาเป็นคนยังไง เพราะในอีกแง่ เขาก็อาจเป็นคนที่ดี มีประโยชน์ หรือบริสุทธิ์ก็ได้

- เช่นเดียวกัน ทุกคนมีปีศาจอยู่ในตัว ปีศาจสะท้อนความคิดด้านร้าย เมื่อไรที่ปล่อยให้ความคิดด้านร้ายมีอิทธิพล คุณจะถูกปีศาจครอบงำ 

ที่ปีศาจในเรื่องออกมา เพราะคอเนอร์ปล่อยให้ความคิดด้านร้ายเข้ามากลืนกินตัวเอง

เขาเครียดและกดดันเรื่องแม่อยู่แล้ว พอเจอเรื่องที่โรงเรียน เรื่องพ่อ เรื่องยาย ทุกอย่างสะสมเพื่อรอเวลาที่จะระเบิด

เขารู้ว่าแม่ต้องตาย เขาไม่อยากให้แม่ตาย แต่เขาก็เกลียดช่วงเวลาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรก้าวต่อไป หยุดกับที่ หรือเดินถอยหลัง ช่วงเวลาที่เป็นเหมือนต้นเหตุของเรื่องร้ายๆ ที่ตามมา เขาจึงต้องการให้มันหายไป ซึ่งการจะให้มันหายไปนั้น เท่ากับเขาต้องการให้แม่ตาย

ฝันร้ายที่หลอกหลอนคอเนอร์ที่สุดคือเขาไม่อาจรั้งมือแม่ไว้ได้ เขาเป็นต้นเหตุให้แม่ตาย

ความกดดันและขัดแย้งส่งผลให้เขาเริ่มเกลียดตัวเอง ตอนนี้เองที่ตัวละครแฮร์รีเข้ามามีบทบาท

- ส่วนของแฮร์รีเป็นช่วงที่โองุนงงสับสนมากที่สุด แต่จะขอเขียนตามความเข้าใจ

คอเนอร์ปล่อยให้แฮร์รีและพวกทำร้าย เพราะพวกเขาเป็นคนทำสิ่งที่ลึกๆ แล้วคอเนอร์ต้องการ เขาต้องการลงโทษตัวเอง เพื่อลดความรู้สึกผิดของเขาลง

แฮร์รีรู้สึกมาตลอดว่าคอเนอร์มีอะไรในใจ และมีบางอย่างที่คอเนอร์ต้องการจากตัวเขา แต่แฮร์รีไม่เข้าใจ กระทั่งช่วงสุดท้าย แฮร์รีถึงรู้ ว่าเขาถูกใช้เป็นตัวแทน เป็นเครื่องมือลงโทษความผิดบาปในใจคอเนอร์ 

แฮร์รีผิดหวัง จึงเลือกที่จะปล่อยคอเนอร์ไป ไม่ขอสนใจหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป "ฉันจะไม่เห็นนายอีกต่อไป" ซึ่งไปโดนต่อมสำคัญอีกต่อมของคอเนอร์เข้าพอดี

- ตลอดระยะเวลาที่แม่ป่วย คอเนอร์ถูกปฏิบัติราวกับเป็นกระเบื้องล้ำค่า ไม่กล้าใช้งาน ไม่กล้ายุ่งเกี่ยว กลัวมันแตกหัก 

ครูผ่อนผัน เพื่อนห่างหาย

แต่ทั้งหมดนั้นคอเนอร์ไม่ต้องการ เพราะเขาเป็นคน มีชีวิตจิตใจ เขาอยากได้ชีวิตเก่าของเขาคืนมา

ถามคำถามฉันสิ!
ทวงงานฉันสิ!
ลงโทษฉันสิ ฉันทำผิดนะ!

อย่ามองเหมือนฉันเป็นคนป่วย
ช่วยทำเหมือนปกติได้ไหม

มองฉันสิ!
คุยกับฉันสิ!
ฉันไม่เปราะบางขนาดนั้น!

ฉันไม่ต้องการให้เธอทะนุถนอม
ฉันไม่ต้องการให้เธอระวัง
ฉันอยากเป็นฉันคนเดิม

พอแฮร์รีที่เป็นคนเดียวที่ทำเหมือนคอเนอร์เป็นคนธรรมดา บอกว่าจะไม่สนเขาอีกต่อไป คอเนอร์เลยระเบิด ปีศาจเลยออกมา

- เมื่อลิลี (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคอเนอร์ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนทำเหมือนคอเนอร์ไม่ปกติอีกต่อไปตามความคิดของคอเนอร์) ยอมขอโทษอย่างจริงใจ และบอกว่ายังมีเธอที่มองคอเนอร์อยู่นะ ยังเห็นคอเนอร์เป็นคนเดิมอยู่นะ

คอเนอร์จึงเหมือนได้รับการเยียวยาบาดแผล

ทุกอย่างเชื่อมต่อเป็นวงจร ผลจากสิ่งหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ เป็นลูกโซ่

เช่นเดียวกัน เมื่อบางสิ่งได้รับการเยียวยาซ่อมแซม ก็ส่งผลต่อสิ่งอื่นๆ ด้วย ทุกอย่างที่ผิดปรกติกำลังเริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอย

แต่ตอนนั้นเอง สิ่งที่คอเนอร์กลัวที่สุดก็มาถึง


- ข่าวร้ายของแม่ 

เมื่อสิ่งที่เคยคิดตลอดกลายเป็นความจริง คอเนอร์ก็กลัวอีกครั้ง ปีศาจจึงโผล่ออกมา เพื่อทวงเรื่องเล่าที่สี่จากคอเนอร์

ซึ่งก็คือความจริงที่คอเนอร์เก็บงำไว้ ความจริงที่คอเนอร์กลัวที่สุด

คอเนอร์ไม่อาจช่วยแม่ ไม่อาจช่วยตนเอง ด้วยการปฏิเสธความจริง

แต่คอเนอร์สามารถช่วยตัวเขาและแม่ได้ ด้วยการเผชิญหน้า

เช่นเดียวกับเรื่องร้ายแรงทั้งหลาย ป่วยการที่จะปฏิเสธมัน อย่างไรมันก็คือความจริงวันยันค่ำ

เอาชนะความเจ็บปวด ด้วยการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด

เมื่อไรที่ยอมรับ เมื่อนั้นเราจะเริ่มมองเห็นทางเดินต่อไปเอง

ปีศาจมาเพื่อการนี้


ปีศาจก้าวเดิน เพื่อให้คอเนอร์ก้าวเดิน


- เวลา 24.07 น. นี่โอไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร ทำไมปีศาจถึงออกมาเวลานี้เสมอ

โอเดาว่ามาจาก 24 ชั่วโมง เป็น 1 วัน 7 วันเป็น 1 สัปดาห์ ซึ่งคือวงเวียนชีวิต ไม่อาจขาดหรือเกินไปจากนี้ สะท้อนวงจรที่ส่งผลถึงกันและกันของเรื่องด้วย

ทำไม 12.07 น. ปีศาจถึงออกมา

โอก็เดาอีก ว่ามาจากมุมกลับอีกด้านของนาฬิกา ในเรื่องจะสอนให้เรามองมุมต่างออกไปเสมอ ความเป็นไปได้อีกอย่างคือ 12 เดือน เป็น 1 ปี ซึ่งก็คือวัฏจักรธรรมชาติเช่นเดียวกับข้างบน

[[แวะมาเพิ่มเติมค่ะ รอบแรกโอเขียนเสร็จตอนตีสองเลยเบลอๆ รีบๆ ลนๆ คิดไปคิดไปอยากเขียนเพิ่ม ขอเพิ่มตรงนี้น้อ 

เป็นเรื่องที่แม้ไม่ชอบ แต่ติดค้างในหัวมากจริงๆ ให้ตายสิ อยากบอกว่าตอนแรกไม่รู้จะเขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีอะไรในหัวเลย พิมพ์ไปพิมพ์มา ...หือ เราคิดงี้เหรอเนี่ย บางทีก็มีอะไรเจ๋งๆ แบบที่เพิ่งโผล่ออกจากหัวเดี๋ยวนั้นเลยก็มี เช่น ประโยคนี้ 'ปีศาจก้าวเดิน เพื่อให้คอเนอร์ก้าวเดิน' เฮ้ย คิดได้ไง เก่งนะนี่ ฮ่าๆ (กิ๊วๆ ใครเอ่ย ชมตัวเองหน้าไม่อาย ...เค้าเองไง :P )]]

- เรื่องเล่า 3 เรื่องของปีศาจ

I เรื่องแรก (เจ้าชาย คนรักของเจ้าชาย และราชินีแม่มด)
ปีศาจเล่าเพื่อบอกว่าคนเราไม่ได้มีแค่แง่ดี หรือเลวเพียงอย่างเดียว เขาอาจไม่ดีบางอย่าง แต่ในฐานะอีกแง่ เขาก็ดีเพียงพอแล้ว

คอเนอร์ยังเป็นตัวเองสมบูรณ์แบบ 

II เรื่องที่สอง (หมอยา และนักบวช)

แก่นเรื่องคล้ายคลึงกับเรื่องบน แต่เพิ่มเรื่องของศรัทธา และโยงการรักษาเข้ากับเรื่องแม่ของคอเนอร์

หมอยามีสีหน้าประหลาดใจ "ท่านจะยอมสละทุกอย่างที่ท่านเคยศรัทธายังงั้นรึ"

"ถ้ามันจะช่วยลูกสาวของข้าได้" นักบวชตอบ "ข้ายอมสละทุกอย่าง"

"ถ้าเช่นนั้น" หมอยาพูดพลางปิดประตูใส่นักบวช "ข้าไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้"

สิ่งที่ต้นไม้ปีศาจต้องการสื่อคือคนเราทุกคนควรมีศรัทธาและความเชื่อมั่นในตนเอง เมื่อไรที่เราละทิ้งมัน เมื่อนั้นเราจะขาดหลักยึดเหนี่ยว กลายเป็นคนที่ไม่มีความคิดจิตใจ สูญสิ้นตัวตน

ส่วนนักบวชเป็นอะไร เขาไม่ได้เป็นอะไรเลย



ตอนนี้คอเนอร์เริ่มถูกปีศาจชักจูง สังเกตได้ว่าปีศาจหลอกล่อให้คอเนอร์ทำลายข้าวของ คอเนอร์คล้อยตาม 

ถ้าคนเราปล่อยให้จิตด้านร้ายเข้ามามีอิทธิพล ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ ก็จะเป็นเช่นคอเนอร์ คือถูกชักจูงให้ทำเรื่องร้ายได้ง่าย 

III เรื่องที่สาม (ชายล่องหน)
แทบไม่เชื่อมโยงกับสองเรื่องบนเลย เล่าถึงชายล่องหนที่อยากมีตัวตนเลยเรียกปีศาจออกมา

เรื่องนี้พูดถึงการอยากมีตัวตนในสังคม

พูดง่ายๆ คือแสวงหาการยอมรับ

โดยใช้วิธีที่ผิด 

โอขอยกตัวอย่างให้นึกตามง่ายๆ เช่น 

การทำตัวกักขฬะ โดยนึกเองว่าโก้เก๋ เท่ ทำให้คนสนใจ

แต่มันจริงอย่างนั้นหรือ

คนสนใจเพราะคุณสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าคุณมีดีจริงๆ หรือ


คอเนอร์อยากให้เพื่อนๆ สนใจ เลยใช้วิธีการรุนแรงเรียกร้องความสนใจ เขาทำร้ายแฮร์รี ในตอนนี้คอเนอร์ถูกปีศาจครอบงำสมบูรณ์แบบ 

คอเนอร์มีตัวตนในสายตาเพื่อนๆ แล้ว

แต่

ปีศาจพูดว่า "แต่มันมีเรื่องที่ยากกว่าการเป็นคนที่ไม่มีใครเห็น"

มองเห็น ไม่ใช่การยอมรับ

สายตาที่เพื่อนๆ มองมา มีแต่ความกลัวและหวาดระแวง



ใครอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรคิดอย่างไรบอกโอบ้างน้า อยากรู้ความเห็นของคนที่อ่านคนอื่นค่ะ Smiley



Create Date : 02 ธันวาคม 2559
Last Update : 7 ธันวาคม 2559 18:22:39 น.
Counter : 2415 Pageviews.

8 comments
  
อ่านสปอยล์ด้วยนะ ดูหนังแล้วแต่ยังไม่อ่านหนังสือ

อือออ หนังไมพูดถึงลิลีแฮะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 ธันวาคม 2559 เวลา:5:24:03 น.
  
อืมมมม

เราก็ว่าทำไมเรื่องคุ้นๆที่แท้

เป็นหนังที่ตั้งใจจะดูนี่เอง

หนังสือนีถ้ามีโอกาสก็อยากลองอ่านเหมือนกันได้รางวัลด้วย

ออโอ Book Blog
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 4 ธันวาคม 2559 เวลา:13:39:07 น.
  
สวัสดีอีกรอบจ้า

ถ้าจำไม่ผิดเม็กซิโก เชฟก็บอกว่ามีครกนะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 ธันวาคม 2559 เวลา:17:42:34 น.
  
พี่สาวไกด์ฯ เห็นว่าหนังไม่เหมือนหนังสือเด๊ะๆ นะคะ แต่โดยรวมเนื้อเรื่องสื่อออกมาแบบเดียวกันค่ะ อ่านหนังสือแล้วแวะมาคุยกันนะคะ

คุณรุ้ง ต้องลองค่ะ เรื่องนี้มีหลายความเห็นเลย ไม่เกลียดไปเลย บางคนเฉยๆ หรือไม่ก็ชอบแบบสุดๆ แต่ที่แน่ๆ คือเป็นหนังสือดีค่ะ หนังสือไม่ได้สอนเรา แต่เพื่อให้เราตระหนัก

วัยอายุที่เหมาะในการอ่าน น่าจะสิบสองขึ้นไป (ใกล้เคียงกับตัวเอกในเรื่อง) ต่ำกว่านี้เสี่ยงที่จะไม่ชอบแล้วโยนทิ้งค่ะ

อ่านได้แต่เด็กเป็นเรื่องดี แต่โออยากให้คนอ่านได้รับความประทับใจสูงสุดด้วย

อันนี้บอกเผื่อผู้ปกครองอยากให้บุตรหลานอ่าน จากใจคนที่อ่านเจ้าชายน้อยตอนหกเจ็ดขวบแล้วอยากด่าว่าหนังสือ (บ้า) อะไร อ่านไม่รู้เรื่องเลย ทำให้ไม่กล้าหยิบมาอ่านใหม่จนทุกวันนี้ แต่จำเนื้อเรื่องได้พอสมควรนะคะ (คือไม่เข้าใจเลยฝังใจ)

คราวนี้ผู้ปกครองต้องเลือกแล้วค่ะว่าอยากให้เด็กจำได้ แต่ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนัก หรือค่อยๆ ให้เขาตระหนักแล้วอยากสนใจเอง โอเชียร์อย่างหลังนะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 5 ธันวาคม 2559 เวลา:5:21:54 น.
  
เห็นชื่อเรื่องก็กลัวแล้วค่ะ
มาอ่านรีวิวค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

ออโอ Book Blog ดู Blog
โดย: newyorknurse วันที่: 6 ธันวาคม 2559 เวลา:3:11:32 น.
  
คุณnewyorknurse เรื่องไม่น่ากลัวเลยค่ะ เป็นหนังสือแนวจุดประกาย แนวต้องการให้เติบโตโดยใช้การเล่าเรื่อง ใช้สัญลักษณ์และการตีความในการนำเสนอเป็นหลักค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 7 ธันวาคม 2559 เวลา:18:12:20 น.
  
ผมอ่านแล้ว ชอบนะ รีวิวไว้แล้วล่ะครับ แต่ยังไม่ได้อัพบล็อกนะ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 13 มีนาคม 2560 เวลา:0:53:58 น.
  
คุณleehua รอรีวิวนะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 3 เมษายน 2560 เวลา:1:00:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments