" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 
21 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
ว่าด้วย ..ที่น่าสนใจ ในเรื่อง Foundation



ฮาริ เซลด็อน...

ชาตะในปี 11,988 แห่งจักรวาลศักราช มรณะ 12,069 ซึ่งตามสถาปนะศักราชเรานี้เรียกว่า ปี 79 ถึงปีที่ 1 แห่งสถาปนะศักราช ท่านผู้นี้ถือกำเนิดในตระกูลชนชั้นกลาง บนดาวเฮลิค็อน เขตอาร์คตุรุส (ซึ่งตามประวัติศาสตร์อันไม่แน่นอนนัก กล่าวว่าเป็นดวงดาวที่บิดาของท่านทำไร่ยาสูบอยู่) ท่านผู้นี้มีแววเป็นนักคณิตศาสตร์อย่างน่าพิศวงมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย มีเรื่องราวกล่าวถึงสมรรถภาพของท่านมากมายับไม่ถ้วน บางเรื่องก็ขัดแย้งกันเอง กล่าวกันว่า เมื่ออายุเพียงสองขวบ ท่านสามารถ......

....ที่แน่ๆ ก็คือ งานสำคัญยอดยิ่งของท่านได้แก่ อนาคตประวัติศาสตร์ เซลด็อนได้พบว่าวิทยาการแนวนี้เป็นเรื่องเที่ยงแท้แน่นอนที่แม้จะมีความเลือนรางก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อนาคตประวัติศาสตร์จึงเป็นผลงาน ที่เขาสร้างสรรค์ไว้ในฐานะวิทยาการอันลึกซึ้ง ให้แก่จักรวาล....

...ผู้ประพันธ์ชีวประวัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับฮาริ เซลด็อน ก็คือ กาอัล ดอร์นิค ผู้ซึ่งได้พบกับเซลด็อน เมื่อสองปีก่อนที่เซลด็อนจะถึงแก่กรรม ขณะที่กาอัลผู้ประพันธ์ยังเป็นหนุ่มอยู่ เป็นประวัติของเซลด็อน ตอนที่ได้พบกับเขา...

เอ็นไซโคลปิเดีย กาแล็กติก้า

หมายเหตุซ
ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ ISAAC ASIMOV'S FOUNDATION
โลกอนาคต สถาบันสถาปนา
แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย โดย บรรยงก์ (สุดยอดของที่สุดและที่สุด





ภาพประกอบ Business Cycle
ไม่เกียวกับเนื้อเรื่อง สถาบันสถาปนา


อนาคตประวัติศาสตร์

...กาอัล ดอร์นิค นิยามคำว่าอนาคตประวัติศาสตร์ โดยใช้แนวความคิดที่ไม่ได้ใช้คณิตศาสตร์ว่า เป็นแขนงหนึ่งของวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งว่าด้วยปฏิกิริยาของมวลชนเมื่อได้รับแรงกระตุ้น จากสภาพสังคมและสภาพเศรษฐกิจ....นัยยะแห่งความหมายของนิยามนี้ก็คือ มวลชนที่เกี่ยวข้องด้วยต้องมีจำนวนมากเพียงพอแก่การที่จะทำสถิติอันแน่นอนได้ ขนาดของมวลชนที่จำเป็นจะกำหนดได้ โดยถือหลักทฤษฎีข้อแรกของเชลด็อน ซึ่ง..... อีกประการหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ชุมชนนั้นต้องไม่ตระหนักถึงการวิเคราะห์อนาคตประวัติศาสตร์ เพื่อที่ว่าปฏิกิริยาของมวลชนนั้นจะได้เป็นไปโดยปกติวิสัยอย่างแท้จริง...

เอ็นไซโคลปิเดีย กาแล็กติก้า

หลักของอนาคตประวัติศาสตร์อันแน่นอนนั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามแผนการของเซ็ลดอน ซึ่งสอดคล้องไปกับพลังของสังคมและเศรษฐกิจนั้นๆ เช่น...














อาณาจักรสากลจักรวาล กำลังเสื่อมโทรม
อาณาจักรที่มีอาณาเขตจากปลายหนึ่งถึงอีกปลายหนึ่งของทางช้างเผือก
แต่
อาณาจัการที่มีพลเมืองกว่าล้านยกกำลังสี่นี้
กำลังเสื่อมโทรมลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งกินเวลานานแสนนาน
เช่นเดียวกัน ช่องว่างของความรุ่งเรืองที่จะเกิดขึ้นใหม่
ก็ต้องกินเวลายาวนาน นับเนื่องได้สามหมื่นปี
โชคดีที่มีนักจิตวิทยาที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง มองเห็นอาการเสื่อมดังว่านี้ จึงคิดแก้ไข
โดยการ ย่น ช่วงว่างนั้นให้สั้นลง
เหลือเป็นอนารยะยุคเพียง 1,000 ปี
โดยการตั้งสถาบันสถาปนาขึ้น....










ทรานทอร์...
นับแต่ต้นของล้านปีที่สิบสาม พิภพได้บรรลุถึงจุดเจริญสุดยอด เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศูนย์การปกครองแห่งจักรวรรดิติดต่อกันมาหลายร้อยชั่วอายุคน และ เป็นพิภพที่อยู่กลางกลุ่มดาวทั้งหลายในท่ามกลางหมู่พิภพที่มีพลโลกหนาแน่นที่สุด และ เจริญก้าวหน้าที่สุดในทางอุตสาหกรรม จึงย่อมเป็นสิ่งที่ไหนีไม่พ้นที่พิภพนี้จำจะต้องมีพลโลกหนาแน่นที่สุดและมั่งคั่งที่สุด เท่าที่ประชาชาติของจักรวรรดิเคยมีมา
การปรับปรุงชนบทได้ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงจุดสุดยอด ดังนั้นผิวพื้นทั้งหมดของพิภพทรานทอร์ซึ่งมีเนื้อที่ 75,000,000 ตารางไมล์ จึงเป็นนครเดียวเท่านั้น มีพลโลกสูงสุดมากกว่าสี่หมื่นล้านคน และ แทนทั้งหมดจำนวนนี้ มีหน้าที่อยู่ในวงงานบริหารจักรวรรดิ คือ พูดอีกนัยหนึ่งก็ว่าเป็นข้ารัฐการแทบทั้งหมด แต่แม้กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอแก่งานอันสลับซับซ้อน (ต้องไม่ลืมว่า ความบกพร่องในงานบริหารการปกครองจักรวรรดิของพิภพอันประกอบด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วนนั้น เริ่มมีขึ้นตั้งแต่สมัยของจักรพรรดิ์องค์หลังๆซึ่งขาดสมรรถภาพ จนในที่สุดเป็นเหตุให้ถึงยุค "ล่มจม" แต่ละวัน กองทัพยานหลายหมื่นลำต้องลำเลียง
ผลผลิตจากพิภพกสิกรรม ยี่สิบดวง มาเป็นเสบียงเลี้ยงพลโลกของ ทรานทอร์...
สภาวะที่ทรานทอร์จำเป็นต้องพึ่งพิงโลกภายนอก ในเรื่องข้าวปลาอาหาร ตลอดจนสิ่งจำเป็นในการอุปโภคบริโภคทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งวันก็ยิ่งทำให้ทรานทอร์มีจุดอ่อนซึ่งอาจจะถูกปฏิวัติโค่นอำนาจลงมากขึ้นทุกที ในรอบล้านปีหลังแห่งจักวรรดิ ควันปฏิวัติได้คุกรุ่นอยู่ตลอดมา ซึ่งจักรพรรดิทุกองค์ตระหนักเป็นอย่างดี แนวนโยบายของจักพรรดิจึงเพิ่มความเข้มแข็งขึ้น นอกเหนือไปจากการป้องกันลูกกระเดือกอันอ่อนแอของทรานทอร์....

เอ็นไซโคลปีเดีย กาแล็กติก้า





P.25
....." เมื่อทรานทอร์เจริญทางวิทยาการยิ่งๆขึ้นไป มันก็จะมีจุดอ่อนเพิ่มขึ้นทุกที จนไม่สามารถป้องกันตนเองได้ เมื่อมันยิ่งมีความสำคัญในฐานะเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิมากขึ้น มันก็ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่พึงประสงค์อยากได้ของผู้อื่นมากขึ้น เมื่อเจ้าผู้ครองจักรวรรดิง่อนแง่นลงคนแล้วคนเล่า ความขัดแย้งระหว่าตระกูลที่สูงศักดิ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น ความรับผิดชอบทางสังคมก็จะสลายไป" .....

P.43
..... ถึงแม้ว่า จะมีการยอมรับกันอยู่ว่า การปกครองแบบจักรวรรดิ จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีงาม แต่สภาวะแบบ อนาธิปไตย ที่จะมีมาภายหลังจักรวรรดิล่มนั้นสิ จะยิ่งร้าย สภาวะอันจะบังเกิดมีอนาธิปไตยนี่แหละ คือ สิ่งที่................

P.44
.........ความมั่นคงแข็งแกร่งมีอยู่ทั่วไป ดูเสมือนว่าจะคงอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่า ....ต้นไม้ที่ผุอยู่ภายใจ ย่อมจะมีลักษณะภายนอกบึกบึนมั่นคง ไม่มีอะไรผิดปกติจนกว่าจะถึงเวลาที่พายุจะโหมมันหักสะบั้นลง ขณะนี้พายุนั้น กำลังหวีดหวิวผ่านกิ่งก้านของจักรวรรดิอยู่แล้ว กิ่งมันกำลังลั่นอยู่เอี้ยดๆ ถ้าหากคุณฟังด้วยหูของนักอนาคตประวัติศาสตร์......

........จักรวรรดิจะล่มสลาย พร้อมด้วยสิ่งดีงามทั้งหลาย วิทยาการทั้งมวลที่สะสมไว้จะไร้ค่า ระเบียบแบบแผนที่วางไว้จะหมดความหมาย จะเกิดสงครามระหว่างดวงดาวไม่มีที่สิ้นสุด พาณิชยกรรมระหว่างดวงดาวจะเสื่อมโทรม ประชากรจะลดจำนวนลง ดวงดาวในอาณัติจะขาดการติดต่อกับศูนย์การปกครอง แล้วจะไม่กลับฟื้นคืนเหมือนเดิมได้อีก ....





P.46
แผนการ จะทำอย่างไร ?
..โดยป้องกันสรรพวิทยาการของมนุษยชาติไว้ให้ปลอดภัย วิทยาการทั้งมวล โดยส่วนรวมย่อมเกินกำลังที่บุคคลเดียว หรือ แม้พันคนจะรอบรู้ได้หมด เมื่อความผูกพันทางสังคมของเราแตกทำลายไป วิทยาการก็จะกระจัดกระจายเป็นแสนเป็นล้านเสี่ยง แต่ละบุคคลจะมีความรู้ก็แต่เพียงข้อมูลกระจิดริดคนละนิดคนละหน่อย ซึ่งใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกับนิยายปรัมปรา จะไม่มีใครถ่ายทอดต่อๆไป มันจะต่อยละลายสูญหายไปแต่ละชั่วอายุคน
..แต่ ถ้าเราเริ่มรวบรวมสรุปสรรพวิทยาการทุกสาขาเป็นการใหญ่เสียตั้งแต่บัดนี้ วิทยาการเหล่านั้น ย่อมจะคงอยู่ไม่สูญหาย คนรุ่นหลังจะมีหลักวิชาเป็นมูลฐานสำหรับศึกษาก้าวหน้าต่อไป แทนที่จะต้องคลำค้นคว้าขึ้นมาใหม่
....ดังนั้น มนุษยชาติ ก็จะสามารถก้าวหน้าในหนึ่งพันปีได้ เท่ากับก้าวหน้าโดยงมงายสามหมื่นปี หากไม่รวบรวมสรรพวิทยาการไว้






P.47
...... ฉัน ศึกษาเขามาหลายปีแล้ว พยายามวิเคราะห์ วิธีการปฏิบัติงานของเขาเรื่อยมา แต่คุณก็รู้ว่าเป็นการเสี่ยงมาก ที่จะเอาข้อมูลเกี่ยวกับ "อุปนิสัย" ของบุคคลเดียวมาเข้าสมการของ "อนาคตประวัติศาสตร์" ซึ่งมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมากว่าจะได้ผลลัพธ์ถูกต้อง แต่ฉันก็คิดว่ามีหวังมาก.......


P.50
..... "การล่มสลายของทรานทอร์"........ไม่อาจจะหยุดยั้งได้ง่ายๆ แต่อาจกระพือพรวดพราดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วกะทันหัน............การขัดขวางแผนการบรรเทาภัยแห่งมนุษยชาติให้สะดุดหยุดลงโดยฉับพลัน.....จะทำให้ประชากรของจักรวาลเกิดความรู้สึก "สิ้นหวังในอนคต" ที่จะมีมา
พวกเขาเคยอิจฉาความสุข สบาย ความรุ่งเรืองของสมัย ปู่ ย่า ตา ทวด มาแล้ว นับแต่นี้ เขาจะเริ่มสังเกตเห็นว่า มีการปฏิวัติทางการเมือง และ ความเสื่อมโทรมทางการค้าขยายตัวกว้างขวางขึ้น ความเห็นแก่ตัวก็จะแผ่ซ่านไปทั่งทุกตัวมนุษย์ในจักรวาล โดยเห็นพ้องต้องกันว่า มือใครยาวสาวได้สาวเอาไว้ก่อน คนที่มีความกระตือรือร้น ก็จะเร่งไขว่คว้าหาประโยชน์ใส่ตน คนใจทรามก็จะเริ่มเร่งประกอบกรรมหาความร่ำรวยทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อทุกคนเร่งมือไปอย่างว่า ก็เท่ากับเร่งบรรดาสมาชิกของจักรวาลให้พินาศเร็วขึ้นในอัตราสูงสุด ..........


Create Date : 21 กันยายน 2550
Last Update : 22 กันยายน 2550 16:04:15 น. 0 comments
Counter : 1574 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.