::ฉาก::
เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ ฉันมีโอกาสได้ไปฟังงานเสวนาของนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ กลุ่มนิตยสาร ECHO โดยได้เชิญ นิ้วกลม มาให้สัมภาษณ์ในหัวข้อเกี่ยวกับการเขียน การทำงานเขียน การลำดับความคิด และเรื่องต่าง ๆ ในมุมมองของ นิ้วกลม
ฉันได้อะไรกลับมาเยอะเหมือนกันกับการเขียนหนังสือ แม้จะเป็นแค่การเขียนบลอคเล็ก ๆ ก็ตามทีเถอะ นิ้วกลม จุดประกายอะไรฉันหลายอย่าง สร้างแรงบันดาลใจในการเขียนได้เยอะทีเดียว อย่างเช่นในเรื่องการสร้างเรื่องนั้น เขาบอกว่า ให้ลองคิดโจทย์ขึ้นมาหนึ่งอย่างแล้วลองทำมันดู แค่นี้ก็มีอะไรไปเขียนได้แล้ว ฉันเห็นว่าน่าสนใจมากทีเดียวกับไอเดียนี้
เพื่อให้สัมพันธ์กับโจทย์ของคุณแจงในโครงการฯ ฉันจึงคิดโจทย์ไม่ยากสำหรับตัวเองขึ้นมาสำหรับเวลาหนึ่งอาทิตย์ นั่นก็คือ ดูหนังวันละเรื่องใน 7 วัน เนื่องจากโจทย์คุณแจงเป็นหัวข้อ ฉาก... คิดถึงคำว่าฉาก ฉันก็คิดถึงแต่ฉากหนัง ถ้าในแต่ละวันมีฉากมาให้ดูหลาย ๆ ฉากก็ดีเหมือนกัน และในหนึ่งอาทิตย์ฉันจะมีถึง 7 ฉากมาเล่าให้ฟังเชียว...อีกอย่าง ฉันว่าเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองในการมีระเบียบวินัยและจะได้กลับมาอัพบลอคของโครงการต่อเนื่องด้วย (เพราะคราว ลอยกระทง โดดร่มไปหนึ่งครั้งแล้ว)
ฉันจึงรวบรวมฉาก 7 ฉากมาเล่าให้ฟังค่ะ...
ฉากวันจันทร์ : The Boy in the Striped Pyjamas
หนังเรื่องนี้ฉันรู้จักครั้งแรกจากคุณ ขอรบกวนทั้งชุดนอน เพื่อนบลอคแกงค์ที่เขียนรีวิวลงในเวบหนังเวบหนึ่ง อันที่จริงแล้ว ฉันแค่รู้จักชื่อหนังกับโปสเตอร์หนังที่เขาเอามาเท่านั้น เพราะส่วนการรีวิวที่เขารีวิวไว้นั้น เรียกได้ว่า ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว แต่กระนั้นมันก็มีอะไรบางอย่างในรีวิวที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะหามาดู ที่ร้านเช่าหนังร้านประจำของฉัน เอาปกมาตั้งอยู่พอดี ฉันจึงไม่ลังเลที่จะออกปากขอมาดูทันใด
เด็กชายในชุดนอนลายทาง พูดถึงประเด็นสงครามในยุคนาซี การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โดยหนังนำเสนอโดยเด็กชายคนหนึ่ง ผ่านมุมมองสดใส ไร้เดียงสา หากแต่ว่าอันที่จริง ชีวิตมันไม่ได้สดใสอย่างที่เขาเข้าใจเท่านั้น
ความเห็นส่วนตัว : ฉันชอบหนังเรื่องนี้มากทีเดียว เป็นการสื่อสารภาพสงครามให้เห็นในอีกมุมหนึ่ง การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างน่าติดตาม มีปริศนาให้ตามคิด และมีบทจบที่เร้าใจทีเดียว ฉันนั่งตัวสั่นใจสั่นและยังสั่นอยู่อย่างนั้นเมื่อเอ็นเครดิตขึ้นมาแล้ว
ฉากวันอังคาร : Grave of Fireflies
หนังสงครามอีกเรื่องหนึ่งที่ดูติดต่อกัน แต่ สุสานหิ่งห้อย เรื่องนี้ เป็นสงครามจากด้านประเทศญี่ปุ่น และสื่อสารในด้านของผู้ถูกกระทำ โดยสื่อผ่านตัวการ์ตูนสองตัว พี่ชายและน้องสาว ที่สูญเสียบ้านและครอบครัวไประหว่างสงคราม เป็นการ์ตูนค่าย Ghibli ที่ขึ้นชื่อมากเรื่องความเศร้า ความเห็นส่วนตัว : ฉันชอบและเกลียดการ์ตูนเรื่องนี้ไปในคราวเดียวกัน เพื่อนฉันเตือนไว้ก่อนจะดูแล้วว่า จะสร้างความหดหู่ไปให้อีกหลายวัน แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อและก็ต้องได้รับผลกรรมเป็นความหดหู่และน้ำตายกใหญ่ ใครว่าการ์ตูนจะมีแต่ความสดใส อันที่จริงแล้ว ฉันว่าการ์ตูนนี่แหละ บทจะทำให้เศร้า ก็เศร้ากว่าหนังเสียอีก
ฉากวันพุธ : Nightmare before Christmas
หนัง animation ดาร์ก ๆ ของ Tim Burton กล่าวถึงเมืองแห่งเทศกาลฮัลโลวีน ที่ ผี ทั้งเมืองคอยจัดงานวันฮัลโลวีนให้โลกมนุษย์ทุก ๆ ปี แต่เรื่องราวเริ่มวุ่นวายตอนที่ แจ็ค โครงกระดูกเท่ห์ ๆ ตัวหนึ่ง ต้องการจะแย่งวันคริสมาสจากคุณลุงซานต้ามาจัดเสียเอง วันคริสมาสผสมฮัลโลวีนจึงออกมาหน้าตาเป็นหนังเรื่องนี้นี่เอง
ความเห็นส่วนตัว : ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ ดูเพลิน ๆ ฆ่าเวลาไปเฉย ๆ ก็ดีเหมือนกัน
ฉากวันพฤหัสบดี : Twilight New Moon
หนังโรงที่ไปดูในรอบสัปดาห์นี้ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากดูอะไรเป็นพิเศษกับ Twilight เพราะคิดว่าเป็นหนังหลอกสาว ๆ ให้กรี๊ดกร๊าดกับฉากรักเว่อร์ ๆ ของแวมไพร์กับนางเอก และโดยเฉพาะภาคนี้ที่จงใจ ขาย หมาป่าและกล้ามเป็นมัด ๆ ของหนุ่ม ๆ ที่ถอดเสื้อเดินกันทั้งเรื่อง แต่เพื่อนฉันอยากดูมากและจะได้ดูฟรีด้วย จึงไม่ขัดศรัทธาและต้องไปดูหมาป่ามีกล้ามกับแวมไพร์นักรักโดยไม่ตั้งใจ
ความเห็นส่วนตัว : หลังจากดูเสร็จฉันก็รู้ตัวเองทันทีว่าไม่ใช่คนช่างฝันและไม่ค่อยเชื่อเรื่องรัก ๆ อีกต่อไป ดูแล้วหงุดหงิดใจเล็กน้อยกับความรักที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานจากเหตุผลเท่าไหร่ พอเห็นสาว ๆ ที่มากันเป็นกลุ่มในโรงทำเสียงฮือฮากรี๊ดกร๊าดกับฉากรักหวาน ๆ ก็ทำให้ฉันต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแล้วหรอกหรือ? อาจจะเป็นเพราะฉันเริ่มเป็น Realism ที่อยู่กับความจริงมากกว่า Fanaticism ที่นิยมกับความเพ้อฝันแล้วก็ได้ นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำไมฉันไม่อ่านนิยายรักสักเท่าไหร่...คงเพราะไม่เชื่ออีกต่อไป ว่ามีความรักแบบนั้นหลงเหลืออยู่ด้วย (มองโลกในแง่ร้ายไปแล้ว)
ฉากวันศุกร์ : Les Triplets de Belleville
การ์ตูนฝรั่งเศสที่ฉันคว้า ๆ มาจากร้านเช่าหนังโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีใครแนะนำ แค่เห็นว่าเป็นการ์ตูนฝรั่งเศส ฉันจะได้ฝึกภาษาไปด้วย ก็เลยฉวย ๆ มาเท่านั้น
เรื่องของยายกับหลานที่ตั้งใจฝึกซ้อมปั่นจักรยานเพื่อเข้าแข่งขัน Tour de France อันโด่งดัง แต่แล้วหลานชายกลับถูกลักพาตัว คุณยายผู้น่ารักจึงออกติดตามตัวหลาน โดยมีหมาคู่ใจสร้างความน่ารักไปตลอดเรื่อง
ความเห็นส่วนตัว : เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ชอบ แต่ก็ชอบมาก อาจจะเป็นเพราะฉันเป็นคนชอบการ์ตูนอยู่แล้ว อะไรที่สื่อออกมาเป็นภาพวาดเขียน ฉันมักจะหลงใหลในความน่ารักและช่างคิดเสมอ แต่เรื่องนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเป็น การ์ตูนเงียบ ตลอดทั้งเรื่อง (ที่ว่าจะฝึกภาษาเลยไม่ได้ฝึกกันพอดี) ซึ่งฉันดูแล้วก็อยู่เงียบ ๆ ไปหลายชั่วโมง ตระหนักได้ว่า ความเงียบก็สื่อสารได้ ความเงียบก็ทำให้เข้าใจได้ และบางทีก็ทำให้ได้ยินเสียงอะไรมากกว่าเสียงที่ต้องการสื่อออกมาเสียอีก
ฉากวันเสาร์ : Mary and Max
การ์ตูน(อีกแล้ว)ดินน้ำมันที่สร้างมาจากเรื่องจริง พี่ร้านเช่าหนังแนะนำเมื่อเห็นฉันสนใจการ์ตูนหรือแอนนิเมชั่นเป็นพิเศษ เป็นหนังเมืองคานด้วยนะ พี่เขาบอกฉัน ฉันพลิกดูหน้าปกและเห็นช่อมะกอกเป็นโค้ง ๆ อยู่ สนุกไหมคะ ฉันถามพี่ สนุกครับ หนังขาวดำ พี่เขาทำหน้านิ่งตอบฉัน ฉันจึงเชื่อพี่เขาที่ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง
Mary and Max เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงออสเตรเลียวัย 8 ขวบ มีปานสีอึอยู่กลางหน้าผาก เริ่มต้นเขียนจดหมายหาชายแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน จดหมายไปโผล่ที่ช่องจดหมายของ Max ชายอเมริกันผู้หดหู่วัย 44 ปีวันหนึ่ง เขาสองคนเขียนจดหมายโต้ตอบโดยที่ไม่เคยพบกันเป็นเวลากว่า 10 ปี และมิตรภาพดี ๆ ที่หาไม่ได้จากชีวิตจริงก็เริ่มต้นทางจดหมาย
ความเห็นส่วนตัว : ฉันบรรจุหนังเรื่องนี้ลงไปในรายชื่อหนังที่ฉันชอบเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเป็นการ์ตูนน่ารัก ๆ ทำให้กลบเกลื่อนความหม่นเหงาของเรื่องราวลงไปได้เยอะ แม้จะเคล้าน้ำตาแห่งความเศร้าและซึ้งเล็กน้อย แต่ขณะที่ดูและอารมณ์หลังดูจบ ก็ทำให้รู้สึกชีวิตเบิกบานอย่างประหลาด ฉันตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตจริงที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว อันที่จริงอาจจะพลาดอะไรไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ชีวิตที่แหว่งและขาดวิ่น ในวันหนึ่งก็จะมีอะไรบางอย่างมาเติมเต็มให้สมบูรณ์...ฉันเชื่ออย่างนั้น เป็นอีกครั้งที่พี่หน้านิ่งหรือพี่เทพ ร้านเฟม(ท่าพระจันทร์) ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง
ฉากวันอาทิตย์ : La Vie En Rose
หนังฝรั่งเศสที่แปลว่า ชีวิตบนกลีบกุหลาบ หรือ Life is wonderful ก็ได้ เป็นชีวประวัติของนักร้องผู้หญิงในตำนานของฝรั่งเศส Edith Piaf เธอมีชีวิตที่โชกโชน เจ็บปวด แต่กระนั้นเธอก็ยังสามารถยืนหยัดขึ้นมาและโด่งดังมากด้วยเสียงร้องอันทรงพลังของเธอในที่สุด แต่ชีวิตกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด เมื่อทั้งชีวิตเธอเลือกทางที่จะใช้ชีวิตในแบบของเธอเอง
ความเห็นส่วนตัว : แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตโลดโผน หยิ่งยโส และไม่ทะนุถนอมเกินไปสักหน่อย แต่ฉันก็รู้สึกชอบเธอเหลือเกิน ชอบเพลง ชอบเสียงร้อง ชอบหนัง ชอบความหดหู่ของหนัง ชอบความรุ่งเรืองของชีวิต ชอบความตกต่ำหลังจากสูงสุด ฉันชอบความเป็น 'ชีวิต' ที่หนังสื่อออกมาได้อย่างดี เป็นธรรมชาติและเป็นชีวิตหนึ่งชีวิตเท่านั้นเอง
เพลงที่ Edith Piaf ร้องในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเธอ คือ เพลง "Je ne regrette rien" : ไม่เลย ฉันไม่เสียใจเลยสักนิด แม้ว่าชีวิตเธอจะยับเยินอย่างไร แต่เธอก็ไม่เสียใจกับอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบาดแผล ความทรงจำ หรือว่าความสุข เธอก็ไม่เสียใจกับอะไรเลย...ฉันชอบเพลงนี้ที่สุดแล้วล่ะ นอกจากการออกเสียงชัดเจนอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของเธอ เธอยังบอกฉันออกมาได้ดีว่า ไม่ควรจะเสียใจกับเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
หมายเหตุ : หวังว่าโครงการใหญ่ของดุ่บดั่บ ๆ จะชดเชยความผิดที่ทำไว้คราวที่แล้วได้นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นนี้ด้วยกันทุกคนนะคะ สำหรับหัวข้อต่อไป จะมาในหัวข้อว่า "สายน้ำ" ค่ะ
หากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นต่อไปกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ -ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้ -เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์ -อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคมนี้ เวลาใดก็ได้ -เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ
ย้อนอ่านโครงการ ::ถนนสายนี้...มีมิตรภาพ:: คลิกได้ค่ะ
รายชื่อผู้ร่วมโครงการ ::BeCoffee:: ::nikanda:: ::นางสาวดุ่บดั่บ:: ::ปีศาจความฝัน:: ::Artagold:: ::Songpee:: ::นัทธ์:: ::Summer Flower::
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ หวังว่าจะได้ร่วมเดินทาง ในถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรนี้ด้วยกันนะคะ
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2552 |
|
34 comments |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2552 0:09:32 น. |
Counter : 4980 Pageviews. |
|
|
|
กลับมาก็เขียนให้อ่านจุใจเลยนะคะ เปิดโลกทัศน์สำหรับคนที่ยื่นจดหมายลาจากหนังไปนานพอสมควร
ยังไม่ได้สมัครกันใหม่เลยค่ะ อิอิ
หม่นเหรอบล็อกโน้น แหะๆ ขอแบบนี้มันปิดกันไม่มิด
รู้อย่างเดียวว่าเขียนแล้วรู้สึกดีขึ้นก็แล้วกัน
เข้าทำงานงานเขียนบำบัด หรือเขียนเอาใจคนเขียนอีกแล้วครับท่าน
เรื่องเตรียมตัวเรียนเป็นไงบ้างคะ
รู้กำหนดการหรือยัง คิดถึงค่ะ
อุ๊ยๆ เกือบลืม อ้อนชอบไอเดียบล็อกวันนี้ของหลายๆ คนมากเลยค่ะ
หนึ่งในนั้นคือปอยด้วยเพราะว่าได้อ่านอะไรที่ไม่คาดคิดไว้มากเลยค่ะ
คลายเครียดต้องอีโมนี้