|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เธอมาเพื่อช่วยพ่อ ๒
2
มีอะไรหรือพัฒน์ ทำไมนั่งทำหน้าราวกับโดนผีหลอก! ครูสาวโรงเรียนเดียวกันถามขึ้น ขณะที่นายพัฒนา พลเมือง ครูหนุ่มซึ่งประจำชั้น ป.5 ข. นั่งตรวจงานวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กลูกศิษย์ของตนอยู่ที่โต๊ะทำงาน
ยิ่งกว่าโดนผีหลอกเสียอีก นี่ ๆ เธอมาดูอะไรนี่ซี เผื่อพัฒน์จะตาฝาด เห็นอะไรที่มันผิดไปจากความเป็นจริง
ครูหนุ่มเงยหน้าขึ้นพูดกับครูสาว ที่ตนกำลังผูกพันชิดใกล้มากกว่าครูผู้หญิงคนใด
อะไรจะขนาดนั้น ยังไม่แก่ไม่เฒ่าสักหน่อย จะถึงขั้นกับตาฝาดตามัวกลางวันแสก ๆ เชียวหรือ พัฒน์เห็นอะไรบอกกิ่งมาดีกว่า
ครูสาวกิ่งแก้วถามครูหนุ่ม ซึ่งเธอกำลังพิจารณาที่จะรับเข้ามาขึ้นบัญชีไว้ในหัวใจอันดับต้น ๆ
เลขการบ้านของยายเยาว์นะซี ทำไมวันนี้มันจึงถูกหมด นี่ขนาดคูณและหารเศษส่วนเชียวนะ ยังทำได้ถูกและดีขนาดนี้ ยี่สิบข้อไม่มีผิดแม้แต่ข้อเดียว มันเป็นไปได้อย่างไร
แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ ทำถูกหมดอย่างยายเยาว์หรือเปล่า แกป่วยขาดเรียนไปหลายวัน เพื่อน ๆ อาจจะสงสารจึงให้แกลอกมาส่งก็ได้ ครูสาวให้ความเห็น
ยิ่งไม่มีทางใหญ่เลย นี่พัฒน์อุตส่าห์ตรวจงานของเด็กเก่ง ๆ ในชั้นทุกคนแล้วนะ ไม่มีใครทำถูกหมดอย่างยายเยาว์นี่สักคน ขนาดกานดาที่ว่าเรียนเก่งที่สุดในชั้น ยังผิดตั้งแปดข้อ แล้วก็ไม่ใช่แค่ถูกหมดอย่างเดียว ลายมือยังสวยเรียบ สะอาดสะอ้านราวกับไม่ใช่ลายมือยายเยาว์ พัฒน์ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
ครูหนุ่มรำพึง มองไปทางเด็กหญิงในชั้นคนหนึ่ง ที่เคยเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องและแย่อย่างที่สุด
พัฒน์ว่ายายนงเยาว์หายป่วยมาคราวนี้ อะไร ๆ ดูมันผิดไปคนละคน ครูหนุ่มผู้สอนคณิตศาสตร์รำพึงต่อ
ฟลุ๊กมั้ง หรือไม่ก็อาจจะมีใครสักคนช่วยสอนช่วยแนะแกก็ได้ นายเทียบมีลูกตั้ง 4-5 คนไม่ใช่หรือ บางทีพี่ ๆ แกอาจจะอยากช่วยน้องขึ้นมา เลยช่วยกันติว ช่วยสอนกันก็ได้ เพราะเห็นว่าเด็กนงเยาว์นี่ป่วย ไปนอนโรงพยาบาลเสียหลายวัน ครูสาวยังคงให้ความเห็น ตามที่คิดว่าเป็นไปได้
ลูกนายเทียบ พี่ ๆ ของนงเยาว์นะหรือ ที่จะมาช่วยสอนให้น้อง ไม่มีทาง... ครูหนุ่มส่ายหน้า
กิ่งไม่เคยสอนลูกชายลูกสาวนายเทียบ แต่พัฒน์สอนมาทุกคน นายประทีป ลูกชายคนหัวปีของนายเทียบ ไม่ได้เรียนชั้น ป.5 ขนาดชั้น ป.4 ยังแทบจะไม่จบ หนีโรงเรียนทุกวัน จนต้องตามไปลากตัวถึงบ้าน แต่สุดท้ายพัฒน์เห็นว่านายเทียบเองนั่นแหละ ที่ไม่ค่อยอยากให้ลูก ๆ เรียนหนังสือ เพราะไม่เคยกวดขันหรือเคี่ยวเข็ญ
"นอกจากไม่เคี่ยวเข็ญ ยังเป็นใจให้ลูกออกจากโรงเรียนไปรับจ้างปาดตาล เลยออกไปเพราะไม่สมัครใจเรียน ตอนที่เรียน ป.5 ได้ไม่ถึงเทอม มาลูกคนที่สองที่ชื่อ มยุรี นั่นก็ยิ่งแย่ เรียนจบ ป.5 ไปก็แค่จะตกมิตกแหล่ คะแนนเฉลี่ยไม่ถึงสอง เลข ภาษาไทย อังกฤษ สปช. ไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งนั้น มองไม่เห็นว่าใครจะสอนใครได้
พัฒน์ว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นแล้วละ ไม่เชื่อกิ่งลองไปแอบ ๆ ดูนงเยาว์ตอนนี้ซี แกมีอะไรผิดประหลาด ๆ ไปหลายอย่างทีเดียว"
คุยอะไรกันหรือ ขอร่วมวงคุยด้วยคนได้ไหม ? ครูหนุ่มใหญ่อีกคน เดินเข้าที่ครูหนุ่มสาวทั้งสอง
พี่พัลลภมาก็ดี พี่สอนสปช. มีอะไรผิดปกติในชั้น ป.5 ข.บ้างไหม ? ครูพัฒนาหันไปยังครูหนุ่มใหญ่
มี เป็นเรื่องประหลาดมากเลย จึงอยากจะมาปรึกษาอยู่พอดี ครูหนุ่มใหญ่ตอบ
อาจารย์มีอะไรหรือคะ ? ครูสาวถามอย่างสนใจ
เรื่องเด็กหญิงนงเยาว์นะซี ประหลาดมากทีเดียว ออกมาจากโรงพยาบาลคราวนี้ ทำไมเรียนดีขึ้น จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ก็ไม่รู้
อ้าว ! พอเด็กเรียนแย่อาจารย์ก็ว่าไม่ดี พอเด็กเรียนดีอาจารย์ก็ว่าผิดปกติ แล้วอาจารย์จะเอาอย่างไรแน่ ครูกิ่งแก้วแกล้งว่ายิ้ม ๆ
ก็อยากให้แกเรียนดีนะซีคุณกิ่ง แต่ทีนี้อยู่ ๆ แกมาดีขึ้นเกินปกติ ผมก็เห็นว่ามันประหลาด แล้วคุณล่ะ...ในฐานะครูประจำชั้น ป.5 ข. คุณไม่เห็นอะไรผิดปกติในตัวเด็กหญิงนงเยาว์บ้างหรือ ? ครูพัลลภถามครูพัฒนา
ก็เรื่องเดียวกันนี่แหละ ผมกับกิ่งกำลังถกกันอยู่ ครูพัฒนาตอบ
งั้นเหรอคุณสองคนก็เห็นสิ่งผิดปกติเหมือนกันหรือ คุณเห็นว่าผิดปกติยังไงบ้าง ? ครูพัลลภกลับเป็นฝ่ายถาม
ผมให้การบ้านเรื่องการคูณและหารเศษส่วนไป 20 ข้อเมื่อวันศุกร์ เห็นว่าเป็นวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ วันนี้แกเอาการบ้านมาส่งแกทำถูกหมดเลย
ใคร! เด็กนงเยาว์นี่หรือที่ทำเลขเศษส่วนถูกหมด แล้วเด็กคนอื่น ๆ ล่ะเป็นยังไง ถูกไหม ?
กานดา คนได้ที่หนึ่งของห้องทำผิด 8 ข้อ นอกนั้นก็ถูก 6 ข้อมั่ง 5 ข้อมั่ง ไม่มีใครทำถูกถึง 10 ข้อ ความจริงคนที่ถูก 5 ข้อ 6 ข้อเคยเป็นนงเยาว์ ผมก็กำลังคุยกับกิ่งว่ามันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?
งั้นก็เหมือนที่ผมกำลังตั้งข้อสังเกต วิชาสปช.ของผม คุณเชื่อไหม ผมวัดจุดประสงค์ 60 ข้อ ออกข้อสอบเอง คิดว่าโหดที่สุดแล้ว นักเรียนคนอื่น ๆ ได้อย่างมากก็ 45 ข้อ แต่นงเยาว์แกตอบถูกหมด แถมยังเขียนลายมือสวยและสะอาด มันผิดไปเป็นคนละคนเลย แล้วจะให้เข้าใจว่าอย่างไร ?
หมายความว่า การป่วยไปนานนับอาทิตย์ ทำให้เด็กนงเยาว์นี่เรียนดีขึ้น ครูสาวกิ่งแก้วสรุป
ก็ไม่รู้ซี แต่ผลมันออกมาอย่างนั้น ครูพัลลภว่า แล้วก็กล่าวต่อเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
ตอนนี้เรารู้ผลการเรียนของนงเยาว์ 2 วิชาแล้วที่เรียนได้ดี ผมว่าถ้าจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้แน่ เราไปขอดูผลการเรียนวิชาภาษาไทยกับอังกฤษอีก 2 วิชาเถอะ ถ้า 2 วิชานี้ดีเยี่ยมอีกละก็ ผมว่ามันพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว
หมายความว่า ไม่ใช่เรื่องธรรมดา? ครูพัฒนาถาม
ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมกำลังสงสัยในบางสิ่งบางอย่าง แล้วผมจะบอกคุณ 2 คน เมื่อดูผลการทดสอบวิชาภาษาไทยกับวิชาภาษาอังกฤษเสร็จ
ครูพัลลภกล่าวกับเพื่อนครูหนุ่มสาวทั้งสอง แล้วเดินจากไปเข้าห้องสอนของตน
0000
เยาว์ ! ทำไมแกไม่พูดกับฉันเลย แกโกรธฉันที่ไม่ไปเยี่ยมแกที่โรงพยาบาล ตอนแกป่วยนั่นใช่ไหม ?
เด็กหญิงรสสุคนธ์ เพื่อนที่นั่งโต๊ะใกล้กันกล่าวขึ้น เมื่อเห็นว่านงเยาว์ไม่พูดกับใครเลยถ้าไม่จำเป็น เป็นเวลา 3-4 วันมาแล้ว หลังจากออกจากโรงพยาบาล
ฉันไม่ได้โกรธใครทั้งนั้น แล้วฉันก็ไม่เห็นจำเป็นอะไรที่ใคร ๆ จะต้องไปเยี่ยมฉันด้วย เพราะใครจะไปเยี่ยมหรือไม่ไปเยี่ยม มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถึงเวลาที่ฉันเกิดฉันก็เกิด ถึงเวลาที่ฉันตายฉันก็ต้องตาย ไม่มีใครมาช่วยฉันได้แม้แต่หมอ นงเยาว์ตอบเพื่อนด้วยถ้อยคำที่เพื่อน ๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เยาว์ ! ทำไมเธอพูดแปลก ๆ อย่างนั้น สุ้มเสียงสำเนียงเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเธอไม่เคยพูดแบบนี้เลย ตาย ๆ เกิด ๆ อะไรกันเราไม่เข้าใจ เด็กหญิงนั่งใกล้กันอีกคนตัดพ้อ
เห็นเขาว่าแกเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง สมองของแกคงจะไม่ค่อยปกติ มะลิวัลย์อย่าไปชวนมันพูดดีกว่า เห็นไหม...มันพูดจาเลอะเลือนไม่เหมือนเมื่อก่อน
ใช่ ! สมองของฉันมันเลอะเลือน ฉันไม่เหมือนเมื่อก่อน นงเยาว์หันขวับไปยังเด็กหญิงที่เพิ่งพูดจบประโยค
แกนี่เองที่ชื่อกานดา แกคงคิดว่าแกเก่งกว่าฉันนะซี แกจึงมาหาว่าฉันเลอะเลือน เอาเถอะ...ถึงฉันจะเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง แต่ตอนนี้ฉันก็หายแล้ว ในห้องนี้ไม่ว่าแกหรือใครทั้งนั้น ฉันจะต้องพยายามเรียนให้เก่งกว่าพวกแกทุกคนให้ได้ คอยดู
เอ๊ะ ! นี่นังเยาว์มันเป็นอะไรไปนะ มันพูดราวกับว่าไม่เคยรู้จักฉัน กานดาทำท่างงๆ
อ้าว ! ก็แกพูดเองอยู่หยก ๆ อย่าให้ฉันไปชวนพูดเล่นกับมัน ว่ามันเป็นโรคประสาท สมองเลอะเลือน คนเลอะเลือนมันก็ต้องพูดแบบเลอะ ๆ เลือน ๆ มะลิวัลย์ว่าแล้วหัวเราะ
เออ...จริงแฮะ ยายนั่นมันประสาทเลอะเลือน ฉันไม่น่าหลงลืมไปเอาจริงเอาจังกับมันเลย
เด็กหญิงกานดากล่าวกับเพื่อน ๆ พวกเดียวกัน แล้วจากวันนั้นก็ไม่ค่อยมีนักเรียนคนใดในกลุ่มของกานดา จะหันไปสนใจนงเยาว์อีก
3 นายเทียบ และนางลำยอง จิโนเวทย์ รู้สึกประหลาดในในตัวลูกสาว ยิ่งกว่าตอนที่ลูกสาวฟื้นขึ้นในโรงพยาบาล หลังจากที่หมอมาดูอาการแล้วบอกว่า ลูกสาวของเขาตายแล้วเสียอีก เพราะการฟื้นคืนชีพ ขึ้นมาของนงเยาว์คราวนี้ กิริยาอาการ รวมทั้งนิสัยใจคอของนงเยาว์เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน
นายเทียบนึกไปถึงเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล เมื่อหมอเผ่นกลับมาที่เตียงคนไข้ ในทันทีที่พยาบาลไปบอกว่า
หมอคะ เด็กนั่นฟื้นอีกแล้ว
หมอทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก รีบเอาเครื่องตรวจฟังเสียงจี้ตามจุดต่าง ๆ ตรวจอาการดูใหม่อย่างละเอียด ตรวจแล้วก็พยักหน้า ยอมรับว่าสภาพร่างกายของนงเยาว์กลับเข้าสู่ความเป็นปกติอีกหน แล้วรีบให้พยาบาลนำเครื่องมือต่างๆ เข้ามาตรวจเช็ก
ปอด หัวใจ ชีพจร ความดัน อุณหภูมิ...ปกติดีทุกอย่าง นี่เกิดอะไรขึ้น หมอหนุ่มจ้องหน้าเด็กหญิง เด็กหญิงก็จ้องตาตอบ หมอหนุ่มรำพึงในใจ
แน่ใจว่าเรามิได้ตรวจผิด มันเป็นเรื่องเหนือเหตุผล เหนือหลักวิชาแพทย์ที่เราเรียนมา มันเป็นเรื่องที่วิชาการแพทย์ยังเข้าไม่ถึง เป็นเหตุการณ์หนึ่งในล้าน เราเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอ คนตายแล้วฟื้น มีเล่ากันอยู่ นงเยาว์รบร้าวขอกลับบ้านทันทีตั้งแต่คืนนั้น แม้หมอจะบอกว่าขอให้อยู่รอดูอาการอีกสักคืน แต่ทว่าไม่อาจจะขัดได้เมื่อเป็นความต้องการของคนไข้ ที่บอกว่าตนหายแล้ว
พอถึงบ้าน นายเทียบประหลาดใจอีกหน ประหลาดและตกใจจนกลายเป็นความหนักใจและไม่สบายใจ
นี่หรือพ่อ...บ้านเรา ทำไมรกสกปรกรุงรัง คับแคบอุดอู้ยังงี้ นี่อยู่กันเข้าไปได้ยังไง ทั้งสกปรกและแคบราวกับเล้าไก่ นงเยาว์พูดด้วยสำเนียงภาษากลางชัดแจ๋ว ไม่ใช่สำเนียงคนภาคใต้อย่างที่เคยพูด
ทำไมลูกพูดอย่างนี้ เราจนนี่ลูก แค่มีบ้านอยู่ มีข้าวกิน เราก็นับว่าดีกว่าคนอื่น ๆ อีกหลายคน ใคร ๆ แถวนี้ก็อยู่กันอย่างนี้แหละคนที่แย่กว่าเรายังมี เอ้อ...ลูกเพิ่งฟื้นจากการป่วย คงจะยังจำอะไรไม่ค่อยได้ ลูกไปนอนพักผ่อนก่อนเถอะ
นายเทียบไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไรดี นอกจากหันไปสบตานางลำยองผู้เป็นภรรยา
เชอะ...ไปอยู่โรงพยาบาลมา 5-6 วัน กลับมาดัดจริตเป็นผู้ดีแปดสาแหรก มยุรีผู้เป็นพี่สาวแหวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นงเยาว์หันขวับไปทางพี่สาว
แกเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาว่าฉัน นงเยาว์ถลึงตาเข้าใส่พี่สาว
ดูซีมันถึงกับจำพี่จำเชื้อไม่ได้เสียแล้ว
นางลำยองปรับทุกข์กับนายเทียบ ก่อนจะลดเสียงลงเป็นกระซิบพูดกัน 2 คนผัวเมียพอได้ยินว่า
ฉันว่านังเยาว์มันเสียสติไปแล้ว มันหายจากอาการป่วยทางร่างกาย แต่ประสาทและความรู้สึกมันเป็นคนเสียสติ
เฉย ๆ ไว้ก่อนน่ายอง ลูกมันเพิ่งหายป่วยใหม่ ๆ มันอาจจะยังปรับความรู้สึกเดิม ๆ ไม่ได้ ปล่อยมันไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปถือสาหาความมัน
นายเทียบกล่าวกับนางลำยองจบ ก็หันไปปรามลูกสาวคนโตว่า รี แกอย่าไปถือสาน้องเลย น้องมันป่วยเป็นอย่างไรแกก็รู้ มันรอดจากมาลาเรียขึ้นสมองมาก็บุญแล้ว หมอบอกว่าประสาทของมันถูกเชื้อมาลาเรียทำลาย ปล่อยให้น้องมันพักผ่อน มันจะพูดจะว่าอย่างไรก็ตามใจมันเถอะ บางทีพอร่างกายปรับตัวได้ สมองของมันอาจจะกลับเหมือนเดิมก็ได้
พ่อพูด พ่อทำราวกับหนูเป็นบ้า หนูไม่ได้บ้านะพ่อ แต่...แต่ หนูบอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมสมองของหนูมันเบลอ ๆ หนูคล้าย ๆ กับจะจำทุก ๆ คนที่นี่ได้ แต่สำหรับพ่อกับพี่คนนี้... นงเยาว์ชี้ไปที่ประทีปพี่ชาย
หนูรู้สึกเหมือนว่าพ่อกับพี่คนนี้ เคยมีบุญคุณกับหนูมาก่อน พ่อกับพี่คนนี้...เคยช่วยให้หนูพ้นจากความตาย นงเยาว์เอานิ้วชี้มือขวาจี้ที่หน้าผาก ตามองกวาดไปยังทุก ๆ คน
ดูมันพูดเข้าซี แม้แต่พี่ของมันแท้ ๆ มันยังจำไม่ได้ สติสตังของมันวิปลาสไปจริง ๆ นางลำยองส่ายหน้ามองหน้าลูกสาวคนรองอย่างวิตกเป็นทุกข์
ก็แกป่วยเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง พ่อกับพี่ธีปพาแกไปส่งโรงพยาบาลให้หมอรักษา แกจึงรอดชีวิตกลับมา ก็นี่แหละที่พ่อกับพี่ธีปช่วยแกให้พ้นความตาย มยุรีสสอดขัดขึ้น
ไม่ใช่ ไม่ใช่การช่วยครั้งนี้ พ่อกับพี่เคยช่วยฉันให้รอดจากความตายของคนใจร้ายที่คิดจะฆ่าฉัน แต่มันนาน... นานหลายชาติมาแล้ว นงเยาว์กล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
เฮ้อ ! ในที่สุดแกก็บ้าไปแล้วจริง ๆ มยุรีส่ายหน้ารำพึงดัง ๆ
00000
เป็นยังไงวิชิต ผลการเรียนของนงเยาว์ ครูพัฒนาถามครูสอนวิชาภาษาไทย หลังจากครูหนุ่มตรวจข้อทดสอบเสร็จ
ได้คะแนน 50 เต็ม ทำถูกหมดทุกข้อ ไหนคุณว่าเด็กนงเยาว์นี่เป็นมาลาเรีย เชื้อไข้ขึ้นสมอง ถึงรอดมาได้ก็จะเรียนอะไรไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าเก่า ครูวิชิตกล่าวคล้ายจะต่อว่า
ผมไม่ได้ว่าเองนะ ใคร ๆ เขาก็พูดกันอย่างนี้ แม้แต่หมอที่รักษาแก หมอว่าถ้ารอดปลอดภัยมาได้ เธอก็จะเป็นเหมือนเด็กปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้ผมเองก็งงไปหมด เพราะคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ของผมวิชาสปช.ของอาจารย์พัลลภ เธอก็ทำได้ถูกหมด แถมลายมือก็สวยกว่าเดิม จนเทียบไม่ได้เลยกับนงเยาว์ก่อนป่วย ครูพัฒนารีบชี้แจง
ตอนอยู่โรงพยาบาล หมอทำอะไรกับแกบ้างหรือเปล่า เป็นต้นว่าผ่าตัดสมอง แล้วยัดอะไรเข้าไปอย่างในนวนิยายบางเรื่อง ครูวิชิตกล่าวแล้วหัวเราะ
ถามดูแล้วหมอไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรหมอยังวินิจฉัยว่าเธอได้ตายไปแล้วเสียอีก ก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
อะไรกัน คุณเอาอะไรมาพูด ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก เด็กนงเยาว์นะหรือตายแล้วฟื้น คนตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาได้ไง คราวนี้แหละยิ่งกว่านวนิยาย ครูวิชิตหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
แต่ครูหนุ่มไม่ได้นึกขำไปด้วย เมื่อวิชิตหยุดหัวเราะ พัฒนาจึงกล่าวขึ้นว่า
เรื่องนี้คุณเทียบเป็นคนมาเล่าให้ผมฟังเอง คุณเทียบเล่าว่าหมอบอกตอนก่อนที่นงเยาว์จะฟื้นขึ้นมาว่า นงเยาว์ตายแล้ว แต่อีกไม่ถึง 5 นาทีต่อมานงเยาว์ก็ฟื้นขึ้นมา ฟื้นแล้วหมอให้พักอยู่ต่ออีกสักคืนแกก็ไม่ยอม รบเร้าขอกลับบ้านท่าเดียว
น่าประหลาด...ผมว่าเรื่องนี้มันมีอะไรที่ประหลาด ๆ มหัศจรรย์พันลึกอยู่นะ คุณสังเกตดูนงเยาว์ตอนนี้ซี แต่งกายสะอาดสะอ้าน ผิดไปเป็นคนละคน เสื้อผ้าที่สวมใส่รีดเรียบ ใส่ถุงเท้ารองเท้ามาโรงเรียน กิริยาท่าทางก็ผิดไปเป็นคนละคนกับนงเยาว์คนก่อน
เมื่อก่อนเสื้อผ้าที่สวมใส่เก่าคร่ำ ดำสกปรก ซักอาทิตย์ละครั้ง หน้าตาสกปรกมีขี้หูขี้ตา ท่าทางเซื่องซึม มาตอนนี้ดูแจ่มใสร่าเริง ช่างซักช่างถามภาษากลางที่พูดชัดเจนราวกับเป็นคนกรุง
ใช่ ! ผมกำลังสังเกต และกำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี พอดีคุณพัฒน์พูดขึ้น ครูวิชิตพยักหน้า
ครูพัฒนา ครูประจำชั้นจึงเล่าต่อไปว่า ยังมีเรื่องแปลกกว่าที่ว่านี้อีก ตอนนี้นงเยาว์เปลี่ยนแปลงระบบความเป็นอยู่ภายในบ้านไปเกือบหมด ไม่กินอาหารรสเผ็ดจัด ไม่กินแกงไตปลา น้ำพริก อาหารพื้นบ้านแบบที่เรา ๆ กินกัน จัดบ้านช่องทำความสะอาดใหม่หมด...
ครูหนุ่มเล่าเรื่องไม่ทันจบ ครูสาวก็เดินถือใบคะแนนวิชาภาษาอังกฤษเดินเข้ามาส่งให้ครูหนุ่มดู พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
นงเยาว์ทำคะแนนวิชาภาษาอังกฤษได้เต็มอีกค่ะพัฒน์ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน กิ่งเบลอไปหมดแล้ว
ครูพัฒนา พลเมือง รับใบคะแนนจากมือครูสาวไปดู ทำท่าตกใจแล้วขมวดคิ้ว ไม่ใช่ไม่ยินดีที่เด็กของตนเรียนดีขึ้น แต่มันประหลาดว่าอยู่ ๆ เหตุการณ์ของนงเยาว์กลับเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ
ตะกี้พัฒน์เล่าเรื่องของนงเยาว์อยู่ใช่ไหม เล่าอีกซีคะ...กิ่งอยากฟัง ครูสาวเร่งครูหนุ่มที่เธอให้ความสนิทสนมถึงขั้นแฟน
คุณเทียบแกกำลังสงสัยว่า นงเยาว์จะไม่ใช่นงเยาว์คนเดิมที่เป็นลูกสาวแก ครูพัฒนาต่อเรื่อง
อ้าว ! ไม่ใช่ลูกคุณเทียบ แล้วจะเป็นลูกของใครล่ะ นงเยาว์ก็คือนงเยาว์เห็น ๆ อยู่ แม้ว่านิสัยใจคอ ความประพฤติจะเปลี่ยนไปจากเดิมก็ตาม แต่คนเรามันสามารถที่จะปรับเปลี่ยนบุคลิกที่ไม่ดีให้ดีขึ้นได้นี่ บางทีแกอาจจะไปเห็นไปพบตัวอย่างที่ดี ๆ มาก็ได้ ครูวิชิต ครูสอนวิชาภาษาไทยแย้งขึ้น
คุณเทียบแกเล่าว่า ก่อนที่นงเยาว์จะออกจากโรงพยาบาล อาการของแกเพียบหนัก หมอและพยาบาลต้องช่วยกันพัลวัน แล้วนงเยาว์ก็สิ้นใจ แต่สิ้นใจไปไม่ถึง 5 นาทีเธอก็ฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาคราวนี้ปกติดีทุกอย่าง ไม่ยอมนอนต่อให้หมอตรวจอีกครั้ง รบเร้าให้คุณเทียบพามาบ้าน
พอมาถึงบ้านก็บ่นว่าบ้านสกปรก คับแคบ อยู่กันได้อย่างไร ห้องนอนไม่สะอาด ห้องน้ำห้องส้วมไม่มี ให้คุณเทียบจัดการแก้ไขด่วน ให้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ให้ทำสนามหญ้าหน้าบ้าน ไม่ให้ล่ามวัวควายใต้ถุน ให้ไปทำคอกไว้ไกล ๆ บ้าน ให้ทำเล้าไก่ ทำคอกหมูไม่ให้ปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน อาหารรสเผ็ดกินไม่ได้ จะกินแต่อาหารรสจืด ๆ เลี่ยน ๆ ไม่ยอมพูดภาษาใต้ คุณเทียบว่านงเยาว์คนนี้ไม่ใช่ลูกแก เพราะลูกแกไม่เคยเป็นอย่างนี้
หมายความว่าผีมาเข้าหรือมีวิญญาณอื่นมาเข้าสิง อย่างนั้นใช่ไหม ? ครูวิชิตถามสอดขึ้น
ก็คงเข้าทำนองนั้น แต่คนที่ถูกผีเข้า ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้อีกเหมือนกัน มันคล้าย ๆ กับว่าเป็นคนใหม่แต่อยู่ในร่างเก่า ครูพัฒนาตอบ
งั้นนงเยาว์คนนั้นก็ตายไปแล้ว ส่วนคนนี้มาสวมร่างแทน ครูสาวกิ่งแก้วสรุปจากที่ยืนฟัง
แล้วคุณเทียบแกจะเอายังไง ความจริงลูกมีการปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างนี้น่าจะภูมิใจ ครูหนุ่มใหญ่ที่ชื่อพัลลภให้ความเห็น
สำหรับเรานั้นแน่ละ ที่จะต้องพอใจกับการที่เด็กโง่และสกปรกคนหนึ่ง มาเปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้ แต่สำหรับคุณเทียบเราก็รู้ว่า แกยอมรับสภาพแบบผู้ดี ๆ ไม่ได้ คือเขาเคยอยู่กันมาแบบพื้นบ้าน ครูพัฒนาเสริมด้วยความเห็น
มันจะอะไรนักหนา ผมว่าดีแล้ว คนอย่างคุณเทียบนะ ลองให้เปลี่ยนรูปลักษณ์เสียบ้าง คนอื่น ๆ ที่แย่ ๆ จะได้เอาตามอย่างบ้างคุณเคยไปบ้านแกไหม บ้านแกสกปรกมาก บ้านช่องไม่รู้ว่ากี่วันกวาดครั้ง ขันน้ำที่ตักมาให้ผมกินวันนั้นดำปี๋จนผมไม่กล้ากิน ครูพัลลภว่าตามที่เคยไปบ้านนายเทียบมา
แค่ถ้าให้บ้านช่องสะอาดขึ้นน่ะดีแน่ แต่ผมว่าที่คุณเทียบแกสู้ไม่ไหวก็ตรงนี้ ตอนนี้นงเยาว์ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเก่า ไม่ยอมกินน้ำพริก แกงไตปลา ไม่ยอมกินแกงหอยขม จะกินแต่ไข่เจียว ไข่ดาว หมูทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืดหมูสับ ปลากะพงราดพริก แกงเขียวหวานไก่ การแต่งกายก็เปลี่ยนใหม่
ตอนนี้จากนงเยาว์ที่เคยเซื่องซึมสกปรก กลายเป็นนงเยาว์ที่โผงผาง พูดจาแต่ละคำเฉียบคม เรียนเก่งไม่มีใครสู้ ตอนนี้นักเรียนที่เคยเรียนดีได้ที่ 1 กลายเป็นที่ 2 ที่ 3 ไปแล้ว แล้วคะแนนก็ห่างกันลิบลับ ครูพัฒนาชี้แจง
แล้วคุณเทียบจะให้ทำอย่างไร หากว่าแกไม่ยอมรับว่านงเยาว์ที่ฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นนงเยาว์ลูกสาวแก จะให้ขับไล่ไปอย่างนั้นหรือ ครูวิชิตสงสัย
คงไม่ขนาดนั้นหรอก เพียงแต่แกมาปรึกษาเพื่อขอความเห็นว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไปเท่านั้น
ก็ไม่ต้องทำอย่างไร เลี้ยงดูแกไป แล้วก็ดูไปเรื่อย ๆ ผมว่าเด็กแบบนงเยาว์คนใหม่นี่แหละ น่าจะมาช่วยให้คุณเทียบได้ดีมีระดับขึ้น ถ้าเป็นลูกสาวผมนะ ลงว่าเรียนเก่งและฉลาดอย่างนี้ ผมจะทุ่มให้เรียนสูง ๆ อาจจะให้เรียนแพทย์ เรียนหมอ เรียนบัญชี เรียนเศรษฐศาสตร์อะไรก็ได้ จบมาได้ทำงานธนาคาร พ่อแม่พลอยมีหน้ามีตา ครูพัลลภให้ความเห็น
แต่คุณเทียบไม่เคยมีนิสัยที่ส่งเสริมให้ลูกเรียนต่อ หรือเรียนสูง ๆ เลยสักคน ลูก ๆ ของแกทุกคนยังไม่ทันจะจบ ป.5 ป.6 แกให้ออกไปช่วยงานบ้าน ช่วยงานในไร่ในนาเสียแล้ว มาคราวนี้แกจึงคิดว่านงเยาว์จะทำให้ลำบาก
แต่เอาเถอะ...ผมจะลองแนะนำแกดูตามความเห็นของพี่ เพราะผมเองก็อยากจะให้เป็นอย่างพี่ว่า คือแกจะเป็นใครที่ไหนมาก็ตาม ลงว่ามาเป็นคนดีคนเก่งก็น่าจะช่วยกันส่งเสริม ผมคิดของผมอยู่เหมือนกันว่า ความจริงน่าจะเป็นบุญของคุณเทียบ ที่ได้ลูกสาวแบบนี้มาแทนนงเยาว์คนเก่า
ถ้อยคำของครูในโรงเรียน เป็นบทสรุปสำหรับนงเยาว์ในวันนั้นแต่สำหรับนายเทียบ หาได้เป็นอย่างที่คณะครูสรุปไม่...
00000
แกอย่ามาทำดัดจริตนักเลยนังเยาว์ เดี๋ยวข้าตบชัก แกไปได้นิสัยผู้ดิบผู้ดีมาแต่ไหนหือ...น้ำพริกก็กินไม่ได้ แกงเลียงยอดลำเพ็งก็กินไม่เป็น อยากจะกินแต่ไข่ทอดไข่เจียว ใครจะหามาจากไหนให้แกกินได้ทุกวัน มยุรีลูกสาวคนโตของนายเทียบ ดุว่าน้องสาวผู้เปลี่ยนผันชีวิตใหม่
โธ่พี่ ! กะอีแค่กินไข่เจียวไข่ทอด มันจะถึงกับวิเศษวิโสอะไรนักหนาเชียว ไข่ก็ลูกละ 3 สลึงเท่านั้น ฉันอยากกินอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ ฉันกินไม่ได้ จะมาบังคับให้กินได้ยังไง แค่กินไข่มื้อละฟอง มันถึงกับต้องดัดจริตเป็นผู้ดิบผู้ดีเชียวหรือ แล้วไข่นี่ฉันก็ซื้อมาเอง จากเงินที่ฉันประหยัดไว้จากค่าขนมที่พ่อให้ไปกินที่โรงเรียน ไม่ได้มารบกวนอะไรพ่อกับแม่สักหน่อย นงเยาว์เถียงพี่สาว
ชะ...ชะ...นี่จะเอาใหญ่แล้วนะแกนะ เดี๋ยวนี้อวดเก่งอะไรขึ้นมาเถียงคำไม่ตกฟาก เดี๋ยวฉันก็ตบให้จริง ๆ หรอก มยุรีขึ้นเสียงเดินเข้ามาทำท่าจะตบน้องสาว
สองคำก็ตบ สามคำก็ตบ รู้จักมีเหตุมีผลบ้างซี อยากรู้นักฉันทำผิดอะไร แค่ฉันซื้อไข่มาจะทอดกิน พี่ก็พี่เถอะ นงเยาว์ไม่ยอมอ่อนข้อให้มยุรีอย่างที่เคยอ่อน
มยุรีนึกว่านงเยาว์จะเหมือนนงเยาว์คนก่อนที่โง่ เซ่อ ใครว่าใครด่าอย่างไรก็ไม่ต่อปากต่อคำ จึงปรี่เข้ามาหาจับแขนขวาน้องสาวไว้ แล้วเงื้อมือขึ้นหมายจะตบให้เต็มแรง แต่ทว่าพอเงื้อมือนงเยาว์ก็ก้มหัวหลบวืด จนมยุรีเสียหลักเซไป
แก! แกหลบเรอะ ! แกอยากลองดีกับฉัน ดีแล้ว...ฉันจะตบแกให้ตาย ! มยุรีส่งเสียงดัง ผวาเข้าไปใหม่อย่างเคียดแค้น ที่ไม่อาจจะทำอะไรแก่นงเยาว์ได้
มยุรีพุ่งตัวเข้าหมายจะกอดปล้ำจับตัวนงเยาว์ แต่นงเยาว์คนใหม่ไม่เหมือนคนเก่า เธอหลีกหลบอย่างคล่องแคล่ว แค่มือของมยุรีมาแตะลำตัวเธอก็ปัดออก มิหนำซ้ำเรี่ยวแรงของนงเยาว์ก็ดูหนักหน่วง แค่ปัดปิดป้องยังไม่ทำอะไรตอบโต้ มยุรีก็เสียหลักเข้าไม่ติด
ตอนหนึ่งมยุรีเสียหลักหัวพุ่งไปชนฝา หน้าผากบวมปูด มีเลือดไหลออกมาทันที มยุรีเจ็บก็เจ็บ โกรธก็โกรธ แต่พอเห็นเลือดก็ตกใจใจฝ่อ นั่งลงเอามือปิดแผลที่เลือดออก
แก ! แกทำให้ฉันเจ็บ ฉันจะบอกพ่อกับแม่ มยุรีชี้หน้าร้องไห้โฮ ๆ ที่ไม่อาจจะทำอะไรน้องสาวได้ ได้แต่กล่าวคำอาฆาต ฉันจะบอกพ่อให้ตีแกให้ตาย แกทำให้ฉันหัวแตก
ใครไปทำอะไรพี่ พี่จะตบตีฉัน ฉันปิดป้องหลบ แล้วพี่ก็พุ่งไปเอาหัวชนฝาเอง นงเยาว์หัวเราะหยัน
สู้เขาไม่ได้แล้วอย่าพาลซี
นงเยาว์เห็นพี่สาวหมดฤทธิ์ก็สงสาร รีบไปหาสำลีกับยาแดงมาส่งให้
นี่ยาแดง เอาเช็ดแผลซะ หรือไม่ก็เอามือออก ฉันจะทำแผลให้ พี่ทำตัวของพี่เองนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรพี่
นงเยาว์พยายามพูดด้วยเหตุผล แต่มยุรีไม่ฟังเหตุผล คงเอาแต่นั่งร้องไห้ ไม่ยอมรับสำลีและยาแดง นงเยาว์จึงวางของทั้งสองสิ่งไว้ให้แล้วลุกเดินหนีไป
00000
ฉันต้องลงโทษแกนังเยาว์ แกเป็นต้นเหตุทำให้พี่เขาหัวแตก นายเทียบเริ่มพิพากษาตัดสินความคู่กรณี หลังจากรับฟังคำกล่าวฟ้องของลูกสาวคนโต
แต่พ่อต้องฟังฉันบ้าง ไม่ใช่ฟังแต่พี่รีข้างเดียว พ่อลองถามพี่รีดูซิว่าจะตบจะตีฉันทำไม ฉันผิดอะไร แค่ฉันซื้อไข่ไก่มา 2 ฟองจะทอดกิน พี่รีก็ด่าฉัน หาว่าฉันดัดจริตจะเป็นผู้ดี แค่กินไข่ใบละ 3 สลึง ต้องเรียกว่าผู้ดีด้วยหรือ แล้วเงินที่ฉันซื้อไข่มากิน ก็เป็นเงินที่ฉันกระเหม็ดกระแหม่จากเงินค่าขนม ที่พ่อจ่ายให้ฉันวันละบาท ไปกินขนมที่โรงเรียน ฉันไม่ได้ขอเงินพ่อไปซื้อ พอฉันให้เหตุผลพี่รีก็จะตบตีฉัน
แต่มันท้าฉันนะพ่อ มันท้าว่าลองเข้าไปตบซีมันก็มีมือ มันจะตบฉันด้วย ฉันจึงโมโหที่มันท้าและเถียงไม่ตกฟาก มยุรีพยายามยกความผิดของน้องสาวมาชี้แจง
เดี๋ยวนี้เถียงพี่ทุกคำ แกไม่เกรงกลัวพี่เลย เป็นน้องต้องเชื่อฟังพี่ ฉันต้องตีแกที่ท้าทายพี่ ขู่จะตบพี่ นายเทียบคว้าไม้เรียวเดินเข้าหาลูกสาว
พ่อจะตีฉันก็ได้ แต่ฉันขอถามพ่อสักหน่อยว่า ถ้าพี่มาด่า มาว่าฉันแบบผิด ๆ โดยไม่มีเหตุผล ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดความจริงให้พี่ฟังบ้างเลยหรือ หรือว่าคนที่เกิดมาเป็นน้องจะต้องผิดเสมอ ส่วนพี่ก็ถูกเรื่อยไป พี่ว่าถูกก็ต้องถูก พี่ว่าผิดก็ต้องผิด ทั้ง ๆ ที่ไม่ผิด
นงเยาว์ไม่นึกกลัวที่พ่อจะทำโทษ แต่นึกเสียใจที่พ่อกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลกลับไปเข้าข้างพี่สาว
ก็แกมันหัวหมอ เจ้าถ้อยเจ้าคารมอย่างนี้นี่แหละนังเยาว์ ฉันจึงอยากจะตีแก แกไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ยังไง ๆ ฉันก็จะต้องตีสั่งสอน ไม่งั้นจะเหลิงใหญ่ กับพี่กับเชื้อก็ไม่กลัว นายเทียบว่าแล้วก็ยกไม้เรียวขึ้นสูง
แต่ทว่าทันใดนั้น
พ่อ ! พ่ออย่า อย่าตียายเยาว์นะ ยายเยาว์ไม่ผิด
เสียงหนึ่งร้องห้าม พร้อมกับร่างกายแข็งแรงล่ำสันสมชายชาตรีของหนุ่มวัยรุ่น ก้าวขึ้นชานเรือนมา นายเทียบหันไปมองแล้วชะงัก
00000


ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร "ตายแล้วไปไหน" (เครือโลกทิพย์-ขวัญเรือน) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๓๘ ใช้นามปากกาว่า"ผกายฟ้า ประกาศิต"
และตีพิมพ์ในแรงบุญแรงกรรม ปี พ.ศ.๒๕๕๑ นามปากกา "ไพบูลย์ พันธ์เมือง" มาจบในผี ๔๘ ปี ๒๕๕๓ ครับ แบบว่าเรื่องมันดี(มั้ง)อิ ๆ

ตอนนี้มีพวกพ้องในวงการหนังสือ หรือลูกศิษย์ลูกหาทางการเขียนช่วยเหลือ จะให้พิมพ์รวมเล่มออกมาวางจำหน่าย ก็กำลังคิดอยู่
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2554 19:22:20 น. |
|
25 comments
|
Counter : 1581 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ผกายฟ้า ประกาศิต (pantamuang ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:36:23 น. |
|
|
|
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:43:24 น. |
|
|
|
โดย: หนูแอน (seton ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:44:21 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:11:13 น. |
|
|
|
โดย: ไกลบ้าน IP: 109.46.128.236 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:28:53 น. |
|
|
|
โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:05:08 น. |
|
|
|
โดย: ผกายฟ้า ประกาศิต (pantamuang ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:33:57 น. |
|
|
|
โดย: หนูแอน (seton ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:10:37 น. |
|
|
|
โดย: seton วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:27:08 น. |
|
|
|
โดย: หญิงแก่น วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:49:45 น. |
|
|
|
โดย: ผกายฟ้า ประกาศิต (pantamuang ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:10:32 น. |
|
|
|
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.111.198 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:52:24 น. |
|
|
|
โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:07:04 น. |
|
|
|
โดย: คุณแอน (seton ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:25:37 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:24:03 น. |
|
|
|
โดย: หญิงแก่น วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:55:50 น. |
|
|
|
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:08:08 น. |
|
|
|
โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:17:08 น. |
|
|
|
โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:44:40 น. |
|
|
|
โดย: ผกายฟ้า ประกาศิต (pantamuang ) วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:38:29 น. |
|
|
|
โดย: คุรแอน (seton ) วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:50:09 น. |
|
|
|
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:57:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คุณเทียบนั้นเป็นเพื่อนพระบวชอยู่วัดเดียวกับลุง คุณเทียบเรียนจบแค่ชั้น ป.๔ มีภรรยาตั้งแต่อายุ ๒๐ มีลูก ๓ คน คุณเทียบทำงานหนักมาก อาชีพหลักคือขึ้นต้นมะพร้าวปาดตาล หน้าตาแก่เกินวัย ตอนบวชลุงอายุ ๑๗ แต่คุณเทียบ ๓๐ กว่าแล้ว เราสนิทสนมถูกคอกันมาก ลุงเคยแอบชอบ ๆ ลูกสาวมยุรี พี่สาวของนงเยาว์อยู่ตอนนั้น แฮ่ ๆ แบบว่าลูกสาวแกจัดว่าสวยทีเดียว
แต่เป็นเณรอยู่ยังไม่สึกก็เลยเฉยไว้ ส่วนนงเยาว์อายุยังน้อยมากเพิ่งเข้าโรงเรียน พอลุงอายุ ๒๕ เรียนจบ ม.๖ และสอบวาดเขียนโทได้ ได้เข้าเป็นครูที่พังงา น้องชายลุงคือ ครูพัฒนา พลเมือง (ชื่อสมมุติ)ได้สอนนงเยาว์และเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในปี ๒๕๑๒ ลุงเลยเอามาแต่งเป็นนิยายเมื่อปี ๒๕๓๕
ถ้าพิมพ์รวมเล่มคงต้องแก้ไขบ้าง ขอบคุณ ๆ อัยย์ที่มาชี้แนะ เฃิญทุกท่านติติงกันตามสบายครับ จะขอบคุณอย่างยิ่ง