041.. Of Discoure ว่าด้วย วาทกรรม
คมความคิดของฟรานซิส เบคอน
(SELECTED ESSDAYS OF FRANCIS BACON) ผู้แต่ง/แปล : FRANCIS BACON / อุทัย สินธุสาร :แปล ISBN : 9749672526 Barcode : 9789749672525 ปีพิมพ์ : 1 / 2549 ขนาด (w x h) : 0 x 0 mm. ปก/จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 152 หน้า 0 ราคาปกติ : 100.00 บาท
ว่าด้วยวาทกรรม (Of Discourse)
บางคน ในการสนทนาปราศรัยกัน ค่อนข้างปรารถนาที่จะได้รับการยกย่องว่ามีเชาว์ปัญญาที่สามารถรับการโต้เถียงใดๆได้ มากว่า การสามารถตัดสินได้ว่า อะไรเป็นความจริง คือ อาจยกย่องได้ว่า รู้ว่าอะไรควรพูด หรือ ไม่ควรพูด และ อะไรควรใช้ความคิด
บางคนมีพื้นฐานแน่น มีแก่นสาร มีข้อดีและใช้ความหลากหลาย ซึ่งการขาดสิ่งเหล่านี้จะทำให้การพูดคุยจืดชืดยิ่ง ทั้งบางครั้งก็ดูน่าหัวร่อ การพูดที่พึงได้รับเกียรติที่สุด คือ การให้โอกาสแก่ผู้อื่น และ ถือความพอประมาณ แล้วผ่านไปสู่เรื่องอื่นบ้าง เหมือนผู้นั้นเป็นผู้นำการเต้นรำ
จะเป็นการดีที่ในการพูดกันนั้นได้มีการเอ่ยคำพูดที่แปลกๆ ผสมกับถ้อยวจีของสมัยปัจจุบันผสานไปกับการโต้ตอบกัน มีเรื่องเล่าที่มีเหตุผล ถามคำถาม บอกถึงความคิดเห็น สอดใส่ข้อหยอกเอินที่ทำให้กระตือรือร้น ไม่งั้นการสนทนาจะดูซึมเซาน่าเบื่อหน่าย นำไปสู่ความเซ็งสุดทน ในเรื่องความขบขันก็ควรจะได้อาศัยประโยชน์จากมัน ไม่ว่าในเรื่องศาสนา เรื่องของรัฐ เรื่องบุคคลสำคัญ ธุรกิจปัจจุบันของผู้คนที่มีความสำคัญ และ เรื่องราวที่น่าสงสาร กระนั้นก็ยังมีบางสิ่งที่คิดว่าอาจจะทำให้สติปัญญาซบเซาไปได้เหมือนกัน เว้นแต่จะได้มีการป้อนสิ่งที่มีรสชาติเข้าไป และต้องให้รวดเร็วทันการด้วย นั่นเป็นสายบังเหียนที่จะคุมการสนทนาให้ดำเนินไปด้วยดี
โดยทั่วๆไปแล้ว คนเราควรแสวงหาความแตกต่างระหว่าง "ความเค็ม และ ความขม" แน่นอน คนที่มีเส้นสายในการเหน็บแนม อาจจะทำให้คนอื่นหวั่นในไหวพริบ กระนั้น ก็จะต้องเกรงความทรงจำของคนอื่นที่อาจจำอะไรไว้ได้มากด้วย
ใครที่ตั้งคำถามมากจะได้เรียนรู้มากและพึงพอใจมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขารู้จักสอดแทรกคำถามต่อบุคคลที่มีทักษะ ก็จะเป็นการให้โอกาสต่อผู้พูดได้มีความพึงพอใจในการพูดคุย แล้วผู้ถามเองก็จะได้เก็บเกี่ยวความรู้อย่างต่อเนื่องด้วย
แต่ทั้งนี้ จะต้องไม่ปล่อยให้คำถามนั้น ทำความลำบากใจให้แก่ผู้พูด เพราะนั่นเหมาะสำหรับผู้ที่วางมาดเท่านั้น และ ขอให้แน่ใจว่าจะต้องปล่อยให้คนอื่นมีโอกาสพูดบ้าง
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ยึดครองการพูดเสียคนเดียว แล้วคว้าเอาเวลาในการพูดคุยนั้นไปทั้งหมด ขอให้หาวิธีที่จะให้เขาพ้นไปเสีย เพื่อให้โอกาสคนอื่นเข้ามาพูดต่อบ้าง เช่นเดียวกับที่นักดนตรีใช้ปฏิบัติกับผู้ที่เต้นรำเริงร่านานเกินไป
ถ้าท่านจะไม่ใส่ใจว่า ใครจะคิดเห็นอะไร อย่างไร บางทีในเรื่องที่ท่านคิดว่าท่านรู้นั้น ท่านอาจจะคิดได้ในเวลาอื่นว่าจริงๆแล้ว ท่านไม่รู้ก็ได้ ใครจะพูดอะไรนั้น ควรให้เวลาเขาให้นานพอ และ เลือกฟังให้ดี
ข้าพเจ้า (ผู้เขียน:ฟรานซิส เบคอน) รู้จักคนผู้หนึ่งที่ชอบกล่าวหมิ่นคนอื่น เขาต้องการที่จะเป็นคนฉลาด เลยพูดมากแต่ในเรื่องของตนเอง มีกรณีที่อาจยกย่องความดีงามของตนเอง พร้อมกับสรรเสริญความดีของคนอื่นไปด้วย ซึ่งอาจจะเป็นความดีที่แกล้งแต่งขึ้นเองก็ได้
คำพูดที่กระทบกระเทือนต่อคนอื่น ควรจะระมัดระวังในการใช้วาทกรรมนั้นควรจะเป็นเช่น กลางท้องทุ่ง ที่ไม่มีบ้านของใครอยู่ ข้าพเจ้ารู้จักผู้ดีสองคนจากภาคตะวันตกของอังกฤษ ที่คนหนึ่งรับประทานอาหารปลาเข้าไปเต็มที่ แล้วเก็บอาหารดีๆไว้ที่บ้านของตน อีกคนหนึ่งจะถามว่า ที่โต๊ะอื่นมีอาหารอะไรบ้าง บอกตรงๆ จะไม่มีสำเนียงดูหมิ่นหรือกระทบกระเทียบอยู่บ้างเลยหรือ ทั้งนี้แขกเหรื่ออาจจะตอบสิ่งนั้นให้ผ่านๆไป
ท่านผู้ดีอีกคนคงจะกล่าวว่า เขาคงเป็นผู้ทำให้อาหารอร่อยเสียรสชาติไป การพูดอย่างระมัดระวัง มีอะไรมากกว่าการพูดอย่างคมคาย และ การพูดคล้อยตามไปด้วยกับผู้ที่เราเกี่ยวข้องเป็นผลดีกว่าการพูดด้วยถ้อยคำเพราะพริ้ง หรือ แนบเนียน
การพูดที่ยาวต่อเนื่องกัน หากปราศจากคำพูดที่เหมาะสมแก่กับการเจรจาพาที จะบ่งบอกถึงความน่าเบื่อหน่าย การตอบคำที่ดี หรือ พูดซ้ำ ถ้าไม่มีคำลงเอยที่ดี ก็แสดงถึงความตื่นเขินและความอ่อนด้อย
ดังเราจะเห็นได้ในสัตว์พวกที่อ่อนแอนั้นกลับมีความคล่องแคล่วว่องไว เช่น ระหว่างสุนัขเกร์ยฮาวกับกระต่ายป่า การใช้เหตุการณ์หลายๆอย่างมากล่าวมากเกินไปก่อนจะเข้าสู่เรื่องจะเป็นความน่ารำคาญ แต่ถ้าไม่ใช้เสียเลยก็ทื่อๆ
Create Date : 13 กันยายน 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 12:46:03 น. |
Counter : 2078 Pageviews. |
|
|
|