Group Blog All Blog
|
แกงส์ พธ. เยี่ยมบ้านบู่ (ตอน 2) มาต่อกันตอน 2 ดีกว่า จาก ภาคแรก ถ้าใครไม่ได้ติดตาม โปรดตามไปอ่านก่อน เพราะเดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง อิ ๆ วันนี้ ไกด์บู่ จะพาเราเที่ยว เชียงใหม่กันค่ะ จึงนัดแนะกันว่าจะออกจากบ้าน ตอน 6 โมงเช้า (แต่กว่าจะออกจริงก็ 6.30 น. อิ ๆ ) เพื่อไป แอ่วม่อนแจ่ม กันเน้อ วันนี้เราได้พี่ชายบู่ ชื่อปี้โจเป็นคนพาเที่ยว เพราะหนทางที่จะไปนั้น เป็นทางขึ้นเขา มีหลายโค้ง ซึ่งอาจอันตรายได้ ถ้าขับไม่ชำนาญ ภาระที่นังอ๋น ตัวต้นเรื่อง เป็นผู้ก่อตั้งทริปนี้ ความซวยจึงตกเป็น ของปี้โจ 5555 ระหว่างทางไป สองศรี พี่น้อง ก็เถียงกันไปตลอดทาง เรียกเสียงฮา ให้เรา กับกอล์ฟ ได้ตลอดทาง ข้อมูล ให้มาบางอย่าง ก็ขัดแย้งกันเองด้วย แต่ก็สนุกดี เป็นพี่น้องที่น่ารักดีอ่ะ ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อ.แม่ริม อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 นาที ระหว่างทางที่จะไป ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ เช่น น้ำตกแม่สา ฟาร์มผีเสื้อ ฟาร์มกล้วยไม้ ปางช้างแม่สา สวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ล่าสุดกำลังก่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวแนวผจญภัย "ซิปไลน์" (Zip Line) คือกิจกรรมโหนสลิง ที่นักท่องเที่ยวจีน ชนกันเสียชีวิตนั่นแหละ หุ หุ ใครจะเล่น ก็เล่น แต่ตรูขอบาย ถ้ามาช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ก็จะมีสตอเบอรี่ ให้เก็บสด ๆ กันด้วยค่ะ (ส่วนไร่ใครก็จะเป็นเจ้าแรก / เจ้าใหญ่ที่สุดก็ไม่รู้นะ เห็นเขียนบอกกันทุกไร่เลย 555 ) สถานที่นี้ซึ่งจะฮิตมาก ถ้ามาช่วงอากาศหนาว ๆ ช่วงปีใหม่ นักท่องเที่ยวจะเยอะ รถติดสุด ๆ แย่งกิน แย่งถ่ายรูป อันนี้จะน่าเบื่อมากนะ ขอบอก คุณอาจจะเกลียดม่อนแจ่มไปเลยก็ได้ เพราะว่าเราเคยมาช่วงสิ้นปี แล้ว 2 ครั้ง คนเยอะสุด ที่พักก็เต็ม ร้านอาหารก็แทบจะขอกันกิน ไร่สตอฯ ก็ไม่มีลูกให้เห็นหรอก เจอแต่ตรูด นักท่องเที่ยว แถมสตอเบอรี่ ก็ราคาแพงนะ 55 ไม่ได้ถูกอย่างที่คิดหรอก ถ้าใครคิดจะมาเก็บสตอเบอร์รี่ ให้ไปเก็บที่ อ.เสมิง จะดีกว่าค่ะ ถึงแล้ว เรามาถึงตอน 8 โมงนิด ๆ นี่ขนาดยังไม่ใช่หน้า hi นะ คนยังเยอะเลย 55 ที่จอดรถก็หายาก (ถ้าใครจะมา แนะนำให้มาแต่เช้าตรู่นะจ๊ะ หรือจะเช่ามอเตอร์ไซด์ขับแบบที่เราเคยมาก็ได้ แต่ทางขึ้นชัน และเสี่ยวสุด ๆ นะ ระวัง ๆ ไว้ด้วย อย่าซ้อน ให้ลงเดินจะดีที่สุดค่ะ) ม่อนแจ่ม ก็ยังคงเป็นม่อนแจ่มเหมือนเดิม หมอกเยอะ อากาศดี แต่ช่วงที่ไป กำลังลงดอกไม้ เพื่อให้ทันฤดูกาลท่องเที่ยวที่ใกล้จะมาถึงสิ้นปีนี้ เลยยังไม่ค่อยมีดอกไม้บานสักเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยสวย ปกติที่ม่อนแจ่มจะมีดอกไม้สีม่วง ๆ เป็นทุ่งสวยงามมาก ๆ ชื่อดอกเวอร์บีน่า แต่ตอนนี้มันยังไม่ออกดอก..... แป่ว ความงามเลยลดไปเกินครึ่ง แถมพักหลัง น้อง ๆ ชาวเขา มีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ 555 ถ้าใครคิดจะถ่ายรูป ก็เชิญได้่นะคะ แต่อย่าลืมจ่ายเงินค่าขนมน้อง ๆ ด้วยหล่ะ พวกเราก็เพลินกับการถ่ายรูปกันเลย ที่ม่อนแจ่ม ก็จะมีร้านอาหาร ที่นั่งซุ้มไม้ไผ้ จะเป็นสัญลักษณ์ ของม่อนแจ่ม ให้นั่งรับประทาน (แต่ราคาอาหารแอบแรงนะ อิ ๆ) อากาศดีมาก ๆ ค่ะ มุมนี้สวย สมัยเรียนไม่มีโอกาสได้ถ่ายเนอะ ..... ตอนนี้เอาให้คุ้ม อิ ๆ ใครก็ได้ ช่วยไปสอนท่ายืน ถ่ายรูปให้ นังอ๋นที อยู่ได้สักพัก ก็เดินลงมา หาซื้อของฝากติดไม้ติดมือ กันคนละนิด ละหน่อย นันท์ ซื้อเสื้อม่อนแจ่ม ....... ไปฝากลูกชาย เป็นของฝากด้วย ซื้อที่นี่จิง ๆ นะ ส่วนเชฟกอล์ฟ มีไอเดีย ซื้อผักสด ไปประกอบอาหารเย็นนี้ด้วย เพราะผักที่นี่เค้าสด และปลอดสารพิษ (หรือเปล่า 55) นาง ชอบมาก อิ ๆ น่ารักเนอะ เรากะต๋อย ซื้อลูกเหม็น.... เฮ้ย ไม่ใช่ เซียนท้อ หรือ ละมุดอินเดีย เป็นของฝากกลับบ้าน ตอนชิมก็อร่อยดี (พอวันนำกลับบ้าน แม่งสุก กลิ่นแรงมาก ๆ สรุป ตรูแบกของหนักเป็นกิโล ๆ มาทิ้งที่กรุงเทพฯ 555 ออกจาก ม่อนแจ่ม บู่บอก ไม่โดน ไม่สวย จึงขับรถ พาเราไปม่อนตะวัน ซึ่งบู่บอกสวยกว่าเยอะ เดี๋ยวจะงง กัน อะไร ๆ ก็ ม่อน 555 ม่อน ภาษาเหนือ แปลว่า เนินเขา ยอดเขา หรือภูเขานั่นแหละ เมื่อปี้โจ พาเรามา ที่ม่อนตะวัน แค่ทางขึ้นก็สวยแล้ว เพราะระหว่างทางจะปลูกต้นทานตะวัน ซึ่งบานรับแสงพระอาทิตย์พอดีเลย แถมคนก็ไม่เยอะพลุกพล่าน เหมือนม่อนแจ่ม ข้างบน ก็จะมีบ้านพัก และเต้นท์ ให้พักค้างแรมกันด้วย ถ้าไม่พัก ก็สามารถเดินมาชมความงามได้ค่ะ มีแปลงปลูกต้นดาวกระจาย (Cosmos) สีเหลือง สีแดง สลับ สวยดีค่ะ มีแปลงผักกาดแก้ว สีเขียว ปลูกเป็นขั้น ๆ ตามไหล่เขา ทำให้นึกถึง ภูทับเบิกที่ปลูกกระหล่ำเลยนะเนี่ย 555 ที่นี่จะสูงกว่า ม่อนอื่น ๆ จึงสามารถ มองเห็นวิวข้างล่างได้ สวยงามค่ะ 2 นางนี้หาย ไปสักพัก ที่แท้ ฝังตัวอยู่ในแปลงผักกาดแก้ว นี่เอง 55 ชักภาพกันดีกว่า คงอีกนานกว่าจะมีโอกาสได้มาเจอกันอีก เออลืมเล่า (หรือเผาว๊ะ ) ........ ระหว่างที่เพื่อน ๆ เพลิดเพลิน กับการถ่ายภาพ เราเห็นนันท์ ชอบถ่ายรูปตัวเอง แอบติดเบื้องหลังลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ของมัน บ่อย ๆ แล้วเช็คอิน ในเฟส ทุกวัน มันจะนั่งที่เดิม .......ท่าเดิม ..... หน้ามัน ๆ .....หน้าไม่ยิ้มเหมือนเดิม เราก็คิดเองเออเองว่ามันคงชอบถ่ายภาพ เซลฟี่ (Selfie) เราเลยบอกให้นันท์ นันท์ เมิงมาถ่ายเซลฟี่ให้หน่อย เดี๋ยวพวกเราอยู่ข้างหลัง ทุกคน ก็ไปยืนอยู่ข้างหลังมัน เตรียมโพสท่าเต็มที่ แต่ ..... นันท์พูดว่า นันท์ ไม่เคยถ่าย เซลฟี่นะ นันท์ ถ่ายไม่เป็นหรอก ถ่ายอย่างไง พระเจ้า......... อีคุณนันท์ แล้วที่เมิงถ่ายอยู่ทุกเย็น นั่นแหละเค้าเรียกว่า "เซลฟี่" เมิงไม่รู้หรือนี่ 555 กูอยากบ้า พูดกับนางเอก ต้องมีภาพปลากรอบ ภาพนี้แหละนันท์ ที่เพื่อน ๆ ยืนคอยนันท์ อันนี้.........ลืมยิ้ม นึกว่าข้างหลังเป็นลูกชาย 55555 ออกจากม่อนตะวัน ก็หิวข้าวอย่างแรงนิ ....จึงขับออกมา เพื่อจะทานข้าวซอย แต่วันนี้ร้านดันปิด จึงขับมาเรื่อย ๆ เจออีกร้านบรรยากาศดี แต่ก็ดันไม่มีอาหารขายอีก จึงต้องขับออกมาอีกเจอร้านอาหารบ้านดอย (ถ้าเป็นไปได้ให้ขับเลยไปเลยนะ 555 เพราะว่าแม่ครัวกำลัง inlove ทำอาหารได้หวานชื่นใจมาก ๆ ) คนชอบหวานก็คงชอบ เราชอบเค็ม เลยต้องจอด 555 แต่ช่างมัน คิดเสียว่า กินให้อิ่ม เพื่อเดินทางต่อก็พอ อิ ๆ แต่ร้านเค้าน่านั่งนะ Next station คือที่ที่ เราต้องการจะไปมากที่สุด แต่ไม่ได้มาสักที ขอบคุณ เพื่อนบู่ และปี้โจ มากนะคะ ที่พามาสมใจอยากค่ะ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ ทำให้ยิ่งเป็นที่น่าเคารพศรัทธาของชาวพุทธฯ เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว จึงอยากมาให้เห็นกับตาเสียหน่อย เมื่อมาถึงวัด โอ้... แม่เจ้า วัดใหญ่กว่าที่เราคิดไว้เยอะ ซุ้มประตูทางเข้า กำลังก่อสร้าง เมื่อเสร็จคงจะสวยน่าดู ไว้มารอบต่อไป จะมาดูความก้าวหน้า และความเจริญของทางวัดเรื่อย ๆ นะคะ เข้าวัด ก็ต้องซื้อดอกไม้ ธูป เทียน กันซะหน่อย ทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท เดินยังไม่ทันเหนื่อย อากาศดีมาก ๆ ขนาดตอนเที่ยงนะเนี่ย จุดธูป เทียน ด้านล่างนะคะ ส่วนดอกไม้ ไว้บูชาด้านบนค่ะ ถึงแล้ว สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ขนลุกเลยเรา ภาพนี้ (credit: //wsrschool.com/เค้ามา ดันลืมถ่ายเสียนี่) วิธีดูรอยพระพุทธบาท คนไม่เยอะเท่าไหร่ สบาย ๆ ไม่ต้องเบียดเสียด เลยได้ยื่นชื่นชมอย่าจุใจค่ะ จากนั้นก็มาไหว้พระกันต่อที่ อุโบสถวัดพระพุทธบาทสี่รอย กันค่ะ สวยงามอีกแล้ว พญานาคเกี้ยว ภายในบ้าง งดงามมาก ๆ ก่อนกลับ ก็แวะ ร้านกาแฟภายในวัด ซึ่งใหญ่มาก ๆ ร้านน่านั่ง สั่งกาแฟ มาดื่มกัน เอสเปสโซ่ คาปู ลาเต้ มอคค่า พอมาเสริฟ แยกกันไม่ออกเลย สีเหมือนกันหมด รสชาด เดียวกันเป๊ะ 555 รู้งี้ สั่งกาแฟเย็นแบบเดียวก็ได้เนอะ 55 ทางขึ้นมายากและสูง ราคาก็เลยสูง ตามความยากค่ะ ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญก็แล้วกันเนอะ อิ ๆ ช่วงเวลาที่ไป ทางวัดได้ต้อนรับคณะผู้ว่าราชการเชียงใหม่ ป้ายแดง นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ซึ่งเพิ่งมาดำรงตำแหน่ง เมื่อ 1 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมานั่นเอง คนเลยเยอะสักหน่อย เพิ่งมารับตำแหน่ง เลยต้องเดินสาย ทำบุญกันหน่อย จะได้ครองเก้าอี้ กันไปนาน ๆ หุ หุ อ๊ะ.... คนไหนเอ่ย คงไม่ต้องบอกนะ ใครเด่นเป็นเป้าสุด ก็คนนั้นแหละ (แล้วนี่ตรู จะไปสอบประวัติเค้าทำไมฟ๊ะเนี่ย ไม่ใช่เด็กนักเรียนซะหน่อย จะได้ต้องจำชื่อผู้ว่าจังหวัดของตัวเอง ฮ้า ฮ้า ฮ้า) นั่งละเมียดกาแฟ อันแสนอร่อย จนถึงบ่าย 2 ก็ออกเดินทาง เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ดีกว่า เพื่อไปช้อปกันต่อที่ถนนคนเดิน...... บอกอีกครั้งเผื่อใครจะมาอีก (มันต้องมีคนมาอีกแน่ ๆ เพราะอะไรเดี๋ยวก็รู้) ถนนคนเดิน มีวันเสาร์ กับ วันอาทิตย์ เริ่มเดิน 17.00 น. - 22.00 น โดยวันเสาร์ จะจัดที่ถนนวัวลาย และวันอาทิตย์จัดที่ถนนท่าแพ ยาวไปจนถึงถนนราชดำเนิน (ซึ่งจะใหญ่และยาวมาก ๆ เดินจนเมื่อยเลยหล่ะคุ้น) เรามาวันนี้เป็นวันเสาร์ มาถึง ตอน 4 โมงเย็น ซึ่งต้องรีบมาเพราะที่จอดรถจะหายากสักหน่อย แต่ถ้าใครมาพักที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ก็สามารถเรียกรถแดงมาส่งได้เลยค่ะ มาถึงเร็วไป พ่อค้า-แม่ขายกำลังตั้งร้านกันอยู่เลย พวกเราก็เดินดูของไปเรื่อย ๆ และฆ่าเวลาระหว่างรอร้านเปิด ไปไหว้พระที่วัดศรีสุพรรณก่อน ซึ่งถ้าใครมาถนนคนเดินวัวลายแล้วต้องไม่พลาดชมอุโบสถเงินหลังแรกของโลก เนื่องจากย่านถนนวัวลาย เป็นแหล่งทำเครื่องเงินเก่าแก่ ของจังหวัดเชียงใหม่ จึงไม่แปลกเลย ที่จะสร้างอุโบสถเงิน ซึ่งงดงามตระการมาก ๆ ส่วนเครื่องเงินก็งดงามไม่แพ้เช่นกันค่ะ ตอนที่มา ก็แปลกใจ มาวัดนี้ก็หลายครั้ง ไม่เห็นมี คนแต่งตัวชุดไทย รถราง จัดร้านแถววัดเลย เดิน ๆ ไปสักพัก ถึงบางอ้อ....... โลกมันกลมจริง ๆ คณะผู้ว่าราชการ กำลังจะมาทำพิธีสืบชะตา ที่วัดนี้นี่เอง หึ หึ หิวซะแล้ว ไปหาอะไรทานรองท้องกันก่อนดีกว่า ตกลงกันว่า ทานเสร็จ จะกลับมาวัดนี้อีกรอบ จะมาดูตอนเปิดไป ซึ่งจะสวยมาก ๆ นะไฟจะเปลี่ยนสี ไปเรื่อย ๆ งดงามอย่างบอกไม่ถูกค่ะ เดินออกจากวัด ใครเล็ง สินค้าอันไหน ก็จำไว้ เดี๋ยวพอเปิดร้านเสร็จ จะกลับมาซื้อกันอีกรอบ เดินมาจนถึงร้านป้าแดงไส้อั่ว แวะเข้าไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าค่ะ ใครมาเหนือ ต้องไม่พลาด อาหารขึ้นชื่อ ข้าวซอย ไส้อั่ว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ถ้าไม่ได้ชิม ถือว่ามาไม่ถึงนะจ้าววววว ทริปนี้ จะมีนางหนึ่ง เธอจะมีเสน่หมาก ๆ ไม่ว่าจะไปร้านไหน she มักจะได้ของฟรี มาให้ชิม ด้วยแฮะ อย่างไปกินหมูกระทะเมื่อคืน เด็กน้อยก็เอาเฟรนฟราย มาให้ 2 จาน บอกแม่ให้เอามาให้ มาทานที่นี่เจ้าของก็เอา เห็ดพันปี มาให้ทานฟรี ๆ อีกวุ้ย คนอะไรจะโชคดีปานฉะนี้ (แต่พวกเราก็ไม่อิจฉานะ หลังจากที่ได้กิน เห็ดพันปี แล้ว 55555) หลังจากทานเสร็จ เอาหล่ะเว้ย ขาช้อป ทั้งหลายเตรียมตัว โดยเฉพาะเจ้าอ๋น เล็งกระเป๋าไว้หลายร้านเลย ร้านค้าเปิดขายเต็มถนนแล้ว หึ หึ หึ แต่เราเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ฟ้าร้อง ฝนทำท่าจะตก แล้วก็เท ลงมาซะงั้น ไรฟ๊ะ ไม่ได้มีที่ท่าเลยว่าจะตก ............ นี่เลย ๆ ถ้าไอ้ต๋อย เชื่อไอ้กอฟล์ ปักตะไคร้ ก่อนมา ฝนคงไม่ตกแล้วหล่ะ 5555 พวกเราเข้าไปหลบฝนกันที่ร้านขายเครื่องเงิน รอ รอ รอ ป้าเด ไม่ได้เซ็งเพราะฝนตกแต่...... ห่วงเจ้าขนุน จะกิน จะฉี่ อย่างไร ซะมากกว่า รอจน 6 โมง ฝนก็เริ่มซา พวกเราจึงไม่เดินกันแล้ว กลับบ้านดีกว่า ถนนน้ำท่วม ต้องถอดผ้าใบเดินกันอีกต่างหาก (ห่วงรองเท้า แต่ไม่ห่วงเหยียบกระเบื้อง 555) และร้านค้า ก็เก็บร้านกันด้วย สรุปพวกเรา สอบตกกันที่นี่ ติด F กันทุกคน เลยตั้งใจกันว่า เราจะมาแก้ F กันอีกปีหน้า คอยดูนะ จะเดินให้ขาลากเลย อ๋น บอก 5555) กลับถึงบ้าน เชฟกอล์ฟ เตรียมอาหารมื้อเช้า สำหรับพรุ่งนี้ และผัดข้าวผัด จานอร่อย ให้พวกเราทานกัน ซึ่งฝีมือดีหว่ะ มิน่าหล่อนถึงเป็นแม่ครัวทุกที่ ที่เธอไป ลูกมือ เยอะขนาด ....... กระเทียมหน่อยเดียว เมิงปอก กัน 3 คนเลย 55555 กุม่าง ๆ กระเทียม กูชอบ คึกดี ไอ้บู่ มาบ้าง ฉันเอง ๆ พวกหล่อนออกไป เกะกะ ครัว มันปอกแบบนี้ ย่ะ สรุป เชฟกอล์ฟบอก กระเทียมไม่ต้องปอกหลอก ใส่ครกตำ แล้วเอาเปลือกออกจบ 5555 และทุกคนก็ทิ้งให้ เชฟ อยู่คนเดียว รอกินจะดีที่สุด พวกเราจึงก็มานั่งดูทีวีกันในบ้าน พร้อมกับข้าวผัดแสนอร่อย และให้ของฝากจากบางกอก แก่เพื่อนบู่ นั่งคุยกันได้สักพัก แต่ต้องแยกย้ายกันเข้านอน เนื่องจากถ้าเรายังนั่งอยู่ตรงนี้อีกหน่อย บู่คงจะได้ลูกสะใภ้ แน่ ๆ เพราะเจ้าขนุน เกิดกลัดมัน ไล่ขอแต่งงาน กะสาว ๆ ไม่หยุดเลย โดยเฉพาะ เจ้ากุ้ง นอน ๆ เพราะพรุ่งนี้ จะเป็นวันสุดท้ายแล้วนะที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เวลาช่างผ่านไปเร็วจัง บู่จะพาเราไปตามรอยเส้นทางปั่นจักรยาน ยามเช้าของเธอกัน ว่าปั่นไปไหนบ้าง และมันก็คือ จุดเริ่มต้น ของทริปนี้ และเป็นวันสุดท้าย ของทริปนี้เช่นเดียวกัน คิดแล้วก็ใจหาย แต่อย่าเพิ่งคิด ให้นอนก่อน เพราะพรุ่งนี้เราจะออกจากบ้าน 6 โมงเพื่อจะได้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ
|
nuch9981
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ไปทุกที่...ที่มีทาง Friends Blog
Link |