1 พฤศจิกายน 2552
ยิ่งโตขึ้น ก็ยิ่งต้องการน้อยลงนะในชีวิต...
วันนี้วันเกิด ถามตัวเองว่าอยากได้อะไรบ้างอีกไหมในวันเกิด ตอบตัวเองว่าไม่เหลืออะไรอยากได้เท่าไหร่แล้วล่ะนะ อยากได้อย่างเดียวแค่ว่า ขอให้มีชีวิตที่ลงตัว มีความสุขแบบนี้ต่อ ๆ ไป ก็พอ ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้เท่าไหร่
เมื่อก่อนตอนยังเด็ก คาดหมายให้มีงานวันเกิด เค้กวันเกิด ของขวัญวันเกิดหรูหรา...พอโตขึ้นมาหน่อย ของขวัญหรือเค้กอะไรไม่ได้ต้องการอีกต่อไป เพราะรู้สึกถึงหน้าที่ที่ต้องตอบแทนของขวัญวันเกิดกลับไปให้คนที่ให้มาในวันเกิดเขา พอมาถึงวันนี้ แค่มีคนที่สำคัญในชีวิตจำวันเกิดได้และมีคำอวยพรสั้น ๆ ให้รู้ว่าไม่ได้ถูกลืม ก็พอใจ
อายุ 25 ปี ปลาบอกว่าเบญจเพส อันที่จริงมันก็คือการเปลี่ยนแปลงจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่เพราะเดินมาได้ถึงจุดของการเติบโตแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือครองสติให้ดีในทุกการตัดสินใจเท่านั้น

6 พฤศจิกายน 2552
วันนี้อยู่คนเดียว ได้กลิ่นลมหนาว เป็นกลิ่นความเหงาปนกลิ่นดอกโมกในความมืด
แต่ก็สูดเข้าไปเต็ม ๆ แม้จะเศร้าหน่อย ๆ แต่ก็สดชื่นดี...น้ำตาจะไหล เหงาสะใจดีแท้...
ไม่อยากเป็นคนเหงาง่ายแบบนี้เลย มันจะกระโจนเข้าหาคนที่เข้ามาเอาได้ง่าย ๆ
แค่รู้สึกดีด้วยก็สร้างภาพสวย ๆ ของเขาขึ้นมาและคิดว่าเขาเป็นอย่างนั้น โดยไม่ได้ดูและมองตามความเป็นจริง
ถามตัวเองอยู่ว่าการมีแฟนแล้วมีปัญหาวุ่นวายหรือว่าอยู่คนเดียวแล้วสูดกลิ่นดอกโมกปนความเหงาแบบนี้...อันไหนมันดีกว่ากัน?
ตอนเหงา ๆ แบบนี้ ก็อยากมีแฟนละนะ ก็ตอนอยู่คนเดียวมันเหงาเกินไปนี่นา...
13 พฤศจิกายน 2552
เมื่อวานกับวันนี้หมกตัวอยู่บ้านคนเดียว ใครโทรมาก็ไม่รับ กำลังยุ่งอยู่ ยุ่งอยู่กับตัวเอง
เอาหนังเก่า ๆ ที่อยู่ในบ้านมาดูไปหลายเรื่อง นอนขลุกไปขลุกมาบนเตียงให้มันหมดไปวัน ๆ รู้สึกใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยชะมัด แต่กลับมีความสุขอย่างประหลาด การอยู่คนเดียวนี่มันโคตรจะดี ส่วนตัว ไม่คิดไรมาก ได้เป็นเจ้าของเวลาว่างที่แสนจะโหยหา เป็นอารมณ์ที่ไม่ได้จิตตกนะ แต่อยู่คนเดียวแล้วมันตัดขาดจากสังคมดี...

16 พฤศจิกายน 2552
ทำไมเป็นคนผลิตเรื่องร้าย ๆ ให้ตัวเองเยอะจังก็ไม่รู้
ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ เพื่อน ตัวเอง คนรอบข้าง ทุกสิ่งอย่าง
คิดแล้วก็ร้องไห้ได้ง่าย ๆ เกลียดไปหมด
มันไม่ได้รักเราจริงหรอก ไม่ได้หวังดีกับเราหรอก
เพื่อนล่ะ คบเพื่อตัวเองทั้งนั้นแหละ
แมวยังอยู่กับเราแค่แลกข้าวไปวัน ๆ เลย ถ้าไม่ให้ข้าวให้น้ำเดี๋ยวก็หนีไปกันหมดนั่นแหละ
ผู้ชายที่มาจีบก็เหมือนกัน...หวังอะไรกันทั้งนั้นแหละ ไม่อยากอยู่ในความสัมพันธ์ใด ๆ เลย หดหู่ไปเสียสิ้น
แม้แต่เราเองก็เถอะ ก็เห็นแก่ตัวและทำเพื่อตัวเองตลอดเวลานะ ที่ทำเพื่อคนอื่นน่ะไม่มีหรอก...
ไม่รู้สึกบริสุทธิ์กับการให้ การรับหรืออะไรทั้งสิ้น
23 พฤศจิกายน 2552
เกลียดความสุข...มันหลอกลวง...ล่อให้เรามีความสุข แล้วก็ทำร้ายด้วยความเศร้า ถาโถม มองย้อนไปถึงความสุขแล้วเกลียดมัน
จำตอนตัวเองมีความสุขไม่ได้เลย...เคยมีความสุขด้วยเหรอ เคยมีความสุขอยู่บนโลกด้วยเหรอ
รู้ว่าโตแล้วนะ...อายุ 25 แล้ว แต่ยังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ แล้วจะทำไม...มันแก้อะไรได้ด้วยเหรอ ทำอย่างอื่นได้ด้วยเหรอนอกจากร้องไห้น่ะ
บางทีถ้าขอพรได้...ก็ไม่อยากให้มีความเศร้าอยู่บนโลกนะ ร้องไห้นี่มันก็เหนื่อยชะมัด ชีวิตไม่เห็นจะสวยงามอะไรสักเท่าไหร่เลย!!

25 พฤศจิกายน 2552
น้ำตาไหลช้า ๆ ไม่ฟูมฟาย ไม่ทุรนทุรายอีกแล้ว แต่มันหยุดความเจ็บปวดข้างในไม่ได้ เหมือนมีช่องโหว่บางอย่างกลางใจ
วันนี้ไปดู Twilight New Moon มา รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียศรัทธาในความรัก ในการไว้วางใจ
หรือการมอบความรักให้ผู้ชายคนใดคนหนึ่งไปแล้ว มองความรักและความสัมพันธ์ในแง่ร้ายใช้ได้
มีปฏิกิริยาต่อต้านความรักเลี่ยน ๆ ไร้สาระ
มีอยู่ขณะหนึ่งที่หลุดจิตตัวเองออกไปจาก ขณะนั้น โดยสิ้นเชิง อิสระ ๆ ล่องลองไป
จนรู้สึกว่า จะมีค่าอยู่ต่อไปบนโลกนี้ทำไมกัน แต่เป็นการถามแบบไม่ต้องการคำตอบและไม่ไขว่คว้างหาคำตอบใด ๆ
แค่รู้สึกอย่างที่มันรู้สึก กลับสบายใจอย่างที่สุดเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้สึกว่าการดำรงอยู่เป็นไปเพื่ออะไรเลย
ฉันสมควรเรียกคืนความศรัทธาในสิ่งต่าง ๆ ที่เสียไปคืนมาหรือไม่? ความรัก ความสัมพันธ์ ผู้ชาย?
แล้วความศรัทธาในตัวเองล่ะ มันหายไปไหม ยังอยู่ดีหรือเปล่า อาจจะอยู่ในกระเป๋าแต่ยังไม่ได้หา
ต้องกอบกู้ความสุขอีกครั้ง
10 ธันวาคม 2552
ใกล้ปีใหม่เข้าไปทุกที...ได้เวลาเปิดไดอารี่เก่า ๆ ขึ้นมาอ่าน ทำทุกปีนี่นะ รู้สึกดีชะมัด การได้เห็นตัวเองเป็นอีกคนหนึ่งลอยไปลอยมาในห้วงความทรงจำน่ะ
อ่านไปได้ช่วงหนึ่ง เห็นตัวเองเป็น จอมตัดสิน ตัดสินคนอื่น ตัดสินเหตุการณ์ ตัดสินความถูกผิด ทั้ง ๆ ที่อันที่จริง ไม่มีใครสมควรได้รับการตัดสินว่าถูกว่าผิด หรือดีหรือไม่ดีทั้งนั้นแหละ เราชอบจัดกลุ่มประเภทของคนที่เข้ามาในชีวิต ใครมีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ซ้ำ ๆ คล้าย ๆ กันก็จัดกลุ่มอยู่ด้วยกันและตัดสินกันไปเป็นกลุ่ม ๆ เลย...เป็นนิสัยที่ไม่ดีเลย ต้องแก้ไขล่ะ
เห็นตัวเองอีกอย่าง...ว่าโคตรอารมณ์แปรปรวนเลย...เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย มีความสุขสุด ๆ กับสิ่งที่เป็น ชื่นชมตัวเอง ชื่นชมโชคชะตาและชีวิต อีกสักพักก็ก่นด่าและร้องห่มร้องไห้ เกลียดตัวเอง เกลียดคนรอบข้าง เกลียดไปหมด...เหมือนคนบ้าเล็ก ๆ ต้องปรับปรุงอีกเช่นกัน
แล้วก็ยังเป็นคนอ่านความสัมพันธ์ไม่ขาดอีกนะบางที...อันนี้แย่ล่ะ ยิ่งกับคนที่เข้ามาทำความรู้จักด้วยเนี่ย ถ้าคิดจะบวกก็บวกไปเสียหมด ถ้าคิดจะลบก็ตัดออกจากชีวิตไปเลย บางทีกลับมามองเขาตามความเป็นจริงที่เขาเป็น ก็จะเห็นอะไรมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะ...อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินคนอื่นนะที่จริง
มีไดอารี่อีกเยอะเลย เหนื่อยแล้ว

17 ธันวาคม 2552
มามองดูตัวเอง เราเป็นคนชอบทำอะไรค้างคาเหมือนกันนะ ทำอะไรทิ้งไว้แล้วไม่สิ้นสุดหลายอย่าง
คงเป็นเพราะไม่ชอบบทจบของอะไร ๆ ละมั้ง รู้สึกว่าจบสิ้นแล้วจะไม่มี มันก็ใจหายยังไงไม่รู้ ซึ่งการค้างคาน่ะไม่ดีเอาเสียเลย
ตอนนี้มีหนังสือที่อ่านค้างอยู่เป็นล้านเล่ม อ่านไปแล้วรู้สึกว่าน่าเบื่อก็วางมันซะโดยไม่ให้โอกาสมันพิสูจน์ตัวเอง
หรือแม้แต่อ่านไปแล้วสนุกก็จะเหลือบทสุดท้ายเอาไว้ (ไม่ได้ตั้งใจด้วยนะ) เพราะไม่อยากให้มันจบ
GTO ก็ไม่ยอมดูให้จบ เหลืออีก 6 ตอนมั้ง...ค้างคาอยู่ในใจ
แล้วก็ Sex and the City (Series) ก็เหลือตอนสุดท้ายเอาไว้ซะอย่างนั้น...
เวลากินน้ำก็กินค้างไว้ในแก้วหรือในขวด...
หรือบางทีนะ กับความสัมพันธ์นี่แหละตัวดีเลย
ทั้งที่รู้ว่าการค้างคามันรังแต่จะทำร้ายคนสองคน แต่ก็ไม่ยอมตัดสินใจไปว่าจะเอาอย่างไรดี
ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ว่าอยากอ่านตอนจบของหนังสือหลาย ๆ เล่มที่ค้างไว้หรือเปล่า
...ไม่แน่ใจว่าอยากดูตอนจบของ Sex and the City ทั้ง ๆ ที่รู้เนื้อหาไปแล้วนะ...
แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยากเปลี่ยนนิสัยเป็นคนทำอะไรให้จบ ๆ ไปโดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์...
บางที ปล่อยไปอย่างนั้นก็อาจจะดีกว่าก็ได้
ขอให้มีความสุขนะคะ
ขอให้มีโชคหมดทุกข์โศกโรคภัย
พ้นเคราะห์ที่เลวร้าย พันภัยด้วยเทอญ