Sarlat
คือเมืองสวยงามแห่งแรกที่เราแวะกันคิดว่ามานอกฤดูท่องเที่ยวคนคงจะไม่มาก ที่ไหนได้ที่จอดรถในเมืองล้นจนต้องออกมาจอดริมถนนด้านนอก จากนั้นก็เดินตามไกด์กิติมศักดิ์มิเชล...เพราะแกเคยมาเดินที่นี่เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ..
บ้านเมืองแบบเก่าแก่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ดูแข็งแรงบึกบึน แต่ที่ทำให้มีเสน่ห์คือดอกไม้มากมายโดยเฉพาะดอกกุหลาบหลากสี ที่ปลูกกันรอบบ้านให้มันเลื้อยไปตามผนังตึกไม่ว่าจะเป็นสีขาว เหลือง ชมพู แดง ส้ม มีกลิ่นหอมมั่ง ไม่หอมมั่งดมกันไม่หวาดไม่ไหว ทำให้ตึกหนาหนัก ดูอ่อนหวานขึ้นมาเยอะทีเดียว
ที่สวิส ฯ เราจะคุ้นตากับชาเลย์ตามเชิงเขากับระเบียงบ้านที่ปลูกดอกไม้หลากสีห้อยไว้ ยาวเป็นแนวทอดไปตามระเบียงบ้านในหน้าร้อนดอกไม้แข่งกันออกดอกสวยเหมือนอยู่ในสวรรค์...บนดินที่นี่ก็มีเสน่ห์ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เช่นกัน มิเชลบอกว่า เขตนี้ในหน้าร้อนอากาศจะร้อนมากบ้านที่สร้างด้วยหินจะช่วยลดความร้อนได้เป็นอย่างดีแต่หน้าหนาว...ก็หนาวจนถึงกระดูก จึงได้มีปล่องไฟกันทุกบ้านเพราะมีเตาผิงที่ใช้ฟืนจากไม้ในป่านั่นเอง ถึงเวลาตัดไม้ชาวบ้านจะพากันไปตัดมาเก็บไว้โดยเรียงกันอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เวลารถขับผ่านเมืองต่าง ๆเราจะเห็นภาพฟืนเรียงกันเป็นตับจนคุ้นเคยกับสายตา
กลับมาเดินรอบเมืองกันต่อ...เมืองนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด นับจากที่เห็นก่อนเข้าตัวเมืองมีห้างใหญ่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่สองสามแห่ง มีบริษัทขายรถยนต์ มีร้านค้ามากมายแน่นอนที่ลุงแมค ฯ ก็มาเปิดขายกับเขาด้วยเมืองนี้คึกคักกว่าที่เห็นกันโดยปกติสำหรับเมืองรอบนอก ที่แปลกอีกอย่างคือมีบริษัทขายบ้านมากมายเต็มไปหมด....เพราะ..ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศตากแดดสำหรับชาวอังกฤษ...เนเธอร์แลนด์ ..ด้วยการเดินทางที่สะดวกทั้งทางรถยนต์และสายการบินราคาไม่แพงมากทำให้มีคนอังกฤษมาซื้อบ้านหลังที่สองไว้หลบหนาวที่นี่มากมาย ตามร้านค้าต่าง ๆมีเขียนทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ร้านอาหารบางแห่งเป็นของชาวอังกฤษด้วยซ้ำไปแปลกใจมากที่เดียวสำหรับแม่บุญ
เราเดินกันไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิ 30 ° cแต่ไม่มีเหงื่อเพราะไม่ใช่เขตร้อนชื้นเหมือนทางแถบเอเชียแบบบ้านเราทำให้ไม่เหนียวตัว อาหารจานหลักที่มีขึ้นป้ายแทบทุกร้านคือผลิตภัณฑ์จากเป็ดตับเป็ด ฟัวกราส์ในกระป๋อง กึ๋น..ใช้ทำสลัดอร่อยอย่าบอกใคร มิเชลชอบมากส่วนขนมจำชื่อไม่ได้ เพราะมีเยอะเหลือเกิน ดูกันจนมึนไปหมด ...
เสียงพูดภาษาอังกฤษดังมาเรื่อยๆ จากนักท่องเที่ยว ร้านไหนที่พนักงานพูดได้หลายภาษาดูจะได้เปรียบทีเดียวด้วยค่าครองชีพที่ถูกกว่าที่อังกฤษ อาหารการกินอร่อยกว่า อากาศดีกว่า และไม่ไกลแค่นี้ก็กินขาดแล้ว
เดินดูกันจนหน่ำใจแม่บุญอดไม่ได้บอกให้มิเชลย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เถอะ ชอบเพราะมันมีชีวิตชีวาได้พูดหลายภาษา แต่อาเฮียเดินหนีไปเฉย ๆ เลยต้องวิ่งตามตูดแกไปขึ้นรถ...ไปเมืองต่อไป
ขับรถไปไม่นานก้ไปถึงเมืองสวยอีกแห่งที่ชื่อ Belvès« The village of the Seven Towers »ที่ตั้งอยู่บนเชิงเขา บ้านเรือนเป็นตึกทำจากหินเช่นกันแม่เมืองนี้ดูเงียบสงบกว่าเมืองแรกมาก แทบจะไม่มีคนออกมาเดินนอกบ้านกันเลยคิดเอาเองว่าอากาศมันร้อนกระมังเขาถึงอยู่กันแต่ในบ้าน ใจกลางหมู่บ้านมีลานใหญ่และห้องโถงใหญ่เอาไว้เวลามีงาน หรือมีตลาดนัด ตอนนั้นจึงจะคึกคักเพราะชาวไร่ชาวนาเอาผลผลิตมาขายกันด้วย
หกโมงเย็นหากเป็นบ้านเราตะวันคงตกดินกันแล้ว แต่ที่นี่แสงแดดยังจัดจ้า เราสองคนมองหาที่พักผ่านสี่แยกในเมืองเห็นโรงแรมสองสามแห่ง เข้าไปดูแห่งแรก คืนละ 55 ยูโรไม่มีอาหารเช้า แต่แดดส่องห้องตรง ๆ กว่าจะคลายความร้อนคงรุ่งเช้าพอดีเลยไปดูแห่งที่สอง ..ห้องใหญ่กว่านิดหน่อย แต่กลิ่นอับ ๆ ที่ตามมาทำให้บอกแบบไม่เต็มปากนักว่าแล้วจะกลับมาดูใหม่ จากนั้นก็ไปดูอีกที่ติดกันห้องเล็ก ๆ อับ ๆ ดูแล้วก็เดินลงบันไดมาเลย มิเชลรีบบอกว่าแล้วจะคิดดูอีกที ....
เราเดินไปที่จอดรถพอดีเจอชาวบ้านแถวนั้นพาหมาออกมาฉี่ เลยได้ถามกัน ว่ารู้จักที่พักที่ไหนบ้าง ?เธอแนะนำให้ไปที่พักชาวมอร็อคกัน...มิเชล..ไม่ชอบ เลยขับรถย้อนไปอีกทาง เจอป้ายว่าห้องพักให้เช่าแกขับเลยไปบอกว่าแพงเพราะเห็นมีดาว...แม่บุญเถียงว่าไม่ใช่ดาวแต่เป็นจุดไข่ปลาตกลงแกเลยต้องขับย้อนกลับให้แม่บุญไปดูลาดเลา ...
บ้านใหญ่แบบสมัยเก่าข้างหน้า ดูเงียบเหงาแม่บุญเดินไปถึงสนามหน้าบ้าน เจ้าของบ้านผู้ชายเดินออกมาทักทายเลยถามว่าคืนนี้มีห้องว่างหรือเปล่า แกบอกว่ามีแต่บอกราคาผิดเสียงภรรยาซึ่งยืนมาองอยู่ชั้นสองตะโกนบอกราคาใหม่ แม่บุญขอขึ้นไปดูห้องก่อนจากนั้นก็เดินตามก้นเจ้าของบ้านไปดูห้อง ๆ ที่เห็นมีว่างสามห้อง สามสไตส์..แม่บุญชอบห้องกว้าง ๆ ห้องน้ำใหญ่ ๆ อีกสองห้องเลยยกให้แขกอีกสองคนที่จะมาตอนดึก..ตกลงคืนนี้เราได้ที่พักสะอาด ราคาปานกลาง 48 ยูโรต่อคืนรวมอาหารเช้าสำหรับสองคน เราไปเดินเล่นเมืองให้เวลาเจ้าของบ้านจัดการห้องให้สะอาดแล้วจึงกลับมานอน มิเชลชอบห้องที่นี่มาก เพราะสะอาดเอี่ยมดีกว่าโรงแรมที่ไปดูทั้งสามแห่ง นี่ถ้าพักที่โรงแรมเราคงเสียดายที่นี่น่าดู ...
รุ่งเช้า ...อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาที่ห้องโถงโต๊ะอาหารถูกจัดไว้อย่างสวยงาม อาหารเช้าเต็มโต๊ะ มาดามเธอทำแยมเองอร่อยอย่าบอกใคร
มิเชลถามว่ามีแขกเยอะไหมเธอบอกว่าพึ่งทำจัดเลี้ยงแบบเหมาบ้านสามคืนสามวันสำหรับงานแต่งงานส่วนหน้าท่องเที่ยวหากไม่จองมาก่อน ก็ชวดนะจ๊ะ มาดามแม้จะอายุมากแต่ก็ดูมีความสุขกับการทำกิจการแบบนี้ ห้องพักแบบนี้ที่ฝรั่งเศสนิยมกันมาก ขออธิบายสักนิดว่า...
B&Bหรือ chambres d hôtels
เป็นห้องพักที่เจ้าของบ้านทำห้องพักในบ้านให้นักท่องเที่ยวมาพักได้ราคาที่พักขึ้นอยู่กับหน้าท่องเที่ยวหรือไม่ด้วย ห้องพักสำหรับบ้านที่ทำดี ๆจะน่ารักมาก สะอาดกว่าพักตามโรงแรม ซึ่งส่วนมากจะเก่าแก่..ไม่ค่อยได้ปรับปรุง บางทีกลิ่นอับมากแถมราคาแพงกว่าหลายสิบยูโร หากเจอเจ้าของบ้านใจดี จะพูดคุยกันอย่างถูกคอ เหมือนที่เราไปพักกันหลาย ๆที่ อาหารเช้า...อร่อยสุด ๆ เพราะเป็นอาหารที่เจ้าของบ้านทำเอง เช่นแยมผลไม้ตามฤดูกาล ผัก ผลไม้ ในครัวเรือน ขนมปัง ขนมเค้ก โฮมเมด กินกันแบบไม้อั้นแต่ก็มีเช่นกัน ที่ ๆ พักไม่สะอาด อาหารเช้างั้น ๆ มีแค่ไม่กี่อย่าง ในที่นี้อาหารเช้าแบบยุโรป ไม่ได้มีแฮม ไข่ดาว ฯลฯ จะมีก็แต่ ชา กาแฟ ขนมปัง ครัวซองส์แยมผลไม้ต่าง ๆ น้ำผลไม้ ผลไม้สด เช่น กล้วย แอปเปิ้ล ฯลฯ แล้วแต่ฤดูกาล ซึ่งเรียกแบบสากลว่า Continental breakfast แบบที่มีแฮม ไข่ดาว ชีส จะเป็นแบบ Americanbreakfast หรือ English Breakfastมีของกินเต็มโต๊ะ ..กินกันจนจุกไปข้าง ราคาที่พักสำหรับห้องแบบนี้ จะมีตั้งแต่ระดับราคา 45 ยูโร ขึ้นไป ต่อห้องต่อคืน ช่วงนี้เราเจอแต่ 48 ขึ้น ซึ่งถือว่าราคาถูกแล้ว สำหรับยุโรป
______________________
เมืองสวยน่าสนใจดีจริงๆ แต่ปีนี้เราจะไปอิตาลีกัน เพราะไม่ได้ไปมานานมากแล้ว อยากเล่นน้ำทะเล อิอิอิ