" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 
18 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
076. Of INQUIRY IN TO THE NATURE AND CAUSES OF THE WEALTH OF NATION ของ ADAM SMITH





แอดัม สมิธ

แอดัม สมิธ (5 มิถุนายน พ.ศ. 2266 - 17 กรกฎาคม, พ.ศ. 2333) นักปรัชญาศีลธรรม และ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองผู้บุกเบิกชาวสกอตแลนด์ แอดัม สมิธ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดแนวคิดเศรษฐศาสตร์แนวตลาดเสรี เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการที่เป็นที่รู้จักในชื่อว่า "ยุคสว่างของสกอตแลนด์" (Scotish Enlightenment) โดยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แต่งศาสตรนิพนธ์สองเรื่องคือ ทฤษฎีว่าด้วยศีลธรรมเร้าอารมณ์ (พ.ศ. 2302)และ การสอบสวนธรรมชาติและสาเหตุแห่งความมั่งคั่งของประชาชาติ (พ.ศ. 2319) ซึ่งศาตรนิพนธ์เรื่องหลังนับเป็นความพยายามในยุคแรกๆ ของการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุตสาหกรรมและพานิชกรรมในยุโรป อีกทั้งยังเป็นการโจมตีลัทธิพาณิชยนิยมอย่างไม่ปล่อย งานของอดัม สมิธได้กลายเป็นรากฐานวิชาการเศรษฐศาสตร์ตลาดเสรีและช่วยเป็นเหตุผลเชิงปัญญาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดที่มารองรับการค้าเสรี ระบอบทุนนิยมและอิสรเสรีนิยม

ประวัติ

แอดัม สมิธ เป็นที่รู้จักมากที่สุดในฐานะเป็นเจ้าของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ลัทธิเสรีนิยมที่ประณามสมาคมอาชีพในยุโรปยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 2244 - พ.ศ. 2343) สมิธมีความเชื่อในสิทธิ์ของบุคคลที่จะสามารถใช้อิทธิพลของตนเองสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของตนเองได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องตกเป็นหุ่นเชิดของสมาคมอาชีพหรือของรัฐ ทฤษฎีของสมิธมีผลกระทบระบบเศรษฐศาสตร์เดิมของยุโรป ทำให้ยุโรปส่วนใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบการค้าเสรี ที่ยอมให้ผู้ประกอบการรวมตัวกันได้ แอดัม สมิธได้รับการยกย่องเป็น "บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์"

การศึกษา

เมื่ออายุ 15 ปี แอดัม สมิธ ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ในสาขาปรัชญาศีลธรรมกับฟรานซิส ฮัทชีสัน ที่มหาวิทยาลัยนี้เองที่แอดัม สมิธได้เกิดกัมภาวะอย่างแรงกล้าในเสรีภาพ เหตุผล และเสรีภาพในการพูด ในปี พ.ศ. 2283 สมิธได้รับรางวัล "สเนลล์เอกซ์บิชัน" (รางวัลเรียนดีสำหรับนิสิตกลาสโกว์ที่ต้องการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด) และเข้าเรียที่ วิทยาลัยบาลลิออล แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แต่ออกซ์ฟอร์ดในยุคนั้นก็ไม่ได้ให้สิ่งที่จะเป็นงานสำคัญในชีวิตต่อมาของสมิธมากนัก สมิธออกจากออกซ์ฟอร์ดเมื่อ พ.ศ. 2289 ในหนังสือเล่ม 5 เรื่อง"ความมั่งคั่งของประชาชาติ" ได้วิจารณ์เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของอังกฤษในขณะนั้นว่ามีคุณภาพในการสอนต่ำและมีกิจกรรมเชิงปัญญาน้อยเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยสก็อตคู่แข่ง สมิธเห็นว่าเป็นผลที่เกิดจากเงินกองทุนที่มีมากมายเกินไปทั้งที่ออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ทำให้ศาสตราจารย์มีรายมากได้โดยไม่ต้องมีความสามารถในการสร้างความน่าสนใจแก่นิสิต และทำให้นักอักษรศาสตร์มีความเป็นอยู๋สุขสบายมากกว่าประมุขฝ่ายศาสนจักรของอังกฤษเสียอีก

งานอาชีพในเอดินเบอระและกลาสโกว์

ในปี พ.ศ. 2291 แอดัม สมิธ เริ่มงานบรรยายสาธารณะในเอดินเบอระโดยการอุปถัมภ์ของ หลอร์ดเคมส์ แต่ต่อมาได้เริ่มงานเขียนเรื่อง "ความก้าวหน้าแห่งความมั่งคั่งสมบูรณ์" ซึ่งนับเป็นก้าวแรกในวัย 20 ต้นๆ ของสมิธที่สนับสนุนปรัชญาเศรษฐศาสตร์ว่าด้วย "ระบบที่ชัดเจนและง่ายของเสรีภาพธรรมชาติ" ซึ่งสมิธได้ประกาศต่อโลกในหนังสือ "ความมั่งคั่งของประชาชาติ" ประมาณ พ.ศ. 2293 สมิธได้พบกับนักปรัชญาชื่อ "เดวิด ฮูม" ซึ่งอายุมากกว่าสมิธประมาณ 10 ปี จะปรากฏพบความขนานในแนวคิดของทั้งสองในงานเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การเมือง ปรัชญา เศรษฐศาสตร์และศาสนาที่เกิดจากการมิตรภาพที่ใกล้ชิดสนิทสนมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางปัญญากันอยู่เสมอจนเกิดเป็นแนวคิดใหม่ที่เรียกกันว่า "ยุคสว่างของสกอตแลนด์" แอดัมสมิธเป็นสมาชิกสำคัญของ สโมสรโปกเกอร์แห่งเอดินเบอระ


ช่วงปลายของชีวิต

ในปี พ.ศ. 2321 แอดัม สมิธได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงศุลกากรในสกอตแลนด์และได้ย้ายไปอยู่กับแม่ที่เอดินเบอระ ในปี พ.ศ. 2326 สมิธได้เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง "ราชสมาคมแห่งเอดินเบอระ" และจาก พ.ศ. 2330 - พ.ศ. 2332 ได้รับตำแหน่งอธิการบดีกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์

แอดัม สมิธถึงแก่กรรมเนเอดินเบอระเมื่ออายุ 67 ปี หลังการเจ็บป่วยที่ทุกข์ทรมาน ศพของสมิธได้รับการฝังไว้ที่แคนอนเกทเคิร์กยาร์ด

งานสำคัญ

ทฤษฎีว่าด้วยศีลธรรมเร้าอารมณ์ (The Theory of Moral Sentiments) (พ.ศ. 2302)

การสอบสวนธรรมชาติและสาเหตุแห่งความมั่งคั่งของประชาชาติ (An Inquiry Into the Nature and Causes of the Wealth of Nations) ( พ.ศ. 2319)

ความเรียงต่างๆ ว่าด้วยเรื่องของปรัชญา (Essays on Philosophical Subjects) (ตีพิมพ์หลังการเสียชีวิตแล้ว พ.ศ. 2338)

Lectures on Jurisprudence (ตีพิมพ์หลังการเสียชีวิตแล้ว พ.ศ. 2519)

Resource: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี





Create Date : 18 กันยายน 2550
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 16:54:08 น. 44 comments
Counter : 3490 Pageviews.

 
เศรษฐศาสตร์ประชาไท : ปรัชญาเบื้องต้นของ เศรษฐกิจที่เป็นธรรม Justice

โดย วิทยากร บุญเรือง


‘สวัสดี - เศรษฐกิจพอเพียง’

แฟชั่นกระแสนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยแรงศรัทธา เกี่ยวกับหลักเศรษฐศาสตร์ (เศรษฐกิจ) ในปัจจุบัน ถ้าไม่กล่าวถึงเรื่อง 'เศรษฐกิจแบบพอเพียง' (sufficiency economics) ก็อาจจะดูเหมือนเป็นคนตกยุค หรือไม่มีจิตใจอันที่จะบ่งบอกถึงการเป็นพลเมืองที่ดี เพราะในปัจจุบัน ถือว่าเรื่องของเศรษฐกิจแบบพอเพียงนี้ เป็น 'วาระแห่งชาติ' ที่ทุกคนในบ้านนี้เมืองนี้ จำเป็นจะต้อง 'สมาทาน' ไว้โดยพร้อมเพรียงกัน และก็ดูเหมือนว่า คงจะเป็นการไม่เหมาะสม สำหรับการวิพากษ์-วิจารณ์แนวคิดนี้



สำหรับกรณีนี้ ถือว่าเป็นปรากฎการณ์สำคัญอันหนึ่ง ที่ทำให้คนไทยเราส่วนใหญ่ หันมาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องที่มีอิทธิพลต่อสังคมมากที่สุดในปัจจุบันและต่อจากนี้ไป ทั้งๆที่แต่เมื่อครั้งอดีตนั้น การกล่าวถึงมันดูเหมือนที่จะเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป --- นั่นก็คือเรื่องของ ‘เศรษฐกิจ’ (economics)



แต่ก็จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘เศรษฐกิจแบบพอเพียง’ ไม่ได้มี หรือ ไม่ได้เป็นแนวทางของหลักการและเป้าหมายในองค์ความรู้หมวดหมู่เศรษฐศาสตร์ อันที่จะทำให้เกิดการบริหาร-จัดการทรัพยากรของโลกอย่างคุ้มค่ามากที่สุด … แต่คำถามที่ไม่น่าจะให้ผ่านเลยไปโดยปราศจากการวิพากษ์-วิจารณ์ ก็คือ ‘ใครบ้างที่สมควรจะพอเพียง และจะทำอย่างไรให้มีความพอเพียงแบบเท่าเทียมกันโดยถ้วนหน้า?’



ดังที่ ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล เคยกล่าวไว้ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง ‘ทิศทางใหม่ของการปฏิรูปการเมืองไทย’ ณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า “คำว่า ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ในปัจจุบัน คล้ายๆ กับคำว่า ‘สวัสดี’ คือสามารถนำมาพูดกันได้ทุกคน เพื่อให้รู้สึกดี พูดกันได้ง่ายๆ … แล้วความหมายของมันล่ะ? ”



“สวัสดีครับ… แล้วยังไงต่อล่ะ? คุณสบายดีไหม? ผมสบายดี? ถ้าคุณมีเรื่องทุกข์ร้อนแล้วผมจะสามารถช่วยอะไรได้บ้างรึเปล่า? ฯลฯ” --- เช่นเดียวกันกับการนำ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ไปต่อยอดอย่างจริงๆ จังๆ อาจจะเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามที่ได้กล่าวไป และก็หาหนทางนำมันมาใช้อย่างยุติธรรมกับคนหมู่มากของสังคม



เมื่อมีหนทางบางสิ่งบางอย่างที่พอจะนำไปต่อยอด-แสวงหาจุดร่วมเพื่อที่จะนำพาให้พวกเราเดินไปสู่วันข้างหน้าที่ดีกว่าวันนี้ คงจะเป็นการดี ถ้าเราใช้มันให้เป็นและใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนหมู่มาก เท่าที่สิ่งนั้นจะนำพาเราไปได้ … ดีกว่าอยู่เฉยๆ เปล่าๆ เปลี้ยๆ จมปรักอคติ แล้วก็เพียงแต่รอให้อะไรบางสิ่งบางอย่าง มันหล่นหาใส่เราเองด้วยความบังเอิญ!

‘Noah’s Ark : การกลับไปที่จุดประสงค์ของเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ’

บางที สิ่งที่จะชี้ให้เห็นถึงหนทางในการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ อาจจะถูกยัดอยู่ในวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ในบทที่หนึ่งของตำราเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์รหัส 101 ก็เป็นได้ --- นั่นก็คือการจัดสรร-จัดการทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งหมายถึงการนำทรัพยากรนั้นๆ ไปใช้ในกิจกรรมการผลิตให้เหมาะสม ระหว่างปริมาณของมัน ต่อความคุ้มค่าในการผลิต และต่อผู้ที่จะได้รับประโยชน์ ทั้งสามส่วนนี้จะต้องมีสัดส่วนเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันอย่างยุติธรรม นี่คือแนวคิดที่ง่ายต่อการนำเสนอ แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากในการนำมาปฏิบัติในทุกยุคทุกสมัย



แต่จากนี้ไป ข้อเสนอง่ายๆ นี้ จำเป็นจะต้องถูกนำมาปัดฝุ่นใช้อย่างเร่งด่วนที่สุด ผู้ผลิต-ธุรกิจรายย่อยและภาคประชาชนจะต้องร่วมมือกันกดดัน ‘อำนาจนิยมที่บิดเบี้ยวบนโลกใบนี้’ ให้กระจายความ ‘มั่งคั่ง’ สู่ส่วนรวมโดยเร็วที่สุด



โดยรวบรวมเหตุผลและข้อเสนอได้ ดังนี้ …



มองโลกในแง่ร้ายแบบ Malthus

หลังจากที่ Adam Smith ตีพิมพ์หนังสือ ‘An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations’ ได้ 22 ปี หนังสือเล่มเล็กๆ เกี่ยวกับหลักเศรษฐศาสตร์และสัญชาตญาณของมนุษย์เล่มหนึ่งก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา นั่นก็คือ ‘An Essay on the Principle of Population’



ในแรกเริ่มไม่มีการเปิดเผยตัวของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ แต่เป็นที่ทราบกันในภายหลังว่ามันคือผลงานของสาธุคุณหนุ่ม Thomas Robert Maltthus



‘An Essay on the Principle of Population’ ถือว่าเป็นหนังสือที่โดนตำหนิเป็นอย่างมากในยุคนั้น เนื่องจากเนื้อหาของมันนำเสนอแนวคิดแบบ ‘การมองโลกในแง่ร้าย’ (Pessimism) พอสมควร นั่นก็คือ Maltthus อธิบายถึงยุคเข็ญของมนุษย์ที่จะเกิดเพราะการเพิ่มตัวของจำนวนประชากรที่ไม่มีสิ้นสุด (eternal misery)



Maltthus ยังได้นำทฤษฎี ค่าจ้างพอเพียงประทังชีวิต (subsistence wage theory) หรือ กฎเหล็กแห่งค่าจ้างแรงงาน (the iron law of wage) มาอธิบายถึงความชอบธรรมในการกดค่าแรง เพื่อให้คนงานมีพอมื้อกินมื้อไป แต่หากเมื่อไหร่ที่คนงานได้ค่าแรงสูงจะทำให้แรงงานมีลูกมาก ทำให้ประชากรเพิ่มมากเพิ่มจนค่าจ้างไม่พอเลี้ยง ค่าจ้างแรงงานจึงจะตกลงมา ทำให้คุณภาพชีวิตของแรงงานก็จะต่ำตาม อันเป็นผลให้เกิดโรคระบาดและการล้มตาย ทำให้ประชากรลดลงเหลือพอจำนวนค่าจ้างเลี้ยงดูได้ ทฤษฎีนี้ยังอธิบายถึงการไม่สนับสนุนให้มีการบรรเทาทุกข์แก่คนยากจน เพราะว่าในการต่อสู้ผู้ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น ที่สมควรจะอยู่รอด และการกำกับการเพิ่มจำนวนของประชากรนั้น สงคราม-ความอดอยาก-และการชะลอการสมรส ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นตามความคิดของ Multhus นอกจากนี้ Multhus ยังแสดงความไม่เชื่อมั่นว่าการผลิตสินค้าจะจำหน่ายได้หมดเสมอไป เพราะว่าความต้องสินค้า (Effective Demand) อาจจะมีน้อยกว่าที่จำเป็น ซึ่งจะทำให้ขายสินค้าไม่หมดและส่งผลกระทบสู่ภาวะเศรษฐกิจ



โดยภาพรวมแล้ว ข้อเสนอของ Multhus เป็นข้อเสนอที่ไม่สมควรนำมาใช้เป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม แต่ในทางกลับกัน ข้อเสนอของ Multhus นั้น กลับเป็นข้อเสนอที่ทำให้เห็นภาพปัญหาจริงๆจังๆ ของระบบเศรษฐกิจสังคม ที่เกิดขึ้นมาแล้ว-และที่กำลังจะเกิด



ถึงแม้ว่าในหลายประเทศกำลังมีปัญหาการลดลงของอัตราประชากร แต่โดยรวมแล้ว อัตราการเพิ่มของประชากรรวมทั้งโลกในปัจจุบันมีเท่ากับร้อยละ 1.5 ต่อปี และด้วยอัตรานี้สหประชาชาติคาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ. 2100 ประชากรโลกจะมีถึง 11000 ล้านคน และจำนวนประชากรของประเทศด้อยพัฒนาจะเพิ่มสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นจำนวนมาก



สิ่งหนึ่งที่คาดการณ์ได้เลยว่า หากระบบเศรษฐกิจยังคงไม่เป็นธรรมต่อคนหมู่มาก พลโลกที่กำเนิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากจะต้องกลายเป็นเพียง ‘แรงงานทาส-ผู้บริโภคผู้ซื่อสัตย์’ ภายในจำนวน 11000 ล้านคนนั้น กลุ่มคนผู้มีอิทธิพลต่อโลกอาจจะไม่ถึงหลักหมื่นด้วยซ้ำ! หากการขยายตัวแบบจักรวรรดินิยมบรรษัทยังคอยจ้องกลืนกินธุรกิจเล็กๆ , หากยังไม่มีการจัดสรรที่ดินที่เป็นธรรม ,หากยังไม่มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับมรดก , และหากยังไม่มีการสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นมารองรับคนในสังคม



สิ่งที่ Multhus ชี้ให้เห็นนั้นคือความน่ากลัวที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และในอนาคตมันจะเกิดขึ้นอีก หากเรายังไม่สร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมขึ้นมา



ระบบตลาดแบบสมบูรณ์

สิ่งที่ถูกต้องในการ ‘จัดสรร-บริหาร’ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุดนั่นก็คือ ‘การวางแผน’ ทั้งในการผลิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่าง แต่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนนั้น ‘ระบบตลาดที่เป็นธรรม’ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ และเช่นเดียวกันหนทางที่จะนำไปสู่การเศรษฐกิจแบบวางแผนนั้น ระบบตลาดที่เป็นธรรมก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยนำไปสู่เป้าหมายนั้น



มนุษย์มีความสามารถในการสร้างสรรค์ ถึงแม้ว่าจะต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบใดกรอบหนึ่งก็ตาม พลังในการสร้างสรรค์ก็จักต้องมีการแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนามันให้ดียิ่งขึ้นไปอีก



ขนมปังเพียงก้อนเดียวอาจถูกเปลี่ยนรูปแบบและรสชาติ จากนั้นก็แลกเปลี่ยนกับขนมปังก้อนอื่น!



Adam Smith คือบิดาแห่งระบบตลาด ที่ถูกลูกหลานและศาธานุศิษย์รุ่นต่อมาจำนวนหนึ่ง และเป็นจำนวนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อโลก ด้วยลัทธิเสรีนิยมใหม่ (Neo-Liberalism) อย่างในปัจจุบันหักหลัง! (แต่ก่อนหน้านั้น เขาทำการหักหลังตัวเองด้วยการเป็นหัวหน้าศุลกากรในสกอตแลนด์ ทำหน้าที่ดูแลการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้า และตรวจสอบสินค้าหนีภาษี อย่างขยันขันแข็ง ;-)



ใน ‘An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations’ บรรยายถึงเสรีภาพ-ประชาธิปไตยในระบบเศรษฐกิจ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งจริยธรรมในการจัดระเบียบตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรทรัพยากรการผลิตของสังคมด้วยความเท่าเทียมและพอเหมาะ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายตั้งอยู่บนพื้นฐานการตัดสินใจที่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยลักษณะตลาดที่สมบูรณ์ของ Smith นั้นจะต้องประกอบไปด้วยลักษณะดังนี้



· ผู้ซื้อและผู้ขายมีขนาดเล็กหลายราย (Numerous buyers and sellers) และจักต้องไม่มีอิทธิพลต่อตลาด

· ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องรับรู้ข้อมูลอย่างสมบูรณ์ (All buyers and sellers are about market and price) และจักต้องไม่มีความลับทางการค้า

· ผู้ขายจะต้องแบกภาระทางต้นทุนไว้เองทั้งหมด แล้วจึงส่งผ่านไปในราคาขาย

· เงินลงทุนจักต้องอยู่ภายในท้องถิ่น การค้าระหว่างประเทศจึงจะมีความสมดุล

· เงินออมจะต้องถูกนำไปลงทุนในการผลิตสินค้าใหม่ๆ



แต่ภายใต้การกำกับเศรษฐกิจโลกของจักรวรรดิบรรษัทนิยม กลับบิดเบือนและนำพาระบบตลาดไปสู่การผูกขาด (Monopoly Market) ซึ่งในระบบตลาดแบบผูกขาดนี้ ย่อมไม่เป็นการสรรค์สร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมขึ้นมาได้เลย



การค้าเสรีระหว่างท้องถิ่น ภายใต้ทฤษฎี ‘Comparative advantage’

การสร้างการแข่งขันแบบผูกขาดโดยจักรวรรดิบรรษัทนิยม ไม่ใช่เฉพาะเป็นการกระทำในตลาดใดตลาดหนึ่ง หรือท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง แต่กลับจะทำให้โลกทั้งโลกกลายเป็นตลาดเดียว และเป็นตลาดที่ผูกขาดโดยพวกเขา ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘การค้าเสรีระหว่างประเทศ’ หรือ ‘โลกาภิวัฒน์’



ความพยายามที่จะทำให้โลกกลายเป็นตลาดเดียวของจักรวรรดิบรรษัทนิยม นอกเหนือที่จะทำให้ความหมายของระบบตลาดถูกบิดเบือนไปอย่างมหาศาลแล้ว วัฒนธรรมและเอกลักษณ์อันหลากหลายก็จะถูกทำลายลงไปด้วยวัฒธรรมและเอกลักษณ์ที่จักรวรรดิบรรษัทนิยมยัดเยียดให้แก่ท้องถิ่นนั้นๆ --- Hip-Hop จะกลายเป็นวัฒนธรรมของโลก เช่นเดียวกับน้ำอัดลมเพียงสองยี่ห้อเท่านั้น ที่ชาวโลกจะได้ดื่มมัน!



ใน Theory of comparative Advantage ของ David Ricardo ได้เสนอไว้ว่า การค้าแบบเปิดระหว่างสองชาติย่อมเอื้อต่อผลประโยชน์ของทั้งสอง ตราบเท่าที่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะจำนวนหนึ่ง คือจะต้องมีการสร้างความสมดุล มีการจ้างงานอย่างเต็มที่เต็มอัตราในประเทศทั้งสอง



โลกในความจริงที่เป็นอยู่นั้นก็คือศักยภาพของแต่ละแห่งนั้นยังไม่เท่าเทียมกัน การก้าวกระโดดโดย ‘โลกาภิวัฒน์ของนายทุน’ ตามแบบอย่างลัทธิเสรีนิยมใหม่ในปัจจุบัน ที่มีนโยบาย - ย้ายฐานการผลิตสู่ถิ่นที่แรงงานราคาถูก , ย้ายทุนทางการเงินเพื่อการเก็งกำไรชั่วคราว , สร้างตลาดผู้บริโภคใหม่ๆ ในแต่ละภูมิภาคในโลกโดยที่ศูนย์กลางในการ ‘เก็บเกี่ยวกำไร’ ยังอยู่ในส่วนที่เจริญที่สุดของโลกอยู่ ฯลฯ เหล่านี้ย่อมไม่ส่งผลให้การค้าเสรีระหว่างประเทศ ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพมวลรวมในท้องถิ่นนั้นจริงๆ จังๆ ผลประโยชน์ก็คงจะตกแก่นายทุน-นายหน้า-พ่อค้าคนกลาง ท้องถิ่นเท่านั้น และความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด (absolute advantage) จะเกิดแก่ท้องถิ่นที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าท้องถิ่นอื่นๆ เท่านั้น



เศรษฐกิจที่เป็นธรรมมิได้ปฏิเสธการค้าระหว่างท้องถิ่น แต่จะต้องทำให้ท้องถิ่นนั้นๆ ดูแลตนเองได้ก่อน การเปิดเสรีในทันทีทันใดโดยไม่คำนึงถึง ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ในแต่ละท้องถิ่น ย่อมจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อคนในท้องถิ่นที่ขาด ‘อำนาจ-การตัดสินใจ’ ในเรื่องเศรษฐกิจ คนเหล่านี้ (แรงงาน,เกษตรกร,ธุรกิจรายย่อย) จะเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ล้มหายตายจากไปก่อนเพื่อนจากโลกาภิวัฒน์ที่บิดเบือนนี้



การค้าระหว่างท้องถิ่นที่เป็นธรรม จะต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เข้มแข็ง การค้าเสรีอาจจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างท้องถิ่นที่ยังด้อยพัฒนาแต่ละแห่ง สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าในสิ่งที่แต่ละท้องถิ่นขาดแคลน ผลิตในสิ่งที่ตนเชี่ยวชาญและมีคุณภาพ (greater relative efficiency) แล้วก็แลกเปลี่ยนกันกับท้องถิ่นอื่นๆ ตามหลักการแบ่งงานกันทำระหว่างท้องถิ่น(Local division of labor) --- โลกาภิวัฒน์แบบนี้ต่างหากที่โลกกำลังต้องการ … มิใช่การเข้าไปหาผลประโยชน์จากท้องถิ่นอื่นๆ อย่างตะกละตะกลาม โดยจักรวรรดิบรรษัทนิยม อย่างในปัจจุบัน!





ทุนนิยมผูกขาดคือหายนะ

Fernand Braudel ได้ให้ความหมายของคำว่า ‘Capitalism’ ไว้ว่า “ทุนนิยมคือระบบเศรษฐกิจและสังคมที่คนส่วนน้อยกีดกันความเป็นเจ้าของและผลประโยชน์ของทุนจากคนส่วนใหญ่ซึ่งซึ่งใช้แรงงานทำให้ทุนสร้างผลผลิต” ---การสะสมทุนและการกีดกันจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ระบบทุนนิยมไม่เคยสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจมาทุกยุคทุกสมัย



ระบบทุนนิยมได้นำเพียงเศษเสี้ยวของวิธีการในระบบตลาดมาใช้ แล้วก็บิดเบือนมัน ทั้งๆที่หนทางในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมผ่านกลไกของตลาดสมบูรณ์นั้นเป็นหนทางหนึ่งที่เป็นไปได้



ตารางเปรียบเทียบระหว่างทุนนิยม กับ ตลาด ของ David C. Korten

ระบบเศรษฐกิจบนความเสมอภาคของมนุษย์

ทั้งนี้ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ สิทธิเสรีภาพของมนุษย์ ความเสมอภาคทางเพศ , แนวคิด , และวิถีทางในการเลือกที่จะดำรงชีวิตเอง ตามแบบต่างๆ ที่อยู่ในกรอบของการใช้ทรัพยากรอย่างถ้วนหน้าและคุ้มค่าที่สุด --- จะต้องไม่มีลักษณะอำนาจนิยมที่บีบบังคับให้เรา ‘พอเพียง’ หรือ ‘พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่’ ทั้งๆ ที่ความเสมอภาคในสังคมเหล่านั้น ยังไม่เกิดขึ้น



และต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ในโลกที่เราดิ้นรนต่อสู่อยู่ทุกวันนี้ ผลประโยชน์จากการบริโภค – การทำงาน – รวมถึงการขายเราเป็นสินค้า มันอยู่ในมือของชนชั้นนำและนายทุนทั้งหมดทั้งสิ้น --- และเราจะไม่มีวันได้ ‘ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม’ จากกลุ่มคนเหล่านี้



ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมจะต้องสร้างรากฐานจากล่างสู่บน คนธรรมดา,แรงงาน,เกษตรกร,วิสาหกิจรายย่อย จะต้องท้าทายกับอำนาจนิยมเหล่านั้น ด้วยวิถีทางใหม่ๆ เช่น สร้างสหกรณ์การผลิต-การค้า , ปฎิเสธโลกาภิวัฒน์ของนายทุน , สร้างการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์-บริหารธุรกิจ ทางเลือกขึ้นมา เป็นต้น



ถ้าระบบเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันงี่เง่าและไม่ได้เรื่อง … ก็จงช่วยกันออกแบบใหม่ และก็ลงมือสร้างมันขึ้นมาซ๊ะ! ด้วยน้ำมือของ ‘คนเล็กๆ’ อย่างพวกเรา!





อคติและคำตอบ เกี่ยวกับ ‘การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม’

อคติ : ระบบทุนนิยมเกี่ยวโยงกับระบบตลาดอย่างเป็นโครงสร้างที่แยกกันไม่ออก ไม่สามารถที่จะแยกส่วนในการวิเคราะห์ได้

คำตอบ : ความต้องการของมนุษย์และสภาพแวดล้อมที่เป็นโครงสร้างต่างหากที่เป็นปัญหา ระบบตลาดเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนสร้างสรรค์ผลงานการผลิตของมนุษย์ ซึ่งสามารถสร้างโครงสร้างความยุติธรรมและประชาธิปไตยเข้าครอบวิธีการนี้ได้



อคติ : การทำลายระบบตลาดคือคำตอบของเศรษฐกิจที่เป็นธรรม

คำตอบ : ถูกต้อง นั่นคืออีกหนทางในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม แต่การคงไว้ซึ่งระบบตลาดที่ปราศจากความโลภของมนุษย์ เพื่อการแลกเปลี่ยนสร้างสรรค์ ก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง การจะปฎิเสธว่ามนุษย์ไม่สามารถพัฒนาจริยธรรมของตนไปถึงขั้นที่ไม่เอาเปรียบคนอื่นๆได้นั้น เป็นการดูถูกมนุษย์มิใช่น้อย



อคติ : ไม่มีทางที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมนี้ได้ในเร็ววัน

คำตอบ : ถูกต้องอีกเช่นกัน แต่การละทิ้งความหวัง หรือได้แต่วิจารณ์โดยไม่ทำให้อะไรดีๆ เกิดขึ้น น่าที่จะเป็นการกระทำที่ดูสิ้นหวังเสียกว่า ;-)

Resource:
//www.prachatai.com/05web/th/home/index.php







โดย: เศรษฐศาสตร์ประชาไท : ปรัชญาเบื้องต้นของ เศรษฐกิจที่เป็นธรรม Justice (moonfleet ) วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:10:25:14 น.  

 
พื้นฐานเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น

เศรษฐศาสตร์เป็นสาขาวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์ เป็นการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อันได้แก่ กิจกรรมการผลิต การกระจายสินค้าและบริการต่างๆที่ผลิตได้ไปสู่ผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ กิจกรรม ทางเศรษฐกิจดังกล่าวนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราทุกคน เพราะเราต่างก็คือผู้ผลิตและ/หรือ ผู้บริโภค เศรษฐศาสตร์จึงมิใช่วิชาที่อยู่ไกลตัว หากเราได้ศึกษาและทำความเข้าใจกฎเกณฑ์และเนื้อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์ไปตามลำดับขั้น ก็ย่อมจะเกิดความเข้าใจในสาขาวิชานี้ได้ไม่ยากนัก

ความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์

โดยทั่วไปก่อนที่จะศึกษาอะไร สิ่งที่ผู้ศึกษาควรจะต้องทราบเป็นลำดับแรกก็คือสาขาวิชานั้นๆเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องใด สำหรับการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ (Economics) ก็เช่นเดียวกัน มีผู้รู้ได้ให้คำนิยามของวิชาเศรษฐศาสตร์ไว้มากมายหลายท่าน อาทิ

อัลเฟรด มาร์แชลล์ (Alfred Marshall) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวถึงความหมาย ของวิชาเศรษฐศาสตร์ไว้ในหนังสือ Principle of Economics ว่าเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม ของมนุษย์ทั้งระดับบุคคลและสังคม ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อการดำรงชีพให้ได้รับความสุขสมบูรณ์

พอล แซมมวลสัน (Pual Samuelson) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้ให้คำนิยามวิชาเศรษฐศาสตร์ว่าคือวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการที่มนุษย์และสังคมจะโดยใช้เงินหรือไม่ก็ตาม ตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการ และจำหน่ายจ่ายแจกสินค้า และบริการเหล่านั้นไปยังกลุ่มบุคคลต่างๆในสังคมทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ส่วนคำนิยามที่ได้รับความนิยมได้แก่คำนิยามของไลโอเนล รอบบินส์ (Lionel Robbins) ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือชื่อ An Essay o­n the Nature and Significance of Economic Science ว่าเศรษฐศาสตร์คือวิชาที่ศึกษาถึงการเลือกหาหนทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามจุดประสงค์ที่มีอยู่อย่างนับไม่ถ้วน

ประยูร เถลิงศรี ให้คำนิยามไว้ในหนังสือ หลักเศรษฐศาสตร์ ว่าวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาสังคมศาสตร์ที่เกี่ยวกับการศึกษาว่ามนุษย์เลือกตัดสินใจอย่างไรในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อผลิตสิ่งของและบริการ และแบ่งปันสิ่งของและบริการเหล่านั้นเพื่ออุปโภคและบริโภคระหว่างบุคคล ต่างๆในสังคม ทั้งในเวลาปัจจุบันและในอนาคต

มนูญ พาหิระ ให้คำนิยามไว้ในหนังสือ ทฤษฎีราคา ว่าเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาในเรื่อง ที่เกี่ยวกับการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจมาทำการผลิตสินค้าและบริการเพื่อสนองหรือบำบัดความต้องการของมนุษย์

นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการอีกหลายท่านที่ได้ให้ความหมายของคำว่าเศรษฐศาสตร์ไว้ อย่างไรก็ตาม พอสรุปได้ว่า วิชาเศรษฐศาสตร์เป็นการศึกษาถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรอันมีอยู่อย่างจำกัดเพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆสนองความต้องการของมนุษย์ซึ่งโดยทั่วไปมีความต้องการไม่จำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ความเป็นมาของวิชาเศรษฐศาสตร์

แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์มีมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยแทรกอยู่ในข้อเขียนและหนังสือสอนศาสนาของนักปราชญ์ในสมัยนั้น เช่น หลักปรัชญาของโซเครตีส (Socrates) เพลโต (Plato) ฯลฯ แต่แนวความคิดดังกล่าวยังไม่ถือเป็นหลักหรือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นสมัยที่การค้าทางยุโรปเจริญรุ่งเรืองมาก ได้เกิดลัทธิพาณิชย์นิยม (mercantilism) หรือพวกที่นิยมการทำการค้า นักพาณิชย์นิยมมีความเชื่อว่าประเทศจะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็ต่อเมื่อประเทศนั้นๆขายสินค้าขาออกให้ต่างประเทศเป็นมูลค่ามากกว่าการซื้อสินค้าขาเข้า หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเศรษฐกิจของประเทศจะมั่นคงก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีดุลการค้าที่เกินดุล ทั้งนี้ เพราะเห็นว่าการที่ประเทศมีดุลการค้าเกินดุลทำให้มีทองคำและเงินตราไหลเข้าประเทศมากๆจะเป็นการส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศ เนื่องจากเมื่อประเทศมีปริมาณเงินหมุนเวียนมากจะทำให้การค้าเจริญ เมื่อการค้าเจริญการผลิตย่อมเพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้เกิดการว่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นในที่สุด ประชาชนจะมีความอยู่ดีกินดีเนื่องจากมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นักพาณิชย์นิยมยังมีความเชื่อว่า การที่ประเทศจะมั่งคั่งคือมีดุลการค้าที่เกินดุลนั้น รัฐจะต้องเข้ามามีบทบาทในการแทรกแซงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการค้ากับต่างประเทศ กล่าวคือ รัฐจะต้องส่งเสริมให้มีการส่งออกให้มากพร้อมกับให้มีการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ รัฐจะเป็นผู้กำหนดนโยบายการค้าและนโยบายด้านเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ

กล่าวโดยสรุป แนวความคิดของลัทธิพาณิชย์นิยมไม่สนับสนุนแนวความคิดของระบบเศรษฐกิจแบบเสรี แต่เป็นลัทธิที่สนับสนุนให้รัฐบาลมีบทบาทในการควบคุมและแทรกแซงกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ โดยพยายามทำให้ประเทศมีดุลการค้าที่เกินดุลมากๆแล้วเศรษฐกิจของประเทศจะมั่งคั่ง ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อดัม สมิท (Adam Smith) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ซึ่งเป็นแกนนำของนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก (classical school) ได้เขียนหนังสือชื่อ An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations หรือที่นิยมเรียกสั้นๆว่า The Wealth of Nations ใน ค.ศ. 1776 นับได้ว่าเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกและยิ่งใหญ่ที่สุด เล่มหนึ่งของโลกมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้อดัม สมิทได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็น บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์ แนวคิดหลักของสำนักคลาสสิกสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม (laissez-faire) โดยจำกัดบทบาทของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจเพราะมีความเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม จะทำให้ประเทศพัฒนาไปได้ด้วยดี เศรษฐกิจของประเทศจะมีความมั่งคั่งก็ต่อเมื่อรัฐบาลแทรกแซงหรือมีบทบาทในกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด (ไม่แทรกแซงเลยดีที่สุด) รัฐบาลมีหน้าที่เพียงแต่คอยอำนวยความสะดวก รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และป้องกันประเทศ ปล่อยให้เอกชน เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเสรี นั่นคือ สมิทเชื่อใน พลังงานกลไกตลาด (ราคา) หรือ ที่เขาเรียกว่า มือที่มองไม่เห็น (invisible hand) นอกจากสมิทแล้วนักเศรษฐศาสตร์ในกลุ่มของ คลาสสิกยังมีทอมัส มัลทัส (Thomas Multhus) เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo) จอห์น มิลล์ (John Mill)

หลังจากกลุ่มของสำนักคลาสสิกก็เป็นกลุ่มของสำนักนีโอคลาสสิก (neoclassical school) ซึ่งเป็นสำนักเศรษฐศาสตร์ที่ก่อตัวและพัฒนาขึ้นในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แนวคิดหลักของสำนักนีโอคลาสสิกส่วนมากสืบต่อหรือดัดแปลงแก้ไขมาจากแนวคิดของสำนักคลาสสิก โดยเชื่อว่าการแข่งขันอย่างเสรีจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจมีความมั่งคั่ง นั่นคือ สนับสนุนแนวคิดของระบบเศรษฐกิจแบบเสรีเช่นเดียวกับของสำนักคลาสสิก นอกจากนั้น ยังเน้นให้เห็นว่าเนื่องจากทรัพยากรมีจำนวนจำกัด ดังนั้นผู้บริโภคจะต้องพยายามเลือกบริโภคสินค้าและบริการเพื่อให้ได้รับความพอใจสูงสุด และเช่นเดียวกัน ผู้ผลิตจะต้องตัดสินใจเลือกวิธีการผลิตที่ทำให้เสียต้นทุนต่ำที่สุดหรือให้ได้กำไรสูงสุด นั่นคือ แต่ละฝ่ายจะต้องพยายามใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและประหยัดที่สุด นักเศรษฐศาสตร์ที่เป็นผู้ วางรากฐานแนวคิดที่สำคัญของสำนักนีโอคลาสสิกคืออัลเฟรด มาร์แชลล์ นอกจากนี้ ยังมีเลอง วาลรา ( Walras) วิลเฟรโด พาเรโต (Vilfredo Pareto) ฯลฯ

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของทั้งสำนักคลาสสิกและนีโอคลาสสิกต่างมีความเชื่อว่า อุปทานจะเป็นตัวสร้างอุปสงค์ (supply creates its own demand) ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่าคือ กฎของเซย์ (Say's law) ซึ่งมีสาระสำคัญว่า อุปทานจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ กล่าวคือ ไม่ว่า ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าหรือบริการอะไรออกมาก็จะมีผู้รับซื้ออยู่ตลอดเวลา นั่นคือ จะไม่เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือเกิดการว่างงาน ซึ่งต่อมาแนวความคิดนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง เกิดปัญหาการว่างงานจำนวนมากใน ค.ศ. 1930 ซึ่งกฎของเซย์ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้

ในขณะนั้น จอห์น เคนส์ (John Keynes) แกนนำแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์ (Keynesian Economics) ได้เขียนหนังสือชื่อ The General Theory of Employment, Interest and Money ซึ่งถือว่าเป็นตำราเศรษฐศาสตร์มหภาคเล่มแรกของโลก ใน ค.ศ. 1936 เพื่ออธิบายถึงสาเหตุของภาวะสินค้าล้นตลาด เศรษฐกิจตกต่ำ และการว่างงานจำนวนมากตลอดจนวิธีการแก้ไข นับเป็นครั้งแรกของวงการเศรษฐศาสตร์ที่ได้มีการศึกษาเศรษฐศาสตร์โดยรวมของทั้งระบบเศรษฐกิจหรือของทั้งประเทศ เคนส์มีความเชื่อว่าแนวความคิดที่ถูกต้องคืออุปสงค์จะเป็นตัวกำหนดอุปทาน ซึ่งตรงข้ามกับกฎของเซย์ โดยอุปสงค์และอุปทานดังกล่าวเป็นตัวมวลรวมของทั้งประเทศ เคนส์อธิบายว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคือการที่ระบบเศรษฐกิจมีอุปสงค์มวลรวมน้อยเกินไป ดังนั้นวิธีแก้ไขคือการเพิ่มอุปสงค์มวลรวมของระบบเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายการเงินการคลัง จะเห็นได้ว่าเคนส์เป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกของโลกที่กล่าวถึงหรือให้ความสนใจกับเศรษฐกิจมวลรวม อันเป็นมูลเหตุที่ทำให้มีการแยกศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคเศรษฐกิจส่วนย่อยซึ่งเรียกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค กับภาคเศรษฐกิจส่วนรวมซึ่งเรียกว่าเศรษฐศาสตร์มหภาค และยกย่อง ให้เคนส์เป็น บิดาของวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค

Resource:
นำมาจาก//www.wphat.com/knowledge/onlinebooks/econ_ele/econ/eco1.htm
โดย คัดสรรมาฝากโดย dearjung (เจนจิรา สุนันท์)


โดย: พื้นฐานเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (moonfleet ) วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:10:32:20 น.  

 
ความเป็นมาของวิชาเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยเป็นที่เชื่อกันว่าการดำเนินการเกี่ยวกับเศรษฐกิจตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้น มาอาศัยแนวความคิดเศรษฐกิจแบบเสรี ดังจะเห็นได้จากหลักศิลาจารึกในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีใจความตอนหนึ่งว่า ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส อย่างไรก็ตาม ในสมัยนั้นยังไม่มีการรวบรวมความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ไว้เป็นหลักเกณฑ์ ที่แน่นอน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2454 พระยาสุริยานุวัตรได้แต่งตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกขึ้นมีชื่อว่า ทรัพยศาสตร์ โดยมีสาระเกี่ยวกับการสร้างทรัพย์และผลตอบแทนในรูปต่างๆ ได้แก่ ค่าเช่า ค่าจ้าง กำไร ฯลฯ แต่ก็มิได้นำออกเผยแพร่ในขณะนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 จึงได้พิมพ์เผยแพร่โดยใช้ชื่อว่า เศรษฐศาสตร์วิทยาภาคต้น เล่ม 1 และในปี พ.ศ. 2459 กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ได้ ทรงแต่งตำราเรื่อง ตลาดเงินตรา ขึ้น แต่ก็ไม่เป็นที่แพร่หลายนัก

การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ของประเทศไทยเริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์และการเมืองในปี พ.ศ. 2477 โดยได้มีการเปิดสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้นได้มีผู้รู้ทางเศรษฐศาสตร์ของไทยแต่งตำราเศรษฐศาสตร์เพิ่มเติมจากเดิม ได้แก่ นายสหัส กาญจนพังคะ แปลตำราชื่อ หลักเศรษฐศาสตร์ของชาลส์ จีด จากตำรา The Principles of Political Economy ของศาสตราจารย์ชาลส์ จีด (Charles Gide) ในปี พ.ศ. 2479 พระสารสาส์นพลขันธ์ได้แต่งตำราชื่อ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการค้า และ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเงิน ในปี พ.ศ. 2480 และ 2481 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราวอันเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยภายหลังจากสงครามสงบลง ในปี พ.ศ. 2492 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองได้จัดแบ่งการศึกษาออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ 4 คณะด้วยกัน คือ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะรัฐศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ นับตั้งแต่นั้นมาจึงได้มีการศึกษา วิชาเศรษฐศาสตร์กันอย่างแพร่หลายในสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปัจจุบันในระดับปริญญาเอก รวมทั้งได้ขยายการศึกษาออกไปสู่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรีด้วย

ประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์

ก่อนที่จะกล่าวถึงประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์ คำถามหนึ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมเราจึงต้องศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ จากความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ดังกล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆในโลกต่างต้องประสบกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจร่วมกัน อันเนื่องมาจากความไม่สมดุลระหว่างปริมาณของทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างจำกัดกับความต้องการของมนุษย์ที่มีไม่จำกัด ทำให้จำเป็นต้องมีการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์เพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุดที่จะนำมาใช้จัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีไม่จำกัดให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเฉพาะแต่ผู้เรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์เท่านั้นที่จำเป็นต้อง ศึกษาวิชาการนี้ ผู้เรียนในสาขาอื่นๆรวมทั้งประชาชนทั่วไปก็ควรมีความรู้พื้นฐานทางด้านเศรษฐศาสตร์ด้วย เพื่อจะได้มีความเข้าใจในปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นในระดับส่วนตัว ครอบครัว หรือระดับของประเทศ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ทุกๆคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากเป็นปัญหาในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ดังนั้นการมีความรู้พื้นฐาน ทางด้านเศรษฐศาสตร์จะเป็นประโยชน์ต่อตัวของบุคคลนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม

ผู้ศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์สามารถนำเอาความรู้ที่ได้รับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมายดังนี้

ในฐานะผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าและบริการที่ทำให้ตนได้รับความพอใจสูงสุดภายใต้ระดับรายได้ที่มีอยู่ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆได้เป็นอย่างดี เช่น สามารถคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการได้อย่างถูกต้องและมีเหตุมีผล กำหนดแผนการบริโภค การออม และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น
ในฐานะผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิต สินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า ประหยัด ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ธุรกิจได้รับกำไรเพิ่มขึ้น และใน ทำนองเดียวกับผู้บริโภคคือทำให้ผู้ผลิตมีความเข้าใจในปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เช่น เข้าใจ ในความเป็นไปของปรากฏการณ์ของวัฏจักรเศรษฐกิจว่าโดยปกติเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆอย่างนี้เรื่อยไป ทำให้ผู้ผลิตสามารถตัดสินใจเลือกลงทุนในการดำเนินธุรกิจเหมาะสมกับสถานการณ์ ในขณะนั้นๆ เป็นต้น
ในฐานะรัฐบาล การที่รัฐบาลมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะทำให้เข้าใจลักษณะและโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ สามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาทางเศรษฐกิจและหาแนวทาง แก้ไข โดยกำหนดออกมาเป็นแผนและนโยบายทางเศรษฐกิจที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพ และประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหภาค

ปัจจุบันนักเศรษฐศาสตร์แยกการศึกษาเศรษฐศาสตร์ออกเป็น 2 สาขาใหญ่ๆ คือ

เศรษฐศาสตร์จุลภาค (microeconomics) เป็นการศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของหน่วยเศรษฐกิจใดหน่วยเศรษฐกิจหนึ่ง เช่น การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภครายใดรายหนึ่งว่าจะมีการตัดสินใจในการเลือกบริโภคสินค้าและบริการอย่างไร จำนวนเท่าใด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความพอใจสูงสุดภายใต้ขีดจำกัดของรายได้จำนวนหนึ่ง พฤติกรรมของผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งว่าจะตัดสินใจเลือกผลิตสินค้าอะไร จำนวนเท่าใด ด้วย วิธีการอย่างไร และจะกำหนดราคาเท่าไร จึงจะได้กำไรสูงสุด ศึกษาพฤติกรรมการลงทุน การออมของ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ศึกษากลไกตลาดและการใช้ระบบราคาเพื่อการจัดสรรสินค้า บริการ และทรัพยากร อื่นๆ จะเห็นได้ว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาคส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับราคาในตลาดแบบต่างๆ นักเศรษฐศาสตร์บางท่านจึงเรียกวิชาเศรษฐศาสตร์อีกชื่อหนึ่งว่า ทฤษฎีราคา (Price Theory)
เศรษฐศาสตร์มหภาค (macroeconomics) เป็นการศึกษาภาวะเศรษฐกิจโดยส่วนรวม ทั้งระบบเศรษฐกิจหรือทั้งประเทศ อันได้แก่ การผลิตของระบบเศรษฐกิจ การบริโภค การออม และการลงทุนรวมของประชาชน การจ้างงาน ภาวะการเงินและการคลังของประเทศ ฯลฯ เศรษฐศาสตร์มหภาคโดยทั่วไปจะครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น รายได้ประชาชาติ วัฏจักรเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและระดับราคา การคลังและหนี้สาธารณะ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การเงินและสถาบันการเงิน และเศรษฐศาสตร์การพัฒนา ฯลฯ
ความสัมพันธ์ของวิชาเศรษฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ

เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในด้านต่างๆ เช่น การเลือกการผลิต การบริโภค การดำรงชีพ และการปฏิบัติต่อบุคคลต่างๆที่อยู่ในสังคมเดียวกันหรือต่างกัน ดังนั้นเศรษฐศาสตร์จึงเป็นวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ที่มี ผลมาจากการอยู่รวมกันในสังคมและมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ซึ่งในการศึกษาและการแก้ไข ปัญหาต่างๆ ตลอดจนการจัดระเบียบวิธีที่เกี่ยวกับมนุษย์จำเป็นที่วิชาเศรษฐศาสตร์ต้องไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับวิชาอื่นๆในสังคมศาสตร์ เช่น การบริหารธุรกิจ รัฐศาสตร์ จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ และอื่นๆ

เศรษฐศาสตร์กับการบริหารธุรกิจ มีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ ในการศึกษาเศรษฐศาสตร์นั้นส่วนหนึ่งจะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ผลิต เช่น การศึกษาทฤษฎีการผลิต ต้นทุนการผลิตและตลาด ฯลฯ จะเห็นได้ว่าแต่ละหัวข้อจะมีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นกล่าวได้ว่าการบริหารธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นการนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ให้ได้รับกำไรสูงสุดและธุรกิจเจริญเติบโตก้าวหน้า
เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันในแง่ที่ว่าแต่ละประเทศจะไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรืองได้หากประเทศไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่มีความมั่นใจจึงชะลอการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ในทางกลับกัน หากนักลงทุนมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง การลงทุนจะเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าปัญหาการเมืองกับปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาควบคู่กันไม่สามารถแยกจากกันได้ กล่าวคือ จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆกันประเทศจึงจะมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ
เศรษฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันในลักษณะที่กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม และส่วนหนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากนักกฎหมายมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ย่อมจะเป็นผลดีต่อการตราหรือออกใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากกฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์เองจำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้วย ทั้งนี้ เพื่อการใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะได้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง
เศรษฐศาสตร์กับประวัติศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งส่วนหนึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนหรือเป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างน้อยที่สุดประวัติศาสตร์จะเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงลำดับของเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้น ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อทุกสาขาวิชา รวมทั้งวิชาเศรษฐศาสตร์ด้วย ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันได้มีการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของการเรียนการสอนทางด้านเศรษฐศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย
เศรษฐศาสตร์กับจิตวิทยา เนื่องจากวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้นความรู้ในด้านจิตวิทยาจึงมีส่วนสำคัญต่อการเรียนรู้ทางเศรษฐศาสตร์ เพราะต่างก็ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การจะอธิบายปรากฏการณ์บางอย่างที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ เช่น การเลือกบริโภคสินค้าของผู้ซื้อ ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาของมนุษย์ย่อมช่วยให้เข้าใจการกระทำบางอย่างของมนุษย์ได้ ในเวลาเดียวกัน นักจิตวิทยาอาจนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ได้
เศรษฐศาสตร์กับคณิตศาสตร์และสถิติ สาขาหนึ่งของวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษากันอยู่ในปัจจุบันคือการศึกษาเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณ ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องอาศัยคณิตศาสตร์และสถิติเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรทางเศรษฐกิจต่างๆหรือเพื่ออธิบาย ความสัมพันธ์ของตัวแปรทางเศรษฐกิจเหล่านั้น
กล่าวโดยสรุป เศรษฐศาสตร์มิใช่วิชาเอกเทศ ผู้ที่จะศึกษาเศรษฐศาสตร์ได้ดีและสามารถนำ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ไปใช้ให้เกิดผลจำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจศาสตร์อื่นๆด้วย แต่ก็มิได้ หมายความว่าจะต้องศึกษาศาสตร์ทุกแขนงโดยละเอียด เพราะอาจเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะทำได้ การศึกษา ศาสตร์อื่นๆเฉพาะในแง่ที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้ผู้ศึกษาเข้าใจวิชาเศรษฐศาสตร์ได้ดีขึ้น

ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

เนื่องจากความต้องการของมนุษย์โดยทั่วไปมีอยู่ไม่จำกัด (unlimited wants) แต่ทรัพยากร ของโลกมีอยู่อย่างจำกัด (limited resources) หรือเป็นของหายากและใช้หมด (scarce) จึงเกิดปัญหาว่าจะทำอย่างไรจึงจะจัดสรรหรือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นไปในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อบำบัดความต้องการของมนุษย์ให้ได้มากที่สุดและเกิดประโยชน์สูงสุด ปัญหานี้ก็คือปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจซึ่งทุกๆประเทศในโลกไม่ว่าจะมีระบบเศรษฐกิจแบบใดก็ตามต่างต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวทั้งสิ้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ปัญหา คือ

ผลิตอะไร (what to produce) เนื่องจากทรัพยากรทางเศรษฐกิจของโลกมีจำกัดและไม่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งหมดของมนุษย์ได้ จึงจำเป็นต้องมีการเลือกว่าจะผลิตสินค้าและบริการอะไรบ้าง ผลิตในจำนวนเท่าใด ลำดับของการผลิตควรเป็นอย่างไร อะไรควรผลิตก่อน อะไรควรผลิตหลัง เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด ไม่พอเพียงกับความต้องการ เราจึงควรเลือกผลิตสินค้า และบริการซึ่งเป็นที่ต้องการและมีความจำเป็นมากที่สุดก่อนเป็นลำดับแรก และผลิตตามความต้องการ ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นมาได้นั้นสามารถนำไปใช้ตอบสนองความ ต้องการของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าไม่ผลิตตามความต้องการแล้วสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นมา ได้ก็จะเกิดการสูญเปล่าเนื่องจากไม่ได้ถูกนำไปใช้ ถือเป็นการสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
ผลิตอย่างไร (how to produce) เมื่อทราบแล้วว่าจะผลิตอะไร จำนวนเท่าใด ปัญหาต่อมาก็คือจะเลือกใช้เทคนิคการผลิตอย่างไรจึงจะทำให้การผลิตสินค้าและบริการนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำที่สุด โดยให้ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ
คำว่า ประสิทธิภาพ (ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำที่สุด) หมายถึง
ผลิตสินค้าและบริการให้ได้จำนวนหน่วยของผลผลิตตามที่ต้องการ โดยใช้ทรัพยากร หรือปัจจัยการผลิตให้น้อยที่สุด
ผลิตสินค้าและบริการให้ได้จำนวนหน่วยของผลผลิตมากที่สุด ภายใต้ต้นทุนการผลิต จำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นไปในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังกล่าวจะถือว่าเป็นการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ผลิตเพื่อใคร (for whom to produce) ปัญหาสุดท้ายคือ สินค้าและบริการที่ผลิตขึ้น มาได้แล้วนั้นจะจำหน่ายจ่ายแจกหรือกระจายไปยังบุคคลต่างๆในสังคมอย่างไร (ให้แก่ใคร จำนวนเท่าใด) จึงจะเหมาะสมและเกิดความยุติธรรม เพื่อแต่ละบุคคลจะได้ประโยชน์สูงสุดจากสินค้าและบริการนั้น

แนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจแบบใดต่างก็ประสบกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจดังกล่าวทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ระบบเศรษฐกิจแต่ละระบบต่างก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันไปดังนี้

ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือเสรีนิยม (capitalism) จะใช้กลไกตลาด (ราคา) หรือที่มักเรียกว่า มือที่มองไม่เห็น เป็นเครื่องมือหรือกลไกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กล่าวคือ ราคา จะเป็นตัวช่วยตอบปัญหาต่างๆตั้งแต่เริ่มผลิตอะไร อย่างไร และเพื่อใคร ปกติสินค้าและบริการใดที่เป็นที่ต้องการผู้บริโภคก็จะเสนอราคาซื้อสูง นั่นคือ ราคาจะเป็นตัวสะท้อนที่ทำให้ผู้ผลิตทราบความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าและบริการตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ปัญหาที่ว่า ผลิตอย่างไร ซึ่งเป็นปัญหาในเรื่องของเทคนิคการผลิตว่าจะผลิตโดยเน้นใช้ปัจจัยแรงงานหรือปัจจัยทุน ก็ขึ้นอยู่กับราคาโดยเปรียบเทียบของปัจจัยแต่ละประเภท โดยมีหลักว่าผู้ผลิตจะเลือกผลิต หรือใช้ปัจจัยการผลิตในประเภทที่ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำสุด ซึ่งราคาก็เป็นเครื่องชี้อีกเช่นเดียวกัน สำหรับปัญหา ผลิตเพื่อใคร กล่าวคือ ใครควรจะได้รับการจัดสรรสินค้าและบริการไปอุปโภคบริโภคมากหรือน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับใครมีอำนาจซื้อและเสนอราคาให้มากกว่า ผู้ผลิตหรือผู้ขายก็จะเสนอขายสินค้าและบริการนั้นไปให้ บุคคลนั้นก็จะได้รับสินค้าและบริการไปอุปโภคบริโภคตอบสนองความต้องการของตน โดยสรุป ภายใต้ระบบเศรษฐกิจนี้ราคาจะเป็นเครื่องมือหรือกลไกที่สำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ แนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะถูกกำหนดมาจากส่วนกลางหรือรัฐบาล กล่าวคือ รัฐบาลจะเป็นผู้วางแผนดำเนินการสั่งการแต่เพียง ผู้เดียว เอกชนมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐ รัฐจะเป็นผู้กำหนดว่าจะผลิตอะไร จำนวนเท่าใด อย่างไร และจำหน่ายจ่ายแจกหรือกระจายสินค้าและบริการไปให้กับใคร
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เนื่องจากระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเป็นระบบ เศรษฐกิจที่มีลักษณะใกล้เคียงกับระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจนี้จึงใช้กลไกรัฐเป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ อย่างไรก็ตาม มีการใช้กลไกราคาอยู่บ้าง แต่ยังมีบทบาทค่อนข้างจำกัด
ระบบเศรษฐกิจแบบผสม แนวทางการแก้ไขปัญหาจะใช้ทั้งกลไกราคาและกลไกรัฐร่วมกันไป กล่าวคือ กิจการที่เป็นกิจการที่มีความสำคัญต่อประชาชนโดยส่วนรวม เช่น กิจการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ รัฐจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้บริการกับประชาชนเอง (กลไกรัฐ) แต่กิจการโดยทั่วไปจะปล่อยให้เป็นไปตามระบบของกลไกตลาด (ราคา)
สรุปท้ายบท

เศรษฐศาสตร์เป็นสาขาวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกวิธีการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีไม่จำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์มีการพัฒนามาเป็นลำดับขั้น กล่าวคือ

ลัทธิพาณิชย์นิยมคือพวกที่นิยมในการทำการค้า นักพาณิชย์นิยมมีความเชื่อว่าประเทศจะมีความมั่งคั่งในทางเศรษฐกิจก็ต่อเมื่อประเทศมีดุลการค้าที่เกินดุล โดยสนับสนุนให้รัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการควบคุมและแทรกแซงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

สำนักคลาสสิกโดยการนำของอดัม สมิท (บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์) เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะมั่งคั่งก็ต่อเมื่อรัฐไม่เข้ามาแทรกแซงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยปล่อยให้กลไกตลาด (ราคา) เป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากร

สำนักนีโอคลาสสิกคล้ายกับของกลุ่มคลาสสิก คือสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจแบบเสรี โดยเน้นให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและประหยัด

สำนักเคนส์สนับสนุนให้รัฐเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยใช้นโยบายการเงินการคลังเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวไปในทิศทางที่พึงประสงค์

ปัจจุบันเราแบ่งการศึกษาเศรษฐศาสตร์ออกเป็น 2 สาขา คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค (ศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจส่วนย่อย) กับเศรษฐศาสตร์มหภาค (ศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจส่วนรวม) ผู้ที่จะศึกษาเศรษฐศาสตร์ได้ดีและสามารถนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ไปใช้ให้เกิดผล นอกจากจะต้องศึกษาเศรษฐศาสตร์ทั้งสองสาขาเป็นอย่างดีแล้ว ยังจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์อื่นๆในส่วนที่ เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ด้วย เช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ บริหารธุรกิจ คณิตศาสตร์และสถิติ เป็นต้น และจากความไม่สมดุลระหว่างปริมาณทรัพยากรของโลกกับความต้องการ ของมนุษย์ ทำให้ทุกๆประเทศในโลกต่างประสบกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 3 ประการ คือ ผลิตอะไร ผลิตอย่างไร และผลิตเพื่อใคร ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นฐานก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้นๆเป็นระบบเศรษฐกิจแบบใด กล่าวคือ หากเป็นระบบทุนนิยมจะใช้กลไกราคา ระบบคอมมิวนิสต์จะใช้กลไกรัฐ ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมจะใช้กลไกรัฐเป็นหลัก กลไกราคามีบทบาทอยู่บ้าง แต่ค่อนข้างจำกัด ส่วนระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะใช้ทั้งกลไกราคาและกลไกรัฐร่วมกันในการจัดสรรทรัพยากร

Resource:
นำมาจาก//www.wphat.com/knowledge/onlinebooks/econ_ele/econ/eco1.htm
โดย คัดสรรมาฝากโดย dearjung (เจนจิรา สุนันท์)





โดย: ความเป็นมาของวิชาเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทย (moonfleet ) วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:10:34:40 น.  

 
Valuable info. Fortunate me I found your web site accidentally, and I am shocked why this coincidence didn't took place in advance! I bookmarked it.
Pandora Charms //www.tnsi.com/onlines.aspx


โดย: Pandora Charms IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:7:41:32 น.  

 
We would like to express our sincere gratitude for an excellent and informative program. We love your speaking style and had a great time.Marcy and Buddy G.
Cheap San-Francisco-49ers-Jerseys //www.fdlgroup.co.uk/images/San-Francisco-49ers-Jerseys.asp


โดย: Cheap San-Francisco-49ers-Jerseys IP: 157.7.205.214 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:19:20 น.  

 
Marina sent you 2 messages yesterday and waiting for your reply. She is horny, come quick.

click here to chat with her.

https://www.fully.sex/chat/MarinaElizabeth/


โดย: Marina Elizabeth IP: 146.120.229.237 วันที่: 4 ตุลาคม 2564 เวลา:23:11:50 น.  

 
If you play this 18+ sex game, you will get addicted in 5 minutes.

The game is free to download and play until this christmas.

Click here to play this horny adult game

https://www.fully.sex/game/start/


โดย: Harlan Charlesworth IP: 65.21.238.160 วันที่: 5 ตุลาคม 2564 เวลา:3:00:49 น.  

 
Katherine sent you 2 pics yesterday and waiting for your reply. She is horny, come quick.

click here to chat with her.

https://sexlovers.club/chat/KatherineHusky/


โดย: Marina Elizabeth IP: 146.120.229.7 วันที่: 5 ตุลาคม 2564 เวลา:11:28:40 น.  

 
If you play this 18+ sex game, you will get addicted in 5 minutes.

The game is free to download and play until this christmas.

Click here to play this horny adult game

https://sexlovers.club/game/play/


โดย: Launa McGuinness IP: 146.120.229.91 วันที่: 5 ตุลาคม 2564 เวลา:13:44:14 น.  

 
Horny Shriya sent you 2 messages yesterday and waiting for your reply. She is horny, come quick.

click here to chat with her.

https://sexlovers.club/chat/HornyShriya/


โดย: Marina Elizabeth IP: 91.223.133.133 วันที่: 8 ตุลาคม 2564 เวลา:18:33:00 น.  

 
Marina Elizabeth sent you 3 messages and waiting for your reply.
click here to chat with her.
https://sexlovers.club/chat/MarinaElizabeth/


โดย: Marina Elizabeth IP: 146.120.229.91 วันที่: 11 ตุลาคม 2564 เวลา:16:23:29 น.  

 
If you play this 18+ sex game, you will get addicted in 5 minutes.

The game is free to download and play until this christmas.

Click here to play this horny adult game

https://sexlovers.club/game/play/


โดย: Maisie Fairfield IP: 146.120.229.74 วันที่: 13 ตุลาคม 2564 เวลา:3:44:01 น.  

 
Shriya sent you a friend request.
click here to accept it and chat with her. She is online.
https://sexlovers.club/chat/HornyShriya/


โดย: Shriya IP: 91.223.133.191 วันที่: 13 ตุลาคม 2564 เวลา:20:47:13 น.  

 
Shriya sent you a friend request.
click here to accept it and video call her. She is online.
https://sexlovers.club/chat/HornyShriya/


โดย: Shriya IP: 91.223.133.133 วันที่: 26 ตุลาคม 2564 เวลา:1:43:41 น.  

 
Estelle sent you 1 nude pic. She is online and very horny now.
Please click here to chat with her.
https://sexlovers.club/chat/EstelleAndy


โดย: Estelle Andy IP: 146.120.229.74 วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:15:12:50 น.  

 
Are you having difficulties in sleeping?

Do you find it hard to sleep in time? don't worry.

We find the best solution for you. No.1 genuine product to sleep faster without any side effects.

Visit the website to get surprised.

https://forbes.blog/sleep


โดย: Natalie Sorell IP: 65.21.238.160 วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:3:11:06 น.  

 
Estelle sent you 1 nude pic. She is online and very horny now.
Please click here to chat with her.
https://sexlovers.club/chat/EstelleAndy


โดย: Estelle Andy IP: 146.120.229.46 วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:22:01:12 น.  

 
Rank 1 on Google With 50% Off Diwali Sale

The offer is applicable only for Indian customers.
Use this special festive sale to rank your website on the first page on Google. 50% off for the next 48 hours. World's leading SEO agency. Guaranteed ranking improvements in 3 months. 100% results-oriented link-building methods.

For more details, visit our website https://www.ranker.one
Contact us via skype: Ranker Support

Thanks.


โดย: Ranker SEO IP: 146.120.229.91 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา:16:55:05 น.  

 
Estelle sent you 1 nude pic. She is online and very horny now.
Please click here to chat with her.
https://sexlovers.club/chat/EstelleAndy


โดย: Estelle Andy IP: 146.120.229.51 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา:20:26:50 น.  

 
Sophia sent you 2 messages yesterday. She is online now.
Click the link below to view the message and reply to her.

https://sexlovers.club/chat/SophiaScott/


โดย: Sophia Scott IP: 170.244.94.130 วันที่: 1 ธันวาคม 2564 เวลา:15:29:49 น.  

 
Christmas special prizes from Forbes.

Hurry up

https://offers.forbes.blog/offers


โดย: Forbes IP: 168.90.97.131 วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:3:02:01 น.  

 
Horny Shriya sent you 2 messages yesterday. She is online now.
Click the link below to view the message and reply to her.

https://sexlovers.club/chat/HornyShriya/


โดย: Horny Shriya IP: 168.90.97.137 วันที่: 8 มกราคม 2565 เวลา:3:54:01 น.  

 
Horny Shriya sent you 2 pics yesterday. She is online now.
Click the link below to view the message and reply to her.

https://sexlovers.club/chat/HornyShriya/


โดย: Horny Shriya IP: 136.0.61.114 วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:5:08:35 น.  

 
BREAKING! Portable CO2 meters could be used to help fight coronavirus transmission, experts say

Click here to learn more

https://bit.ly/co2-monitor


โดย: Dorcas Rounsevell IP: 23.254.125.126 วันที่: 27 มกราคม 2565 เวลา:3:58:38 น.  

 
Hello,

Greetings from Ranker SEO.

Are you looking for a genuine SEO service to rank your website top on Google? Are you cheated by fake SEO companies?

You have found an affordable legitimate SEO agency to rank your website.

Buy backlinks from 20 years aged domains and rank your website top on Google. Exclusive High quality websites to improve your website authority and ranking.

AI Based Powerful Link Building Technology to improve your website ranking fast. 100% safe and secured methods.

Limited number of positions available! Hurry Now!

Our Skype ID: support@ranker.one
Our Website: https://www.ranker.one

Thanks & Regards
Ranker SEO


โดย: Ranker SEO IP: 193.39.89.6 วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:15:33:35 น.  

 
Hello,

Greetings from Ranker SEO.

Are you looking for a genuine SEO service to rank your website top on Google? Are you cheated by fake SEO companies?

You have found an affordable legitimate SEO agency to rank your website.

We have ranked 100s of websites such as blogs, shopify stores, ecommerce websites, adult websites, saas websites, etc. You can reach more customers by utilizing our backlinks.

For real proof, you can visit our website and check out. Contact us for more details.

Our Skype ID: support@ranker.one
Our Website: https://www.ranker.one

Thanks & Regards
Ranker SEO

If you don't like to receive our messages, you can unsubscribe by click here https://www.ranker.one/unsubscribe/?site=bloggang.com


โดย: Ranker SEO IP: 209.127.119.80 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:0:05:13 น.  

 
I called you 2 times. WHy didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://sexlovers.club/


โดย: Marquis Conn IP: 23.254.125.78 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:4:56:01 น.  

 
I called you 2 times. WHy didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://sexlovers.club/


โดย: Carl Quiles IP: 193.39.89.27 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:0:49:21 น.  

 
The world's best fantasy sex game is here.

You will never find such an amazing sex game anywhere.

Click here to start playing.

https://sexlovers.club/game/play


โดย: Aurelio Smith IP: 209.127.116.158 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:1:02:12 น.  

 
I called you 2 times. WHy didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://sexlovers.club/


โดย: Rico Kennemer IP: 132.255.135.144 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:2:45:02 น.  

 
I called you 2 times. WHy didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://sexlovers.club/


โดย: Milla Chipman IP: 209.127.107.218 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:10:20:51 น.  

 
I called you 2 times. WHy didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://sexlovers.club/


โดย: Jerilyn Hammer IP: 209.127.98.192 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:6:31:41 น.  

 
Hello,

Greetings from Ranker SEO.

Are you looking for a genuine SEO service to rank your website top on Google? Are you cheated by fake SEO companies?

You have found an affordable legitimate SEO agency to rank your website.

We have ranked 100s of websites such as blogs, shopify stores, ecommerce websites, adult websites, saas websites, etc. You can reach more customers by utilizing our backlinks.

For real proof, you can visit our website and check out. Contact us for more details.

Our Skype ID: support@ranker.one
Our Website: https://www.ranker.one

Thanks & Regards
Ranker SEO

If you don't like to receive our messages, you can unsubscribe by click here https://www.ranker.one/unsubscribe/?site=bloggang.com


โดย: Ranker SEO IP: 186.179.14.22 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:3:18:56 น.  

 
Hello, Greetings from Ranker SEO.

Are you looking for a genuine SEO service to rank your website top on Google? Are you cheated by fake SEO companies?

You have found an affordable legitimate SEO agency to rank your website.

We have ranked 100s of websites such as blogs, shopify stores, ecommerce websites, adult websites, saas websites, etc. You can reach more customers by utilizing our backlinks.

For real proof, you can visit our website and check out. Contact us for more details.

Our Skype ID: live:.cid.b33532543daf017b
Our Website: https://www.rankerseo.one

Thanks & Regards
Ranker SEO


โดย: Ranker SEO IP: 209.127.109.152 วันที่: 1 มีนาคม 2565 เวลา:23:22:42 น.  

 
I called you 2 times. Why didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://telegra.ph/Chat-With-Me-04-02


โดย: Tammy Beckwith IP: 160.154.120.81 วันที่: 2 เมษายน 2565 เวลา:23:29:09 น.  

 
I called you 2 times. Why didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://live-sex-chat.club/


โดย: Sallie Dyer IP: 185.238.212.93 วันที่: 19 เมษายน 2565 เวลา:12:29:37 น.  

 
I called you 2 times. Why didn't you pick up? I'm horny.. Please call me.

I'm online. You can chat with me by clicking this link.

https://live-sex-chat.club/


โดย: Fatima Winchester IP: 45.196.147.138 วันที่: 24 เมษายน 2565 เวลา:22:53:28 น.  

 
Hello,

Greetings from Ranker SEO.

Are you looking for a genuine SEO service to rank your website top on Google? Are you cheated by fake SEO companies?

You have found an affordable legitimate SEO agency to rank your website.

We have ranked 100s of websites such as blogs, shopify stores, ecommerce websites, adult websites, saas websites, etc. You can reach more customers by utilizing our backlinks.

For real proof, you can visit our website and check out. Contact us for more details.

Our Skype ID: support@ranker.one
Our Website: https://www.ranker.one

Thanks & Regards
Ranker SEO

If you don't like to receive our messages, you can unsubscribe by click here https://www.ranker.one/unsubscribe/?site=bloggang.com


โดย: Ranker SEO IP: 45.196.144.41 วันที่: 9 พฤษภาคม 2565 เวลา:4:41:16 น.  

 
Horny Shriya called you 2 times. She is online. Click the below link to chat with her. She is very horny now.

https://live-sex-chat.club/


โดย: Jessica Learmonth IP: 154.13.61.145 วันที่: 14 มิถุนายน 2565 เวลา:9:11:13 น.  

 
What would you do if you make a million dollars?

You have 5 minute opportunity to change your life FOREVER.
If you had invested a mere $10 in Crypto Trading few years ago, today you would be a Millionaire! ... DO NOT miss this chance again!!!

Click the below link to start earning $1000 a day without any risk.

https://www.unlimitedoffers.one/


โดย: Ellen Crommelin IP: 154.13.61.50 วันที่: 18 มิถุนายน 2565 เวลา:17:43:51 น.  

 
Horny Shriya called you 2 times. She is online. Click the below link to chat with her. She is very horny now.

https://live-sex-chat.club/


โดย: German Napper IP: 45.83.130.248 วันที่: 26 มิถุนายน 2565 เวลา:6:15:48 น.  

 
Hey business owners, I am starting a podcast and I would love to interview small business owners to talk about their challenges and successes.

If yes, can you book a pre-interview call with me to discuss the questions you are comfortable with talking about?

Here's my calendar link: jeffreybrownbrands.com where you can select the best time to have a conversation that works for you.


โดย: Elva Lincoln IP: 107.186.31.248 วันที่: 4 กันยายน 2565 เวลา:22:37:54 น.  

 
Horny Shriya called you 2 times. She is online. Click the below link to chat with her. She is very horny now.

https://live-sex-chat.club/?chat=horny-shriya


โดย: Dorcas Cohn IP: 154.3.97.242 วันที่: 7 ตุลาคม 2565 เวลา:21:54:05 น.  

 
Horny Shriya called you 2 times. She is online. Click the below link to chat with her. She is very horny now.

https://live-sex-chat.club/?chat=horny-shriya


โดย: Earnest Dangelo IP: 103.197.219.55 วันที่: 5 มกราคม 2566 เวลา:7:22:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.