'*^-+...ไม่มีอะไรงดงาม เท่าความสงบสุข...+-^*'
"กาแฟหมดแล้ว จะรับอีกสักถ้วยไหมล่ะคะ" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมากจากด้านหลัง ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์การคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ฉันหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาคุ้นเคย ไม่ใช่พนักงานร้าน ไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันนึกไม่ออกว่าเธอเป็นใครและเคยเจอเธอที่ไหน แต่ฉันรู้สึกเหมือนรู้จักกับเธอมานานแสนนาน "ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ" ฉันยิ้มอย่างมีมารยาทและตอบหญิงสาวคนนั้นกลับไปอย่างตัดบทสนทนา แต่เธอกลับเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามฉันอย่างวิสาสะ ฉันผงะเล็กน้อยที่เธอเสียมารยาทอย่างนั้น ทั้งที่โต๊ะตัวอื่นก็ว่างเต็มร้านทำไมเธอต้งมานั่งโต๊ะเดียวกับฉันด้วย
"วันนี้อากาศดีนะ เธอว่าไหม" หญิงสาวคนตรงหน้าฉันพูดขึ้น ว่าแล้วเธอก็วางมือจากวิปครีมและคาปูชิโน่ที่หมดไปครึ่งถ้วย เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้สบาย ๆ ทำตัวสนิทสนมคุ้นเคยเหมือนเป็นเพื่อนเก่าแสนนานหรือไม่งั้นก็เหมือนว่าเรานัดกันไว้อย่างดิบดีในบ่ายวันนี้ "คนกินกาแฟเยอะดีด้วยล่ะ ไม่เคยคิดเลยนะว่าจะมีคนเข้า ๆ ออก ๆ เยอะขนาดนี้ ถ้าความสัมพันธ์ในชีวิตมีเยอะแยะแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ รู้สึกไม่โดดเดี่ยวดี"ฉันรู้ดีว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับประโยคหลังของเธอเท่าไหร่ แต่เลี่ยงจะพูดถึงมันไป "ฉันว่าวันนี้มันน่าหดหู่ออก ฝนจะตกก็ไม่ตกสักที แถมแอร์ก็หนาวด้วย" ฉันตอบเธอไปเหมือนคนบ่นพึมพำและเริ่มทำตัวสบาย ๆ ขึ้นเมื่อเห็นเธอทำตัวสบาย ๆ "เธอน่ะ ไม่หนาวบ้างเหรอ กินกาแฟเย็น ๆ แบบนั้น ใส่เสื้อตัวบางเสียด้วย" ฉันพูดเหมือนพี่สั่งสอนน้องเพราะเมื่อพิจารณาแล้วรู้สึกว่าเธอดูเด็กกว่าฉันนิดหน่อย"ก็ฉันชอบนี่นา กาแฟเย็น ๆ อย่างนี้ ไม่เห็นต้องไปคิดเลยว่าอากาศจะเป็นยังไง ในเมื่อชอบซะอย่าง ก็จะกินละ" ว่าแล้วเธอก็ยิ้มขัน ๆ และดูดกาแฟเย็น ๆ อีกหนึ่งคำ "เธอเองมากกว่า เธอก็ชอบกาแฟเย็นไม่ใช่เหรอ มานั่งกินกาแฟร้อนชืด ๆ เป็นคนแก่ไปได้ มา...ฉันเลี้ยงอีกแก้วดีกว่านะ กินด้วยกันอร่อยกว่า ดีกว่าให้เธอมานั่งมองเฉย ๆ" ว่าแล้วเธอก็ลุกไปสั่งคาปูชิโน่เหมือนเธอเด๊ะอีกหนึ่งแก้วโดยที่ฉันยังไม่ทันได้มีโอกาสคัดค้าน ลักษณะการพูดคุยของเธอยิ่งทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น ฉันเริ่มแน่ใจว่าฉันต้องรู้จักเธอจากไหนสักที่ แต่ฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่ารู้จักเธอได้อย่างไร อีกไม่นานพนักงานเสิร์ฟคนเดิมก็เอากาแฟเหมือนกันเด๊ะอีกแก้วมาวางตรงหน้าฉัน และก็เป็นหญิงสาวคนตรงข้ามที่กล่าวขอบคุณและยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นเคย "ว่าแต่เธอ มานั่งเหงาอยู่ในร้านกาแฟคนเดียวแบบนี้ทำไมเหรอ" เธอถามฉันขึ้นเมื่อเห็นฉันเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง "ไม่เห็นสดใสสมกับเป็นเธอเลย" ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอหลังจากเธอพูดประโยคหลังขึ้นมา เธอหมายความว่ายังไงกันว่าฉันต้องเป็นคนสดใสอย่างนั้นหรือ?"ก็ฉันเหงา" ฉันตอบออกไป รู้สึกไว้ใจเธออย่างประหลาด"เหงาเหรอ...อืมมม...ฉันก็เหงาเหมือนกันนะ" ว่าเสร็จเธอก็ยิ้มน่ารัก ๆ ตามแบบเธอ"เธอน่ะเหรอเหงา ไม่เห็นเหมือนคนเหงาเลย" "แล้วคนเหงานี่ต้องทำหน้ามุ่ย ๆ แบบเธอทุกคนเลยหรือยังไง" เธอหยุดนิดหนึ่ง "ฉันว่าคนทุกคนก็เหงากันทั้งนั้นแหละนะ แม้แต่จะมีเพื่อน หรือว่ามีแฟนก็เถอะ ความเหงาไม่ได้เลือกว่าจะอยู่กับคนที่อยู่คนเดียวสักหน่อย เธอว่าไหมละ" เธอพูดลอย ๆ แต่คำพูดลอย ๆ ของเธอทำให้ฉันคิดตาม"แล้วฉันก็เหนื่อยด้วยนะ" ฉันหยิบคาปูชิโน่เย็นใส่วิปครีม(ราดคาราเมล)ขึ้นมาดูดอย่างเลื่อนลอย ทันทีที่กาแฟเย็น ๆ สัมผัสลิ้น ฉันรู้สึกอบอุ่นร่างกายและสดชื่นอย่างประหลาด ไม่เห็นจะต้องพึ่งกาแฟร้อน ๆ อย่างที่เธอว่า"เหนื่อยเหรอ...อืมมม...ทั้งเหนื่อยทั้งเหงาเลย เธอนี่น่าสงสารจัง" เธอพูดเหมือนบ่นไปเรื่อยมากกว่า"ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ ยังไงไม่รู้ เหนื่อยใจน่ะ เธอเป็นเหมือนฉันอีกหรือเปล่าละ" "ฉันเหงานะ แต่ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าโลกนี้มีอะไรเยอะแยะเลย ยิ่งทำอะไรมาก ๆ ก็ยิ่งได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น" เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย แต่ฉันหัวเราะขันหนึ่งที"หึหึ...เธอนี่มองโลกในแง่ดีชะมัด" ฉันยิ้มเยาะ "ว่าไปแล้ว ฉันก็เคยเป็นเหมือนเธอนะ มองโลกสดใส ไม่คิดอะไรมาก และอยากเรียนรู้ตลอดเวลาน่ะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกแก่ ๆ ไม่เห็นอยากจะทำอะไรสักอย่าง เบื่อหน่ายไปหมด ไม่รู้สึกว่าอะไรสวยงามอีกต่อไป" เป็นประโยคที่ฉันพูดยาวที่สุดตั้งแต่คุยกับเธอมา กาแฟถ้วยนั้นของฉันเริ่มพร่องลงไปนิดหน่อย"เธอไม่ค่อยไว้ใจใครเหมือนเมื่อก่อนแล้วสินะ?""อืมมม...ทำนองนั้นน่ะ" ฉันเริ่มมีบทสนทนาเหมือนคุยกับเพื่อนเก่าแก่คุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว "จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าไว้ใจมันทำกันยังไง" ว่าแล้วฉันก็หัวเราะเยาะตัวเอง"แล้ว...เธอไม่เชื่อในความรักแท้จริงอีกแล้วเหรอ?" เธอทำหน้าคาดหวังเล็กน้อยจากฉันฉันมองหน้าเธอจริงจัง เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นดวงตาเธอชัด ๆ "ฉันเคยเชื่อเรื่องอย่างนั้นด้วยเหรอ?" คำพูดฉันหนักแน่นและหมายความตามที่พูดจริง ๆ
"เธอมองตัวเธอเป็นยังไงล่ะตอนนี้" เธอเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากกาแฟของเธอไม่ได้ถูกแตะต้องแต่ของฉันกลับพร่องไปกว่าครึ่งแก้ว"อืมมม...ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ได้ถามตัวเองมานานแล้วนะ" ฉันตอบไป"ก็ฉันถามเธออยู่นี่ไง""เป็นเหมือนเอสเปรสโซ่มั้ง" ฉันตอบไปงั้น ๆ "ขม ดำ หม่นและร้อน" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ 'ขม ดำ หม่นและร้อน' งั้นหรือ" เธอหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย "ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่ามันเป็นยังไง แต่มันดูหดหู่ชอบกล เธออยากรู้ไหมละว่าฉันมองตัวเองยังไง" เธอหยุดนิดหนึ่งแววตาสดใสขึ้นมา "เหมือนคาปูชิโน่ใส่วิปครีม(ราดคาราเมล)แก้วนี้แหละ หอม หวาน มัน น่าค้นหา เมื่อได้กินก็อยากกินอีก ฮี่ฮี่" เธอพูดแบบร่าเริงและภูมิใจในตัวเอง "ฉันไม่เห็นว่าคาปูชิโน่มันจะน่าค้นหาตรงไหนเลย มีแต่จะทำให้อ้วนน่ะสิ เลี่ยนแล้วก็ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย" ฉันพูดแบบขัดเธอ แต่ก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้"นี่เธอ เวลาเธอยิ้มน่ะ สดใสมากรู้ไหม" เธอยิ้มให้ฉัน "ฉันอยากเห็นเธอยิ้มเหมือนเมื่อก่อนนะ ตอนที่ไม่คิดอะไรมากแม้ว่าจะมีเรื่องให้คิดเยอะมาก ตอนที่ยังมองโลกสดใสแม้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ตอนที่เธอยังเป็นคาปูชิโน่เย็นเหมือนฉันน่ะ...ว่าแต่เธอว่าความรักคืออะไร" ฉันหยุดคิดนิดหนึ่งกับคำถามที่เธอถาม ชักเริ่มสนุกกับการสนทนาเสียแล้ว (แม้จะยังนึกไม่ออกก็ตามว่าเธอคือใคร) "ฉันว่า มันก็คือการที่คนสองคนมีประโยชน์อะไรบางอย่างเอื้อต่อกันน่ะสิ ไม่ได้หมายความในแง่ร้ายนะ แค่พูดตามความเป็นจริง...หากว่าคนหนึ่งไม่รู้สึกว่าอีกคนตอบแทนอะไรที่ต้องการได้แล้ว ก็หมดรักเท่านั้นเอง ความรัก ก็แค่การทำถูกใจกันและกันน่ะฉันว่า" ฉันคิดว่าเธอคงจะเสียใจกับการมองโลกในแง่ร้ายของฉัน แต่เปล่าเลย เธอกลับหัวเราะขึ้นมา"ฮ่า ๆ ๆ...เธอนี่ สมเป็นเอสเปรสโซ่จริง ๆ นะ".....................................................
"เธอมองตัวเธอเป็นยังไงล่ะตอนนี้" "อืมมม...ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ได้ถามตัวเองมานานแล้วนะ" "ก็ฉันถามเธออยู่นี่ไง"
รายชื่อผู้ร่วมโครงการ::BeCoffee::::nikanda::::นางสาวดุ่บดั่บ::::กะว่าก๋า::::อสัญแดหวา::::Little Knight::::Artagold::::Paulo::::JewNid::::Unravel::::ปีศาจความฝัน::::นัทธ์::::บุยบุย::::inmemoir::::tempopo::
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ หวังว่าจะได้ร่วมเดินทาง ในถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรนี้ด้วยกันนะคะ
ต้องใช้สมาธิพอสมควร เพราะตอนนี้อ่านอยู่ที่ห้องทำงานรวม ว่าแล้วก็ค่อนข้างเสียวหลัง 555
กลับบ้านแล้วจะแวะมาอีกทีนะคะ