|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมืองเทวดา๔

เมืองเทวดา ๔
เนื่องจากไม่ได้ยินสรรพเสียงของคนที่อยู่บนบ้าน ทุกคนจึงถือโอกาสเดินชมไปทั่ว ๆ สวนและก็ได้เห็นว่า ในเนื้อที่สวนซึ่งน่าจะถึง ๑๐๐ ไร่ รอบด้านยังมีลักษณะเป็นธรรมชาติ ไม่มีเทคโนโลยี เพราะไม่เห็นและไม่มีสายไฟฟ้าเข้ามา คล้าย ๆ กับว่าผู้ที่เข้ามาอยู่ ปรารถนาที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง และเมื่อพากันเดินสำรวจต่อ ๆ ไป ก็ได้เห็นว่าในสวนป่านั้นนอกจากเรือนไทยหลังใหญ่ที่ปิดเงียบ ยังมีเรือนไทยหลังเล็กๆ น่ารัก ๆ ปลูกไว้อย่างเก๋ไก๋ เป็นเรือนไทยแบบมีใต้ถุนสูง มีนอกชาน มีระเบียงหน้าห้องสำหรับรับแขก และมีห้องน้ำอยู่ด้านหลัง คล้าย ๆ เรือนที่ปลูกไว้ตามรีสอร์ทให้คนมาเช่าพัก ปลูกไว้เป็นจุด ๆ มีไม่น้อยกว่า ๑๐ หลัง ทุกหลังมีท่อประปาสีฟ้าต่อขึ้นไปบนบ้าน
เอ๊ะ! ท่อสีฟ้า ๆ นั่นมันท่อประปานี่ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าแล้วมีน้ำประปาได้ไง? นายอ่อนพูดขึ้นอย่างสงสัย ประปาอาจจะต่อมาจากภูเขา ภูเขาคงอยู่อยู่ไม่ไกล ประปาภูเขาไม่ต้องมีไฟฟ้าก็ได้นี่ อดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชรพูด และออกเดินดูต่อทุก ๆ คนจึงเดินตาม
และเมื่อทั้ง ๕ คนผู้ใหญ่ ๔ เด็ก ๑ พากันเดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็เห็นว่ามีทางเดินที่สามารถจะไปยังจุดต่าง ๆ ได้หลายทาง จึงลองเดินไปทางท้ายสวนที่อยู่ด้านตรงข้ามกับถนนเมื่อแรกเข้ามา ก็ได้ยินเสียงน้ำไหล
ข้างหลังมีลำธาร เราไปล้างหน้าล้างตากันที่นั่นเถอะ จิราพัชรพูดขึ้น และหันมาดูลูกชาย ที่มีชัชกับอ่อนช่วยกันจูงมืออยู่คนละข้างขณะเดิน เธอถามลูกชายว่า
เราอาจจะต้องเดินลงหุบไปสู่ลำธารลึกนะลูก ให้แม่จูงดีกว่าไหม?
ไม่ แม่ไปกับพ่อเถอะ น้องจอมเดินไปกับอาอ่อนและน้าชัชได้ เด็กชายรับรองแข็งขัน
ทางเดินค่อย ๆ ลึกลงไปในหุบ ทุกคนต้องเหยียบย่ำไปบนหินก้อนเล็กใหญ่ ชัชพูดกับจอมภพเด็กชายว่า น้องจอมขี่หลังน้าไปดีกว่าไหม น้าชัชจะเป็นม้าให้ขี่
ไม่ ไม่ดีกว่าน้าชัช ทางแค่นี้น้องจอมเดินไปเองได้ สนุกดีออก
แล้วเด็กชายก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเดินลงไปได้อย่างสนุกสนานและคล่องแคล่ว เพราะตอนอยู่เชียงรายเคยเดินขึ้นเขาขึ้นดอยไปกับแม่หลายครั้ง เมื่อมาเดินในป่าชื้นของภาคใต้จึงไม่มีปัญหา
ทางเดินพาลงหุบไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักกระทั่งถึงธารน้ำ ในลำธารมีน้ำใสไหลเย็น ซึ่งเป็นปรกติของลำธารทั่วไป เป็นลำธารที่ไม่กว้างมากนัก กลางลำธารมีแอ่งน้ำลึกประมาณหัวเข่าถึงเอว ให้ลงไปยืนแช่ ขอบ ๆ ลำธารมีต้นปุดและผักกูดขึ้นเป็นดง และเมื่อมองไปทางด้านขวา ก็เห็นเขื่อนดินเสริมด้วยหินหลายขนาด กักขวางทางน้ำไว้แบบทำนบ และมีช่องบังคับให้น้ำไหลลงมาเป็นเกลียว และกระแสน้ำนั้นค่อนข้างไหลแรง
สงสัยจะมีอะไรอยู่บนนั้น จิกับลูกอยู่ข้างล่างนี้นะ พี่กับชัชและอ่อนจะขึ้นไปดู อดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชร พูดเพราะมองเห็นทางแยกอยู่ด้านขวา ก่อนจะลงมาในลำธาร อดีตปลัดหนุ่ม ชัช และอ่อน จึงเดินกลับขึ้นฝั่ง และเดินแยกไปทางด้านขวา อีกครู่ต่อมาทั้งสองก็มองเห็นแอ่งน้ำ ที่ถูกกักไว้ด้วยเขื่อนดินปนหิน และตรงช่องที่น้ำจะไหลผ่านลงไปสู่ด้านล่าง มีกังหัน ๔ หรือใบพัดแฉกใบโตกว่าฝ่ามือ ที่ทำขึ้นมาด้วยแผ่นเหล็กคล้าย ๆ กังหันของเรือยนต์ มีความกว้างที่เป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง จากแกนของใบพัดหรือกังหันประมาณศอก และใบกังหันโดนกระแสน้ำบังคับให้หมุนอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อมองต่อจากใบพัดที่กำลังหมุนเพราะแรงน้ำ ก็เห็นแกนใบพัดไปเชื่อมต่อกับจักรตัวอื่น ๆ อีก ๒-๓ ตัวแบบทดรอบไปเรื่อย ๆ และจักรตัวสุดท้าย ไปหมุนวงล้อขนาดใหญ่ที่อยู่บนบก และวงล้อใหญ่มีสายพานไปฉุดให้วงล้อเล็กหมุน ทำให้วงล้อเล็กหมุนเร็ว และวงล้อเล็กก็ไปหมุนวงล้อสายพานของเครื่องสูบน้ำ จากเครื่องสูบน้ำมีท่อน้ำต่อขึ้นไปยังถังประปา ถังประปาปลูกสร้างไว้บนโครงเสาคอนกรีต ๔ ต้น สูงจากระดับดินซึ่งเป็นพื้นที่ราบในสวนประมาณ ๔-๕ เมตร
ถังน้ำประปาหล่อด้วยปูนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ เมตร ความสูงจากก้นถังถึงปากถังประมาณ ๓ เมตร จากใต้ถังมีท่อพีวีซีหรือท่อเอสล่อนนำน้ำขึ้นถัง และท่อขนาดเล็กที่นำน้ำจากถังไปยังตัวบ้านและสวน
ที่นี่มีเทคโนโลยี แต่เป็นเทคโนโลยีที่ท่านเกียรติศักดิ์คงคิดขึ้นเอง ท่านใช้พลังน้ำที่ไหลปั่นใบพัดเครื่องสูบน้ำ นำน้ำไปใช้ในสวนในบ้านโดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า อดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชร พูดขึ้นกับภรรยา ขณะเดินนำหน้าชัชและอ่อนกลับลงมาสู่ลำธารอีกครั้ง
และทุก ๆ คนต่างลงไปยืนในลำธาร ที่ลึกแค่เข่าพลางวักน้ำล้างหน้าล้างตา
ผมเคยเห็นแถว ๆ ภาคกลาง และอีสาน ใช้พลังลมหมุนกังหัน แล้วกังหันไปชักลากเครื่องสูบน้ำ สูบน้ำจากบ่อบาดาลขึ้นมาใช้ นายอ่อนพูด
มันก็หลักการเดียวกับที่เขาทำเขื่อนใหญ่ ๆ แล้วก็ตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นมาควบคู่นั่นและ ใช้แรงน้ำในเขื่อนไปหมุนกังหันให้กังหันไปหมุนเครื่องปั่นไฟ ควาใมจริงถ้าท่านเกียรติศักดิ์ จะทำให้มันไปปั่นเครื่องไฟฟ้าท่านก็น่าจะทำได้ ชัชพูดเสริมขึ้น
อดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชร มองไปรอบ ๆ สวนแล้วพูดว่า
แต่ท่านคงไม่อยากใช้ไฟฟ้า ถ้าท่านอยากใช้ไฟฟ้าท่านคงทำมันขึ้นใช้นานแล้ว
เอ้อ พี่ว่าเราเดินกลับกันเถอะ
ป่านนี้อาจจะมีใครสักคนเห็นรถเราจอดที่หน้าบ้านและรู้ว่าเรามา
ทุกคนจึงพากันเดินกลับ ระหว่างทางเดินในป่า อดีตปลัดอำเภอถามลูกชายว่า
เป็นยังไงลูก ที่นี่น่าอยู่ไหม?
เด็กชายสั่นหน้าและว่า ม่าย
ม่ายน่าอยู่เลย ม่ายมีของเล่น ที่บ้านเรายังมีของเล่น เด็กชายนึกถึงบ้านที่เชียงราย
ก็ของเล่นของน้องจอม อาอ่อนขนใส่หลังรถมาให้แล้วนะ เดี๋ยวกลับไปก็ได้เล่น นายอ่อนพูดเอาใจเด็กน้อย แล้วอาอ่อนเอาของเล่นของน้องจอมมาให้ทั้งหมดเลยเหรอ
ก็
ไม่หมด แต่ก็เอามาเยอะ น้องจอมอยากเล่นอะไร รถ ปืน หุ่นยนต์
นายอ่อนถามเด็กชาย
น้องจอมอยากเล่นเป็นทหารกับตำรวจ ให้อาอ่อนกับน้าชัดเป็นตำรวจ
น้องจอมจะเป็นทหาร
แล้วทำไมจึงให้อาอ่อนกับน้าชัชเป็นตำรวจล่ะ อ่อนถาม ก็ตำรวจเป็นผีดิบนี่ ผีดิบที่เที่ยวตั้งด่านดูดเลือดคนขับรถสิบล้อตอนกลางคืน เด็กชายพูดหน้าตาเฉย
อ้าว!
นี่ไปรู้ไปเห็นมาจากไหนอีกเล่า พ่อเจ้าประคุณทูนหัว
ไปว่าตำรวจเขาอย่างนั้น นายอ่อนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ กับความฉลาดพูดของเด็ก ๔ ขวบกว่า
ก็ตอนที่พ่อขับรถมาน้องจอมเห็น อาอ่อนคิดว่าน้องจอมหลับรึ
นั่นขนาดว่า พ่อเคยเป็นปลัดอำเภอตำรวจยังเรียกตรวจ พอตรวจไม่พบอะไรก็จะขอเงินอีกไม่งั้นไม่ให้ผ่าน เด็กชายพูดฉอด ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง
เพราะตอนที่ปลัดบุญฤทธิ์ขับรถเลี่ยงเมืองจากอำเภออู่ทอง มาออกที่อำเภอบ้านโป่ง พอผ่านอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ตอน ๔โมงเย็นก็โดนตำรวจเรียกตรวจ อดีตปลัดบุญฤทธิ์ก็ให้ตรวจค้นพอค้นไม่เจอสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย เจอแต่ลำไยตำรวจก็ถามว่า
จะไปไหน ลำไยนี่เอาไปขายเหรอ ขอกินมั่งซี พออดีตปลัดอำเภอให้ลำไยไปจำนวนหนึ่งก็ยังถามว่า ซุกซ่อนของผิดกฎหมายไว้ตรงไหนหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกมา
ไม่ว่าหรอกแต่ต้องมีส่วนแบ่งค่าผ่านกันบ้าง
อดีตปลัดบุญฤทธิ์ตอบว่า ไม่มีหรอกครับ จ่าอย่าพูดอะไรที่น่าเกลียดแบบนั้นเลย
แล้วขนลำไยมาแค่นี้จะคุ้มเหรอ แหมรู้กันน่าของพันนี้ รถยนต์ก็ราคาแพง ยี่ห้อนี้พวกเศรษฐีเขาใช้กัน ท่าทางชาวบ้าน ๆ อย่างนายจะเอาเงินมาที่ไหนซื้อ รับมาตามตรงเถอะจะได้จบเรื่อง คุณจ่ายังโยกโย้จะเอาเงินค่าผ่านให้ได้
ผมทำสวนลำไยกับลิ้นจี่อยู่ที่เชียงราย ผมจะไปที่อำเภอทิวสน ชุมพร บ้านภรรยาของผมอยู่ที่นั่น อดีตปลัดอำเภอชี้ไปที่ภรรยาและบอกตำรวจว่า ผมเองก็เคยอยู่ที่นั่น
คุณจ่าก็พูดอีกว่า งั้นต้องขอตรวจแถวหน้ารถและใต้ฝากระโปรงรถ เผื่อมีสิ่งผิดกฎหมาย
แล้วตำรวจ ๕-๖ นายก็แกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมให้ออกรถมาง่าย ๆ จนเกือบมืดค่ำ พอดีกับตำรวจนายหนึ่งชะโงกหน้าเข้าไปจะตรวจค้นในลิ้นชักหน้ารถ พอตำรวจนายนั้นเห็นรูปพระอริยสงฆ์หลวงพ่อกฤติยา ใส่กรอบติดอยู่เหนือศีรษะคนขับ ก็เกิดอาการผงะหงายต้องถอยออกมา และพอตำรวจอีก ๔ นายมาตรวจอีกบ้างทั้ง ๔ นายที่เหลือก็มีอาการดุจเดียวกัน คือต่างถอยหนีไปหมด อดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชร จึงขับรถต่อมาได้ และอ่อนเผลอพูดออกมาว่า
สงสัยตำรวจพวกนั้นจะเป็นพวกขบวนการผีดิบ พอดีปลัดบุญฤทธิ์หันมาหลิ่วตา ว่าอย่าให้อ่อนพูดเด็กชายจอมภพไม่พูดไม่ถาม ได้แต่มองหน้าอาอ่อนกับพ่อเขม็ง และการถูกเรียกตรวจนานเป็นชั่วโมงทำให้อดีตปลัดบุญฤทธิ์เสียเวลา ทำให้มาถึงอำเภอทิวสนตอน ๔ ทุ่ม เข้าพักที่บ้านอดีตผู้ใหญ่เพชร พ่อตา และพอสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้นปลัดบุญฤทธิ์ก็เดินทางต่อมาที่อำเภอพะโต๊ะเพื่อเยี่ยมเยียนอดีตจ้าวนาย
ตำรวจพวกนั้นเป็นพวกผีดิบดูดเลือด มันรอให้มืดค่ำแล้วจะจัดการกับเรา เด็กชายวัย ๔ ขวบเศษยังพูดต่อไป ทำให้จิราพัชร นายอ่อน และชัชต้องมองตากัน ส่วนอดีตปลัดบุญฤทธิ์ แสงเพชร ทำไม่รู้ไม่ชี้
ใครบอกน้องจอมล่ะ ว่าตำรวจพวกนั้นเป็นผีดิบ อ่อนถามอีก
ก็อาอ่อนกับน้าชัชพูดกัน น้องจอมแกล้งนอนหลับตาเลยได้ยิน เด็กน้อยพูดแล้วหัวเราะและว่า จะปิดบังน้องจอมใช่ไหมล่า ไม่สำเร็จหรอก ฮ่า ๆ ๆ
แล้วอาอ่อนก็เคยเล่าว่าที่ทิวสนมีผีดิบ พวกผีดิบเคยจับอาอ่อนไปจะดูดเลือดแต่อาอ่อนชอบกินผัก พวกผีดิบเลยดูดเลือดเอาไปใช้ไม่ได้ พวกครึ่งคนครึ่งผีก็เลยจะเอาอาอ่อนไปฆ่าปิดปาก แต่คุณพ่อกับคุณตาเกียดไปช่วยอาอ่อนไว้ทัน อาอ่อนเลยรอดมาได้
โอ๊ว!!! พลาดไปอีกแล้วเรา อ่อนคราง ชัชฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้าวืดๆ ส่วนอดีตปลัดบุญฤทธิ์และจิราพัชร ต่างมองมาที่อ่อน อ่อนต้องรีบอธิบายว่า
คือยังงี้ครับ วันก่อนผมเช่าวีดีโอเรื่องเดอะลิตเติ้ลแวมไพร์มาดู แล้วน้องจอมเขามานั่งดูด้วย ในเรื่องมีเด็กชายคนหนึ่งชื่อโทนี่ อายุก็ประมาณน้องจอมนี่แหละ โทนี่มีเพื่อนเป็นแวมไพร์เด็ก อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่โทนี่ไม่กลัวเพื่อนที่เป็นแวมไพร์ แถมยังช่วยครอบครัวของเพื่อนที่เป็นแวมไพร์ นำครอบครัวเพื่อนมาพักที่บ้านในห้องใต้ดิน และโทนี่ช่วยหาอาหารคือวัวให้พ่อแม่ของเพื่อนและเพื่อน ที่เป็นผีดิบได้ดื่มเลือดวัว สุดท้ายเพื่อนได้ไปเกิดใหม่กลับมาเป็นคน
แล้วทำไมถึงมาออกเรื่องที่ทิวสน อดีตปลัดบุญฤทธิ์ถาม
น้องจอมถามว่า ผีดิบมีจริงไหม ผมกลัวว่าจะโกหกก็เลยตอบว่ามี น้องจอมถามว่าที่ไหน ผมก็ตอบว่าที่ชุมพรและทิวสน แล้วผมก็เล่าว่าผมเคยถูกผีดิบจับตัว แต่พ่อของน้องจอมไปช่วยทำให้รอดชีวิตมาได้ ทำให้ผมได้มาอยู่กับพ่อน้องจอม
นายอ่อนเล่าทำหน้าเสีย ๆ
คุณพ่ออย่าไปว่าอะไรอาอ่อนนะ จอมขอร้องให้อาอ่อนเล่าเอง ก็น้องจอมอยากรู้
พอดีมีเสียงทักทายขึ้นด้านหลัง
สวัสดีทุก ๆ คน แหมวันนี้มากันถึงนี่เชียวนะ เป็นไงหายไปตั้งหลายปี ดูยังหนุ่มยังแข็งแรง หล่อ สวย กันเหมือนเดิมเลยนี่
คนที่ร้องทักคือ คุณเกียรติศักดิ์ รักเกียรติภูมิ อดีตนายอำเภอทิวสน เจ้าของสวนซึ่งเพิ่งกลับมาจากไปทำธุระในสวนใกล้ ๆ และพอกลับมาเห็นรถยนต์จอดที่หน้าบ้าน ป้ายทะเบียนบอกเชียงราย ก็รู้ทันทีว่าคนที่มาหาตนน่าจะเป็นใคร จึงเดินนำหน้าคนสวน ซึ่งเป็นผู้ชายแต่งกายแบบชาวบ้าน ๔ คน ตามเข้ามาดู
ทุก ๆ คนในคณะของอดีตปลัดบุญฤทธิ์ จึงพากันยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของสวน และยังไหว้ไปยังคนสวนทั้ง ๔ คนด้วย ทำให้แต่ละคนรีบไหว้ตอบปลก ๆ และมีท่าทางเขิน ๆ เพราะไม่คิดว่าแขกของจ้าวนายจะมาไหว้พวกตนก่อน คนสวนของอดีตนายอำเภอ ๓ คนอายุอยู่ในราว ๓๕๔๐ ปี แต่มีคนหนึ่งอายุราว ๆ รุ่นเดียวกับชัช ส่วนอดีตนายอำเภอ หลังจากรับไหว้คณะของผู้เคยเป็นลูกน้องของตน แล้วก็หันไปที่เด็กชาย ถามว่า
นี่คงจะเป็นลูกชายคนแรกของบุญฤทธิ์ ที่ไปเกิดที่โน่นละซีหน้าตาดี ท่าทางฉลาด ชื่ออะไรละลูก?
ชื่อจอมภพฮับ ชื่อเล่นว่าน้องจอม ท่านคือคุณตาเกียดใช่ไหมฮับ อยู่ที่โน่นคุณพ่อพูดถึงคุณตาเกียดเลื่อยเลย เด็กชายตอบและพูดจาฉาดฉาน แม้จะยังพูดคำบางคำไม่ชัด
ใช่ครับ ตาคือตาเกียรติ อดีตนายอำเภอตอบคำถามของเด็กน้อย ด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู
ธุคุณตาสวย ๆ อีกครั้งซิลูก จิราพัชรบอกลูกชาย เด็กชายจึงยกมือไหว้ชายวัยใกล้ห้าสิบอีกครั้ง
เป็นไงอ่อน ชัช ไปอยู่กับคุณบุญฤทธิ์สบายดีไหม? อดีตนายอำเภอถามสองหนุ่มที่ท่านเคยคุ้นเคย
สบายมากที่สุดเลยครับ อ่อนพูด
อยู่ที่โน่นเป็นสุขแล้วก็สนุกมากครับ ชัชพูด เพราะได้สองคนนี้ไปอยู่ด้วยแหละอาเกียรติ ทำให้จิกับพี่บุญฤทธิ์เบาแรงมาก สองคนนี้นอกจากช่วยงานในสวน ยังช่วยงานในบ้านแล้วก็เลี้ยงตาจอมด้วย ตาจอมเลยติดสองคนนี้หนึบเลย พอจะมาที่นี่จึงต้องให้สองคนนี้มาด้วย ไม่งั้นตาจอมไม่ยอมมา จิราพัชรเล่าให้อดีตนายอำเภอฟังแล้วหัวเราะ
คือจิเขาไปเป็นครูสอนเด็กบนดอย วัน ๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แล้วต้องออกจากบ้านแต่เช้า ส่วนผมก็ต้องไปดูแลคนงานในสวน ที่บ้านก็เลยได้อาศัยสองคนนี้ดูแล แม้แต่หุงข้าวและทำกับข้าว
แล้วใช้เวลาเดินทางกันกี่วันล่ะ กว่าจะมาถึงที่นี่?
สองวันพอดีครับผม เมื่อค่ำวานแวะพักนอนที่เขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก แม่ลูกเขาอยากดูเขื่อน
ก็เลยนอนที่นั่นเสียหนึ่งคืน พอเช้าก็มากันแบบเรื่อย ๆ เห็นที่ไหนน่าจะแวะก็แวะไม่รีบร้อน แต่เมื่อวานมาเสียเวลาอยู่แถว ๆ กุยบุรี ตำรวจเห็นผมแต่งตัวปอน ๆ แต่ขับรถยนต์ราคาแพง เขาสงสัยว่าผมจะเป็นพวกค้ายาเสพติด ตำรวจเขาก็เลยขอตรวจค้น ทำให้เสียเวลาไปร่วมสองชั่วโมง เกือบค่ำกว่าจะหลุดมาได้ ทำให้มาถึงบ้านพ่อที่ทะเลสาบตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ ตำรวจที่มาดักตรวจรถพ่อเป็นพวกผีดิบฮะตา เด็กชายแทรกขึ้นทันที
ฮะ! ลูกรู้เรื่องขบวนการผีดิบด้วยหรือ? อดีตนายอำเภอตกใจและถามว่า แสดงว่าที่เชียงรายมี
ที่เชียงราย ผู้คนยังอยู่กันแบบเรียบง่ายถ้าจะมีก็น้อย คือแถวในเมือง ส่วนผมอยู่ที่ตำบลแม่ยาว ยังไม่เคยปรากฏเลยครับ อดีตปลัดบุญฤทธิ์รีบตอบอดีตจ้าวนายเสียก่อนจ้าวนายจะพูดจบ
น้องจอมเขาได้ยินอ่อนหลุดปากพูดออกมา ตอนที่ตำรวจตรวจรถและพยายามหน่วงเหนี่ยวเราคะอาเกียรติ จิราพัชรตอบและเรียกอดีตนายอำเภอว่า อา
ฮื่อ มันก็ไอ้พวกผีดิบจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้มันกำลังจะกลืนภาคใต้ของเราแล้ว นี่อาก็รออยู่แต่ที่หลวงพ่อกฤติยาท่านเคยบอก ว่าอีกไม่นานจะมีนักการเมืองรุ่นใหม่มาปราบผีดิบ ท่านสั่งให้พวกเราตั้งใจทำดีและอดทน ท่านว่าธรรมะจะต้องชนะอธรรม เพราะถ้าธรรมะไม่ชนะอธรรมโลกจะพินาศ
พวกเราก็คงได้แต่หวัง อดีตปลัดบุญฤทธิ์ รำพึง
ก็ชีวิตของเราทุกคนอยู่ด้วยความหวัง หากไม่มีความหวังก็เหมือนไม่มีชีวิต ท่านว่าไว้ในทำนองนี้ไม่ใช่หรือ เฮอะ ๆ อดีตนายอำเภอพูดแล้วหัวเราะและว่า ไปนั่งคุยกันที่บนบ้านโน่นเถอะ
แล้วอดีตนายอำเภอก็เดินนำทุกคนกลับมาที่บ้านไม้หลังใหญ่
หลวงพี่ พอจะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะทำให้ศูนย์สอง หรือคุณวอกลับมาเหมือนเดิม พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ ซึ่งฉวยโอกาสมาที่กุฏิพระผิว ปาณนาถ รองเจ้าอาวาสวัดภูเขาในตอนสาย ถามพระผิวหลังจากฆ่าหมอปราณ กาฬปักษ์ และให้ลูกน้องนำศพมาให้ท่านพระครูนำไปเลี้ยงดูพวกโหงพราย หรือผีดิบถาวรที่กักขังไว้ในถ้ำ ถ้าหากหมอปราณ กาฬปักษ์ ไม่ได้เป็นพวกครึ่งคนครึ่งผีอย่างพวกตน พระผิวส่ายหน้า ขณะยืนอยู่บนระเบียงกุฏิซึ่งก่อด้วยอิฐปูน ใต้ถุนเป็นห้องน้ำและห้องเก็บของ โดยมี พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ เดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ เรื่องนี้เกินความสามารถของอาตมา ทำไมท่าน สวป.ไม่ไปถามหลวงพ่อท่านพระครูล่ะ ท่านอยู่ที่กุฏิของท่านโน่น เรื่องทั้งหมดท่านเป็นคนคิดเป็นคนทำ อาตมาเองไม่มีความสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก ท่านพระครูกำลังเข้าไปในถ้ำ ผมไม่อยากตามเข้าไป อากาศในถ้ำผมไม่ค่อยชอบ เคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งหายใจไม่ออก พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ ตอบเลี่ยง ๆ แต่ความจริงคือตนเองก็กลัว กลัวจะไปเจอกับผีดิบ พ.ต.ต.วิเวกกับบริวารสาวทั้ง ๗ ซึ่งถ้าเจอเข้าตนก็ไม่สามารถที่จะป้องกันตนเองได้เช่นกัน และเรื่องนี้กำลังเป็นความทุกข์ของ พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ สวป.คนใหม่ โยมมาก็ดี อาตมาก็มีเรื่องข้องใจอยากจะถามหลายเรื่อง งั้นเอาเรื่องแรกมาก่อน พ.ต.ต.มหิทธิ์ ให้โอกาสก่อนจะได้คุยธุระอื่นต่อ อาตมาต้องจ่ายค่าสมาชิกเป็นเลือดสด ๆ ทุกเดือน ห้าหกปีแล้วไม่เห็นได้อะไรกลับคืนมาเลย ก็
พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ อึกอักแต่แล้วก็พูดด้วยปฏิภาณอันฉับไวว่า เลือดเป็นสิ่งที่ร่างกายเราสามารถผลิตขึ้นใหม่ได้ทุก ๆ วัน และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนเกินเสียด้วยซ้ำ เพราะเมื่อร่างกายเราถ่ายเลือดออกไป ร่างกายก็ผลิตเลือดใหม่มาทดแทน เลือดที่ร่างกายสร้างใหม่มีคุณภาพดีกว่าเลือดเก่า คนที่ถูกดูดเลือดออกไปบ่อย ๆ ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาว โรคภัยก็ไม่มาเบียดเบียนแถมอายุจะยืนยาว พระคุณเจ้าก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือ? รู้ ก็เดิมทีมันมีการซื้อขายเลือดกันอยู่ตามโรงพยาบาล แต่ตอนหลังสมาคมของเราเข้ามาจัดการ นำเลือดส่วนที่เกินของสมาชิกไปขายให้บริษัทแวมไพร์ฟูดแอนด์ดริ้งโปรดัก บริษัทแวมไพร์เอาเลือดของเราไปทำเป็นอาหารเสริม เอาไปผสมเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ล่าสุดเอาไปทำเป็นเบียร์ แสดงว่าหลวงพี่เคยดื่ม? พ.ต.ต.มหิทธิ์ ถามยิ้ม ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าพระฝ่ายตนไม่มีศีลเลยสักข้อ ที่ปฏิบัติอยู่มีแต่ดิรัจฉานวิชา เสกเป่าเครื่องราง ของขลัง กับทำเสน่ห์ยาแฝด สารพัดสารพัน พระผิวจึงตอบว่า ใช่ ก็นั่นมันคือหนทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสดชื่น มีพลัง มีความสุข สมกับที่เราไม่มีวันตาย แล้วจะไปอยู่เฉย ๆ ทำไม? งั้นเรื่องที่สอง? พ.ต.ต.มหิทธิ์ พูด ตอนนี้พวกที่ต้องการความเป็นอมตะ พากันชอบดื่มเลือดสด ๆ ตรง ๆ จากสมาชิก คือมาจับมาบังคับเอา เท่านั้นยังไม่พอ บางคนดื่มเพลินจนเลือดสมาชิกหมดตัว พอหมดตัวสมาชิกก็ตาย พอตายก็เป็น
ไม่ตายหรอก จะตายได้ไง ก็ในเมื่อทุกคนจะเป็นอมตะ คือจะไม่ตายอีกต่อไป พ.ต.ต.มหิทธิ์ รีบแย้ง เฮอะ ๆ นั่นนะรึ คือความเป็นอมตะ อย่ามาโกหกกันอีกเลย? พระผิวพูดหัวเราะและจ้องหน้า พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ เป็นอมตะ เฮอะ ๆ ๆ แต่เป็นอมตะแบบโหงพราย เฮอะ ๆ ๆ แบบนี้ใครมันอยากจะเป็น เพราะมันเป็นการตกนรกแบบไม่มีวันผุดเกิด แล้วพระผิวก็หัวเราะอีก พ.ต.ต.มหิทธิ์นิ่ง เพราะที่ตนมาก็มาเพราะหวังมาพึ่งปัญญาพระผิว เพราะเห็นว่าพระผิวเก่งในด้านปลุกเสก เลขยันตร์ ล้วนแต่ศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และอยู่ยงคงกระพัน แต่พอมาตอนนี้พระผิวกลับพูด
เรื่องแบบนี้ มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย เดี๋ยวสมาชิกก็พากันไปหาพระพวกที่เคยมาล้างวิญาณของพวกเรา หันไปถือศีลห้า กินมังสวิรัติกันหมดแล้วพวกเราจะเหลือใคร? ผมก็มาเพื่อหวังพึ่งหลวงพี่และหลวงพ่อเพื่อถามเรื่องนี้ หลวงพี่ต้องไปเรียนหลวงพ่อท่านพระครู ให้ท่านรีบจัดการก่อนที่คนในตลาดจะ
พ.ต.ต.มหิทธิ์ พูดไม่ทันจบพระผิวต่อให้ เป็นโหงพรายหรือผีดิบกันหมดเมือง เฮอะ ๆ ๆ แล้วไม่ใช่แค่คนในตลาดหรอก ทั้งโยมและอาตมาก็มีสิทธิ์ที่จะเป็น ถ้าวันไหนท่าน สวป.วิเวกกับบริวารเจ็ดสาวของท่านหิวจัด จับใครไม่ได้แล้วมาจับเราเข้า และพระผิวเริ่มสำนึกว่าเดินทางผิด เพราะแทนที่ ๆ จะเป็นอมตะ ไม่แก่ ไม่เฒ่าและไม่ตาย กลับจะกลายเป็นอมตะแบบเป็นผีดิบถาวร งั้นผมกราบลาละหลวงพี่ พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ ประนมมือไหว้ไปแกน ๆ อย่างขัดเคืองและไม่พอใจ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพระเป็นเจ้าจะจัดการเก็บเสียแบบหมอปราณ เพราะรู้สึกผิดหวังที่อุตส่าห์มาหวังพึ่งพระแล้วไม่ได้เรื่องอะไรเลย เดี๋ยวโยม อาตมาอยากถามอีกเรื่อง สงสัยมานานแล้ว พระผิวพูดดึงตัว พ.ต.ต.มหิทธิ์ไว้อีก อะไรอีกล่ะหลวงพี่? เลือดที่ทางสมาคมของเราดูดไปจากสมาชิก หลังจากเอาไปขายให้บริษัท บริษัทก็จ่ายเป็นเงินตอบแทนมาให้สมาคม อย่างนั้นไม่ใช่หรือ? ใช่ พระผิว ปาณนาถ ยิ้มและพูดว่า แล้วทำไมไม่เอามาแบ่งให้สมาชิกบ้าง ที่ผ่าน ๆ มาอาตมาไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่เคยได้ อาตมาดูดเลือดจากชาวบ้านมาเท่าไหร่ ๆ พอไปนอนให้ทางสมาคมดูดออกไปต่อ ดูดกันมาห้าหกปี อาตมาไม่เคยเห็นเงินส่วนแบ่งเลย นี่ขนาดว่าเป็นอาตมาแล้วชาวบ้านล่ะ เรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่? พระผิวถามย้อนกลับมาที่เรื่องเดิม เอ่อ
เอ้อ
ก็คือว่า ๆ
พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ อึกอัก ที่ผ่านมาระบบของเรามันยังไม่เข้าร่องเข้ารอย แต่เท่าที่ผมทราบเราจะจ่ายเป็นก้อนใหญ่ให้กันทุกคนเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าเราใช้ระบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน คือจับฉลากว่างวดนี้ใครจะได้ เราไม่ได้จ่ายให้ทุก ๆ คนทุก ๆ งวดแบบรายเดือน เพราะถ้าจ่ายแบบนั้นจะได้คนละไม่กี่สตังค์ เอ่อ
พอดีคนที่ทำหน้าที่นี้คือคุณไวเวศย์ หรือศูนย์สี่เขาทำอยู่ เอ่อ
หลวงพี่ต้องไปถามคุณไวเวศย์ แต่คุณไวเวศย์ ตอนนี้หายไปไหนไม่รู้ พระผิวบ่น คุณไวเวศย์มีธุระกิจลงใต้ อีกเป็นเดือนกว่าจะกลับ พ.ต.ต.มหิทธิ์ หยุดกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อไปว่า เอาเถอะรอให้สมาคมของเรา มีความมั่นคงมากกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วสมาชิกจะได้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ เหมือนฝากเงินไว้กับธนาคาร อย่างหลวงพี่นี่ได้เป็นล้านเลยนะเพราะเป็นสมาชิกคนสำคัญ ในอันดับต้นๆ แล้วเมื่อถึงวันนั้นคนที่ยังไม่มาเข้าเป็นสมาชิก จะแย่งกันมาเข้าเป็นสมาชิก จนรับกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่เชื่อหลวงพี่คอยดู ขณะที่ทั้งสองกำลังยืนพูดกันอยู่บนระเบียงกุฏิ เวลาขณะนั้นประมาณ ๑๑ นาฬิกา พระผิว ปาณนาถ ยกมือป้องหน้าและชะเง้อมองไปทางกุฏิของพ่อท่านพระครูอุดม
เอ๊ะ! โน่น ตำรวจลูกน้องของโยมมาทำไมกันที่นี่? ซึ่งเมื่อ พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ เหลียวกลับไปดู ก็พอดีนายดาบสานิตย์ จิตวิปลาต และ จ.ส.ต.ฉ่ำ ชื้นแฉะ เข้ามายืนตะเบ๊ะอยู่ที่ตีนบันไดตึก เขาจึงรีบยกมือไหว้ลาพระผิวแล้วเดินลงมา พอลงมาถึงลูกน้องก็กระซิบบอก เพราะไม่อยากให้พระผิว ปาณนาถ ได้ยิน หมอปราณ กาฬปักษ์ ใช้มีดแหวกออกจากกระสอบหนีไปแล้วครับ พ.ต.ต.มหิทธิ์ มนศักดิ์ ถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง พลางอุทานดังลั่น เฮ้ย! นี่แสดงว่า ไอ้หมอปราณยังไม่ตายแต่มันแกล้งตาย แบบนี้ยิ่งชัดเจนเลย
พูดไปแล้วก็ยั้งหยุดไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากให้สมาชิกระดับล่างรู้มากจนเกิดความอื้อฉาว และได้แต่คิดแค้นอยู่ในใจว่า ฮึ่ม! เจ็บใจนัก ไอ้หมอตัวแสบยิ่งกว่าซีม่า มันคงเตรียมรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า มันทำได้แนบเนียนเพราะมันเป็นหมอ แบบนี้ก็ยิ่งชัดเจนว่ามันแปรพักตร์และจะเป็นศัตรูกับเรา เอาละเราจะได้เห็นดีกันไอ้หมอ-อา- หมาปราณ
Create Date : 08 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2550 15:01:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1190 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|