มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ขึ้นชัน...ลงโหด...เหนื่อยโครต ๆ นะ... ภูกระดึง
" ไปภูกระดึงกันไหม " ประโยคนี้เวลาถามใคร ก็มักจะได้คำตอบว่า " ไม่ " ซึ่งเราเคยไปสถานที่แห่งนี้มา เมื่อ 13 ปีที่แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นคิดในใจเสมอว่า " กรูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว " เพราะมันเหนื่อยเหลือเกิน ซึ่งใคร ๆ หลาย ๆ คนก็น่าจะเป็นแบบนี้ 55  

แต่ หลังจากนั้นไม่นาน ความเหนื่อยก็หายไป เหลือไว้ แค่ความทรงจำ ดี ๆ และเกิดอยากจะไปอีกสักครั้ง เพราะว่า ครั้งที่แล้ว กล้องก็เป็นแบบฟิลม์ ถ่ายรูป ก็ไม่สวย เน้นคนมากกว่าวิว รีบเดินเหมือนจะไปไล่ควาย ไม่ได้มีโอกาส ดื่มด่ำกับธรรมชาติเลย หรือว่าสมัยนั้น เราเพิ่งเริ่มหัดเที่ยว และยังไม่โต (จะบอกว่ายังเด็ก ก็ไม่ใช่สินะ จะ 30 อยู่แล้ว Smiley Smiley Smiley )

ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2556 ก็นั่งเล่นเฟส ปกติทุกวัน เห็นน้องที่ทำงาน (เจ้าเล็ก) โพสว่าจะไปภูกระดึง เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที เฮ้ย น่าไปเนอะ โอกาศดี ๆ แบบนี้น่าจะไปพิสูจน์ พละกำลังอีกครั้ง เพราะว่าวันที่จะไปคือ 14-16/2/57  เป็นวันหยุด ติดต่อกัน 3 วันพอดี ไม่ต้องลางานด้วย 

จึงลองชวน หนุ่ยป๊อด ว่าไปไหม เหลือเชื่อ หนุ่ยป๊อดตกลง และนู๋นาก็ไปด้วย เอาแล้วโว้ย ได้ 3 แล้ว และลองชวนพี่ผ่องดู คนนี้เค้าอยากไปตั้งนานแล้ว ไม่ยากหรอก 55 ใครชวนไปไหนพี่แกไปหมดแหละ  ก็เหลือแต่ติ๊กเข็ด (คิดว่าชื่อนี้คงเป็นตำนานติดตัว she ไปตลอดกาล) แน่นอน she ไม่ไป ไม่รู้แกไปโดนอะไรเข้าที่ภูกระดึง ถึงได้เข็ด ขยาดจนถึงทุกวันนี้สินั่น  ตอนนี้สมาขิก มี 4 คนแล้ว ส่วนเจ้าฮ้อน ไม่นับ เพราะว่า บริษัทฯ นรก ไม่หยุดหรอก และเราก็ไม่อยากให้หยุดด้วย เพราะว่าได้จองตั๋วไปเชียงราย เดือนเดียวกันพอดี ให้มันหยุดวันนั้นจะดีกว่า เพราะต้องขับรถให้เรานั่ง อิ ๆ  

สมาชิกมีชัวร์ ๆ 4 ท่าน จึงเข้าไปโพส ในเฟส ปรากฏว่า มีเพื่อนสมาชิกในเฟส ซึ่งรับจัดทัวร์ พาเที่ยว เข้ามาเห็นพอดี จึงรับอาสาจัดทริปภูกระดึง และหาแนวร่วมชะตากรรมไปกับเราด้วย หึ หึ หึ 

ก่อนเดินทาง 30 วัน เครียดมาก ๆ เพราะว่า ครั้งนี้อายุ อานามก็ปาเข้าไป 42 ขวบแล้ว 555 เยอะจังว๊ะครั้งที่แล้ว แค่ 29 ปี และเพิ่งเริ่มเป็นแฟนกับเจ้าฮ้อน ตอนไป อะไร ๆ ก็ไม่ต้องถือ มันลากจูง เราไปตลอด งานนี้ตรูจะรอดไหมว๊ะ  เอานะ ถ้าไม่มีมัน เราต้องเดินด้วยลำแข้ง เองได้สิน่า  ว่าแล้วก็ตั้งปณิธานว่าจะออกกำลังกายทุกวัน ก่อนขึ้นภู สัก 30 วันก็น่าจะพอ และเราก็เริ่มปฏิบัติ แต่โดยดี 555 แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เราสามารถทำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ หรือว่าเรามีวินัยดี แต่..... ว่าไม่ใช่หรอกเพราะเรารู้ว่าการไปภูกระดึงมันโหดสัส เพียงใด กลัวงัย กลัวจะไปไม่รอด เลยต้องยอมออกกำลังกาย Smiley

รวบรัดตัดตอน ถึงวันเดินทางกันเลยดีกว่า คนพร้อม ใจพร้อม สู้โว้ย คณะเดินทางของเรามีทั้งสิ้น 12 ชีวิต โดยสารด้วยรถตู้ VIP ที่นั่งสบายดี รถใหม่ และสมาชิกในทริปก็น่ารักทุกท่าน แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว 555  ขอเล่าเฉพาะส่วนของเราแล้วกันนะ 55  (ก็เป็น blog ของเรา เราก็บรรเลงแต่ส่วนของเรา ดีกว่า อิ ๆ ) 

ถึงแถวภูกระดึง ก็แวะ ล้างหน้า ล้างตา ที่ปั๊ม ทานข้าวให้เรียบร้อยก่อนไปตีนภู เราไม่ได้แวะผานกเค้า เพราะเราไม่ได้มากับรถทัวร์ ดังนั้น ร้านเจ๊กิม อันโด่งดัง เลยไม่ได้แวะเข้าไปทักทายเลย อิ ๆ 

ก่อนถึงภู ช่วงที่รอทานข้าว ก็ได้ติดต่อ กับเจ้าเล็ก (ไปกับอีกคณะหนึ่ง)  ซึ่งมาถึงก่อนเรา และได้ความว่า " ลูกหาบหมด " " ลูกหาบหมด " " ลูกหาบหมด " โอ้ !!!!! ไม่นะ... ได้ยินประโยดนี้เข้าไป นึกถึงท่อนเพลงนี้เลย " ดังนรกชัง หรือสวรรค์แกล้ง แกล้งทรมาน ให้ฉัน ได้เจอ " หัวใจตกอยู่ที่ตาตุ่ม จึงบอกกับเพื่อนร่วมทีม ให้ทราบและทำใจแต่เนิ่น ๆ 55  หลาย ๆ คนก็เริ่มวิตกกันแล้ว และคิดหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไว้พอสมควร ว่าเราจะเอาไปแต่ของสำคัญ ๆ ถ้าต้องแบกขึ้นไปเอง  ส่วนไอ้กล้อง บ้าบอ คอแตก หนักกว่ากระเป๋าเดินทางก็จะไว้ในรถ ทริปนี้คงจะมีภาพจากมือถือเท่านั้น Smiley


ไปถึงอุทยาน ที่ตีนภู ก็เข้าไปติดต่อเช่าเต้นท์ เสียค่าธรรมเนียม และสอบถามเรื่องลูกหาบ เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องไปดูเองตรงที่เค้าชั่งของกัน ถึงจะรู้ รีบเลย รีบไปดู เย้ เย้ เย้ ปรากฏว่ามีลูกหาบ เลยรีบซื้อ tag ติดกระเป๋าใบละ 5 บาท เขียนชื่อ + เบอร์โทร. เตรียมไว้ และให้เพื่อนรีบไปเอากระเป๋ามาชั่งน้ำหนัก เฮ้อ รอดตาย แล้วตรู (ดีนะที่มาเร็ว เพราะ ได้ยิน เจ้าหน้าที่ประกาศว่าลูกหาบไม่เพียงพอ ใครมีพละกำลัง ก็แบกขึ้นไปเองได้นะ แหม ....โชคดีของเราจริง ๆ ตรูไม่แบกหรอก ตรูยอมจ่ายเงิน ค่าลูกหาบ 30 บาท / กิโล ตรูจ่ายไหว อิ ๆ ) 





เข้าห้องน้ำ ห้องท่า ทายานวด กระตุ้น กล้ามเนื้อกันสักหน่อย ชักภาพ ก่อนขึ้นภู.... ตื่นเต้นวุ้ย อยากขึ้นแล้ว 55  แปลกจัง เดินทางท่องเที่ยวมาก็เยอะ แต่ทริปนี้ตื่นเต้นตลอดเลยเรา บางครั้งก็แปล๊บ ๆ ที่หัวใจ เมื่อนึกถึงเวลาเดิน 555  เว่อร์ไปป่ะเนี่ย แต่ขอบอกว่าเป็นจริง ๆ นะ เพราะเสียวอ่ะ เสียวจะไม่รอด แถมคุยทับถม ไอ้หนุ่ยป๊อด กะ นู๋นาไว้เยอะด้วย Smiley




10 โมงตรง ฤกษ์งามยามดี ตรงกับวันที่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ พอดี และตรงกับวันมาฆบูชาด้วย ลุยกันเลยพวกเรา วันดี วันมงคล พวกเราต้องปฏิบัตภาระกิจได้สำเร็จสินั่น 555



ก่อนไปถอยกระเป๋ากล้องกับหนุ่ยป๊อด มาคนละใบ เพื่อใส่กล้องแบกขึ้นไป เหี้ยเอ๋ย กระเป๋าห่านไรว๊ะ หนักฉิปหาย แถมใหญ่ด้วย ขนาดเปล่า ๆ แม่งยังหนัก ยิ่งใส่กล้อง+เลนท์เข้าไป รวมกับน้ำดื่มอีก โหด สัส จริง ๆ เกือบ 4 กิโล แต่สีทนได้ เพราะตั้งใจจะไปเก็บภาพ และบรรยากาศ มาเชยชมให้จงได้ 555




ก่อนขึ้นหลาย ๆ คนต้องไม่พลาดป้ายนี้แน่ ๆ จริงป่ะหล่ะ 



คนก็พอสมควร เพราะวันนี้เค้ามีจัดงานจดทะเบียนสมรส กันบนภูกระดึงด้วย คงจะมากันตั้งแต่เมื่อวาน และวันนี้อีกบางส่วน จึงมีเพือนเดินทาง แบบไม่เหงาเลย 55  ซำแรกคือ ซำแฮก เดินแค่ 1 กิโลเอง จะอะไรกันนักหนา แหม่ ๆ เดี๋ยววิ่งให้ดูเลย เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ 




เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยเราก็พัก ช่วงแรก ผ่านดงไผ่ สีทอง เหลืองอร่าม สวยงามมั๊ก ๆ คลายเหนื่อยไปได้ (จริงเปล่า 55)  เมื่อยนัก นั่งพัก มองวิว ถ่ายรูป โอ้ สุด ๆ เหงื่อเริ่มไหล เพราะทางช่วงแรก จะชัน และร่างกายของคนเรายังไม่ปรับสภาพได้ เล่นเอา เหนื่อย เหงื่อ หยด กันเลยทีเดียว Smiley




ระหว่างทาง ก็ขาดไม่ได้ สำหรับ ผู้มีพระคุณของพวกเรา คือ ลูกหาบ ถ้าไม่มีคนพวกนี้ เราคงไม่มีโอกาสมาสถานที่แห่งนี้ได้ ถึง 2 ครั้งเป็นแน่แท้  ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ  Smiley




การเดินขึ้นภูกระดึง ขาขึ้น ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว ขึ้นมานะคะ  เพราะเดิน ๆ ไป มันจะร้อนเอง และไอ้เสื้อกันหนาว ที่ท่าน ๆ ได้ใส่มาเนี่ย แม่ง โครตเป็นภาระเลย ประสบการณ์ ช่วยเราได้เสมอ ครั้งที่แล้ว มาช่วงหน้าหนาว โห แม่ง ตรู จัดเต็ม เลย เดิน ๆ ไป สัส เอ๋ย เกะกะฉิปหาย มองซ้าย - มองขวา จะเอาไปแอบไว้  แล้วขากลับค่อยลงมาเอาให้ได้เลย 555  ตลกดีหว่ะ 




เราใช้เวลาถึงซำแรก (ซำแฮก) 45 นาที เย้ ดีใจ ถือเป็นการทำเวลาได้ดีพอสมควร สำหรับเรานะ เพราะเราคือคติว่า กรูไม่รีบ ใครรีบแซงไปเลย 55  จริง ๆ แค่ 1 กิโล หลับตาเดินจริง ๆ 20 นาทีก็ถึง แต่เราเสียเวลาถ่ายรูป นานไปหน่อย 55  (ไอ้ขี้โม้ Smiley ) 




ถึงซำแฮก ก็แน่นอน ถ่ายรูปคู่กับ ป้ายซะหน่อย ฮิ้วววว์






โอ๊ะ โอ๊ะ โอ้ย นี่วิว หรือนี่ ทำไมมันช่างสวยขนาดนี้นะ ต้นไม้ผลัดใบ บวกกับหมอกบาง ๆ แม่เจ้า มันช่าง งดงาม สวยเหนือคำบรรยาย ไม่ไปไม่ได้เห็นนะเนี่ย ฟิน สุด ๆ ค่ะ






ถ่ายรูปเสร็จ ก็ถึงเวลากินแล้ว เราถือคติอีกแล้ว ว่าไม่ต้องรอ ถึงเที่ยงก็กินได้ 5 โมงเช้าก็เติมพลังได้แล้ว เพราะยิ่งไป ซำหน้า ถึงเทียงคนยิ่งเยอะ อิ ๆ ร้านค้ามีหลายร้านให้เลือกค่ะ เราก็เลือกร้านที่คนน้อย ๆ สั่งข้าวคะน้า+หมูกรอบ กินกัน โอ้ เยอะมาก ๆ และก็อร่อย มาก ๆ เพราะคะน้าเค้าปลูกกันหลังร้านเอง สดสุด ๆ ค่ะ ปลอดสารพิษ พูดแล้วน้ำลายไหลเบย   ส่วนส้มตำ ร้านที่ไปทาน ไม่อร่อยอย่างแรงอ่ะ รสชาด ชั่วร้ายสุด ๆ นึกภาพแล้วสยองเลย Smiley






หนังท้องตึง หนังตา ห้ามหย่อน เพราะหนทางอีกยาวไกล รอพวกเราอยู่ข้างหน้า ตามซำจะมีเสื้อผ้าขาย แน่นอน พวกเราจัดมาคนละชุด เก็บไว้ใส่พร้อมกัน มันเป็นกฏของพวกเราไปแล้วสินะ 55




จากซำแฮก สถานีต่อไปก็ซำบอน ชิว หว่ะ  เด็ก ๆ กำลังยังเหลือเฟือ Smiley




เดินไปอีกไม่ไกล ก็ถึงซำกกกอก  ระหว่างทาง เจอคุณพี่ท่านหนึ่ง โอ้ หน้าตา ผิวพรรณ ดีมาก ๆ เลยถามอายุดู แม่เจ้าอีกแล้ว คุณพี่อายุ 62 ปี แล้วค่ะ เดินลงภู ด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม ไม่เหนื่อยเลย เก่งจังวุ้ย เห็นแบบนี้ นึกถึงเพลง ไอ้นุช สู้ ๆ ไอ้นุช สู้ตาย ไอ้นุช ไว้ลาย สู้ตาย สู้ สู้ 55  เจ๋งอ่ะ ขอบคุณคุณพี่ ทำให้เป็นแรงบันดาลใจเราได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคร๊าบบบบ





ถึงไหนแล้วหว่า ????  (กลับมาเกือบเดือน เพิ่งจะเริ่มเขียน blog อาจจะลืมเลือนไปบ้าง ต้องปะติดปะต่อหน่อยนะ  Smiley )

อือ สถานีต่อไป ซำกอซาง มีร้านขายอาหาร นะครัช โดยเฉพาะแตงโม เนื้อแดง หวานเจี๊ยบ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป เป็นสิบ ๆ ปี ยังคงราคาเดิมคือ 10 บาท อร่อยเว่อร์  ขอบอกได้เลยว่า กินแตงโม ที่ไหน ก็ไม่อร่อยเท่ากินที่ภูกระดึง จริง ๆ นะ ไม่เชื่อหรือ ไม่เชื่อต้องไปลองดิ๊ Smiley





โชคดี วันนี้อากาศไม่ร้อนเลย เที่ยงก็แล้ว บ่ายก็แล้ว ยังไม่ร้อน โชคดีของเราจริง ๆ เดินไปก็เหนื่อย และเมื่อย นะ หยุดพักทายาบ้าง อะไร บ้าง เหนื่อยมาก ๆ ก็ทำฟอร์มหยุดถ่ายรูป 55 ค่อย ๆ ไปค่ะ ไม่ต้องรีบ เต้นท์ไม่หนีไปไหน ลูกหาบยังคงไม่ถึงหรอก 55   เชื่อดิ๊




ต่อไปก็จะเป็น พร่านพรานแป ค่ะ ป้ายจะล้มแล้ว แถมคนก็จะไม่ไหวเหมือนกันนะ กรูจะรอดมั๊ยเนี่ย Smiley





เมื่อยขา เพราะเรามีปัญหา กับเข่าขวา ก่อนไปแล้ว (อนาคตต้องเป็นข้อเข่าเสื่อมแน่ ๆ เลย ขณะเขียน blog เนี่ยก็ปวดนะ ถ้าไม่ติดว่าเข่าปวด เราว่า เราคงชิว ๆ สบาย ๆ กับภูกระดึงมาก ๆ แต่มาเจอปัญหาเข่าเนี่ย สงสัย ครั้งที่ 3 คงจะไม่มี ทั้งที่อยากไปอีกนะ อยากไปตอนหน้าหนาวอีกสักครา แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเข่าฉัน มันไม่ยอมเลยอ่ะ Smiley )




ต่อไปก็จะเป็น ซำกกหว้า และซำกกไผ่ บางซำ ที่เล็ก ๆ จะไม่มีร้านอาหาร และห้องน้ำเข้านะคะ โปรดเตรียมน้ำ ติดตัวไปด้วย ให้พอเพียงกับความต้องการค่ะ เพราะยิ่งสูง ยิ่งหนาว เฮ้ย ยิ่งแพงค่ะ  





เหนื่อย อ่ะ และแล้วก็มาถีง ซำกกโดน นั่งทายา แก้ปวด ชมวิว ตรงนี้วิวสวยอีกแล้วค่ะ ลมเย็น ๆ อยากนอนเสียนี่กระไร แต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นไม่ได้ การเดินระยะทางไกล ๆ สามารถนั่งพักได้ แต่อย่านาน เพราะเส้นจะยึด ให้พักแค่แป๊บเดียว แล้วไปต่อค่ะ แต่โห แม่งเมื่อยมาก ๆ ขาไม่ยอมจะเดินแล้วอ่ะ Smiley





สถานีต่อไป ซำแคร่ เย้ ๆ ซำสุดท้ายแล้วโว้ย ก่อนถึงหลังแป สังเกตุง่าย ๆ ซำนี้จะมีแคร่วางอยู่ 55 ไว้ให้นักท่องเทียวนั่งพักเหนื่อย สมกับชื่อซะจริง ๆ บางหน้าร้านจะมี ถังน้ำไว้ ให้ล้างมือด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะ ใจดีจัง




ตอนเดินเหมือนจะตาย ตอนกินแตงโม แม่งยัดแบบสุด ๆ อ่ะ

(ตอนเดินทำท่าเหมือนจะตาย ตอนกินแตงโม หน้าแม่งฟิน สุด ๆ  Smiley )

เติมพลังด้วยแตงโมวิเศษกันอีก เพราะระยะทางจากนี้ไป 1.3 กม. จะถึงหลังแป ซึ่งซำนี้จะเป็นซำที่ชันที่สุด และโหดที่สุดค่ะ 55 เดินธรรมดา ทางราบ ตรูก็จะแย่แล้ว นี่ทางช้น ต้องปีน ตลอด และบางช่วงต้องต่อแถว ขึ้นบันได อีกต่างหาก สุด ๆ ค่ะ ซำนี้ โหดได้ใจ เราจริง  ๆ 







ส่วนกระเป๋ากล้องเรา แม่งเป็นภาระฉิปหาย แต่ก็ได้พี่ผ่อง ช่วยแบก  สลับเอาไปถือ ถ้าไม่ได้พี่แก ไหล่คงหลุดไปแล้วหล่ะ เจ็บหัวใจมาก ๆ (จริง ๆ นะ)   ขอบคุณนะคะ  Smiley ว่าแต่ ตั้งแต่กลับจากภูกระดึง ยังไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย สงสัยแก คงจะเข็ดนิสัยเราเสียแล้ว 555  สงสัยจบงานนี้จะเลิกคบเราไปแล้ว 555   



อือ เกือบลืมอีกเรื่อง ซำอะไรหว่า จะไม่ได้ ระหว่างที่นั่งพักที่ขอนไม้ (จะบอกว่า เจอขอนไม้ที่ไหน เป็นต้องนั่ง ให้ตายสิ มันนั่งสบาย กว่าเก้าอี้ ราคาเป็นพัน ๆ อีกนะจะบอกให้)  นาฬิกา ข้อมือของเรา ได้หลุดหายไปไหนไม่รู้ ไม่รู้ตัวเลย ช่วยกันคิดใหญ่เลย ว่าหลุดหายตอนไหน เพราะว่าเราจะถ่ายรูป นาฬิกา ตลอดอ่ะ เพื่อดูเวลา ว่าถึงกี่โมง  แต่สงสัยหลุดไปโดยไม่รู้ตัว น่าจะเป็นตอนนั่งทายานวด ที่ซำกกโดนแน่ ๆ เฮ้อ เสียดายจัง ราคา 2 พันกว่าบาทแหนะ เดินไปเซ็งไป เสียดายอ่ะ Smiley






1.3 กม.เหนื่อยมาก ๆ อ่ะ มันชัน และต้องปีนขึ้นตลอด แต่พอถึงจุดสุดท้าย เมื่อโผล่หัวขึ้นมา ถึงหลังแป แทบกรี๊ดเลย เย้ ถึงแล้ว เราทำได้ เกือบตาย...... หนุ่ย และ นู๋นา นั่งรอ ที่หลังแปแล้ว ส่วนเราตามมาทีหลัง ระหว่างที่ลากสังขาร เดินไปหาน้อง ดีใจจัง เจอเจ้าเล็ก โอ้ !!!  เหลือเชื่อ ยังมาเจอกันได้อีก ดีใจอ่ะ น้องเพิ่งถึง ก่อนเราได้ ครึ่งชั่วโมง และรอเพื่อน อยู่ เหมือนกัน ถ่ายรูป เป็นที่ระลึกสักภาพ ถ้าไม่ได้ไอ้น้องคนนี้ post ว่าจะไปภูกระดึง เราก็คงไม่ได้มาที่นี่เหมือนกัน ขอบใจนะจุ๊บ ๆ 



ถึงหลังแป นั่งพัก ตากลมเย็น ๆ และรอ คนซา จะไปถ่ายรูปซะหน่อย



 ระหว่างรอ ก็หยิบกระเป๋ากล้องมาเปิดดู  แทบช็อค อ่ะ นาฬิกา ของฉันตกอยู่ในกระเป๋า แถมสายขาด ออกจากกันด้วย งง จัง แต่ก็โชคดี สุด ๆ ที่มันขาด (แถมถ่านหมดอีกต่างหาก) และตกในกระเป๋าพอดี ทริปนี้โชคดี ของเราจริง ๆ และฉันก็จะเก็บเธอไว้ใช้งานตลอดไปนะจ๊ะ นาฬิกาคู่ชีวิต คิดย้อนกลับไป คงจะหลุดตอนที่ พี่ผ่อง จะเอายาดม ให้ดม เพราะพี่เค้าพกมา 2 หลอด แต่ยังไม่ได้แกะห่อ เราเลยไม่เอา และเอามือล้วงไปหยิบในกระเป๋า ต้วเอง ระหว่างนั้น คงหลุด พอดี โชคดี จริง ๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณพี่ผ่อง Smiley





ถึงหลังแป ก็น่าจะใกล้ที่ทำการแล้ว ...... แต่ยังนะคะ ยังไม่ถึงนะ  อย่าเพิ่งดีใจไป ทางชันหมดไป ทีนี่จะเหลือทางราบ ที่ต้องเดินไป อีก 3 กม. กว่า ๆ (3620 กม.) เฮ้ย มันน่าจะชิว นะไอ้ทางราบ เนี่ย แต่ขอโทษ แม่งเอ๋ย ลองเดินดู แล้วคุณ ๆ จะเกลียดทะเลไปเลย ห่านเอ๋ย มีแต่ทราย ตลอดทาง นี่ตรูมาภูเขานะ ใครมันเอาทรายมาเท บนทางเดินว๊ะเนี่ย เดินยากฉิปหาย ดูดพลังทุกฝีก้าว โหดฉิป 55






ช่วงที่เดิน 3 กม. นี่จะร้อนนะคะ เตรียมร่ม (ถ้ามีแรงถือ) ก็เตรียมหมวกไว้ใส่ด้วย เพราะมันจะเป็นทางโล่ง ๆ ไม่มีต้นไม้ คอยเป็นร่มเงาเราค่ะ เดินตรงอย่างเดียว ที่พักไม่มีให้นั่ง แต่มันก็ไม่เป็นปัญหา สำหรับเราหรอก ถ้าชญานุช เมื่อยหรือหมดแรง เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะร้อน หรือสกปรกเพียงใด ตรูก็จะนั่ง 555  คิดแล้วก็ตลกดีอ่ะ  



ถึงที่ทำการ เย้ ดีใจสุด ๆ บ่าย 4 โมงเย็น นิดๆ สรุปเราใช้เวลาเดินทาง ทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง Smiley ไม่เลวเลยจะสำหรับอายุสังขาร และอายุขนาดนี้ ดีใจ สุด ๆ 




ถึงที่ทำการ ก็ติดต่อแจ้งแต้นท์ และเช่า แผ่นรองนอน หมอน ผ้าห่ม กับทางอุทยาน และรอรับ กระเป๋าจากลูกหาบ ค่ะ เย้ เรามาถึงก่อนลูกหาบด้วยวุ้ย เก่งจัง รอลูกหาบ ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง (เก่งจัง แบกของหนักขนาดนั้น ถึงที่หลังเราหน่อยเดียวเอง) 




ได้กระเป๋า แล้ว คุณเอ ผู้จัดทริปของเราก็นัดกันว่าให้นอนโซนเดียวกัน จะได้ติดต่อกันง่าย ๆ เอาของเก็บในเต้นท์ เสร็จ ก็ไปทานหมูกะทะกันดีกว่า เพราะว่าติดใจกับ รสชาดความอร่อย สุด ๆ ที่ม่อนแจ่มมา คืนนี้แหละ จะซัดให้พุงกางเลย 



ตอนแรกจะกินที่ร้านอะไรนะ จำไม่ได้แล้ว พวกคุณเอ เค้าไปกิน อะไรทิพย์ ๆ เนี่ยแหละ แต่ก่อนไป เราดันเข้าห้องน้ำ และออกมาไม่เจอใคร จึงเดินไปที่ร้านเลย ส่วนอีก 3 คน ก็รอเราที่เต้นท์ และเล่นกับน้องกวางด้วยเราเลยรอนาน เพราะต่างคนต่างรอ ส่วนเราไปตัวเปล่า กระเป๋า + โทรศัพท์ พี่ผ่องสะพายอยู่ มีแต่ตัวเปล่า จึงรอที่ร้านนาน จะเดินไปตาม ก็ต้องสวนกันแน่ ๆ เพราะสถานที่มันกว้าง คิดได้ก็นั่งรอที่ร้าน เจ้าของร้านมาถาม เราก็บอกว่ารอเพือน แต่พลัดหลงกัน ขอโทรศั่พท์ โทร. ไปบอกได้ไหมคะ  แต่เจ้าของร้านบอก แบ็ต หมด หึ หึ และกลุ่มเราก็เดินมาพอดี เราเล่าให้ฟัง จึงเปลี่ยนใจไปกินร้านอื่นแทนอ่ะ  เลยมากินหมูกะทะ ที่ร้านนัดพบ  ชุดใหญ่ 500 บาท  ไฟ ก็ไม่แรง แถมรสชาด อยากจะบ้าตาย ตั้งความหวังไว้สูงเกินไปจริง ๆ พวกเรา ไม่อร่อยเอาซะเลย เข็ดเลยค่ะ  กินไป พัดไป ไฟอ่อนมาก ๆ น้ำซุป ก็คือน้ำต้มธรรมดา น้ำจิ้มหวาน มาก ๆ เข็ดเลย พรุ่งนี้ฉันจะกินข้าว 55






คืนนี้ซัดยาคลายกล้ามเนื้อ และยาอะไรไม่รู้ของหนุ่ยป๊อดไป เหนื่อยสุด ๆ  น้ำไม่อาบด้วย ฟันไม่แปรง ไม่ล้างหน้าอีกต่างหาก เข้านอนเลย ส่วนอีก 3 คน ไม่มีน้ำยา ไม่มีความสามารถทำเหมือนเรา ต้องเดินไปหาห้องน้ำอาบ กว่าจะกลับมา เราก็หลับเป็นตายไปแล้ว

เจ้าหน้าที่จะประกาศ ว่าถ้าใครต้องการจะไปดูพระอาทิตย์ ขึ้นที่ผานกแอ่น ให้มารวมตัวกัน ตอนตีห้า แต่พระอาทิตย์ขึ้นเคยเห็นแล้ว 55 เลยไม่ตื่นไปดู อิๆ ขอนอนเอาแรงก่อนนะ ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้จะไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็จะรออยู่ที่เต้นท์ แล้วกัน ฝันดี เหนื่อยสุด ๆ อ่ะ  ราตรีสวัสดิ์


อรุณสวัสดิ์ เช้าวันใหม่ ตื่นนานแล้ว เพราะนอนเร็วมาก ๆ นอนฟังเสียง เจ้าหน้าที่เรียกรวมตัวกันไปดูพระอาทิตย์ ขึ้นแต่เราไม่ไป 55  สำรวจร่างกาย เฮ้ย ไม่ปวด ไม่เมื่อยขาเลย สงสัยยาจะดีจริง ๆ ไปอาบน้ำดีฝ่า สกปรกฉิปหาย นอนได้งัยเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลบ  ไม่แน่จริง ๆ ทำไม่ได้นะเนี่ย 




อาบน้ำเสร็จ ก็ไปกินข้าว เช้ากัน อาหารขายเหมือน ๆ กันทุกร้าน แต่ร้านที่เราไปกิน ตักเอง ได้ 2 อย่าง 70 บาท เราตักเต็มที่เลย หิวมาก ๆ อร่อยดี ส่วนหนุ่ย กะ นู๋นา กินร้าน ใบเฟิร์น 2 อย่าง 60 บาทเอง ไม่เป็นไร คืนนี้เจอกัน  

หลังทานข้าวเสร็จ ก็ซื้อข้าวเหนียวหมู ไว้กินระหว่างทาง เพราะวันนี้เราต้องเดินไปดำนากัน เฮ้ย เดินไปผาหล่มสักกัน ไป-กลับ ก็เกือบ ๆ 20 กิโลเมตร เอง หุ หุ 


เกือบลืม แทรกหน่อย ก่อนลงจากภู 1 วัน ต้องไปลงชื่อแจ้งความประสงค์ กับเจ้าหน้าที่ก่อนว่า ต้องการลูกหาบ จำนวนน้ำหนักกระเป๋า เท่าไหร่ และ เวลาที่จะเอาของไปชั่งด้วยนะคะ  อย่าลืมหล่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะได้ คำนวน และเรียกลูกหาบ มาคอยบริการเราได้พอเพียงค่ะ 




สมาชิกพร้อม ใจพร้อม ลุย ลุย ลุย ออกจากที่ทำการ เดินย้อนกลับมาเส้นทางเมื่อวาน และได้ถ่ายรูปกับป้ายกันนิดหน่อย ระหว่างทาง นู๋นาเจอ ที่ชาร์ต ไอโฟน + นม 1 กล่อง จึงเดินเอาไปแจ้งที่ทำการ ประกาศหาเจ้าของ นิสัยดีจริง ๆ และเราก็เดินทางกันต่อ ป้ายบอกว่า ไปหลังแป เราไม่ไป เราจะไปฝานกแอ่นกัน ไปกันเลย เดินไป เป็นกิโล  นึกเอ๊ะ ใจ เฮ้ย เรามาผิดเปล่าว๊ะ ทำไมไม่มีคนเดินเลย ไอ้หนุ่ยก็บอก ไม่ผิดหรอก จึงเดินไปอีก ไปอีกสักพัก ไม่แน่ใจแระ เอาแผนที่มาดู สัสเอ๋ย ผิดแระ นี่เราจะไปผาหล่มสัก ไม่ได้มาทางนี้นี่หว่า จึงเดินย้อนกลับ สัสเอ๋ย กินกำลังขากรูไป-กลับ 3 กิโลแล้ว ยังไม่ได้ไปไหนเลย สาาดดดด Smiley



กลับมาอยู่ที่เดิม ที่... ที่...เคยคุ้นตา และได้ถาม ลูกหาบว่าจะไปผาหล่มสัก ไปทางไหน เค้าบอกว่า ไปทางนู้นนน ถึงบางอ้อ จึงเดินลัดสนาม ไปหาร้านจักรยานกันดีกว่า (เราไม่อยากขี่หรอก เพราะขี่ไม่แข็งอ่ะ)  จักรยานที่ไม่มีเกียร์ถูกเช่าไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็มีคนจอง และราคา ค่าเช่า วันละ 3 ร้อยกว่าบาท ไม่ไหว ๆ  4 คน ก็ปาไป พันกว่าบาทแล้ว จึงไม่เช่า เดินด้วยลำแข้งตัวเองเถอะเรา อิ ๆ 

พอเริ่มเดิน คนเพียบเลย ชัดเลย เรามาถูกทางแล้ว ไปทางนี้แหละ Smiley




เรี่ยวแรง ยังพอมี ... ยังพอมีแรงอยู่ เดินไป ถ่ายรูปไป ดอกไม้ ริมทางเดินสวย ๆ ทั้งนั้นเลย แล้วแต่ว่าใครจะหยุดมอง ยังถือคติเหมือนเดิม ใครรีบ แซงไปเลย อิ ๆ




การเดินทางในวันนี้ เป็นทางราบนะครัช 20 กิโล น่าจะชิว ๆ นะ ฮ้า ๆ  เมื่อวาน ทางชันยังผ่านมาได้ วันนี้สบายแล้ว ชญานุชเอ๋ย 

เดินไป ถ่ายรูป ไป อือ ขอเตือนอีก วันนี้จะร้อนโครต ๆ นะ เตรียมหมวกชาวไร่อ้อย แบบพวกเราไปด้วย มันไม่ค่อยสวย แต่ก็โอเคดีนะ  ราคา 50 บาท ใช้เกินคุ้มแล้ว ขนาดว่า ป้องกันแล้วนะ กลับมาดำปี๋เลยค่ะ Smiley




โปรแกรม วันนี้จะเดินเป็นวงกลม จะผ่านน้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกถ้ำใหญ่ สารพัดน้ำตก สระอโนดาด น้ำตกถ้ำสอเหนือ ผาหล่มสัก ผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล ผาหมากดูก กลับที่พัก 




ผ่านที่แรก ก็ลานพระศรีนครินทร์ เข้าไปไหว้ขอพรก่อนเดินทาง ขอให้เดินทางไป-กลับ โดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยจากนานา สัตว์ ทุกประการเทอญ สาธุ Smiley






จะบอกว่าเดิน วันนี้ เรา เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน พอป้ายบอกไปน้ำตก เราไม่ไป เพราะว่า น้ำตกไม่มีน้ำ มุ่งหน้าสู่ผาหล่มสักเลยดีกว่า อิ ๆ (เคยไปสิ้นปี น้ำตกไม่มีน้ำ นี่มันเดือนกุมภา คงไม่มีกันไปใหญ่






 เดินไปเรื่อย ๆ เหนื่อยเราก็พัก ระหว่างทางเดิน ก็จะผ่านลำธาร สวย ๆ ผ่านทุ่งหญ้า สีทอง อวดโฉม กับท้องฟ้า สี ฟ้า ๆ แม้ทางเดิน จะร้อนแรงเพียงใด แต่ยังมีความงาม ซ่อนตัวอยู่ตลอดที่เราย่ำไป







และแล้วก็มาถึง สระอโนดาด เกือบเที่ยงพอดี เลยจัดอาหารเที่ยงซะ จะได้ไม่หนัก 55   และไม่พลาดที่จะเติมพลังขาด้วย  Smiley   นั่งที่สระอโนดาด กินข้าวเที่ยง อากาศเย็นสบาย อยากนอนอีกแล้วอ่ะ  แต่หนทางวันนี้อีกยาวไกล มาก ๆ คะเนแล้วว่า ถ้าโอ้เอ้มาก ๆ จะถึงดึกแน่ ๆ คืนนี้ 






ออกจากสระอโนดาด จะเจอขี้ช้างเต็มเลย แสดงว่า แถวนี้ ช้างชุมเนอะ น่ากลัว ว่าแล้วก็รีบเดินกันเถอะ ระหว่างทางเดินจากสระ ไปน้ำตก สวยอ่ะ ร่มรื่นสุด ประทับใจจัง










และก็ถึงน้ำตกถ้ำสอเหนือ หือ น้ำเยอะเกินบรรยาย Smiley



ไปต่อดีกว่า  ออกจากน้ำตก เฮ้ย มาโผล่ทะเลทรายอีกแว้ว เกลียดอ่ะ ดูดพลังขาฉิป .... 




เหนื่อยจะขาดใจ เมื่อไหร่จะถึง ผาหล่มสัก ซะทีน้า ขาฉันจะไม่ยอมก้าวแล้วนะ แง ๆ  





และแล้วก็มาถึงผาหล่มสักจนได้ เวลาบ่าย 2 ครึ่งแล้ว กางผ้าใบจากร้านค้า ถึงกับนอน แผ่กันเลยทีเดียว เมื่อย สุดจะบรรยาย 



และก็สั่งส้มตำ กับ น้ำมากิน (ขอบอกว่าน้ำแพงมาก ๆ แต่ก็ต้องเห็นใจคนแบกมา เพราะว่ามันลำบาก มาก ๆ ต้องยอมเค้าค่ะ เพราะฉนั้นใครคิดจะมาภูกระดึง ต้องเตรียมเงินมาเยอะ ๆ นะคะ เพราะค่าใช้จ่ายที่นี่สูง ตามขั้นของความลำบากค่ะ) 




ตลกดีหว่ะ  ตอนถึงผาหล่มสัก ปูผ้าใบนอนแผ่หรากัน  ก็เกี่ยงกันไปซื้อน้ำ ซื้อส้มตำมากิน (เราไม่ไปหรอก เราแก่แล้ว เดินไม่ไหว 55) ให้ไอ้นู๋นาไปซื้อน้ำ อือ หนุ่ยป๊อดก็บอกอือ นู๋นาไปเถอะ นู๋นายังเด็ก  มันบอก กลับมาเหลือที่ให้หนูนอน มั่งนะ หนูจะนอน หนูจะนอนมั่ง 55  ตลกหว่ะ  ไม่รู้จะอธิบายเป็นภาษาเขียนอย่างไร ว่าเหนื่อยโครต ๆ อ่ะ 

ส้มตำขอบอกว่า อร่อยสุด ๆ เลย ถ้าใครไป ร้านแรกเลยนะคะ โผล่หัวมาเจอ ล่อเลย อย่าต้องให้เดินไกลไปกว่านี้ เพราะสังขารไปไม่ได้แล้ว ส่วนน้ำโกโก้เย็น พี่ผ่องไปซื้อจากเจ้าไหนมาไม่รู้ ก็อร่อยมากกกก  อยากกินอีกอ่ะ  





หลังจากที่จัดการกับอาหารเรียบร้อย พักผ่อน กันนิดหน่อย ก็ไปที่ผากันเลยดีกว่า เพราะต้องต่อคิวถ่ายรูปกันอีกนะ  ส่วนเรา ก็ save รูป เมื่อ 13 ปี ที่แล้วที่เรามาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ วันนี้เลยจัดไป อย่าให้เสีย ณ ที่เดิม จุดเดิม คน ๆ เดิม ฟินอ่ะ  อิจฉาอะเด่ ใครทำได้ เอามาอวดกันหน่อยนะคะ อิ ๆ 





และก็ต้องไม่พลาด ถ่ายรูปเดี่ยวกันที่ผาหล่มสักกัน เข้าแถวไปถ่าย คนอื่นง่ายหมด พอถึงคิว เรา สัส เอ๋ย เพื่อนเพียบเลย 55  กว่าจะได้ภาพเดี่ยวจริง ๆ ต้องเอ่ยปากขอกันเลยทีเดียวอ่ะ (คนเค้าต่อคิว เพื่อการนี้ ไอ้พวกนี้นี่ มารยาทไม่มีเลย ไม่อยากด่าเลย เดี๋ยวจะหาว่าปากจัด อีสัส เอ๋ย)



ออกจากผาหล่มสัก บ่าย 4 โมงเย็น กับระยะทาง 9 กิโล รีบเถอะ เดี๋ยวดึก อือ ลืมบอกอีกว่า วันนี้ให้พกไฟฉายมาด้วยนะคะ พวกเราไม่รอถ่ายพระอาทิตย์ตกที่นี่เพราะว่าขากลับจะมืด และดึก กลัวช้างป่าออก เลยไปดูระหว่างทางจะดีกว่าค่ะ




ขากลับเราเดินเลาะหน้าผามาเรื่อย ๆ ตาเราก็มองหา สิ่ง ๆ หนึ่ง จะเจอมั๊ยน้า แต่ก็กวาดตามองไปตลอดทาง 55   



ช่วงที่เดิน เราเจ็บหัวใจมาก ๆ  พี่ผ่องต้องช่วยเอากระเป๋ากล้องไปถือ ไม่ไหวจริง จริง ๆ นะ Smiley



ประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงผาแดง พักดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อน ไม่ไหวแล้ว ขาปวดเหลือเกิน พวกเรา 3 คน นิ้วนาง นิ้วก้อย ตรีน ทั้ง 2 ข้าง พองอัดแน่นกันทั้ง 2 ข้างเลย แง ๆ  เมื่อย ปวด เจ็บตรีน ลำบากโครด ๆ อ่ะ อยากร้องไห้ 






ออกจากผาแดง เจอแล้ว อยากกรี๊ด เราเจอจนได้ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ภาระกิจ 2 สิ่งที่เราต้องการมาภูกระดึงคือ ถ่ายรูป before - after และถ่ายต้นหม้อข้าว-หม้อแกงลิงให้ได้ ดีใจอ่ะ วี๊ดวิ้วววว Smiley




จากผาแดง มาถึงผาเหยียบเมฆ กัน สวยมาก ๆ ค่ะ และพระอาทิตย์ ก็ตรงตอนที่อยู่ที่ผาพอดี แต่ว่า มันมีเมฆ มาบังเสียก่อน เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็ประทับใจค่ะ  






พระอาทิตย์ตกแล้ว ความมืด กำลังมาเยือน เก็บกล้องตัวใหญ่ เตรียมไฟฉาย กันเลยดีกว่า ค่ะ เพราะหนทางข้างหน้า จะมึด และน่ากลัว เพียงใด เราต้องฝ่าฟันไปให้ได้ค่ะ




จากผาเหยียบเมฆ ก็มาถึงผานาน้อย แสงกำลังจะหมดไป ทุกวินาที ช่วงที่พวกเรากำลังอ่านป้ายว่าเหลือระยะทางอีกเท่าไหร่ จะถึงที่ทำการ โอ้ อีก 3.5 กม. ต้องผ่านอีก 2 ผา คือผาจำศีล และผาหมากดูก ขณะที่กำลังมองแผนที่ มีลุงใจดี คนหนึ่งตะโกนมาบอกว่า ให้ไปทางลัดเลย จะลัดได้ 1 กม. แต่ต้องรีบเดินหน่อย เพราะต้องตัดผ่านทุ่งหญ้า และยิ่งดึก ช้างจะออกหากิน 




พวกเราก็รีบขอบคุณ และจ้ำ รีบเดินทาง และตะโกน บอกพวกอีกกลุุ่ม ให้มาทางเดียวกัน เพราะเป็นทางลัด (และที่สำคัญ จะได้มีเพื่อนเดินด้วย 55)  




ช่วงที่เดิน อยากจะบอกว่า เราแทบจะไม่ไหวแล้ว ขาเดินไม่ได้ เข่าเริ่มออกอาการ กลุ่มที่มาที่หลัง ก็รีบเดินแซง ไป หมด แล้ว ทางก็มึด กลัวช้างป่าออกมาหากินมาก ๆ เพราะเพิ่งได้ข่าวว่า ออกมาทำร้าย เจ้าหน้าที่ด้วย กลัวมาก ๆ แต่ขาก็ก้าว ไม่ได้เหมือนกัน จะตายให้ได้เลย เหนื่อยที่สุดในชีวิต เดินไป ก็ตะโกนบอกพี่ผ่องว่า ให้หยุดก่อน มึด ๆ ก็ต้องพัก ไม่ไหว  ๆ คิดในใจ ว่าถ้าช้างออกมา ตรูจะไม่วิ่งหนีไปไหน จะนอนให้มันกระทืบเลย 555

มีช่วงหนึ่งทางเดินก็มืด มาเจอทางแยก ป้ายก็ไม่มี ส่องไฟฉายไป เห็นป้าย ขาว ๆ ให้หนุ่ยป๊อดเดินไปดู ปรากฏว่า ป้ายเตือน เรื่องระวังช้าง และมีเส้นลวด กั้นไว้ ชัวร์ เลย ช้างต้องผ่านแถวนี้แน่ ๆ รีบจ้ำกันเลยทีเดียว Smiley

และแล้ว เสียงสวรรค์ ก็ดังให้เราได้ยิน เราได้ยินเสียงระฆัง โอ๊ย ดีใจสุด ๆ รีบเดิน และได้เห็นแสงเทียน องค์พระพุทธเมตตา หรือลานพระศรีนครินทร์ที่เราผ่านมาเมื่อเช้า ดีใจ สุด ๆ รอดตายแล้วเว้ย เฮ้ย ดีใจเหมือนเกิดใหม่ รีบเข้าไปไหว้ ขอบคุณพระคุ้มครองค่ะ Smiley

ถึงที่ศุนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินไม่เป็นกันเลยทีเดียว ทำไมเต้นท์กรูอยู่ไกลจังว๊ะ เดินไม่ได้แล้วนะ ถึงที่พักทุ่มกว่า ๆ เข้าที่พัก และออกไปหาอะไรกินแล้วจะได้นอน แต่ละคน ท่าเดินสุด ๆ อ่ะ นึกแล้วก็ขำ อาหารมื้อนี้เราฝากท้องกับร้านใบเฟิร์น แถมบอกคนขายว่า เอาเยอะ ๆ หิวสุด ๆ ค่ะ  อร่อยมาก ๆ เลย ทานเกลี้ยงไม่เหลือเลย ค่ะ  

เหมือนเมื่อคืน กินยาคลายกล้ามเนื้อ วันนี้ดีหน่อย ล้างหน้า แปรงฟัน นอนเลย พัฒนาแล้วสะอาดกว่าเมื่อวาน ส่วนอีก 3 คน ยังคงไม่พัฒนาเหมือนเดิม อาบน้ำก่อนนอนอีก 555  



อรุณสวัสดิ์ บรรยากาศช่วงเช้าช่างดีเหลือเกิน แต่สภาพร่างกายฉัน มันแย่ ที่สุด เท่าที่จะแย่ได้ วันนี้เราต้องลงจากภูกันแล้ว 


อาบน้ำ อาบท่า รีบเอากระเป๋า ไปชั่ง (กล้วลูกหาบชุดแรกหมด เพราะอีกกลุ่มเค้าไปชั่งก่อนหน้าเราแล้ว ) และคืนที่นอน หมอน ผ้าห่ม  ช่วงที่รอชั่ง ก็เห็นปัญหา กับคนบางกลุ่มนิดหน่อย นิสัยไม่ค่อยดี ขอข้ามไปเลยดีกว่า เสียบรรยากาศ กับคนพวกนี้ค่ะ  Smiley

เอากระเป๋า ไปชั่งแล้วก็สบายใจแล้ว ไปกินข้าวร้านเดิม อำลาภูกระดึงกันดีกว่า 



ขาลง ต้องลงอย่างเดียว กล้องเก็บไว้ในกระเป๋าเลยค่ะ คิดว่าไม่ต้องใช้ เพราะมันจะไปกระแทก กับก้อนหิน ซะเปล่า ๆ อือ ขอบอกว่า ขาลง ถ้ามีไม้เท้าด้วยจะดีมาก ๆ นะคะ สำหรับเราแล้ว มันคือขาที่ 3 กันเลยทีเดียวอ่ะ  ช่วยเราได้เยอะเลยค่ะ




ลาแล้วนะน้องภู เริ่มลงกันเลยดีกว่า ขากลับ ก็จะเป็นขาที่เราขึ้นมานั่นแหละ แต่การเดินครั้งนี้ มันหนักหนานัก เพราะสะบักสะบอม กันเลยทีเดียว Smiley

เหมือนเดิม ย้อนความลำบากกลับไปเหมือนขามา จากที่ทำการ ไปหลังแป เจอทรายมรณะ คอยจ้องดูดพลังงานอีกตามเคย Smiley

พอถึงหลังแป ก็ถึงพร้อมกัน เลยได้รูปหมู่กันในทริป จากหลังแป ก็ต่อด้วย ซำแคร่ โหดสัส สุด ๆ  เพราะลงอย่างเดียว และต้องใช้พละกำลัง ขาเป็น สองเท่า กรูแย่แล้ว เข่าขวากรูตายแน่ ๆ 




และก็ลงมาเรื่อย ๆ ย้อนกลับจากขาขึ้น แต่ว่าวันนี้ ร้อนอ่ะ ขาขึ้นไม่ร้อน แต่ขาลง อากาศร้อน สุด ๆ เล่นเอาเหงื่อไหล เป็นทาง อยากอาบน้ำเสียนี่กระไร 





เหมือนเดิม ใครรีบ แซงเลย มีเสียงคนไล่หลัง มาติด ๆ เลยหลบให้ไปก่อน โอ้แม่เจ้า คุณยายค่ะ อายุ 75 ปี แล้ว แต่แข็งแรงมาก ๆ ค่ะ เดินตัวปลิวเลย อิจฉาคุณยายมาก ๆ ค่ะ  Smiley





เดินช้า ๆ แต่ถึงตีนภูเร็วมาก ๆ บางช่วง ตรูไม่ได้วิ่ง แต่มันชัน แทบจะกลิ้งลงมาเลย ขาลงจะถึงเร็วกว่าขาขึ้นค่ะ  ถึงตีนภูตอนบ่ายโมง เร็วดีวุ้ย  ก็หาอะไรทาน และไปซื้อใบประกาศ มาคนละใบ เป็นที่ระลึกกันค่ะ 



จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ แวะทานก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ละคนท่าเดินเหมือนโดนรุมโทรม กันมาหมาด ๆเดินกันแทบไม่เป็น และถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ เกือบ ๆ ห้าทุ่ม เฮ้อ  .... ดีใจสุด ๆ และแล้วฉันก็ทำได้ ทุกวันนี้ยังนอนคิดถึงภาพเก่า ๆ สถานที่อันสวยงาม แม้จะไม่มีความสะดวกสบาย เหมือนหลาย ๆ ที่ที่เคยไป แต่สำหรับภูกระดึง มันมีมนต์เสน่ห์ในตัวเองเสมอค่ะ ไม่ไปไม่รู้ อย่าเลยนะ อย่าได้สร้างกระเช้าเลย เพราะเสน่ห์ของภูกระดึง มันคือการเดิน เดิน เดิน และเดินค่ะ อาชีพลูกหาบ คงหมดไป พร้อมกับความเจริญที่จะก้าวเข้ามาแทนที่ค่ะ  บาย  จบดีกว่า รัก ณ ภูกระดึง Smiley

ปล.ปิดทริปด้วยความประทับใจ และในฐานะหัวหน้าทริป ขอยกเลิกสรรพนาม "หนุ่ยป๊อด" เนื่องจากได้พิสูจน์ให้ประจักษ์แล้วว่า ไม่ได้เป็นดั่งสรรพนาม ส่วน " ติ๊กเข็ด " ยังคงไว้ชั่วนิจนิรันตร์ค่ะ Smiley










Create Date : 02 มีนาคม 2557
Last Update : 14 เมษายน 2557 20:39:54 น.
Counter : 6083 Pageviews.

2 comments
  
เป็นทริปที่สุดแสนประทับใจ โหด หิน ฟินสุด ๆ

ขอบคุณค่ะ..สำหรับทริปดี ๆ ไม่รู้ลืม..
โดย: ตัวหมัด ติดหนับ IP: 58.9.106.192 วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:22:14:03 น.
  
ไม่เคยไปเหยียบภูกระดึงเลย แค่เขาคิชกูฏ ก็จะแย่แล้วคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ไป ดีจังเลยค่ะ
(ขอบคุณนะค่ะที่เข้าไปเม้น)
โดย: Re-Rai วันที่: 12 มีนาคม 2557 เวลา:22:13:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nuch9981
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ไปทุกที่...ที่มีทาง