Born for what? .. เราเกิดมาเพื่ออะไร
สวัสดีครับ ขอโทษด้วยถ้าบล็อกที่แล้วจะทำให้หลายๆ ท่านงงว่าผมเป็นอะไร (ฮา) สาเหตุที่หายไปก็เพราะว่า "เสียใจเรื่องความรัก" ผมไม่อยากใช้คำว่าอกหัก เพราะเราทั้งคู่ก็ยังรักกันอยู่ เพียงแต่เรามีคุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตอยู่ร่วมไม่เท่ากัน เรื่องจึงลงเอยแบบนี้ ตอนนี้ผมก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ตามให้กำลังใจนะครับ
ส่วนเรื่องไปแลกเปลี่ยน วันที่ 17 ก.ค. จะสัมภาษณ์วีซ่า แอบตื่นเต้นนิดหน่อย ผมอาจจะเลื่อนกำหนดเดินทางเร็วขึ้น เพราะหอที่จองไว้ย้ายเข้าได้ตั้งแต่ส.ค. แต่กะจะรอให้งานรับปริญญาวันที่ 6 ก.ย. ผ่านไปก่อน ได้วันเดินทางแน่นอนจะบอกอีกทีนะครับ เผื่อมีท่านไหนอยากตามไปส่งที่สนามบิน อิอิ - - - - -
อย่างที่ทราบกันว่า ผมไม่ได้ลงทะเบียนในเทอมนี้ แต่ไปนั่งเรียนกับเพื่อน ตอนนี้วิชาเดียวที่ยังไปเรียนอยู่ก็คือ RE286 - กรรมฐานแนวพุทธ ปกติเราก็จะเรียนทฤษฎี แล้วก็ลงมือปฏิบัติท้ายคาบ แต่เมื่ออาทิตย์ก่อน อาจารย์พานักเรียนไปกราบพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เดินจากท่าพระจันทร์ไปวัดมหาธาตุ กราบพระท่านแล้วก็แยกย้ายกันกลับ แต่พวกเราก็ได้หนังสือติดไม้ติดมือมาด้วย ชื่อว่า "การเจริญสติ ด้วยวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฎฐาน4" ข้อความที่ปกหลังน่าสนใจมาก เลยเอามาฝากทุกท่านครับ
เราเกิดมาเพื่ออะไร
เราไม่ได้เกิดมา เพื่อแสวงหาความสำเริงสำราญให้กับชีวิตไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น เราไม่ได้เกิดมา เพื่อลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในรสอร่อยของโลก คือ กิน กาม เกียรติ เราไม่ได้เกิดมา เป็นทาสของชีวิต เราไม่ได้เกิดมา เพียงเพื่อ ศึกษาเล่าเรียน ทำงานทำการ ตั้งหลักปักฐาน มีครอบครัว มีลูกมีหลาน แล้วก็แก่ แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตายไป ถ้าเราเกิดมาเพียงแค่นั้น ก็เท่ากับว่า เกิดมาเพื่อเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสารเท่านั้น เป็นเหยื่อหนอนไปชาติหนึ่งๆ ไม่พ้นโลกนี้ไปได้ แม้จะมั่งมีเงินทองสักปานใดก็ไร้ความหมาย
แต่เราเกิดมาเพื่อที่จะปลดเปลื้องพันธนาการโซ่ตรวน เครื่องร้อยรัด ที่ผูกมัดจิตใจของเราไว้ ไปสู่ความอิสระ เพื่อปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากอำนาจ ความครอบงำ ของกิเลส ตัณหา เพื่อพัฒนาชีวิต และจิตวิญญาณให้สูงขึ้น เจริญขึ้นสู่ฐานะอันสูงสุดเท่าที่จะขึ้นถึงได้ นั้นคือการทำให้จิตใจบริสุทธิ์ ข้ามแดนแห่งความมืดมนของชีวิต
เพื่อเข้าถึงจุดจบของชีวิต ที่สุดแห่งทุกข์ พระนิพพาน
. . . . . . . .
ถึงที่รัก
ฉันไม่ได้อยากครอบครองเธอเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้รักเธอเพราะนิสัยภายใน ความรักของฉันไปไกลกว่านั้น ฉันไม่อยากเห็นเธอมีความทุกข์ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ในเมื่อตัวฉันเองยังก้าวไปไม่ถึงไหน ฉันก็จะไม่บังคับให้เธอเดินไปด้วย หากวันหนึ่ง ที่สองเท้าฉันมั่นคง สองตามองเห็นจุดหมาย กายและใจแข็งแรงพอจะดึงมือเธอได้ วันนั้นฉันจะกลับไปหาเธอ ..
เราอาจจะพบและจากกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก่อนที่ความไม่รู้ของเรา จะพาให้พลัดหลงไปอีกคราว ฉันจะใช้ชีวิตนี้ พยายามมากกว่าทุกครั้ง เพื่อเราทั้งสอง จะได้ไม่เดินอย่างไร้จุดหมายในวงกลมวงนี้อีก เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ
ปรารถนาดีเสมอ ฉันเอง
Create Date : 11 กรกฎาคม 2550 |
|
11 comments |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 11:22:02 น. |
Counter : 1026 Pageviews. |
|
 |
|