เสียงเพลง...ยามดึก !!!
เสียงเพลง...ยามดึก เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่อาจจะต้องใช้วิจารณญาณเหมือนที่ กบว. เขาชอบใช้คำนี้อยู่บ่อย ๆ และเรื่องนี้ก็เกิดมานานจนแม่บุญเกือบจะลืมไปแล้วด้วย วันดีคืนดีนึกขึ้นได้เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง ปลายปี 2004 เป็นปีแรกที่แม่บุญมาเหยียบย่างบนผืนแผ่นดินประเทศเบลเยียม ตามสามีมาไง ตอนแรกมาเที่ยวก่อนสามเดือนเพราะประเทศนี้เขาไม่ยอมให้แต่งงานเลย ต้องดูใจกันก่อนว่าชัวร์แน่นะ ไม่เปลี่ยนใจอีกนะ ค่อยว่ากันอีกที กฏหมายเรื่องแต่งงานของประเทศนี้ยุ่งยาก น่าสนใจทีเดียว แต่ไม่เล่าหรอก ไม่ถนัดเรื่องกฏหมายเดี๋ยวพูดผิด ๆ ถูก ๆ จะถูกเขาฟ้องเอา..ใครที่มีแฟนเป็นคนเบลเยียมคงจะรู้ดี เอาเป็นว่าแม่บุญบินมาเยียมแฟน...สามีคนปัจจุบันนั่นและ ไม่ใช่กิ๊กที่ไหนหรอก บ้านที่สามีอยู่เป็นอพาร์เม้นท์ขนาด 100 ตารางเมตร เป็นแบบชั้นลอยสองชั้น เปิดโล่ง หน้าต่างห้องนั่งเล่นสูงจรดพื้น มองเห็นวิวข้างหน้าแบบไม่มีอะไรบดบัง เพราะสามีชอบบ้านที่โปร่ง ๆ ไม่อับแสง ห้องข้างบนเป็นห้องนอน ข้างล่างไต่กระไดลงมาเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว รับแขก ทำงาน ฯลฯ สาระพัดประโยชน์เนาะ แล้วก็มีโซฟา เก้าอี้หวาย และเก้าอี้แบบพนักพิงสูงโดดเด่น..สามีบอกว่าเป็นเก้าอี้สมบัติเก่าแก่ของคุณยาย ๆ รักมาก ที่สามีขอมาจากพี่ ๆ เมื่อคราวต้องแบ่งสมบัติกันหลังจากคุณแม่เสียชีวิตลง แม่บุญ..มาอยู่นานร่วมสามเดือนโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น วันหนึ่งแม่บุญบอกสามีว่า อยากจะจัดห้องนั่งเล่นใหม่ ขอจัดแบบให้มันนั่งมองออกไปข้างนอกหน้าต่างสบาย ๆ ไม่ต้องนั่งเฉียง ๆ เหมือนที่ผ่านมา สามีตกลง..ชี้นกเป็นหมู หมา กา ไก่ ได้หมดแหละ..ข้าวใหม่ปลามันไง แม่บุญว่าไงฉันก็ว่าเข้าท่าหมดนั่นแหละ .. ได้การ แม่บุญก็จัดซะใหม่หมด ย้ายนั่นเปลี่ยนนี่ เป็นที่ถูกใจของตัวเอง ส่วนคนอื่น..ไม่รู้สิ หลังจากเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ได้อาทิตย์กว่า ก้มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น.... กลางดึกคืนหนึ่ง..กำลังหลับฝันเป็นเรื่องเป็นราว หวังจะซื้อหวยเสียหน่อย อยู่ดี ๆ เสียงเพลงก็ดังกระหึ่มไปทั่วบ้าน ดังประมาณว่ามีงานปีใหม่ เลยทีเดียว แม่บุญ.ฝันค้าง สะดุ่งตื่น สามี..สดุ้งโหย่ง รีบเผ่นลงกระไดลงมาปิดเครื่องเสียงเพราะมันตั้งอยู่ใต้บันไดบ้าน แกบ่นนิดน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บุญเปิดเพลงฟังแล้วไม่ปิดก่อนนอนหรือไง .. แม่บุญบอกว่า..บ้ารึ ฉันมานอนพร้อมเธอ และก็ไม่เคยฟังเพลงก่อนนอนเสียหน่อย สามีก็ว่า แล้วเพลงมันดังได้ไง..ใครจะไปรู้เล่า ?? ตีสามกว่า ๆ เราสองคนสะดุ้งโหย่งอีกรอบ เพราะเพลงดังอีกแล้ว สามีบอกว่า..ไฟมันคงช็อตอะไรสักอย่าง... แล้วก็เดินหัวเสียลงมาปิดอีกครั้ง...คราวนี้เสียงเงียบจนถึงตอนเช้า วันถัดมา...สามีแม่บุญไปทำงาน แม่บุญกลับจากโรงเรียน ๆ ภาษา ไขประตูเข้าบ้าน เสียงเพลงดังกระหน่ำแบบมีงานอีกครั้ง แม่บุญรีบเปิดประตูห้องเข้ามาปิดแทบไม่ทัน กลัวคนข้างห้องมารุมกระทืบฐานทำเสียงรบกวน อะไรกัน..ไฟมันช็อตอีกแล้วหรือ ตอนเย็นสามีกลับมา แม่บุญก็เลยถามว่าแกได้กลับมาบ้านตอนกลางวันแล้วเปิดเพลงทิ้งไว้หรือเปล่า แกบอกว่าจะบ้ารึ..ฉันไปทำงานถึง Luxemburg ขับรถสองชั่วโมง ใครจะบ้ากลับมากินข้าวเที่ยงแล้วกลับไปอีก เออ..ถามโง่ ๆ จริง ๆ ด้วยแม่บุญ คืนนั้นเราสองคนเข้านอนหลังสี่ทุ่มเหมือนทุก ๆ วัน ล้มตัวลงนอนได้ไม่นานกำลังเคลื้ม ๆ เสียงเพลงดังขึ้นมาอีก คราวนี้มิเชลโกรธหนัก ..ลงมาถอดปลั๊กออกหมด ทั้งทีวี ทั้งเครื่องเล่นซีดี เราถึงได้นอนกันได้ถึงเช้าโดยไม่มีเสียงใด ๆ มารบกวนอีก จนถึงเวลาต้องกลับเมืองไทย...แม่บุญกลับแล้วไม่กลับเลย จะขอวีซ่ากลับมาใหม่ เพราะจะแต่งงานชัวร์ ๆ จ้า ระหว่างที่อยู่เมืองไทย วันหนึ่ง..ไปหาเพื่อนรุ่นน้องสถาบันเดียวกัน คุยกันหลาย ๆ เรื่อง เลยบอกให้ดูดวงให้หน่อยว่า ไปเบลเยียมครั้งนี้จะดีไหม ได้แต่งงานสมใจ หรือจะถูกกีดกันเหมือนนิยายน้ำเน่าจากเมียเก่่าแกหรือเปล่า ?? น้อง..เอาวันเดือนปี ไปขีด ๆ เขียน ๆ อยู่นานพอสมควร ก็บอกเป็นฉาก ๆ ราวนิยายเรื่องยาว ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนี้นะ รับรองอยู่กันยันไม้เท้าหัก เออ..ลืมไป ถามหน่อย แม่บุญไปทำอะไรที่บ้านนั้นไว้หรือเปล่า ? มีคนเขาไม่พอใจน่ะ ..หือ..ใครไม่พอใจ ที่บ้านมีสามีแม่บุญอยู่คนเดียว แล้วก็แม่บุญ ตอนนี้อย่าว่าแต่ไม่พอใจเลย ต่อให้เหยียบเท้าแก ๆ ก้ไม่โกรธ ข้าวใหม่ปลามันไงหนู แล้วที่ว่ามีคนไม่พอใจนะ..ใคร ? หนูไม่รู้ เขาติดต่อกับแม่บุญไม่ได้ แต่เขาบอกหนูว่า แม่บุญไปย้ายของ ๆ แก ย้ายอะไรที่ไหน..พี่ไม่ได้ย้ายอะไร .. นึกให้ดี ๆ มันต้องมีสิ เขายืนยัน นั่งยันอยู่ นึก ๆ ๆ ๆ อ้อ..นึกออกแล้ว ก่อนกลับมา พี่จัดห้องนั่งเล่นใหม่ ย้ายเก้าอี้หมดเลย เก้าอี้...ใหม่หรือเก่า ?? เก่า..ของคุณยายสามีพี่เอง .. นั่นไง...เจอแล้วเขาบอกว่าใช่ ไปย้ายที่ของเขาทำไม ? เสียงเพลงที่ดังตอนกลางคืน...ใช่เพราะเก้าอี้นั่นวางใกล้ ๆ กับเครื่องเสียง ..คุณยายประท้วง..เสียงดังจริง ๆ แม่บุญ...นั่งขนลุกโดยไม่รู้ตัว ตอนนั่งรถกลับบ้านคิด ๆ ไป ยังอดขนลุกไม่ได้ คืนนั้น..แม่บุญโทรทางไกลไปหาสามี...คุยกันมากมายเพราะความคิดถึง ก่อนจะวางสายแม่บุญบอกแกว่า.. มิเชล..ฉันอยากขอให้เธอทำอะไรให้สักอย่าง อะไรเหรอ ? ช่วยย้ายเก้าอี้ของคุณยายไปไว้ที่เก่าได้ไหม ? ได้สิ...ทำไมแม่บุญพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหล่ะ ฉันเองก็กำลังคิดอยากจะย้ายกลับที่เดิมเหมือนกัน รู้สึกมีอะไรแปลก ๆ ในใจทั้งวัน ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนกลับจากทำงานแล้ว งั้นเธอก็ย้ายเถอะ..คุณยายเขาคงอยากนั่งที่เดิม ไม่อยากเปลี่ยนที่น่ะ ฉันว่า ตกลงฉันจะย้ายเลยก็แล้วกันนะ หลังจากนั้นสามเดือน แม่บุญกลับมาเบลเยียมอีกครั้ง เก้าอี้ทุกตัวถูกจัดวางในตำแหน่งเดิม มิเชลบอกว่าไม่เคยได้ยินเสียงเพลงกลางดึกอีกเลยตั้งแต่นั้นมา.... ตอนนี้แม่บุญอยู่ที่นี่ได้หกปีแล้ว บางวันไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ตอนกลางวันแสก ๆ แต่มีความรู้สึกเหมือนมีคนมานั่งข้าง ๆ..... มีเพื่อนคนไทยมาเยี่ยมที่บ้าน เขาบอกว่าเหมือนมีคนอยู่อีกคน แต่มองไม่เห็นว่าใคร ถามแม่บุญว่า ..ใครอยู่บนบ้าน ?
อีกครั้ง...เพื่อนต่างชาติผู้หญิงมาบ้าน..ถามว่า ใครอยู่บนบ้าน ? แล้วผู้อ่าน....คิดว่าใคร ??
Free TextEditor
Create Date : 25 มีนาคม 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 12:40:36 น. |
Counter : 1233 Pageviews. |
|
|
|