'*^-+...ไม่มีอะไรงดงาม เท่าความสงบสุข...+-^*'
ช่วงเวลากลางคืนที่แสงดาวโปรยปรายประดับท้องฟ้า เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุดของวัน โดยปกติแล้ว ฉันไม่ใช่คนมีปัญหาการนอนไม่หลับ หัวถึงหมอนเมื่อไหร่เป็นต้องฟุบไปไม่ทิ้งเวลาให้ฟุ้งซ่านเสียนานเกิน แต่กับคืนวันนี้เป็นคืนที่แปลกประหลาดกว่าปกติ จะว่าเพราะเสียงหมาข้างบ้านเห่าก็ไม่ใช่ เพราะมันก็เห่าอย่างนี้ทุกวัน หรือจะว่าเป็นเพราะคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจากหน้าต่างจึงสว่างกว่าวันอื่นก็เปล่า เพราะแม้แต่แสงแดดตอนเช้ายังไม่ระคายหนังตาฉันเลยสักนิดหลังจากพลิกไปพลิกมามากกว่าร้อยตลบ กอดหมอนหมูสีชมพูตัวโปรดก็แล้ว ทำสมาธิหายใจลึก ๆ ไปก็แล้ว นับแกะนับเต่านับไก่ไปหมดทั้งไร่ก็แล้ว ก็ยังคงตาค้างตึง ทั้งที่ความรู้สึกก็ง่วงงุนหน่อย ๆ และไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัวทำให้ต้องเก็บมานอนก่ายหน้าผากแต่อย่างใด เป็นที่แปลกใจกับตัวเองเป็นนักหนาว่าอาการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใจก็พาลเตลิดไป 'หรือว่าเราจะแก่แล้ว!'ฉันเหลือบตาไปดูนาฬิกา ตี 1 กว่าเข้าไปแล้ว นั่นแปลว่าฉันเข้านอนมา 2 ชั่วโมงกว่าแต่ไม่ได้หมดเวลาไปกับการพักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น ฉันจึงลุกขึ้นมานั่งและเปิดไฟหัวเตียง หยิบ 'เพชรพระอุมา' เล่ม 21 ออกมาอ่าน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายิ่งจะทำให้ไม่ได้นอนกันไปใหญ่ขลุก!เสียงอะไรสักอย่างหล่นอยู่นอกห้องนอนทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัว เงยหน้าจากการเดินทางค้นหาเนินพระจันทร์ของรพินทร์ ไพรวัลย์แล้วเหลือบตามองไปที่ฝาห้อง หมายจะมีตาวิเศษมองทะลุกำแพงแบบซูปเปอร์แมนจะได้ไม่ต้องลุกออกไปยามมืด ๆ แบบนี้ ฉันหลอกตัวเองว่าอาจจะหูแว่วไปเองหรือใครสักคนเอาหินขว้างหมาข้างบ้านที่เห่าพร่ำเพรื่อให้ตายคาที่กุก กุก กุก กุก กุกก!! เสียงวิ่งกุก ๆ ดังชัดเจนให้ขนลุกซู่...ชัดล่ะ โดยไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างใด ต้องมี 'อะไรบางอย่าง' อยู่นอกห้องนอนแค่ฝากั้นนั่นแน่ ๆ ฉันชั่งใจอยู่กว่า 5 วินาทีว่าจะออกไปดูดีไหม 'ถ้าเป็นขโมยขึ้นบ้านล่ะ ฉันจะได้รีบแจ้งตำรวจ แต่ถ้าออกไปดูแล้วมันข่มขืนฉันล่ะ เอาน่า ฉันยังหนีทัน นี่มันบ้านฉันเอง...แต่แล้วถ้าไม่ใช่ 'คน' ละ?'พอ ๆ ชักจะฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ นี่มันบ้านฉันเองนะ อยู่มาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว จะมีอะไรได้ยังไง ฉันจึงกลั้นใจ เป็นไงเป็นกัน เดินออกไปเปิดประตูห้องนอนและฝ่าความมืดไปยังสวิตช์ไฟหน้าห้อง ตึง! ระหว่างที่ไฟยังไม่ทันจะติดดี เสียง 'อะไรบางอย่าง' ที่ว่าก็ดังมาอีกครั้ง แทนที่ฉันจะวิ่งโล่อย่างไม่คิดชีวิตกลับห้องนอนและเอาหัวมุดผ้าห่ม ฉันกลับยืนตัวแข็งอยู่หน้าสวิตช์ไฟอย่างช่วยไม่ได้ ตาพลางเหลือบมองขึ้นไปบนเพดานหมายจะให้ตัวเองมีตาซูปเปอร์แมนอีกครั้ง เพราะคราวนี้แน่ใจแล้วว่า เสียงประหลาดยามดึกนี้ มาจากด้านบนบ้านของฉันเองฉันขาแข็งก้าวเดินไม่ออก ได้แต่เหลือบตามองแต่บนนั้นซึ่งทิ้งร้างไว้เป็นห้องเก็บของ อันเป็นสถานที่อโคจรของคนในบ้านมาแต่ไหนแต่ไร ใจนึงก็ลังเลจะขยับไปปลุกน้องชายที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ห้องติดกัน แต่ใจนึงก็กำลังข่มจิตจะขยับไปหยิบไฟฉายแล้วกลั้นใจเดินขึ้นไปสำรวจด้วยตัวเอง ตอนนี้ใจฉันไม่ใฝ่ถึงโจรข่มขืนแต่ประการใด มุ่งไปที่อีกข้อสันนิษฐานเพียงอย่างเดียว'ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับแล้วนิคืนนี้ ให้มันรู้กันไปเลยว่าดึก ๆ ดื่น ๆ ที่บ้านมี 'สิ้งลี้ลับ' มาอยู่ตอนทุกคนนอนหลับ' ฉันนึกรำพึงกับตัวเองที่นอนไม่หลับและปลุกใจให้ตัวเองฮึกเหิมไปพร้อมกัน คิดได้ดังนั้นจึงคว้ากระบอกไฟฉายอันโตติดมือขึ้นไปด้วย เพราะไฟดวงของห้องเก็บของที่ติดพร้อมใช้งานอยู่ด้านใน ซึ่งมืดมิดเกินไปที่จะฝ่าดุ่มเดินโดดเดี่ยวขึ้นไปในเวลากลางคืนแต่เพียงผู้เดียวตั้บ ตั้บ ตุ้บ!เสียงกล่องกระดาษหล่นระเนระนาดอยู่ตรงหน้าฉันอีกเพียงไม่อีกก้าวก็จะขึ้นไปถึงชั้นเก็บของ ฉันหยุดชะงักกึกให้เวลาขนในส่วนต่าง ๆ ของตัวเองได้เรียงให้เป็นระเบียบอีกครั้งเสียก่อน 'นอนอ่านเพชรพระอุมาดี ๆ ไม่ชอบ ไอ้บ้าเอ๊ย...ริอ่านทำอะไรของแกวะ!' ฉันก่นด่าตัวเองต้องยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยจะทำใจกล้าขนาดนี้มาก่อน แต่ก็ต้องโทษการนอนไม่หลับไม่นั่นแหละเป็นเหตุ ที่ทำให้จิตเตลิดเปิดเปิงและคิดจะทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้ ฉันก้าวขาที่สั่นน้อย ๆ ส่องไฟไปข้างหน้า เห็นกล่องเก็บของและลังกระดาษกองพะเนินอย่างไร้ระเบียบระบบ กลิ่นฝุ่นอับ ๆ โชยเข้าจมูกกึก ระยะสายตาฉันมีแค่วงไฟที่ส่องจากไฟฉายกระบอกนั้น แม้จะเป็นคืนเดือนหงายแต่ว่าห้องนั้นก็ดันไม่มีหน้าต่าง!ฉันพยายามจะเดินไปที่สวิตช์ไฟที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในเพื่อขับไล่บรรยากาศที่ขมุกขมัวอยู่ในขณะนี้ หวังเพียงว่าแสงไฟจะได้พิสูจน์อะไร ๆ ออกไปได้กับตาตัวเองเลยว่า ที่แท้แล้วก็ไม่มีอะไร สวิตช์ไฟอยู่เพียงตาเห็น เสียงกระบอกไฟฉายของฉันดัง 'แพล่บ แผล่บ' แล้วแสงอันเป็นสายตาเพียงอย่างเดียวของฉันก็ดับวูบลงวูบบบ!อะไรบางอย่างผ่านด้านหลังฉันไปอย่างรวดเร็วจนฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจน ฉันร้อง "ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก" ออกมาดังลั่นอย่างลืมตัวด้วยความกลัวสุดขีดจากจิตใต้สำนึกที่สั่งสมมา พลางออกวิ่งสะเปะสะปะอย่างไม่ลืมหูลืมตาไปที่สวิตช์ไฟอันหมายตาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนไฟฉายเจ้ากรรมจะดับลงพรึบ!ไฟสีขาวติดขึ้น ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ฉันยืนหอบหืด มือยังแปะอยู่ที่สวิตช์ไฟแบบขยับเขยื้อนไม่ได้ สติเริ่มกลับมาที่ตัวแต่ยังรู้สึกถึงขนบนหัวที่ยังซู่ ๆ ซ่า ๆ แสงไฟทำให้ห้องเก็บของชั้นบนของบ้านเป็นที่ที่คุ้นเคยขึ้นมา มองเห็นลังกระดาษที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดหล่นลงมาตามเสียงที่ฉันได้คาดคะเนไว้ และกระบอกไฟฉายที่ฉันปล่อยหลุดมือไปตอนร้องโวยวายกลิ้งขลุก ๆ อยู่ไม่เกิน 1 เมตร ความรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่หน้าแข้งคงเพราะเมื่อกี้วิ่งแหกปากในความมืดไปเตะเอาโต๊ะตัวเตี้ยที่พื้นเข้าวืบบบ!ยังไม่ทันได้สติคืนมาเต็มที่ 'อะไรบางอย่าง' ที่สัมผัสได้มาอยู่ที่เท้าของฉันนี่เอง รู้สึกได้ถึงไออุ่น ๆ ขยับไปขยับมา ฉันยืนตัวแข็งทื่อ หมดเสียงจะร้องออกไปอีกแล้ว คิดได้อย่างเดียวว่า ฉันคงเจอดีเข้าให้แล้ว โทษฐานที่ลองของในคืนนอนไม่หลับ ตอนนี้ฉันหลับตาปี๋ บทสวดมนต์ที่สวดทุกเช้าสมัยเรียนประถมพรั่งพรูออกมาผิด ๆ ถูก ๆ ............."เจ๊...ดึกแล้วนะ มายืนร้องโวยวายอะไรตรงนี้เนี้ย"เสียงของน้องชายฉัน...ใช่! ไม่ผิดแน่ ๆ ไม่ใช่หูฉันเพี้ยนไปแน่ ๆ ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ปากยังขมุบขมิบอยู่กับบทสวดมนต์ที่ไม่รู้เรื่อง ลืมตาขึ้นมาเต็มตาเห็นน้องชายของฉันมีแววขุ่นเคืองในตาผสมความงัวเงีย แต่ดูท่าว่าอย่างแรกจะมากกว่าโทษฐานที่มีเสียงของพี่สาวปลุกขึ้นมากลางดึก แต่ฉันมองน้องชายด้วยสายตาชื่นชมประหนึ่งมีฮีโร่เข้ามาช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายไว้ "คนจะหลับจะนอน มาเล่นแมวอะไรตอนกลางคืนเนี่ย"ฉันก้มลงไปดูที่ขา แมวลายตัวใหญ่ขยับยืนขึ้นแล้วเดินมาเบียดขาฉันไปมา พลางมองขึ้นมาหาฉันแล้วร้อง "เมี๊ยววว" "ไอ้ใบ้ เป็นใบ้หรือไงฟร่ะ ทำไมแกไม่ร้องตั้งนานแล้ววะ!" ฉันตวาดแว้ดลงไปที่แมวตาใส ๆ อย่างหาตัวนักโทษของเรื่องราววุ่น ๆ ทั้งหมดได้แล้ว พร้อมลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันหันหลังกลับไปยังลังกระดาษด้านหลัง ลูกแมวตัวน้อย ๆ 3 ตัว สีดำและสีลายเสือนอนขดตัวกันอยู่อย่างตกตะลึง เจ้าใบ้ที่ฉันเรียกกระโดดเข้าไปในลังกระดาษเปล่า ลูก ๆ ของมันรี่เข้ามาซุกอกแม่"นี่มันฟูนี่เจ๊..." น้องชายหันมาพูดกับฉันแล้วก็หันไปพูดกับแมว "นังฟูเอ๊ย! หายหัวไปตั้งชาตินึงไม่โผล่มาให้เห็น พอจะคลอดลูกทีก็กลับมาคลอดบ้านเราทุกที" น้องชายฉันบ่นด่าแมวชื่อฟูที่เคยมาอาศัยอยู่บ้านฉันเมื่อนานมาแล้ว พลางก็ปรายตาไปเอ็นดูแมวน้อยสามตัวที่กำลังน่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ ในกล่องลัง "ยังมาทิ้งทายาทไว้อีกนะแก ทำเหมือนแม่แกไม่มีผิด!""ว่าแต่เจ้...มายืนกวนแมวให้นมลูกยังไม่พอ ยังส่งเสียงเอะอะโวยวายกวนคนจะนอนอีก รู้ไหมเนี่ยว่ามันดึกแล้ว!"ฉันสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองหน้าน้องชายอย่างไม่อยากจะสู้หน้านัก อับอายขายขี้หน้าและรู้สึกผิดอย่างที่สุด พลางฝืนยิ้มแหย ๆ อย่างที่แหยที่สุดเท่าที่จะเคยยิ้มมา และส่งเสียงลอดไรคอออกไปดังว่า "แหะ แหะ แหะ" "พอดี เจ้กินกาแฟเข้าไปตอนเย็น เลยนอนไม่หลับอ่ะแก แหะ แหะ แหะ แหะ"ที่แท้ก็เป็นเพราะอุตริไปกินกาแฟเอาตอนเย็นนี่เองฉัน!
รายชื่อผู้ร่วมโครงการ ::BeCoffee::::nikanda::::กะว่าก๋า::::Unravel::::Artagold::::Paulo::::บุยบุย::::ส้มแช่อิ่ม::::inmemoir::::nulaw.m::::ขอรบกวนทั้งชุดนอน::::ปีศาจความฝัน::::ปณาลี::::นัทธ์::::แมงโกชิดเด:: ::tempopo:: ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ หวังว่าจะได้ร่วมเดินทาง ในถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรนี้ด้วยกันนะคะ
อย่างงี้ต้องเจิม ^^