"ที่ว่างของงานเขียน..เล็กๆแต่อบอุ่น [Love&Warmth]"
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
แม่ของผม




โดย..รัน




เท่าที่เขียนหนังสือมา ผมมักจะเขียนถึงแต่เรื่องชีวิตผู้คนที่อยู่ไกลตัวผมออกไปเสมอ นับตั้งแต่ ขอทาน กรรมกร โสเภณี ลูกศิษย์ลูกหา ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี แต่มีอยู่ผู้หนึ่ง ทั้งที่เป็นคนใกล้ตัวผมที่สุด ผมกลับไม่เคยเขียนถึงเลย นั่นก็คือ “แม่” ของผม
ครั้งนี้...ผมขออนุญาตเขียนถึงท่านครับ


1

แม่ของผม เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ในจังหวัดแห่งหนึ่ง ริมฝั่งทะเลตะวันออก เกิดและเติบโตในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่อากาศดีและสวย

แม่เคยเล่าให้เรา คือ ผม พี่ชายทั้งสอง และน้องสาวอีกหนึ่ง ฟังว่า พบพ่อในงานวัดที่อำเภอเป็นผู้จัด แม่เป็นแม่ค้าขายขนมหวาน พ่อเป็นลูกค้าที่มาซื้อ หลังงานวัดเลิก พ่อตามแม่มาถึงกระท่อมริมทะเล แล้วก็ตามจีบเรื่อยมา ฟันฝ่าดงแข้งจากนักเลงเจ้าถิ่น จนได้หัวใจแม่มาครอง แต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ในที่สุด

ทว่านิทานของแม่ กลับถูกพ่อปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พ่อบอกว่า แม่นะมาจีบพ่อเอง จนพ่อใจอ่อน ยอมรับรัก

ขณะที่คนกลางอย่างเรา ซึ่งเกิดไม่ทัน กลับเลือกที่จะเชื่อแม่กันหมด เพราะจากรูปถ่ายหลักฐานสำคัญเมื่อ 40 ปีก่อน ยืนยันได้ครับว่า แม่สวยมาก ส่วนพ่อก็ขี้เหร่มากเช่นกัน นั่นเองที่ทำให้ลูกๆ จึงมีเหตุผลที่จะปักใจเชื่อว่า พ่อนั่นแหละที่เป็นฝ่ายมาจีบแม่ก่อน

แม่สวยไม่สวย ก็คิดดูกันเอาเองเถอะครับว่า ในงานเทศกาลทุเรียนประจำปีของอำเภอปีหนึ่ง แม่เคยเข้าประกวดนางงามทุเรียนกับเขาด้วย และก็คว้าเอาตำแหน่งชนะเลิศมาครอง ครั้งใดที่แม่คุยฟุ้งเรื่องนี้ให้เราฟัง ลูกๆ มักจะแซวแม่ว่า ที่แม่ได้ที่ 1 ก็เพราะมีคนเข้าประกวดอยู่ 3 คน 2 คนที่แพ้แม่นั้น คนหนึ่ง ตาเหล่ อีกคนขาเป๋ ยังไง้ ยังไง แม่ก็ต้องได้เป็นที่ 1 อยู่วันยังค่ำ

สิ้นเสียงหัวเราะร่าของเรา กระโถนใส่น้ำหมากของแม่ก็จะแหวกอากาศหวือตามมาทุกที


2

ผมเป็นลูกชายคนเล็ก จึงเป็นลูกติดแม่ ขณะที่แม่ก็ติดผมเช่นกัน ด้วยเหตุนี้กระมัง แม่จึงเคร่งครัดเอากับผม มากกว่าพี่ชายทั้งสองเป็นพิเศษ

หลังเลิกเรียน ด้วยความรักและความเป็นห่วงบ่วงใยของแม่ ผมต้องกลับบ้านตรงเวลาเสมอ จะเถลไถล เที่ยวเล่นไปในสวนดอกไม้หลังบ้าน ไล่จับผีเสื้อแมลงปอ ตามประสาเด็กเล็กนั้น อย่าได้หวัง

แต่มีครั้งหนึ่ง ผมฝ่าฝืนกฎของแม่ เพราะมัวแต่เล่นทอยตุ๊กตุ่นกับเพื่อนที่หลังโรงเรียนจนลืมเวลา เหยียบหัวกระไดบ้าน ก็เมื่อตอนพระอาทิตย์อยู่ตรงเส้นขอบฟ้าแล้ว

แม่เอะอะ ดุว่า และใช้ไม้ขัดหม้อตีตูดผมเสียหลายที ตีไปก็ร้องไห้ไป ในขณะที่ผมซึ่งเป็นคนถูกตีแท้ๆ กลับไม่มีน้ำตาสักเม็ด

ในตอนนั้น ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า แม่เป็นอะไร ทั้งที่ไอ้คนเจ็บนะคือผม ไม่ใช่แม่เสียหน่อย กระทั่งได้มามีลูกเอง นั่นแหละ...ผมจึงได้เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

3

แล้วเช้าตรู่อันแสนเศร้าก็มาถึง เมื่อผมอายุราว 7-8 ขวบ ระหว่างที่ลูกชาย 3 คน นั่งล้อมวงกินข้าวเช้า ก่อนไปโรงเรียน น้องสาวคนเล็กนอนอยู่ในเปล แม่กับพ่อเกิดทะเลาะกันด้วยสาเหตุอะไร ผมเองก็จำไม่ได้เสียแล้ว แม่จะเลิกกับพ่อ จะกลับไปอยู่กระท่อมริมทะเลของตายาย โดยจะเอาน้องสาวไปเพียงคนเดียว

“พวกหนูอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ นี่แหละ”

แม่ยืนตัวสะท้าน กลั้นสะอื้น และพูดต่อว่า
“จะได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีวิชาความรู้ ต่อไปภายภาคหน้าจะได้สบาย ได้เป็นเจ้าคนนายคน”

สิ้นเสียงแม่ มีผมคนเดียวเท่านั้น ที่ปล่อยโฮออกมาจะเป็นจะตาย พี่ชายทั้งสองเขาโตแล้วมั้ง เลยไม่เห็นจะร้องอะไรกัน ผมทิ้งช้อนข้าวลงไปในจานสังกะสี ลุกพรวดพราดออกจากสำรับกับข้าว วิ่งเข้าไปกอดขาแม่ที่อุ้มน้องสาว กำลังก้าวเดินออกไปจากบ้าน

ผมสะอึกสะอื้นบอกกับแม่ว่า ผมจะไม่ไปเรียนหนังสือแล้ว ผมจะไปกับแม่ ผมไม่อยากเป็นหรอก ไอ้เจ้าคนนายคนเฮงซวยอะไรนั่น มันไม่ได้มีความหมาย ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรเลยกับชีวิตผม เท่ากับการได้อยู่กับแม่

พูดไป น้ำตาของผมก็ร่วงใส่ผ้าถุงแม่ไปจนเปียกชุ่ม แล้วแม่ก็ร้องไห้โฮออกมา กระชับน้องสาวกับอกแน่น พลางเอื้อมมือมาจูงมือผมที่อยู่ในชุดนักเรียนประถม เดินป้ายน้ำตากลับเข้ามาในบ้านเหมือนอย่างเดิม

4

และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผมและพี่ชายกลับมาจากโรงเรียนในตอนเย็นวันหนึ่ง บ้านช่องเงียบเหงาราวป่าช้า มีแต่อา -น้องสาวพ่อมาช่วยเลี้ยงน้องสาวแทน อาบอกเราว่า เมื่อกลางวัน แม่เกิดปวดท้องมาก พ่อจึงพาแม่ไปโรงพยาบาล หมอตรวจพบเนื้องอกที่ท้อง ต้องรีบผ่าตัดด่วน อาบอกให้เรารอฟังข่าวกันอยู่ที่บ้าน

ตกค่ำ ใต้ฟ้ามืดที่เกลื่อนไปด้วยแสงดาว เรา 3 คนพี่น้อง นั่งกอดเข่าเรียงกัน รอฟังข่าวแม่อยู่ที่นอกชาน ใจคอไม่สู้ดี เพราะเท่าที่รู้ การผ่าตัดเนื้องอก เมื่อ 20-30 ปีก่อน มีอันตรายมากจนอาจเสียชีวิต เอาได้ง่ายๆ

ถึงเวลานอนแล้ว แต่พ่อก็ยังไม่กลับมา อาไล่เราขึ้นไปที่ห้องนอน พอกางมุ้งเสร็จ ผมล้มตัวลงนอนด้วยหัวใจที่เป็นห่วงแม่เป็นที่สุด กลัวว่าแม่จะจากผมไปโดยไม่ทันได้ล่ำลา ผมไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากอธิษฐานขอพรจากพระเจ้า ขอให้พระองค์ได้เอาวันเวลาที่เหลืออยู่ของผม มาแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหนึ่งนำไปต่ออายุให้แม่ อีกส่วนหนึ่งนำมาต่ออายุให้ผม

ผมไม่รู้หรอกครับว่า คำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ? แต่ครั้นถึงรุ่งเช้า พ่อก็กลับมาบ้าน และบอกว่าแม่ปลอดภัย นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยมีคืนไหนเลย ที่ผมจะไม่อธิษฐานขอพรนั้นกับพระเจ้าของผม


5

ต่อมา เมื่อผมโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์ในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งมักจะจัดเดินทางไปดูงานยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศเสมอ แต่หากเป็นไปได้ ผมเลือกจะไม่ไป จนพี่ที่สนิทสนมกันรู้สึกสงสัย เธอถามหาเหตุผลในวันหนึ่ง

ผมบอกกับเธอไปว่า ขอใช้เวลาอยู่กับคนที่ผมรักดีกว่า และหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นก็คือ “แม่” นั่นเอง

เพราะในทรรศนะของผมแล้ว เวลาของเราทุกคนบนโลกนี้ ล้วนมีจำกัดเหลือเกิน ในขณะที่สถานที่เที่ยวเหล่านั้น มันไม่เดินหนีจากเราไปไหนหรอก มันยังรอคอยเราอยู่เสมอ แต่เวลาที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารัก ทุกเวลา นาที มันกำลังเดินหนีจากเราไป แล้วทำไม? เราจึงไม่คิดที่จะใช้เวลาเหล่านั้นให้คุ้มค่า ด้วยการอยู่กับคนที่เรารักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ ผมจึงไม่ค่อยไปไหนหรอกครับ แม้สถานที่แห่งนั้นจะเป็นสวรรค์ในความรู้สึกของใครๆ ก็ตามที แต่ในทางกลับกัน แม้จะเป็นนรก หากมีคนที่ผมรักเหล่านี้ร่วมเดินทางไปด้วย ผมก็พร้อมยินดีที่จะไป


6

“อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน”


แม่เห็นความสำคัญของการศึกษามาก ท่องกลอนบทนี้กรอกหูเราอยู่ทุกวันมาตั้งแต่เล็กๆ ทั้งคอยเคี่ยวเข็ญให้เราเรียนหนังสือกันอย่างหนัก

ทุกคืนก่อนนอน แม่ต้องมานั่งเฝ้าให้เราได้อ่านหนังสือกันจนกว่าจะผล็อยหลับลงไป หากวันใดมีสอบ ตอนเช้าๆ แม่จะลุกตื่นขึ้นมาทำกับข้าวอร่อยเป็นพิเศษให้เรากิน

ที่สุด เราก็ได้เรียนหนังสือกันสูงๆ สมใจแม่ แต่ตลอดเวลา แม่ไม่เคยบงการหรอกนะว่า เราจะต้องเป็นนั่นเป็นนี่ แม่ปล่อยให้เราทุกคนได้เดินไปตามดวงดาวแห่งความฝันของเราเอง

“อะไรที่ลูกสุข แม่ก็สุขด้วย” แม่จะพูดอย่างนี้เสมอ

ตัวผมเองนั้น ก็ออกจะได้เรียนหนังสือมามากมายเอาการกับเขาอยู่เหมือนกัน และได้มาเป็นครูบาอาจารย์ดังที่ได้เรียนไปแล้ว สอนลูกศิษย์ลูกหามาก็มากมายหลายต่อหลายรุ่น บางครั้ง...ก็ยังได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมา มาเขียนหนังสือหนังหาให้คุณๆ ได้อ่านกันอยู่บ้างตามสมควร

แต่น่าเสียดายนะครับที่ว่า เมื่อคิดจะใช้ความรู้ที่มีแม่เป็นผู้คอยสนับสนุนมาตลอด เขียนอะไรให้แม่ได้อ่านกันสักครั้งสักหน เพื่อให้แม่ได้รับรู้ว่า ผมรักแม่แค่ไหน แต่แม่กลับไม่มีโอกาสได้อ่าน ได้ซึมซับมันด้วยตัวเอง เพราะแม่ของผม... แกอ่านหนังสือไม่ออกครับ !



รักแม่...ดูแลแม่กันให้มากๆ นะครับ







Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 14 สิงหาคม 2550 15:48:29 น. 11 comments
Counter : 1041 Pageviews.

 
ให้เจ้าเป็นเด็กดี
ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป...

รักแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ



* เลยวันที่ 12 สิงหามาแล้ว ผมเพิ่งทำภาพเฉลิมพระเกียรติบนหัวเวบ คงไม่ช้าเกินไปนะครับ

**ทุกวันของผมนั้น..เป็นวันแม่หมดเลยครับ


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:12:55:21 น.  

 
ไม่ไหว ขอโพสอีกเม้นนึงเถอะ

หลังจากอ่านเรื่องดูความเรียบร้อย ดูการแบ่งบรรทัด ตรวจรูปภาพ พร้อมๆกับได้ยินเสียงเพลง อิ่มอุ่น คลอไปมาตลอดช่วงตรวจทานเรื่อง ให้ตายเถอะโรบิน ! น้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ T_T

*ตรงนี้เหมือนชีวิตผมเป๊ะเลย

"หากไม่จำเป็นจริงๆ ผมจึงไม่ค่อยไปไหนหรอกครับ แม้สถานที่แห่งนั้นจะเป็นสวรรค์ในความรู้สึกของใครๆ ก็ตามที แต่ในทางกลับกัน แม้จะเป็นนรก หากมีคนที่ผมรักเหล่านี้ร่วมเดินทางไปด้วย ผมก็พร้อมยินดีที่จะไป"


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:13:18 น.  

 
อย่าให้สำนึกรักแม่มาถึง
เมื่อสายเกิน


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:11:34 น.  

 
ชอบตรงนี้มากที่สุดเลย "เวลาของเราทุกคนบนโลกนี้ ล้วนมีจำกัดเหลือเกิน ในขณะที่สถานที่เที่ยวเหล่านั้น มันไม่เดินหนีจากเราไปไหนหรอก มันยังรอคอยเราอยู่เสมอ แต่เวลาที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารัก ทุกเวลา นาที มันกำลังเดินหนีจากเราไป แล้วทำไม? เราจึงไม่คิดที่จะใช้เวลาเหล่านั้นให้คุ้มค่า ด้วยการอยู่กับคนที่เรารักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"


โดย: " D " IP: 58.8.19.23 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:31:31 น.  

 
กอดแม่ เมื่อยังกอดได้เสมอ



โดย: nunan IP: 58.8.88.86 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:11:20:16 น.  

 
เมื่อวันแม่ที่ผ่านมา เราว่า ลูกทุกคน คงมีความสุขไม่เหมือนกัน บ้างคนอาจจะมีความสุขมากๆ ที่ได้ กราบไหว้แม่ แต่บ้างคนอาจจะยังไม่เคยได้เห็นหน้า แม่ เลยด้วยซ้ำ เราขอเป็นกำลังใจให้ คนๆ นั้น ไม่ว่า เค้าจะเป็นใครนะ ส่วนตัวเราเอง เรามีความสุขที่ได้ ไหว้แม่ เราทำอย่างนี้ทุกปี และทุกวัน ไม่เฉพาะวันแม่นะ เพราะ ถ้าวันนึงไม่มีเค้าให้ทำแบบนี้ เราเองที่จะเป็นคนที่เสียใจมากที่สุด ขอให้ลูกๆ ที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และสังคม จงเจริญ...............


โดย: Tuisan IP: 58.8.87.105 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:13:22:54 น.  

 
รักแม่สมอค่ะ ถึงแม่จะไม่ได้อยู่แล้ว


โดย: lovelove IP: 222.123.36.225 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:18:35:14 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านครับ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของคุณกอล์ฟแล้วผมรู้สึกประทับใจ ในความกตัญญูของคุณกอล์ฟครับ ผมยังไม่เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับแม่เลยครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็เป็นลูกชายคนเล็ก(มีพี่สาวคนเดียว) เหมือนคุณกอล์ฟครับ ผมอ่านเรื่องนี้แล้วผมอยากจะลองเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของผมดูบ้างครับ

เอาเรื่องของคุณกอล์ฟเป็นแรงประดาลใจในการเขียนดีกว่าครับ แต่ไม่รู้ว่าเขียนแล้วจะเอาไปลงไว้ที่ไหนดีครับ เพราะในบล็อคแก๊งค์นี้สว่นใหญ่ผมจะลงแต่เรื่องตลกครับ กลัวว่าเขียนสไตล์อื่นแล้วเพื่อน ๆ จะไม่อ่านครับ

อิอิ

ปล. จะชวนไปทำบุญ"ไถ่ชีวิตโค"ที่บล็อคผมครับ ผมอัพบล็อคใหม่แล้วครับ



โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:12:14:20 น.  

 
อ่านแล้วรักแม่มากขึ้นไปอีกเลยครับ


โดย: เอ็ม150 IP: 117.47.17.127 วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:12:44:17 น.  

 
บรรยายถึงความรู้สึกได้ดีจัง


โดย: Nivata IP: 58.9.114.68 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:15:44:04 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกรักแม่จังเลยยยย


โดย: นางฟ้าแก่แก่ วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:8:56:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChronoCross
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Friends' blogs
[Add ChronoCross's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.