|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เจ้าพระยากับเมดิเตอร์เรเนียน 3
วันที่ 3 เอเธนส์์ -เจนีวา / สวิสเซอร์แลนด์
จนเช้าตรู่ เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เพราะรีเซฟชั่นโทร มาปลุกตามที่เราได้แจ้งขอไว้เมื่อตอนก่อนนอน เพราะกลัวเกิดการตกเครื่องบินเหมือนเมื่อวานนี้อีก เรา 3 คนรีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปทานอาหารเช้าตามเวลา เพื่อรอรถของสายการบินที่จะมารับในตอน 8 โมงเช้า ซึ่งเขาก็มารับตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน
เราไปถึงสนามบินก่อนเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงซึ่งก็ดีกว่าที่จะช้า จากนั้นก็เดินหาเคาร์เตอร์ Check in ซึ่งตั้งเรียงรายเป็นแถวยาว แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้าแต่ก็มีผู้โดยสารค่อนข้างมาก คงเป็นเพราะเป็นสายการบินที่บินระหว่างเมืองต่างๆ ในยุโรป ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เลยมีทั้งผู้โดยสารที่เดินทางระยะสั้นและที่ต้องเปลี่ยนเครื่องเดินกันขวักไขว่ เรา 3 คนรอไม่นานก็ถึงเวลาเรียกตรวจตั๋ว
" พี่ณี Check in ให้ด้วยก็แล้วกันทั้ง 3 คนจะได้ไม่ต้องยุ่งยากแล้วยังได้นั่งด้วยกันอีกด้วย “
ฉันบอกเพราะพี่ณีจะไปลงที่เจนีวาเหมือนกันแล้วสามีจึงจะขับรถไปอิตาลีทีหลัง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เวลาเรียกผู้โดยสารไปรอขึ้นเครื่อง แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก
หลังจากยื่นตั๋วโดยสารพร้อมพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เขาถามฉันว่าทำไมถึงจะมาที่นี่อีกตอนขากลับ ฉันตอบกลับไปว่า เพราะอยากเห็นอโคโปลิสที่ฉันเคยเรียนเมื่อตอนมัธยมปลาย และได้คะแนนดีที่สุด เขาเลยยิ้มแล้วให้ผ่านไปด้วยดี ฉันรอพี่ณีกับลูกชายนานมาก จนเสียงเรียกขึ้นเครื่องครั้งแรกดังขึ้น ฉันพยายามมองหาแต่ไม่พบจึงเดินจนเกือบจะเป็นวิ่งไปที่ๆ ฉันถูกตรวจมาก่อน แล้วฉันก็พบพี่ณียืนหน้าซีดมองไปรอบๆ เหมือนจะหาใคร
" พี่ณี เขาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว พี่ยังตรวจไม่เสร็จเหรอ ? " ฉันถามอย่างร้อนรน
" เขาให้พี่ไป แต่เขาไม่ให้ลูกพี่ผ่าน เพราะไม่มีวีซา ไปช่วยพูดให้พี่หน่อยเถอะ "
พี่ณีตอบ พร้อมกับดึงมือฉันให้ไปช่วยพูดกับเจ้าหน้าที่ๆ ตรวจคนเข้าเมือง
" คุณมากับเขา 2 คนเหรอ « เสียงเจ้าหน้าที่ถามออกมาอย่างไม่มีร่องรอยความเป็นมิตร
" ฉันมาเครื่องบินลำเดียวกัน เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขามีปัญหาอะไรหรือ ? " ฉันตอบกลับไป
" ลูกชายของเขาไม่มีวีซาเข้ามาในยุโรป แต่เราไม่เข้าใจว่าทางประเทศไทย ปล่อยให้ผ่านมาได้อย่างไร เขาอาจจะมาสร้างปัญหาให้ประเทศฉันก็ได้ "เจ้าหน้าที่ตอบอย่างใช้อารมณ์
" ถึงฉันจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ฉันก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดที่จะมาสร้างปัญหาให้ประเทศคุณอย่างแน่นอน เพราะเขามีครอบครัวอยู่ที่อิตาลี และสามีของเขาก็มารอรับอยู่ที่เจนีวาแล้วตอนนี้ ฉันรู้เพราะเมื่อคืนฉันได้ยินเขาโทรศัพท์มาหาภรรยาของเขา "
ฉันตอบไปอย่างอดไม่ได้ เพราะถ้าจะว่าไป ประเทศเขาไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่าประเทศไทยเลย แล้วยังคิดว่าคนไทยจะมาสร้างปัญหาให้ ซึ่งฉันยอมให้เขาดูถูกคนไทยไม่ได้
" ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันจะจับเขาส่งกลับ เธอไปบอกเขาด้วย แลัวฉันก็ขออยู่คนเดียวอย่าเข้ามาในห้องนี้อีกเป็นอันขาด "
พูดแล้วเขาก็ปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างแรงโดยไม่คิดแม้กระทั่งว่าฉันเป็นผู้หญิงควรที่จะให้เกียรติบ้าง
ฉันเดินกลับมาหาพี่ณีพร้อมกับบอกให้เธอทราบว่าลูกชายเธอจะถูกส่งกลับ ถึงตอนนี้พี่ณีเริ่มร้องไห้คร่ำครวญอย่างไม่อายใคร
" พี่จะไปกับลูกพี่ๆ ทิ้งเขาไม่ได้ แล้วนี่พี่จะทำยังไง เงินก็ไม่มีแล้ว จะเอาเงินที่ไหนซื้อตั๋วกลับไปอิตาลี แล้วผัวพี่ก็ไม่รู้เรื่อง เขารออยู่เจนีวา ...พี่จะทำยังไงดี " ฮื่อๆๆ
" พี่ณี..หนูไม่รู้จะช่วยพี่ยังไง เขาปิดประตูใส่หน้าไม่ให้เข้าแล้ว ๆ ถ้าหนูพูดมากๆ เกิดเขาส่งกลับเหมือนกันหนูจะทำยังไง พี่เข้าใจหนูนะ หนูต้องไปแล้วเพราะเขาเรียกครั้งที่ 3 แล้ว ขอโทษด้วยนะพี่ที่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว หนูขอให้พี่โชคดีได้กลับไปอิตาลีทั้ง 2คน นะคะ "
พูดแล้วฉันก็ยกมือไหว้เธอ แล้ววิ่งไปขึ้นเครื่องที่ประกาศเรียกเป็นครั้งสุดท้าย
จะเป็นโชคหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือฉันอีกครั้งก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเมื่อฉันเดินขึ้นเครื่องไปแถวที่นั่งซึ่งติดกับหน้าต่าง ฉับพลันสายตาฉันก็มองเห็นกระเป๋า 3 ใบที่จำได้ว่าเป็นของตัวเอง 1 ใบ อีก 2 ใบเป็นของพี่ณีและลูก ฉันร้องออกไปเสียงดังอย่างตกใจ
" ช่วยด้วย...นั่นกระเป๋าของฉัน เขาจะเอาไปไหน ไม่ได้นะเขาไม่มีสิทธิ์ "
หลังจากนั้นฉัีนก็วิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ประตู พอดีกับที่แอร์โฮสเตสและสจ๊วตเข้ามายืนขวางทางไว้ เพราะถึงเวลาเครื่องบินออกพอดี
" ใจเย็นๆ มิส เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? " พวกเขาถามขึ้นพร้อมกัน
" ฉันมากับเพื่อน 2 คน แล้ว Check in ในนามของเพื่อนฉัน ซึ่งตอนนี้เขามีปัญหา ไปกับเราไม่ได้ กระเป๋าของฉันใช้ชื่อเธอ และเจ้าหน้าที่กำลังจะเอากระเป๋าฉันไป คุณต้องเอามาคืนให้ฉันก่อนที่เครื่องจะออกนะ ช่วยฉันด้วยเถอะ "
ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องไห้ เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะมีปัญหาแบบนี้
" ให้เราติดต่อภาคพื้นดินก่อน แล้วค่อยว่ากัน /font>"
จากนั้นเขาก็ใช้ Intercom คุยกันยืดยาว พร้อมกับขอดูตั๋วเครื่องบินของฉันอีกครั้ง จากนั้นก็เงียบไป
" เรากำลังรอกระเป๋าของคุณที่เจ้าหน้าที่จะแยกมาคืนให้ คุณกลับไปนั่งที่เถอะ " เจ้าหน้าที่บอกฉันในที่สุด
" ฉันจะไม่ยอมไปนั่งจนกว่าฉันจะเห็นกระเป๋าของฉันโหลดขึ้นเครื่อง ถ้าเขาไม่เอามาฉันจะทำยังไง "
ฉันตอบออกไปทั้งน้ำตา จนเจ้าหน้าที่ใจอ่อนยอมให้ฉันรอดูจนกระเป๋ามาถึง
" เอาหละ คุณคงสบายใจแล้ว ขอให้คุณไปนั่งที่แล้วเราจะได้ออกเดินทางกันเสียที กัปตันรออยู่แล้ว กรุณาเถอะ " แล้วฉันก็กลับไปนั่ง พร้อมๆ กับที่เครื่องบินเริ่มออกตัว
ฉันมองไปที่สนามบินอีกเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับภาวนาให้พี่ณีและลูกกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย อดเสียใจไม่ได้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ แล้วยังลืมขอที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เพื่อโทรไปบอกสามีเธอ ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นโดยกระทันหัน ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ทำให้คิดอะไรไม่ออก จนทุกวันนี้ฉันยังคิดถึงเรื่องพี่ณี อยากรู้ว่าเธอกลับบ้ายโดยปลอดภัย หรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเธออีกหรือเปล่า
เครื่องบินใช้เวลาไม่นานแค่ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินเจนีวา ญาติของฉันขึ้นรถไฟมารอรับทั้งๆ ที่ฉันบอกเธอไปแล้วว่าสามารถไปเองได้ เราเดินไปซื้อตั๋วแบบพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวให้ฉัน เพราะเวลาที่มีน้อยนิดจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าเอาไว้ อีกอย่างตั๋วแบบนี้จะราคาถูกกว่าปกติและมีขายตามระยะเวลาที่เราต้องการไม่ว่าจะเป็น 1 อาทิตย์ 15 วัน หรือ 1 เดือน ฉันเคยเดินทางแบบนี้้มาแล้วเมื่อครั้งหลังสุดที่มาเที่ยวเลยรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร
หลังจากขึ้นรถที่จะเดินทางเข้าเมืองหลวงคือซูริคที่ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง ฉันก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ญาติฉันฟัง เธอเองก็อดตกใจไม่ได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและหากเกิดขึ้นกับเธอๆ คงตั้งสติไม่ทันเช่นกัน เรามาถึงซูริคในที่สุดและเดินทางไปที่บ้านด้วยรถไฟฟ้าที่วิ่งบริการอยู่ทั่วๆ ไป เมื่อถึงบ้านหลังจากอาหารเย็นผ่านไป ฉันขอตัวนอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยกับการเดินทางและเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่เพราะยังกังวลอยู่ทำให้นอนไม่หลับ พร้อมกับคิดเรื่องที่ต้องเดินทางไปโลซานน์เพื่อติดต่อเรื่องการเดินทางกลับ ช่างเถอะ...แล้วแต่จะเป็นไป ขอนอนสักนิดเถอะ แล้วฉันก็หลับไปจนรุ่งเช้า
Create Date : 22 มกราคม 2554 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2563 14:31:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 776 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [?]
|
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ
ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|