ลุงรัน
ริมถนนแสนสวยสายหนึ่ง ในยามเย็นย่ำ มีร้านเหล้า ฝนพร่ำ และสายลมเหงา ชายหนุ่มกำลังพับร่มสีรุ้งหลากสีเก็บอยู่ที่ใต้ชายคาของร้านรวง เขาเองก็คล้ายกับคนอีกเรือนหมื่นเรือนแสนที่อ้างว้างในเมืองหลวงที่แสนจะอึกทึกครึกโครมแห่งนี้
น้อง เหล้าแบน โซดาขวด คนเหงาสั่ง ด่วน ! ตะโกนแข่งกับเสียงฝนร่ำด้านนอกที่ดังเคล้าไปกับเสียงเพลงจากตู้เพลงด้านในกับเด็กในร้านที่คุ้นเคย ภายในร้านเหล้าที่เปิดโล่งและตกแต่งอย่างง่ายดาย ขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมารวมกันจนแน่นเอี๊ยดเพื่อหลบฝนและบางทีเพื่อ หลบเหงา ชายหนุ่มวางร่ม-ของแถมจากยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งไว้บนโต๊ะไม้ตรงหน้า เม็ดฝนที่เกาะอยู่หกใส่พื้นโต๊ะเรี่ยราดเมื่อเหล้าเข้าสู่กาย โลกเร่าร้อนภายนอกก็คล้ายละลายหายไป ภวังค์ฝันอันบรรเจิดผุดพรายก่อตัวขึ้นเป็นความสุขชั่วคราว แค่ชั่วสางเมาแล้วจางหายไปเท่านั้นหรือ ? กระนั้นก็ยังดี! ชายหนุ่มที่เริ่มเมาแปล้กับเหล้าแบนที่ 2 คิดอย่างรื่นรมย์ เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว ฝนที่ตกมาตั้งแต่ตอนเย็น ยังคงตกอยู่เรื่อยมาแม้แต่เวลานี้
และอย่างไม่ทันตั้งตัว เด็กหญิงตัวกระจ้อย เจ้าของดวงตาสีเม็ดมะขามแก่แต่ใสราวกับเม็ดฝนก็ปราดมายืนอยู่ตรงด้านหน้าโต๊ะ คนเมาสะลึมสะลือเลิกคิ้วมองเธอ หนูน้อยอยู่ในชุดนักเรียนประถมสีหมองและเปื้อนฝนเป็นหย่อม ๆ มีถุงพลาสติกสีขาวใสพราวด้วยเม็ดฝนครอบอยู่บนหัว -มองไปคล้ายตัวตลกในเทพนิยาย สายน้ำร่วงพรูพรายจากหัวจรดเท้า อายุของเธอน่าจะสัก 7-8 ขวบ แต่ท่าทางแก่แดดเกินวัยชะมัด เวลานี้ หนูน้อยน่าจะนอนหลับอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่มภายในบ้านแล้วมิใช่หรือ ? แล้วหนูออกมาทำอะไรอยู่ในสถานที่เช่นนี้หนอ ? หรือว่า หนูเองก็แสนเหงาเช่นกัน เปล่าหรอก ! เธอมาขายดอกกุหลาบนะ-คนเมาคิด ในมือน้อยทั้งสองประคองถาดอลูมิเนียมเก่าคร่ำขนาดกระทัดรัด บนถาดมีดอกกุหลาบสีแดงสดเกือบ 10 ดอก กลิ้งเกลื่อนอยู่ หนูน้อยชูถาดใบนั้นมาที่คนเมา
น้าขา ช่วยซื้อดอกกุหลาบของหนูสักดอกนึงเถอะนะค่ะ ดอกละ 10 บาทเอง หนูจะได้เอาไว้เป็นทุนการศึกษา พ่อแม่ของหนูเลิกกัน ทิ้งหนูให้อยู่กับยาย อาศัยอยู่ในแฟลตข้างๆร้าน นี่แหล่ะค่ะหนูน้อยพูดคล่องราวกับท่องสูตรคูณหน้าชั้นเรียน ชี้มือไปที่แฟลตสีขาวหมองสูง 4 ชั้นที่รกรุงรังไปด้วยเสื้อผ้าคละสี ตากเปียกฝนอยู่ริมระเบียง มือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งดึงถุงพลาสติกใสบนหัวออก มีเสียงดัง ก๊อบ แก๊บ ตามมา แกว่งไกวถุงใบนั้นฉวัดเฉวียนไปมาในอากาศ ฝุ่นน้ำมากมายเต้นระบำในความสลัว หมาดดีแล้วจึงสวมใส่ไว้บนหัวเช่นเดิม ส่งยิ้มแฉ่งให้กับคนเมาอีกหนึ่งที เอิ๊ก ม่ายยยยยย ละหนู คนเมาอ้อแอ้ตอบไป กลิ่นเหล้าที่โชยคลุ้งมากับคำพูดลอยปนไปกับกลิ่นหอมของดอกกุหลาบเบื้องหน้า พลางนึกในใจว่า โห ! แพงจัง ดอกละตั้ง 10 บาท ปรายตาไปที่ขวดโซดาว่างเปล่าในราคาเท่ากันบนโต๊ะ ! อ้าว หมดพอดีนี่หว่า ตะโกนสั่งเด็กในร้าน เฮ้ย ! ไอ้น้อง ขอโซดาพี่อีกขวดสิวะ
คนเมาแสร้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำทีชมทิวทัศน์นอกร้าน คล้ายกำลังตกหลุมรักกับเม็ดฝนสวยและสายลมเศร้า ครั้นเมื่อหันกลับมา หนูน้อยก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม อ้าว ยังไม่ไปอีกหรือ ตื้อจัง รำพึงแผ่ว ๆกับตัวเอง ไปข้างหน้าก่อนเถอะหนู โน้น เอิ๊ก โต๊ะนั้นมีผู้หญิงอยู่ด้วย เขาคงอยากได้อยู่หรอก เอิ๊ก ผู้หญิงน่าจะเข้าได้ดีกับดอกกุหลาบมากกว่าขี้เมาอย่างน้านะหนู คนเมาชี้มือไปที่สาวชุดดำที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม พูดให้มันสวย ๆ หน่อยนะน้า หนูไม่ใช่ขอทาน จะได้ไปข้างหน้าก่อน และหนูก็ไปมาหมดทุกโต๊ะแล้วด้วย ยกเว้นโต๊ะของน้านี่แหละค่ะ อ้าว เหรอ คนเมาอุทานกับตัวเอง ตีสีหน้างง ๆก้อน้านั่งจะหลับมิหลับแหล่อยู่คนเดียวอย่างนี้ น้าจะเห็นหนูได้อย่างไร ถ้าน้าซื้อดอกกุหลาบหนูดอกนึง วันนี้หนูก็พอละ ที่เหลือเก็บแช่น้ำเอาไว้ขายต่อพรุ่งนี้ ตอนนี้ข้างนอกฝนซาแล้วด้วย หนูจะได้กลับบ้านเสียที การบ้านยังไม่ได้ทำเล้ย ซื้อ ซื้อไปเหอะน่า หนูน้อยเอียงคอพูดฉอด ๆ จากนั้นดวงตาละห้อยจ้องมองไปยังแฟลตสีขาวหมอง-ที่พักของเธอ
เออ ใช่ คนเมาเผลอพยักหน้าเห็นด้วย แต่ตอนนี้ เอิ๊ก น้าไม่มีตังค์เลยนะสิ จบประโยค ยกแก้วเหล้าขึ้นซดหนัก ๆ เหลือบตาต่ำเพ่งมองปึกเงินเดือนหลายพันที่พับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังอยู่ดีหรือไฉน ? อ่อ ยังอยู่ดี -คนเมายิ้มอย่างโล่งอก อย่ามาโกหก วันนี้สิ้นเดือน เงินเดือนออกนะน้า เสียงของหนูน้อยดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำราม ครืน ครืน ราวกับจะร้องเตือนว่าฝนกำลังจะตกหนักอีกครั้งในไม่ช้า เฮ้ย อย่ามารู้ดีนังหนู เงินเดือนของน้าออกพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้ คว้าแก้วเหล้ามาดื่มอีกอึกใหญ่แก้ขวยไม่มีตังค์ ไม่มีตังค์ อืม แล้วทำไมยังกินเหล้าได้ละ ดอกกุหลาบแค่ดอกละ10 บาทเอง ถูกกว่าเหล้าตั้งเยอะ นะน้านะ หนูน้อยผู้มาเยือนพร้อมกับสายฝนยังไม่ยอมเลิกรา เขย่าโต๊ะโยกไหวไปมา ช้อนกระทบจานถั่ว จานถั่วกระทบขวดเหล้าขวดโซดา ส่งเสียงกรุ๋งกรุ๋งกังวาลใสราวกับเสียงดนตรีสิ้นเสียงหนูน้อย คนเมาสำลักน้ำเหล้าที่ไหลย้อนออกมาจากทั้งปากและจมูก ตบโต๊ะเสียงดัง ปัง ! แกล้งโมโหเป็นฟืนไฟ ปัดโธ่โว้ย ! พูดกันดีๆไม่รู้เรื่องหรือไง เอิ๊ก บอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิ จะไปหรือไม่ไป เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวเรียกเจ้าของร้านมาไล่นะ น้ำเสียงแข็ง ท่าทีขึงขังกับอาการส่ายตามองหาเจ้าของร้านพาหนูน้อยให้ต้องรีบล่าถอยไป ไปก็ได้ ขี้งก ขอให้เหล้าติดคอตายไปเลย พูดเสร็จหันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป แต่ก็ต้องหมุนตัวกลับมาอีกทีเอ๊ย ! เมื่อกี้ พูดผิด เอาใหม่ ขอให้น้ำแข็งติดคอตายแหงกๆไปเลย หนูน้อยทำหน้าเหยเกบูดเบี้ยวประกอบคำพูด มือข้างที่ไม่มีถาดหงิกงอ เดินลงส้นเท้าหนัก ๆบ่นกระปอดกระแปดไปยังมุมหนึ่งของร้านใกล้กับตู้เพลงด้านในเพื่อหลบฝนที่ตอนนี้ได้ตกหนักลงมาอีกแล้ว คนเมาหัวเราะขัน ๆ อยู่ในลำคอฮึ ฮึ มองดูน้ำแข็งในถังสังกะสีราคาถังละ 15 บาท อ้าว ! น้ำแข็งหมดอีกแล้ว ตะโกนสั่งเด็กในร้าน เฮ้ ย ! ไอ้น้อง ขอน้ำแข็งพี่อีกถังสิวะ
เหล้าหมดไปหลายแก้ว ฝนตกลงมาอีกหลายแสนเม็ด แต่หนูน้อยยังคงยืนกอดอกอยู่ตรงที่เดิม เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความหนาวเย็นจากละอองฝนที่ปลิวเข้ามาในร้าน เธอส่งค้อนประหลับประเหลือกลอยมาให้คนเมาเป็นระยะ ๆ ยินเสียงจาม ฮัดเช้ย หลายครั้งติดต่อกัน คนเมาลอบแอบมองอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิดสับสน จู่ ๆ เสียงท่องบ่นของหนูน้อยจึงดังมาเข้าหูอีกครั้งน้าขา ช่วยซื้อดอกกุหลาบของหนูสักดอกนึงเถอะนะค่ะ ดอกละ 10 บาทเอง หนูจะเอาไว้เป็นทุนการศึกษา พ่อแม่ของหนูเลิกกัน แล้วคนเมาก็ได้คิด หากในรุ่มร้อนมีเหน็บหนาว ในแข็งกร้าวมีอ่อนไหว ในร่าเริงมีเงียบเหงา แล้วทำไมเล่า ในคนงกอย่างเราจะมีเมตตาบ้างไม่ได้วะ ก็ช่างมันเถอะ! หากสิ่งที่หนูน้อยพูดมามันจะเป็นเรื่องโกหกเหลวไหลทั้งเพ และเราอาจจะโดนเด็กเล็กๆอย่างนี้หลอกเข้าให้ก็ได้ แต่ชีวิตที่ผ่านมาก็โดนผู้ใหญ่เฮงซวยหลอกมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนี่นา แล้วถ้าจะให้เด็กเล็กหลอกเสียอีกครั้งหนึ่ง มันจะเป็นอะไรไป ดีเสียอีก ถือเป็นประสบการณ์แต่ เอ แล้วถ้าไอ้เงินที่เราซื้อดอกกุหลาบนี่มันไปตกอยู่ในมือของผู้ใหญ่ใจร้ายที่ใช้เด็กน้อยมาเร่ขายของละ? คนเมาคิดแย้งขึ้นมากับตัวเองทันใดนั้น ความคิดอีกด้านหนึ่งจึงส่งเสียงดังขึ้นมาว่าโอ๊ย ! ก็ช่างหัวมันปะไร ไม่ว่าผลประโยชน์มันจะไปตกอยู่กับใครก็ช่าง แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนนี้ คือ เด็กหญิงตัวเล็กๆที่เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาว แล้วยังจะมามั่วนั่งคิดหาเหตุผลอะไรกันอีกหนักหนา แหม ! ทีหมดเงินตั้งมากมายไปกับผู้หญิงสาวสวยที่หวังจะได้ฟันเจ้าหล่อน แต่สุดท้ายแล้วก็แห้ว ไม่เคยเห็นมานั่งคิดทบทวนหาเหตุผลก่อนอย่างนี้เลย เถอะน่า บางที ด้วยน้ำใจเพียงเล็กๆน้อยๆ เช่นนี้ก็อาจช่วยกลบเกลื่อนคราบน้ำตาของใครบางคนให้เจือจางลงไปได้บ้าง และหากทุกคนทำได้เช่นนี้ โลกแห้งแล้งก็จะกลับมาชุ่มชื่นเบิกบาน
เมื่อคิดดีได้ราวกับพระพยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้ว เช่นนั้นแล้ว จึงกวักมือเรียกหนูน้อยเข้ามาใกล้ ๆ เธอยิ้มเริงร่าและเดินตัวโยนเข้ามาหาทันที ยื่นดอกกุหลาบมาให้คนเมาหนึ่งดอก คนเมาสั่นหน้าไปมา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า ม่ายยยย เอา หรอก ...เอิ๊ก และหยุดพูดไปเสียอย่างนั้น เกิดสะอึกขึ้นมาอย่างกระทันหันหนูน้อยทำหน้าเสีย จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเหรอหรา อุทานอย่างไร้เดียงสา อ้าว ! ไม่เอาดอกกุหลาบแล้วเรียกมาทำไมละ หลอกเหรอ น้า เปล่าหลอกกกก ไม่เอาหรอกดอกเดียวนะ .. เอิ๊ก แต่จะเอามันหมดทั้งถาดนั่นแหละ แหม ก็เหล้าแพงกว่าดอกกุหลาบตั้งเยอะนี่นา ฮา ฮา สิ้นเสียง คนเมาและหนูน้อยต่างส่งเสียงหัวร่อร่าขึ้นพร้อมกัน พลันร้านรวงที่มืดมิดจึงสว่างไสวขึ้นในพริบตา
ระหว่างทางเท้านอกร้านที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน แลเห็นร่างเล็ก ๆ ในชุดนักเรียนมอมแมมเดินท่อม ๆ อยู่กลางเส้นฝนลางเลือน มีเสียงตะโกนอ้อแอ้ดังออกมาจากข้างในร้าน ลอยไล่หลังมา ถึงบ้านแล้ว เอิ๊ก อย่าลืมหายาแก้หวัดกินเสียด้วยละ เอิ๊ก อ่อ แล้วอีกอย่างนึง ไอ้ถุงพลาสติกที่อยู่บนหัวนั่นนะ ถอดมันออกได้แล้ว ยังก๊ะตัวตาหลก หนูน้อยใต้ร่มสีรุ้งหันหลังกลับมามองตามเสียงเรียกของคนเมา โบกมือข้างที่มีถาดอลูมิเนียมเปล่ากวัดแกว่งไปมาในอากาศคล้ายร่ำลา ส่งยิ้มอุ่นๆ ปลิวแหวกสายฝนหนาวเหน็บมาให้คนเมา พลางเลิกดวงตาใสแป๋วขึ้นมองถุงพลาสติกเหนือหัวอย่างนึกขึ้นได้ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดัง แล้วจึงดึงมันทิ้งไป
ริมถนนแสนสวยสายหนึ่งในยามหลังเที่ยงคืน มีร้านเหล้า ฝนพร่ำ และสายลมเหงา คนเมามียิ้มเกลื่อนอยู่ที่ใบหน้า ชูดอกกุหลาบสีแดงจัดช่อใหญ่ไว้เหนือหัวเพื่อบังเม็ดฝนเบาบางต่างร่มสีรุ้งของตัวเอง ยืนโงนเงนไปมาคล้ายกับคนไม่มีกระดูกอยู่ที่ริมถนนสายนั้น และกำลังโบกมือเรียกรถแท๊กซี่ที่เพิ่งผ่านมาเพื่อให้พาเขา กลับบ้าน............................ Create Date : 01 พฤศจิกายน 2549 Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 2:39:36 น. 15 comments Counter : 1533 Pageviews. ShareTweet
............................ Create Date : 01 พฤศจิกายน 2549 Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 2:39:36 น. 15 comments Counter : 1533 Pageviews. ShareTweet