029. Of Adversity ว่าด้วย ความลำเค็ญ
5 W + 1 H กับ ความลำเค็ญ
1. ความลำเค็ญ คือ อะไร ?
2. ทำไม จึงมีความลำเค็ญ ?
3. ความลำเค็ญ เริ่มต้นที่ไหน ?
4. ความลำเค็ญ เริ่มต้นเมื่อไร และ สิ้นสุดลงเมื่อไร ?
5. ใคร (คน สัตว์ สิ่งของ ) ทำให้เกิดความลำเค็ญ ?
6. ทำอย่างไร ในการเผชิญหน้ากับความลำเค็ญ ?
ใครตอบได้ ช่วยบอกที
...." สิ่งดีงามที่มาจากความฟูเฟื่องย่อมควรแก่การชื่นชม แต่ สิ่งดีงามที่มาจากความฟุบฟก (ความตกต่ำลำเค็ญ) ย่อมควรแก่การเชิดชู "
( ความดีจากความเจริญเป็นความสำเร็จ ถ้าจากความลำเค็ญก็ถือเป็นความพิสดาร)
Create Date : 12 กันยายน 2550 |
|
13 comments |
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 21:25:14 น. |
Counter : 3148 Pageviews. |
|
|
|
Memorial to Francis Bacon
Chapel of Trinity College, Cambridge
Seneca ( 4 ปีก่อน คส. คศ.65) ได้กล่าวว่า
สิ่งดีงามที่มาจากความฟูเฟื่องย่อมควรแก่การชื่นชม แต่ สิ่งดีงามที่มาจากความตกต่ำลำเค็ญควรแก่การเชิดชู
( ความดีจากความเจริญเป็นความสำเร็จ ถ้า มาจากความลำเค็ญก็ถือเป็นความพิสดาร)
แน่นอน หากมีสิ่งมหัศจรรย์ คอยบงการอยู่เหนือธรรมชาติแล้ว จะปรากฏให้เห็นได้มากที่สุดในความลำเค็ญ ดังนั้นคำพูดของ Seneca ดูยิ่งจะสูงล้ำกว่าสิ่งอื่นใด
เป็นความจริงยิ่งแท้ ที่มนุษย์มีความยอบแยบ ส่วน พระเจ้ามีความยืนยง
(แท้จริงความยิ่งใหญ่ประกอบด้วย ความเปราะบางของมนุษย์ และ ความปลอดภัยของพระเจ้า)
เรื่องนี้คงจะทำความเข้าใจได้ดีขึ้น หากดูจากบทกวีนิพนธ์ซึ่งมีอุตรภาพ (ภาวะเหนือความเข้าใจปรกติ) มากว่า และ ที่จริง กวีก็ฝักใฝ่ในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยแสดงให้เห็นเป็นตัวตนขึ้นในรูปนิยายบันเทิงคดีของกวีโบราณซึ่งดูเหมือนจะมิได้มีความลี้ลับอันใด ทั้งยังคืบคลานเข้าไปหาแบบอย่างของชาวคริสต์เสียด้วย พูดอย่างกลางๆก็คือ ความดีจากความเฟื่องฟูเป็นสิ่งชั่วคราวเท่านั้น ส่วนความดีจากความฟุบฟกสิเป็นสิ่งคงทน ซึ่งในทางจริยธรรมเป็นความดีที่สง่างามกว่า
ความฟูเฟื่องเป็นพรจากพระคัมภีร์เดิม
ส่วนความฟุบฟกเป็นพรจากพระคัมภีร์ไบเบิลใหม่ ที่นำมาซึ่งสิ่งอันเป็นมิ่งมงคลที่ยิ่งใหญ่กว่า และ เป็นการเผยให้เห็นถึงฉันทาคติของพระผู้เป็นเจ้าที่แจ่มชัดกว่า
ถึงกระนั้นก็ตาม แม้แต่ในคัมภีร์เดิม
ถ้าท่านได้ฟังเสียงพิณของกษัตริย์เดวิด ท่านจะได้ยินทำนองเพลงมากมายคล้ายเพลงงานศพ แต่กลับกลายเป็นเพลงสดุดีพระวิญญาณ ก็ต้องทำงานหนักขึ้นในอันที่จะอธิบายความเจ็บปวดของโจบที่เชื่อมั่นในพระเจ้าแม้จะถูกพระเจ้าทดสอบ ยิ่งกว่าความเปรมฤทัยของพระเจ้าโซโลมอนผู้กระเดื่องพระนามในด้านความทรงปัญญา
ความฟูเฟื่องนั้น ใช่ว่าใจไร้ความหวั่นเกรง หรือ ความน่ารังเกียจเสียเลยก็หาไม่ ส่วนความฟุบฟกก็เช่นกัน ใช่ว่าจะไร้ความสุขเกษมและความสมหวังเสียเลยทีเดียว
เราจะเห็นได้ในงายเย็บปักถักร้อยอันน่าชื่นชูใจจากการทำงานอันมีชีวิตชีวา ถึงจะอยู่บนพื้นฐานอันคร่ำเคร่งและเตรียมตรม แต่ก็ยังดีเสียกว่าที่จะทำงานในความดำมืดและหมองไหม้บนพื้นฐานอันสว่างไสว
ทั้งนี้ตัดสินได้จากความปลื้มเปรมของดวงใจ และ จากความปลื้มปิติของดวงตา
แน่นอน ความดีเป็นเหมือนกลิ่นอันอบอวลชวนชื่น จะส่งกลิ่นหอมระรื่นที่สุดเมื่อติดไฟบีบเค้น
ในความฟูเฟื่องนั้น อาจจะพบความชั่วร้ายได้มากที่สุด
และ ในความฟุบฟก ก็จะได้พบเห็นความดีงามได้มากที่สุดเช่นกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านเพิ่มเติมได้จาก
หนังสือ คมความคิดของ ฟรานซิส เบคอน
นักเขียน: ฟรานซิส เบคอน
แปลและเรียบเรียงโดย: อุทัย สินธุสาร
โดย Masterpiece
ในเครือ บริษัท เอ.อาร์. อินฟอร์เมชั่น แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด