บ้าบิ่น(2) : Grenoble-ภูเขาหรือทะเล?
จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้ของฉัน คือ เมือง Grenoble
ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเดินทาง ก็เนื่องจากฉันตั้งใจจะมาเรียนต่อที่เมืองเกรอนอบหลังจากจบคอร์สที่เมืองนี้แล้ว ได้ยินชื่อเสียงว่าโรงเรียนสอนภาษาสอนดี เมืองสวยงาม มีสถานีเล่นสกี แต่กระนั้นช่วงหน้าหนาวก็หนาวมาก ช่วงหน้าร้อนก็ร้อนมาก และยังเป็นเมืองชายแดนคาบเกี่ยวระหว่างสวิสกับอิตาลี มีคนอยู่หลากหลายเชื้อชาติ บางครั้งก็นำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยด้วย ฉันจึงต้องมาพิสูจน์เก็บข้อมูลด้วยตัวเองเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ง่ายขึ้น
..............
ฉันมาถึงสถานีรถไฟเกรอนอบตอนเย็นย่ำค่ำมืดไปแล้ว เพื่อนเกาหลีที่ฉันจะไปขออาศัยนอนด้วยคืนนี้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มาหาตั้งแต่กลางวันว่าที่เกรอนอบมีประท้วงใหญ่ รถรางและรถเมล์ไม่แล่นเลยทั้งวัน ให้ฉันนั่งรถแท็กซี่เข้าไปหาเองเพราะเขาออกมารับไม่ได้ ฉันเองก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรจึงต้องนั่งแท็กซี่เข้าไปที่พักที่อยู่ออกไปนอกตัวเมืองด้วยตัวเอง ค่าแท็กซี่แค่ 15 นาทีเกือบเท่าราคาตั๋วรถไฟ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
แล้วจึงเพิ่งมาทราบจากเพื่อนเมื่อเจอกันแล้วว่า มีเหตุการณ์แทงกันในรถราง(Tram)เมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากมีคนอาหรับกลุ่มหนึ่งขึ้นรถรางโดยไม่ได้ซื้อตั๋วและไม่ได้จ่ายตังค์ ปรากฎว่ามีผู้ตรวจตั๋ว (contrôleur) ซึ่งจะสุ่มตรวจนาน ๆ ครั้งขึ้นมาตรวจพอดี เกิดมีปากเสียงกันและผู้โดยสารก็ควักมีดมาแทงผู้ตรวจตั๋วได้รับบาดเจ็บ การประท้วงวันนี้ก็เนื่องมาจากคนขับรถและพนักงานการคมนาคมลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิในร่างกายและความปลอดภัยของตัวเองนั่นเอง
แต่ก็ทำเอาประชาชนปั่นป่วนไปทั้งเมืองเพราะไม่มีรถสายไหนแล่นเลยสักสาย
เป็นการต้อนรับฉันของ Grenoble อย่างอบอุ่นทีเดียว!!
จะว่าไปแล้ว ก่อนจะมาถึง Grenoble ก็มีเรื่องทุลักทุเลนิดหน่อยตอนเปลี่ยนรถไฟที่ Lyon
เวลา 20 นาทีในการเปลี่ยนขบวน ฉันคิดว่าพอถมเถมากมายกับการซื้อแซนวิชหน้าตาน่ากินสักอัน เดินดูสถานีลียงอย่างเพลิดเพลิน แวะร้านหนังสือดูหนังสือพิมพ์และนิตยสารอีกสักหน่อย
แต่เปล่านะคะ...ไม่ได้ตกรถไฟเหมือนที่เดาค่ะ!!
ฉันไปรถที่ชานชาลาตามที่ปรากฎในป้ายไฟก่อนเวลาตั้ง 5 นาที รถไฟก็จอดรออยู่แต่ยังไม่เปิดให้คนขึ้นเท่านั้น ผู้โดยสารก็มารอกันเต็ม ฉันก็ยืนชะล่าใจไม่สนใจเสียงประกาศหรืออะไรทั้งสิ้น พอถึงเวลา 16:45 เวลารถไฟออกตามตั๋ว เอ๊ะ! ทำไมรถไฟยังจอดนิ่ง ไม่เปิดประตูเหมือนเคย...สงสัยคงจะช้าหน่อยละมั้ง เราไม่ทันได้ฟังประกาศเอง...ผ่านไป 5 นาที เอ๊ะ! คนเริ่มหายไปขึ้นชานชาลาอีกฝั่งหมด ชักจะไม่ได้การ เลยหันไปถามคุณเมอร์ซิเออร์ข้าง ๆ ว่าชานชาลานี้ไป Grenoble หรือเปล่าคะ คุณผู้ชายก็ทำหน้างง ๆ บอกว่า ถ้า 16:45 ก็ต้องออกไปแล้วสิ!! หนูก็ว่างั้นแหละค่ะ!!!
เริ่มไม่ค่อยได้การ เหงื่อแตก วิ่งไปหาคนต้อนรับหน้าสถานี เป็นผู้ชายมีอายุใจดียิ้มหวาน ฉันเลยยิ้มใจดีสู้เสือให้บ้าง...แล้วเล่าเรื่องให้ฟัง
คุณลุง : แล้วชานชาลานั้นเป็นสีเหลืองหรือสีฟ้าล่ะ จำได้ไหม ฉัน : อ่าา...ไม่ทราบอ่ะค่ะ มีสีเหลืองกับสีฟ้าด้วยเหรอคะ??? คุณลุง : ไม่เป็นไร ๆ อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ยิ้มเอาไว้แหละดีแล้ว ยังดีนะ เกรอนอบมีรอบต่อไปในอีกครึ่งชั่วโมง
ว่าแล้วคุณลุงก็ยิ้มให้พร้อมทิ้งปรัชญาเอาไว้ให้ฟังหนึ่งข้อด้วยอีกต่างหาก
สรุปว่าเขาเปลี่ยนชานชาลากันโดยที่ฉันไม่ได้ดูป้ายก่อนขึ้นไปที่ชานชาลา แล้วก็ยังโชคดีที่มีรถรอบต่อไปในอีกไม่นาน แถมยังไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วย เป็นตั๋วที่สามารถขึ้นรอบไหนก็ได้ในจุดหมายปลายทางเดียวกัน...
เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นดีแท้!!
Grenoble อยู่ในแคว้น Rhône-Alpes ที่มี Lyon เป็นเมืองหลวง ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองหลวงของเทือกเขาเอลป์" เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาเอลป์ มีภูเขาล้อมรอบเมือง ทำให้มีทัศนียภาพที่งดงาม แต่ก็ส่งผลให้เป็นเมืองแอ่งกระทะที่หน้าหนาวหนาวมากและหน้าร้อนร้อนมากด้วย
เกรอนอบ มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องสถานีเล่นสกี ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองไม่ไกลมาก และยังเคยเป็นเมืองเจ้าภาพในการจัดโอลิมปิคฤดูหนาวเมื่อปี 1968 ด้วย
........
โชคดีว่าระหว่างวันที่ฉันไปอยู่สามวัน อากาศดี มีแดด ไม่หนาวเกินไป แต่ได้คุยกับใคร ๆ ที่เคยอยู่มานานก็มีแต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าในฤดูหนาว หนาวววววววถึงใจจริง ๆ ฉันเองเป็นคนกลัวความหนาวอยู่แล้วด้วย เป็นจุดลังเลอย่างใหญ่จุดหนึ่งเลยทีเดียวในการประกอบการตัดสินใจว่าจะมาอยู่ที่เมืองนี้ดีหรือเปล่า
ฉันไม่ได้เที่ยวสถานที่สำคัญอะไรมากมายในเมืองเกรอนอบ แต่เอาเวลาไปดูโรงเรียนที่เรียน ชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียน ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แล้วก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับคนไทยที่อยู่ที่นั่นมากมายหลายชีวิต เกรอนอบนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องโรงเรียนภาษาและมหาลัยทางด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ขึ้นชื่อในหมู่คนไทยในฝรั่งเศสก็คือ เป็นเมืองที่คนไทยอยู่กันอย่างอบอุ่นที่สุดเมืองหนึ่ง เพราะจะมีปาร์ตี้กินข้าวร่วมกันสัปดาห์ละครั้งหรืออาจจะมากกว่า ฉันก็เลยได้มีโอกาสไปเจอกับคนไทยคนอื่น ๆ ที่นี่ด้วยเลย แล้วก็ยืนยันความน่ารักของคนไทยที่นี่ทุกคนจริง ๆ ถ้าฉันเลือกมาอยู่เมืองนี้ คงไม่มีเหงาแน่ ๆ...
Téléphérique หรือคนไทยที่นี่เรียกว่า "ลูกชิ้นป้ิง" เป็นรถเคเบิ้ลขึ้นไปชมปราสาท Bastille ที่อยู่บนยอดเขา สัญญลักษณ์ประจำเมืองเกรอนอบ
พอมาอยู่ในเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาแบบนี้แล้ว ทำให้อดถามคำถามตัวเองด้วยคำถามคลาสสิคของพี่จุ้ยไม่ได้ว่า "ภูเขาหรือทะเล?" แต่คำตอบฉันไม่ได้คลาสสิคแบบในเพลงว่า "ชอบที่ที่มีเธอ" หรอก เพราะว่าฉันรักเดียวใจเดียวกับ 'ภูเขา' มาแต่ไหนแต่ไร
ฉันนึกไปถึงคนคนนึง เคยบอกฉันว่า "คนที่ชอบภูเขา เป็นคนมองโลกแคบ เพราะมองไปก็สุดอยู่จุดใดจุดหนึ่ง และปิดกั้นอยู่ตรงนั้น แต่คนที่ชอบทะเล เป็นคนที่ความคิดเปิดกว้าง เพราะมองไปสุดลูกหูลูกตา"
แม้ว่าคำพูดที่เขาพูดจะทำให้ฉันถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะมันคัดค้านความคิดฉันที่เคยเชื่อมาตลอด แต่ถึงยังไงฉันก็ยังมีจุดยืนยึดมั่นกับภูเขาของฉันอยู่ดี...ยังไงฉันก็ชอบภูเขา เห็นภูเขาลูกโต ๆ ทีไรเป็นอันต้องตะลึงงันกับความใหญ่โตของมัน ความลึกลับซับซ้อนที่อยู่ข้างใน ความใฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นไปยืนอยู่ตรงยอดสูงสุดตรงนั้น...ส่วนทะเลสำหรับฉัน มันกว้างขวางอ้างว้าง และว่างเปล่าเกินไป มองไปทางไหนก็ไม่เห็นปลายทาง วังเวง ฉันมองทะเลกว้าง ๆ แล้วเหมือนหล่นลงจากที่สูงไม่ถึงพื้นสักที เหมือนการค้นหาที่ไม่เคยค้นพบ เหมือนการเริ่มต้นที่ไม่มีจุดจบ เหงาเกินไป...
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉันตกหลุมรักภูเขาหิมะสลับซับซ้อนที่เมือง Grenoble ไปเสียแล้ว
แม้จะอดคิดเล็ก ๆ ไม่ได้ว่า...ถ้าเขาคนนั้นที่เคยบอกฉัน คิดเหมือนฉันกันกับฉันเรื่องภูเขา ฉันอาจจะมองภูเขาสวยกว่านี้อีกก็ได้
สิ่งที่ฉันมองหาจากเมืองที่ฉันจะไปอยู่ อย่างแรกน่าจะเป็น "ความรู้สึกที่เป็นมิตร"
เมืองที่จะไม่ทำร้ายฉันทางความรู้สึก เมืองที่มีเพื่อนก็อยู่ได้ หรืออยู่คนเดียวก็อยู่ได้ เมืองที่ฉันผ่อนคลายตัวเองได้ ไม่ทำให้ฉันหงุดหงิด (ยังไงไม่รู้เหมือนกัน) เมืองที่ฉันรู้สึกว่ารับมือและจัดการกับมันได้ เมืองที่เปิดโอกาสให้ฉันมีที่ยืนและอยู่อย่างมีความสุข
แน่ละว่า...เวลาแค่ 3 วันที่ฉันไปเยือนเมืองต่าง ๆ คงไม่พอจะทำให้ฉันตัดสินได้หรอกว่าเมืองไหนจะตอบโจทย์และตรงคำถามกับที่ฉันตั้งเอาไว้ แต่คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแค่ Grenoble เมืองแรกก็ได้ใจฉันไปเต็ม ๆ กับภูเขาลูกสูง ๆ สวย ๆ รอบเมือง...Grenoble ยังมีอะไรให้น่าค้นหาเต็มไปหมด ร้านหนังสือเล็ก ๆ ตามหัวมุม ร้านกาแฟน่ารัก ๆ แม่น้ำสวย ๆ สวนขนาดย่อม ผู้คนหลากหลายที่เปิดโอกาสให้แต่ละคนใช้ชีวิตได้ตามที่ตัวเองเป็นไม่ว่าจะมาจากไหน
ตอนฉันนั่งรถไฟจากเมืองนี้มา ภูเขายังเป็นฉากข้างทางให้ได้ชื่นชมอยู่เป็นระยะ ๆ เรื่อย ๆ
ความรู้สึกแปลกประหลาดข้างในกระซิบบอกฉัน ว่าวันนึงฉันต้องได้กลับมาที่นี่แน่
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 2:16:17 น. |
Counter : 3818 Pageviews. |
|
|
|
พี่ก๋าอ่านว่า "เก-รอน-อบ" ครับ 555
อ่านแล้วก็นั่งขำอยู่คนเดียว 555
ฝรั่งเศสเป็นเมืองที่ประท้วงกันบ่อยจริงๆนะครับ
ก็อ่านแล้วสะดุดใจเหมือนกันครับ
ว่าพี่ก๋าเป็นคนมุมมองคับแคบไปแล้วหรือเนี่ย 555
อ้าว---ก็พี่ก๋าชอบภูเขามากกว่าทะเลนี่นา
สงสัยคนพูดประโยคนี้
เขาชอบขึ้นไปให้ถึงยอดเขาล่ะมั้งครับ
เลยเห็นแต่เป้าหมาย
แต่บังเอิญพี่ก๋าเป็นพวกชอบเดินถ่ายรูปสองข้างทางด้วยน่ะครับ
เลยเดินไม่ค่อยถึงยอดเขาซะทีครับ 5555