"ที่ว่างของงานเขียน..เล็กๆแต่อบอุ่น [Love&Warmth]"
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

หญิงสาวของยามเช้า




โดย : รัน






ทุกเช้าตรู่อย่างนี้...ผู้คนละแวกใกล้เคียงจะตบเท้ามาดื่มกาแฟ ที่ร้านอาหารเล็กๆของเรา -ตึกแถวห้องที่ 3 ริมถนน ที่ตกแต่งอย่างง่ายดาย จิบกาแฟแกล้มปาท่องโก๋ สลับกับพูดคุยเรื่องต่างๆ ด้วยท่าทีสนุกที่ลานหน้าร้าน ก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน หากวันไหนไม่มีเรียน ผมจะลงมาช่วยพ่อแม่ขายของเหมือนเช่นวันนี้

ขณะเสิร์ฟกาแฟอยู่ที่หน้าร้าน ผมมองเห็นรถราขวักไขว่บนถนนที่ไม่กว้างใหญ่นัก และกำลังขยายผิวการจราจร มีซากดินและหินเกะกะไปหมด ฝุ่นฟุ้งลอยไปในลมเย็นฤดูหนาว แล้วภาพคุ้นตาก็มาปรากฏ หญิงชราในชุมชนแออัดในย่านนั้น หาบคอนกระจาดใส่ไข่ปิ้ง เดินผ่านหน้าร้าน โดยมีจุดหมายอยู่ที่ป้ายรถเมล์เบื้องหน้า นางจะไปนั่งหลับๆ ตื่น ๆ ขายไข่ปิ้งที่นั่นเป็นประจำ

เวลาเดียวกัน รถแท็กซี่สีส้มบาดตาแล่นฝ่าแสงขมุกขมัวยามรุ่งอรุณ มาหยุดจอดลงหน้าหอพักสตรีฝั่งตรงข้าม หญิงสาวสวยบอบบาง ในชุดสีดำ ดูลึกลับชวนสนเท่ห์ ก้าวลงจากรถแท็กซี่ คอกาแฟทั้งหญิงชายต่างเหลียวมองเธอเป็นตาเดียว ดวงตาฉายฉานอาการดูถูกเหยียดหยามอย่างน่าใจหาย พร้อมกับส่งยิ้มประหลาดให้แก่กันไปมา

ชายกลางคนพูดเล่นๆ ขึ้นว่า ชีวิตของเธอน่าอิจฉา เราบางคนอาจทำงาน “เช้าไปเย็นกลับได้พันห้า” แต่เธอ “ไปเย็นเช้ากลับได้ห้าพัน” มีเสียงเฮรับครื้นเครง หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าเหงา เดินเข้าหอพักอย่างหงอย ๆ

ใช่แล้วครับ ! พวกเขาต่างพากันว่า เธอเป็นโสเภณี…ผีเสื้อราตรีที่โบยบินออกหากินยามค่ำคืน และจะย้อนกลับมาที่พักเมื่อตอนฟ้าสาง




เธอเป็นหญิงสาวสวยทีเดียว ตาคมแม้ดูเศร้า ผมยาวรับกับใบหน้างามราวตุ๊กตา ผิวพรรณขาวสะอาด ออกจะเป็นคนหงิมๆ พูดน้อย สงบเสงี่ยม คะเนว่าอายุคงไล่เลี่ยกับผม เธอย้ายมาอยู่หอพักแห่งนี้เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเธอ

ผมไม่ค่อยได้พบเห็นเธอบ่อยนัก เพราะวิถีชีวิตของเธอและผมสวนทางกันสิ้นเชิง เมื่อผมออกไปเรียน เธอจะกลับเข้าหอพัก แต่ขณะผมกลับที่พัก เธอจะแต่งตัวสวยออกไป

เช้าหนึ่ง เจ้าของหอพักวัย 40 เศษ ร่างเล็กกว่าภูเขานิดเดียว ได้มานั่งพักเหนื่อย ดื่มโอวัล ตินที่ร้าน หลังไปเต้นแอโรบิกประกอบเสียงเพลงในสวนสาธารณะใกล้ๆ เสร็จแล้ว พลางเปรยกับพ่อแม่ของผมให้ได้ยินว่า หญิงสาวจะพักที่หอพักแห่งนี้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อหอพักที่เธอเคยพักประจำในซอยถัดไป ปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จ เธอจะย้ายกลับไปทันที

“ โอ้ย...ถ้าฉันรู้นะว่าหล่อนจะมีพฤติการณ์แบบนี้ ฉันจะไม่ยอมให้พักอยู่ด้วยแน่ๆ เฮ้อ.. อาไร้ ! หน้าตาซื่อๆ ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ไปได้ หอพักของฉันพลอยเสียชื่อไปด้วยแท้ๆ“ หญิงเจ้าของหอพักว่า พลางส่ายหน้าอูมใหญ่ไปมาอย่างอ่อนใจ



ปิดเทอมหน้าร้อนมาถึง ผมช่วยพ่อแม่ขายของเหมือนทุกปี แล้ววันหนึ่ง ในเวลาใกล้เที่ยงวัน ก็ได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในร้านของเรา

ในเวลานั้น คงมีเพียงลูกค้าซึ่งเป็นชายหนุ่มสามสี่คน -พนักงานบริษัทส่งออกตรงตึกหัวมุมถนน มานั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดของร้านเพียงโต๊ะเดียว ฉับพลันทันใด ชายแก่คนหนึ่ง ท่าทางเซ่อเซอะแบบคนบ้านนอก เนื้อตัวสกปรกมอมแมม มือข้างหนึ่งจูงมือของเด็กน้อยอายุราว 10 ขวบ ขี้หูขี้ตาเกรอะกรัง ทั้งสองมีแต่หนังหุ้มกระดูก มืออีกข้างกำห่อผ้าเล็กๆ เดินเข้ามาในร้าน มีเสียงตวาดขับไล่จากพ่อดังขึ้น แต่อาจเพราะความหิวจนหูอื้อ แกเดินท่อมๆ ตรงไปที่โต๊ะของชายกลุ่มนั้น ที่กำลังพูดคุยกันออกรสเคล้าไปกับเสียงหัวเราะขบขัน ชายแก่และเด็กน้อยกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ เมื่อเหลือบเห็นอาหารมากมายแทบล้นโต๊ะ กลุ่มชายเหล่านั้นหยุดเสียงหัวเราะลง เมื่อจมูกได้กลิ่นสาบสาง ต่างเหลียวหาที่มา กระทั่งมาพบเข้ากับชายแก่และเด็กน้อย ชายแก่รีบส่งยิ้มแหยๆ ให้ ก่อนออกปากขอเศษทาน พลางยื่นมือออกมา ชายตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม หน้าตาท่าทางเอาเรื่อง ตะคอกเสียงดุๆ ออกไป

“ไม่มีเศษตังค์ ไปข้างหน้าก่อนไป๊ มือไม้ก็ยังดีๆ ไม่คิดจะหากินเอง มาเที่ยวขอเขากิน แล้วนั่นไปเอาเด็กที่ไหนมาแกล้งทำให้สงสารอีกล่ะ”

ชายแก่หน้าสลดลงทันที พยายามพูดจาเซ้าซี้ต่ออีก ทอดดวงตาละห้อยหาไปให้ จังหวะนั้น พ่อรีบรุนหลังชายแก่ให้ออกไปนอกร้าน เด็กน้อยถูกลากติดไป ดูทุลักทุเล บรรยากาศหม่นมัวในร้านพลันก็กลับมาสดใส ด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง พ่อยืนถอนหายใจโล่งอก มองตามร่างทั้งสองที่เงอะงะจากไป ขณะที่ลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้านมาบ้างแล้ว

ผมไม่ตำหนิชายร่างใหญ่และพ่อ อันที่จริง ชายร่างใหญ่คนนั้น เขาก็มีเหตุผลของเขา เช่นเดียวกันกับพ่อ พ่อเคยมีชีวิตลำเค็ญ กว่าจะนำพาครอบครัวของเรา สร้างฐานะเป็นปึกแผ่นได้เหมือนวันนี้ พ่อต้องผ่านการทำงานหนักมาหลายสิบปี พ่อยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่เคยขอความช่วยเหลือ หรือขอใครกิน เงินทุกบาททุกสตางค์แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของพ่อเอง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อจะรังเกียจพวกขอทานเหล่านี้

แม้เข้าใจวิธีคิดของคนทั้งสอง แต่ผมก็อดสะท้อนใจไม่ได้กับภาพที่เห็น เช่นเดียวกับแม่ที่ยืนหน้าหมองอยู่ใกล้ๆ เพราะใครเล่าอยากจะตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ ใครเล่าอยากจะถูกเหยียดหยาม แต่บางขณะของชีวิต เพื่อความอยู่รอด คนเราจำต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ (หรือคุณไม่เคย) !



พักหนึ่ง...ความประหลาดใจก็มาเยือน จู่ๆ หญิงสาวตาคมระคนเศร้า ในชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงยีนเดินเข้ามาในร้านเป็นครั้งแรกนับแต่ที่เธอมาอยู่หอพักแห่งนี้ แต่แล้วร่างของเธอก็พลันชะงักงันลง เมื่อมองเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ในร้านถนัดตา พวกเขาจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน หยุดพูดคุยและหัวเราะลงทันควัน

เธอละล่ำละลักเสียงสั่นๆ สั่งซื้อข้าวผัดหมู 2 กล่อง และน้ำเปล่าบรรจุขวดกับผม สีหน้าว้าวุ่น ก่อนไปนั่งรอกระสับกระส่ายอยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน เมื่อแม่ผัดข้าวผัดใส่กล่องเสร็จ ผมนำข้าวผัดทั้ง 2 กล่อง และน้ำเปล่าอีก 2 ขวด มาใส่ถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่นำไปให้เธอ เธอรีบยื่นธนบัตรใบละ 100 บาท ส่งมาให้ ผมหยิบเงินทอนส่งไป รับเงินทอนแล้ว เธอรีบลนลานออกจากร้านทันที แต่แทนที่จะข้ามถนนไปยังหอพัก เธอกลับเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ตรงตู้โทรศัพท์สาธารณะ สายตาของกลุ่มชายในร้านจับจ้องมองอยู่ไม่วางตา

จนร่างของเธอลับไป ชายตัวใหญ่จึงเริ่มต้นพูดขึ้นกับกลุ่มเพื่อน เสียงดังลั่น ไม่สนใจว่าใครจะได้ยินหรือไม่ว่า เคยใช้บริการทางเพศกับเธอมาแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาบรรยายภาพเหตุการณ์ละเอียดลออตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อนๆ ต่างหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ผมคล้ายว่า เห็นภาพตัวเขากับหญิงสาว มาทำอะไรกันอยู่ตรงเบื้องหน้า รู้สึกหดหู่ใจ

เพียงชั่วอึดใจ เธอเดินก้มหน้าหงุดๆ ผ่านหน้าร้านมาอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของชายกลุ่มนั้นที่เหลียวหันมามองและอมยิ้ม บ่ายหน้าตรงไปที่ป้ายรถเมล์ เธออาจจะออกไปธุระที่ไหน–ผมคิด แต่เมื่อมองไปที่ร่างของเธอ ผมต้องแปลกใจ เพราะในมือตอนนี้ ไม่มีถุงบรรจุกล่องข้าวผัด และขวดน้ำเปล่าอีกแล้ว

อ้าว ! แล้วเธอเอามันไปไว้ที่ไหน จะว่าเธอเอาไปเก็บในหอพัก ผมก็ไม่เห็นเธอเดินข้ามถนนไป จะว่าเธอกินหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะใช่อีก เพียงไม่ถึง 2 นาที เธอจะกินหมดได้อย่างไร หรือเธอโยนทิ้งไปแล้ว แล้วเธอจะทิ้งทำไม

ด้วยความอยากรู้ ผมออกไปนอกร้าน มองย้อนกลับไปยังทิศทางที่เธอเพิ่งเดินมา แล้วผมก็พบว่า ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวตอนเที่ยงวัน ใกล้ๆ กับตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่งนั้น มีชายแก่ เด็กน้อย กล่องข้าว และขวดน้ำปะปนอยู่ร่วมกัน !



เรื่องราวของหญิงสาวน่าจะจบลงด้วยรอยยิ้มของผมเพียงแค่นั้น หากในอีกหลายวันต่อมาจะไม่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาอีก

ในเช้าตรู่วันเกิดเหตุ มีลูกค้ามานั่งกินกาแฟกันอยู่ที่ลานหน้าร้านบ้างแล้ว แล้วภาพหญิงชรา คอนกระจาดไข่ปิ้งโคลงเคล้งไปมา จึงมาปรากฏขึ้นเหมือนอย่างเคย นางกำลังผ่านหน้าร้านไป

แต่แล้วเสียงดัง “ตุ๊บ ! ” ใหญ่ก็บังเกิดขึ้น

อาจเพราะความขรุขระของพื้นถนนที่กำลังขยายผิวถนน หรือความประมาทของคนขับก็ไม่ทราบ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเกิดเสียหลัก พุ่งเข้าเฉี่ยวชนร่างหญิงชรา แม้ไม่รุนแรง แต่ร่างผอมเกร็งก็ปลิวไปนอนแผ่หลาอยู่ที่พื้นถนน หัวกระแทกก้อนหินก้อนหนึ่งดัง “ผลั๊ก” กระจาดพลิกคว่ำกระจัดกระจาย รถมอเตอร์ไซค์ห้อตะบึงหายไปรวดเร็ว มีเสียงหวีดร้องผสมไปกับเสียงเครื่องยนต์ดังกึกก้องทั่วบริเวณ

ผมยืนตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาทุกคู่ของขากาแฟเบิกกว้างตกใจ ก่อนที่พวกเขา รวมทั้งพ่อแม่ และผม จะเร่เข้าไปมุงร่างหญิงชรา ขณะลุกขึ้นมานั่งกุมหัว นางดูไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก มีเพียงเลือดข้นคลั่กทะลักออกมาจากแผลยาวที่หน้าผาก ไหลย้อยเปรอะไปทั่วใบหน้าจนดูน่ากลัว นางร้องโหยหวนด้วยตกใจมากกว่าจะเจ็บปวด น้ำตาไหลปนกับเลือดอาบหน้าเหี่ยวย่น เงอะงะคว้าเอาผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดถูที่หล่นอยู่ข้างๆ กาย ขึ้นมาโปะแผลห้ามเลือด



มัคนายกในวัดแถวบ้าน ผู้จบเปรียญหลายประโยค ในวันนี้ บังเอิญแวะเวียนมาเก็บโพยหวยใต้ดินในย่านนั้น เลยถือโอกาสมาดื่มกาแฟที่ร้าน และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ ส่งเสียงโหวกเหวกขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่มุงดู แต่ตัวเองกลับถอยร่นไปยืนห่างไกลกว่าคนอื่นๆ อ้างว่าเป็นคนกลัวเลือด เห็นเลือดแล้วจะพาลหน้ามืดเป็นลม เขาปั่นจักรยานจากไป บอกทิ้งท้ายว่าจะไปตามตำรวจที่สี่แยกไฟแดงให้มาช่วยจัดการ

สาวใหญ่แม่ค้าขายข้าวแกงปล่อยมือจากรถเข็นที่มีหม้อแกงใบใหญ่หลายใบ ส่งกลิ่นแกงร้อนควันคลุ้ง ถลาเข้าไปนั่งยองๆ ข้างร่างโชกเลือดนั้น มือจับแขนของหญิงชราให้กำลังใจ พลางมองไปที่หน้าผาก เห็นเลือดไหลพรูราวกับสายน้ำที่ไหลแล้วไหลเล่าไม่รู้จบสิ้น

“กว่าตำรวจจะมา เลือดอาจไหลหมดตัวก็ได้ ใครว่าง ช่วยพายายแกนั่งแท็กซี่ไปส่งโรงพยาบาลทีเถอะ ฉันจะออกค่ารถค่ายาให้เอง ”
สาวใหญ่พูดเสียงเจือเศร้า เหลียวหน้ามายังกลุ่มคน

ชายกลางคนในชุดข้าราชการขยับตัวทำท่าจะรับอาสา แต่ถูกภรรยาห้ามปรามไว้ด้วยสายตา แล้วพูดขึ้นให้ได้ยินว่า “คุณอย่าหาเรื่องนะ เดี๋ยวก็ได้เดือดร้อนหรอก ดีไม่ดีตำรวจจะหาว่าเราเป็นคนชน จะยุ่งกันไปใหญ่”

สีหน้าทุกคนในที่นั้นรวมทั้งคนในครอบครัวผมล้วนสับสนและเศร้า หลายคนทนกับสภาพอึดอัดนี้ไม่ได้ เดินกลั้นสะอื้นผละออกไป ที่สุด...เมื่อไม่มีใครอาสา แม่ค้าขายข้าวแกงหยัดกายยืนขึ้น แล้วเดินส่ายหน้า ป้ายน้ำตา เข็นรถขายข้าวแกงหายลับไปจากกลุ่มคน

ในท่ามกลางรถราที่เคลื่อนผ่านไป ชายหนุ่มออฟฟิศ เจ้าของรถเก๋งหรู ชะลอรถช้าลง ไขกระจกรถลงมา โผล่หน้าออกมาดูหญิงชรา สีหน้าบ่งบอกความอาทร เขาคล้ายจะหยุดรถลงมาช่วย แต่เมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือ พลันเปลี่ยนใจ รีบไขกระจกรถขึ้นดังเดิม พารถแล่นไปข้างหน้ารวดเร็ว มีเสียงบีบแตรจากรถคันหลังที่ดังกระชั้นขึ้นอย่างเร่งเร้า!



เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีนับจากอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่เนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึกของผม ตำรวจยังคงไม่มา หญิงชรายังคงร่ำไห้ แต่ยังคงไม่มีใคร คิดจะลงมือช่วยเหลือนางสักที คงมีแต่ดวงตาแห่งความเห็นอกเห็นใจเท่านั้นที่ส่งไปให้นาง

ทันใด ....รถแท็กซี่สีส้มจึงโผล่พรวดเข้ามาจอดใกล้ๆ หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าสวย ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาคมเศร้าสะลึมสะลือคล้ายง่วงนอนเต็มที เปิดประตูรถผลัวะออกมา แล้วพาร่างคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำหอมและควันบุหรี่ แหวกกลุ่มคนเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งใกล้หญิงชรา พลางโอบร่างเปื้อนเลือดนั้นไว้เพื่อปลอบโยน พร้อมกับเอ่ยเสียงเครือๆ ขึ้นว่า

“ทำใจดีๆ ไว้นะคะ ยายไม่เป็นอะไรแล้ว หนูจะพายายส่งโรงพยาบาล”

หญิงชราเงียบเสียงร่ำไห้ลง เหลือเพียงการสะอื้นไห้แผ่วเบา พยักหน้ารับคำนั้นอย่างงงๆ และตื้นตัน ต่อมา ชายหนุ่มคนขับรถแท็กซี่เจ้าประจำ ปราดอุ้มร่างของหญิงชราไปขึ้นรถ โดยมีเธอที่ชุดสวยเวลานี้ เปรอะเปื้อนรอยเลือดสีแดงเป็นหย่อมๆ เร่งสาวเท้าก้าวตามไปติดๆ



รุ่งเช้าต้นเดือนเมษาของฤดูร้อนปีนั้น ท้องฟ้าแจ่มใสและสวย มีลมเย็นอันระรื่นพัดโชยผ่านมา รถแท็กซี่สีส้มคุ้นตาแล่นฝ่าแดดใสในยามรุ่งอรุณ มาหยุดจอดลงหน้าหอพักสตรีฝั่งตรงข้าม หญิงสาวสวยแบบบาง ในชุดสีขาวสะอาดตา ก้าวลงจากรถแท็กซี่ คอกาแฟทั้งหญิงชายรวมทั้งผม ต่างเหลียวมองไปที่ร่างงามนั้นเป็นตาเดียว แต่ครั้งนี้... เรากลับจ้องมองเธอด้วยแววตาและหัวใจที่ต่างไปจากทุกๆ วันที่ผ่านมา

และที่สำคัญ ในความรู้สึกของผมตอนนั้น เธอผู้นี้...ได้เข้ามาทำให้บรรยากาศยามเช้าวันนี้ที่สดใสอยู่แล้ว แลดูสดใสสวยงาม มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม !







 

Create Date : 05 มีนาคม 2551
7 comments
Last Update : 5 มีนาคม 2551 16:03:29 น.
Counter : 2478 Pageviews.

 

ดอกไม้งามที่รูปอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกลิ่นหอมด้วย

** สังคมสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว โลกกำลังชิบหาย และเราก็เหลือแค่กันและกันเท่านั้น

 

โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) 5 มีนาคม 2551 16:17:14 น.  

 


สถานะการณ์ทำให้เห็นค่า(จริงๆ)ของคนเสมอ


แล้วที่ว่า..เราก็เหลือแค่กันและกันเท่านั้น

นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว-รึไม่ใช่?

:)

 

โดย: ยัยตัวยุ่ง IP: 203.156.34.130 7 มีนาคม 2551 20:35:57 น.  

 

งดงามๆ

 

โดย: อนงค์นาง IP: 125.24.129.92 8 มีนาคม 2551 14:54:56 น.  

 

น่าน
ชอบอีกแล้ว

 

โดย: ปอน IP: 125.25.92.249 9 มีนาคม 2551 17:07:43 น.  

 

สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจมองกันภายนอกไม่ได้ บางคนที่เราเห็นว่าน่าจะดีกลับตรงกันข้าม ไปไหนมาไหนก็ระแวงกันเอง

 

โดย: ชาญฯ IP: 124.157.168.131 11 มีนาคม 2551 1:22:18 น.  

 

สิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่

 

โดย: TG IP: 58.136.75.102 15 มีนาคม 2551 10:29:32 น.  

 

แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ สบายดีไม๊ค่ะ

 

โดย: opleee 19 มีนาคม 2551 0:47:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ChronoCross
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Friends' blogs
[Add ChronoCross's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.