My World
วันต่อวันกับพระเยซู
ปลุกความหวังของคุณขึ้นมา
ความคิดที่ทรงพลัง
ให้รางวัลตัวเองด้วย...การยกโทษ
การอธิษฐานแบบพระเยซู
วิธีฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า
สนามรบในความคิด
100 วิธี ทำชีวิตให้เรียบง่าย
พระคำของพระเจ้าในปากของฉัน
กล่าวยืนยันพระคำของพระเจ้าประจำวัน
รายการเปี่ยมสุขทุกวัน โดย Joyce Meyer
บทเพลงนมัสการพระเจ้า
มานาประจำวัน เดือน 1-4/2016
มานาประจำวัน เดือน 9-12/2014
มานาประจำวัน เดือน 5-8/2014
มานาประจำวัน เดือน 1-4/2014
Diary-Book
มานาประจำวัน เดือน 10-12/2013
มานาประจำวัน เดือน 7-9/2013
มานาประจำวัน เดือน 4-6/2013
มานาประจำวัน เดือน 1-3/2013
มานาประจำวัน เดือน 10-12/2012
มานาประจำวัน เดือน 4-9/2012
มานาประจำวัน เดือน 1-3/2012
มานาประจำวัน เดือน 12/2011
มานาประจำวัน เดือน 11/2011
มานาประจำวัน เดือน 10/2011
มานาประจำวัน เดือน 7-9/2011
มานาประจำวัน เดือน 4-6/2011
มานาประจำวัน เดือน 1-3/2011
มานาประจำวัน เดือน 10-12/2010
มานาประจำวัน เดือน 7-9/2010
มานาประจำวัน เดือน 4-6/2010
มานาประจำวัน เดือน 1-3/2010
มานาประจำวัน เดือน 11-12/2009
มานาประจำวัน เดือน 10/2009
มานาประจำวัน เดือน 9/2009
มานาประจำวัน เดือน 6-9/2009
Song in the world
กำลังใจ ไม่ไกลเกินไขว่คว้า
บทความหนุนใจ
ชนะ โดย วีรชัย โกแวร์
ลับหลังคนอื่น คุณเป็นอย่างไร?
King Thailand
พระราชดำรัส
รูปภาพประทับใจทั่วโลก
บทความทางการเมือง
การบริหาร โดย ศราวุธ สุ
จดหมายจากท่านขุน ถึงแม่ประไพ
อาหาร
สุขภาพ
การออกกำลังกาย
เตือนภัย
บทความประทับใจ - ฟอร์เวิร์ดเมล์
คอมพิวเตอร์-เทคโนโลยี
Movie
The Sound of Music
S.H.E News
S.H.E lyrics
FM S.H.E 11th
S.H.E sp Map of Love
The 3 Spas of Love by S.H.E [book]
Ella Chen [S.H.E]
S.H.E & FLH
Down with Love (Ella+Jerry)
เล่าสู่กันฟัง
ข่าวที่น่าสนใจ
ซีรี่ ประทับใจ
มกราคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
15 มกราคม 2554
มานาประจำวัน - 2011/01/15 "อิสระในที่คุมขัง"
มานาประจำวัน - 2011/01/14 "เรียกว่าดี"
มานาประจำวัน - 2011/01/13 "ความเชื่อที่ผูกกับสัญญา"
มานาประจำวัน - 2011/01/12 "อยู่เบื้องหลัง"
มานาประจำวัน - 2011/01/11 "ทำไมจึงเดี๋ยวนี้ไม่ได้?"
มานาประจำวัน - 2011/01/10 "เรียกให้จาก"
มานาประจำวัน - 2011/01/09 "ตาที่ไม่เคยหลับ"
มานาประจำวัน - 2011/02/03 "ความปรารถนาดี"
มานาประจำวัน - 2011/02/02 "จัดระเบียบใหม่"
มานาประจำวัน - 2011/02/01 "หัวใจปลอม"
มานาประจำวัน - 2011/01/31 "เพิกเฉยต่อพระคุณ"
มานาประจำวัน - 2011/01/30 "เฝ้าดูและเรียนรู้"
มานาประจำวัน - 2011/01/29 "ถ้อยคำจากซาโลมอน"
มานาประจำวัน - 2011/01/28 "เมืองแผ่นดินไหว"
มานาประจำวัน - 2011/01/27 "กลับหัวกลับหาง"
มานาประจำวัน - 2011/01/26 "เหมือนคนหน้าซื่อใจคด"
มานาประจำวัน - 2011/01/25 "ไม่ต้องต่อสู้อีก"
มานาประจำวัน - 2011/01/24 "จริงตราบทุกวันนี้"
มานาประจำวัน - 2011/01/23 "พระเจ้ากำลังทำงาน"
มานาประจำวัน - 2011/01/22 "คนจรจัด"
มานาประจำวัน - 2011/01/21 "ธรรมชาติชิงชังความว่างเปล่า"
มานาประจำวัน - 2011/01/20 "ยำเกรงและรัก"
มานาประจำวัน - 2011/01/19 "เมื่อมีใครล้ม"
มานาประจำวัน - 2011/01/18 "หนังสือที่เปิดออก"
มานาประจำวัน - 2011/01/17 "ขับรถในความมืด"
มานาประจำวัน - 2011/01/16 "ศักยภาพของเด็ก"
มานาประจำวัน - 2011/01/15 "อิสระในที่คุมขัง"
มานาประจำวัน - 2011/01/14 "เรียกว่าดี"
มานาประจำวัน - 2011/01/13 "ความเชื่อที่ผูกกับสัญญา"
มานาประจำวัน - 2011/01/12 "อยู่เบื้องหลัง"
มานาประจำวัน - 2011/01/11 "ทำไมจึงเดี๋ยวนี้ไม่ได้?"
มานาประจำวัน - 2011/01/10 "เรียกให้จาก"
มานาประจำวัน - 2011/01/09 "ตาที่ไม่เคยหลับ"
มานาประจำวัน - 2011/01/08 "ไม่มีความรู้สึกผิด"
มานาประจำวัน - 2011/01/07 "วิเศษจริงๆ"
มานาประจำวัน - 2011/01/06 "มีส่วนร่วม"
มานาประจำวัน - 2011/01/05 "สิงห์แห่งยูดาห์"
มานาประจำวัน - 2011/01/04 "คนรักของพระเจ้า"
มานาประจำวัน - 2011/01/03 "ความเชื่ออันมีชัย"
มานาประจำวัน - 2011/01/02 "ผู้นมัสการในอากาศหนาว"
มานาประจำวัน - 2011/01/01 "กินเร็ว จ่ายน้อย"
มานาประจำวัน - 2011/01/15 "อิสระในที่คุมขัง"
อิสระในที่คุมขัง
วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2011
อ่าน: ฟีเลโมน 1:4-16ฟีเลโมน 1
4ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าเสมอคือระลึกถึงท่านเมื่ออธิษฐาน 5เพราะข้าพเจ้าได้ยินถึงความรักและความเชื่อของท่านที่มีต่อพระเยซูเจ้าและต่อบรรดาธรรมิกชน 6และข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้การที่ท่านร่วมเชื่อกับพวกเรานั้นจงเพิ่มพูนความรู้ในการดีทั้งปวงของพวกเราซึ่งมีในพระคริสต์ 7น้องเอ๋ยความรักของท่านทำให้เรามีความยินดีและเป็นสุขอย่างยิ่งจิตใจของบรรดาธรรมิกชนแช่มชื่นขึ้นเพราะท่าน 8เหตุฉะนั้นแม้ว่าโดยพระเยซูคริสต์ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอที่จะสั่งให้ท่านทำสิ่งที่ควรกระทำได้ 9แต่เพราะเห็นแก่ความรักข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่าข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์และบัดนี้ได้ถูกจำจองเพื่อพระองค์ด้วย 10ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัสลูกของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าได้เป็นบิดาของเขาเมื่อข้าพเจ้าถูกจำจองอยู่ 11(เมื่อก่อนนั้นเขาไม่เป็นประโยชน์แก่ท่านแต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งแก่ท่านและข้าพเจ้า) 12ข้าพเจ้าส่งเขามาหาท่านซึ่งเท่ากับส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาทีเดียว 13ข้าพเจ้าใคร่จะให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าเพื่อเขาจะได้ปรนนิบัติข้าพเจ้าแทนท่านในระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกจำจองเพราะข่าวประเสริฐนั้น 14แต่ว่าข้าพเจ้าจะไม่ปฏิบัติสิ่งใดลงไปนอกจากท่านจะเห็นชอบด้วยเพื่อว่าคุณความดีที่ท่านกระทำนั้นจะไม่เป็นการฝืนใจแต่จะเป็นความประสงค์ของท่านด้วย 15อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาจากท่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อท่านจะได้เขากลับคืนมาตลอดไป 16เขามิใช่เป็นทาสอีกต่อไปแต่ดียิ่งกว่าทาสคือเป็นพี่น้องที่รักเขาเป็นที่รักมากของข้าพเจ้าแต่คงจะเป็นที่รักของท่านมากยิ่งกว่านั้นอีกทั้งในฐานะเป็นคนและเป็นเพื่อนคริสตชนด้วยกัน
ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัสลูกของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เป็นบิดาของเขาเมื่อข้าพเจ้าถูกจำจองอยู่ ฟีเลโมน 1:10
อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: ปฐมกาล 36-38ปฐมกาล 36
1ต่อไปนี้เป็นเชื้อสายของเอซาว(คือเอโดม) 2เอซาวได้หญิงคนคานาอันมาเป็นภรรยาคืออาดาห์บุตรเอโลนคนฮิตไทต์และโอโฮลีบามาห์บุตรีอานาห์ผู้เป็นบุตรศิเบโอนคนฮีไวต์ 3กับบาเสมัทบุตรีอิชมาเอลเป็นน้องสาวของเนบาโยท 4ฝ่ายนางอาดาห์มีบุตรชายให้เอซาวชื่อเอลีฟัสนางบาเสมัทมีบุตรชายชื่อเรอูเอล 5และนางโอโฮลีบามาห์มีบุตรชายชื่อเยอูชยาลามและโคราห์คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของเอซาวที่เกิดในแคว้นคานาอัน 6เอซาวพาภรรยาบุตรชายหญิงและคนทั้งปวงในครอบครัวของตนกับฝูงสัตว์และทรัพย์สิ่งของที่ได้มาในแคว้นคานาอันแยกจากยาโคบผู้น้องไปที่เมืองอื่น 7เพราะทรัพย์สมบัติของทั้งสองมีมากจะอยู่ด้วยกันมิได้ดินแดนที่เขาอาศัยนั้นไม่พอให้เขาเลี้ยงฝูงสัตว์ 8เอซาวจึงไปอยู่ในถิ่นเทือกเขาเสอีร์เอซาวคือเอโดม 9ต่อไปนี้เป็นเชื้อสายของเอซาวบิดาคนเอโดมชาวเมืองเทือกเขาเสอีร์ 10ชื่อบุตรชายของเอซาวคือเอลีฟัสบุตรนางอาดาห์ภรรยาเอซาวเรอูเอลบุตรนางบาเสมัทภรรยาเอซาว 11ฝ่ายบุตรชายของเอลีฟัสชื่อเทมานโอมาห์เศโฟกาทามและเคนัส 12(ทิมนาเป็นภรรยาน้อยของเอลีฟัสบุตรเอซาวนางมีบุตรด้วยกันกับเอลีฟัทชื่ออามาเลข)คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของอาดาห์ภรรยาเอซาว 13ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของเรอูเอลคือนาหาทเศ-ราห์ชัมมาห์และมิสซาห์คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของบาเสมัทภรรยาของเอซาว 14ต่อไปนี้เป็นบุตรชายภรรยาของเอซาวคือนางโอโฮลีบามาห์บุตรีอานาห์ผู้เป็นบุตรชายศิเบโอนนางมีบุตรชายกับเอซาวชื่อเยอูชยาลามและโคราห์ 15ต่อไปนี้เป็นเจ้านายในบรรดาบุตรชายของเอซาวบรรดาบุตรของเอลีฟัสบุตรหัวปีของเอซาวคือเจ้านายเทมานเจ้านายโอมาร์เจ้านายเศโฟเจ้านายเคนัส 16เจ้านายโคราห์เจ้านายกาทามเจ้านายอามาเลขคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเอลีฟัสในแคว้นเอโดมพวกเขาเป็นลูกหลานของนางอาดาห์ 17ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของเรอูเอลผู้เป็นบุตรชายของเอซาวคือเจ้านายนาหาทเจ้านายเศ-ราห์เจ้านายชัมมาห์และเจ้านายมิสซาห์คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเรอูเอลในแคว้นเอโดมพวกเขาเป็นลูกหลานของนางบาเสมัทภรรยาของเอซาว 18ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของนางโอโฮลีบามาห์ภรรยาของเอซาวคือเจ้านายเยอูชเจ้านายยาลามและเจ้านายโคราห์คนเหล่านี้เป็นเจ้านายเกิดจากนางโอโฮลีบามาห์บุตรีของอานาห์ภรรยาเอซาว 19คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของเอซาว(คือเอโดม)และคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเขา 20ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของเสอีร์คนโฮรีชาวแคว้นนั้นคือโลทานโชบาลศิเบโอนอานาห์ 21ดีโชนเอเซอร์และดีชานคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของคนโฮรีผู้เป็นบุตรของเสอีร์ในแคว้นเอโดม 22บุตรชายของโลทานชื่อโฮรีและเฮมานและน้องสาวของโลทานชื่อทิมนา 23ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของโชบาลคืออัลวานมานาฮาทเอบาลเชโฟและโอนัม 24ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของศิเบโอนคืออัยยาห์และอานาห์อานาห์นั้นเป็นผู้ที่ได้พบน้ำพุร้อนในถิ่นทุรกันดารเมื่อเลี้ยงฝูงลาของศิเบโอนบิดาของเขา 25ต่อไปนี้เป็นบุตรของอานาห์คือดีโชนและโอโฮลีบามาห์ผู้เป็นบุตรีของอานาห์ 26ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของดีโชนคือเฮมดานเอชบานอิธรานและเคราน 27ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของเอเซอร์คือบิลฮานศาวานและอาขาน 28ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของดีชานคืออูศและอารัน 29ต่อไปนี้เป็นเจ้านายของคนโฮรีคือเจ้านายโลทานเจ้านายโชบาลเจ้านายศิเบโอนเจ้านายอานาห์ 30เจ้านายดีโชนเจ้านายเอเซอร์เจ้านายดีชานคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของคนโฮรีตามพงศ์พันธุ์ของเขาในแคว้นเสอีร์ 31ต่อไปนี้เป็นกษัตริย์ที่ครอบครองในแคว้นเอโดมก่อนที่คนอิสราเอลมีกษัตริย์ครอบครอง 32เบลาบุตรชายเบโอร์ครอบครองในเอโดมเมืองหลวงของท่านชื่อดินฮาบาห์ 33เมื่อเบลาสิ้นพระชนม์แล้วโยบับบุตรชายเศ-ราห์ชาวเมืองโบสราห์ขึ้นครอบครองแทน 34เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์แล้วหุชามชาวแผ่นดินของคนเทมานขึ้นครอบครองแทน 35เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์แล้วฮาดัดบุตรชายของเบดัดผู้รบชนะคนมีเดียนในประเทศโมอับขึ้นครอบครองแทนเมืองหลวงของท่านชื่ออาวีท 36เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์แล้วสัมลาห์ชาวเมืองมัสเรคาห์ขึ้นครอบครองแทน 37เมื่อสัมลาห์สิ้นพระชนม์แล้วชาอูลชาวเมืองเรโหโบทอยู่ที่แม่น้ำยูเฟรติสขึ้นครอบครองแทน 38เมื่อชาอูลสิ้นพระชนม์แล้วบาอัลฮานันบุตรชายอัคโบร์ขึ้นครอบครองแทน 39เมื่อบาอัลฮานันบุตรชายอัคโบร์สิ้นพระชนม์แล้วฮาดาร์ขึ้นครอบครองแทนเมืองหลวงของท่านชื่อปาอูและมเหสีของท่านชื่อเมเหทาเบลบุตรีมัทเรดผู้เป็นบุตรีของเมซาหับ 40ต่อไปนี้เป็นชื่อเจ้านายของเอซาวตามตระกูลและตามที่ตามชื่อคือเจ้านายทิมนาเจ้านายอัลวาห์เจ้านายเยเธท 41เจ้านายโอโฮลีบามาห์เจ้านายเอลาห์เจ้านายปิโนน 42เจ้านายเคนัสเจ้านายเทมานเจ้านายมิบซาร์ 43เจ้านายมักดีเอลและเจ้านายอิรามคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเอโดม(คือเอซาวบิดาของคนเอโดม)ตามที่อยู่ของท่านในแคว้นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน
ปฐมกาล 37
1ฝ่ายยาโคบมาอยู่ในดินแดนที่บิดาของท่านอาศัยนั้นคือแคว้นคานาอัน 2ต่อไปนี้เป็นประวัติครอบครัวของยาโคบเมื่อโยเซฟอายุได้สิบเจ็ดปีไปเลี้ยงสัตว์อยู่กับพวกพี่ชายเขาเป็นเด็กหนุ่มอยู่กับบุตรของนางบิลฮาห์และศิลปาห์ภรรยาบิดาของตนโยเซฟเอาความผิดของพี่ชายมาเล่าให้บิดาฟัง 3ฝ่ายอิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าบุตรทั้งหมดของท่านเพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อบิดาแก่แล้วบิดาทำเสื้อยาวมีแขนให้แก่โยเซฟ 4เมื่อพวกพี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมากกว่าตนก็ชังโยเซฟและพูดดีกับเขาไม่ได้ 5คราวหนึ่งโยเซฟฝันแล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟังพวกพี่ชายยิ่งชังโยเซฟมากขึ้น 6โยเซฟเล่าว่า"ฟังความฝันซึ่งฉันฝันเห็นซิ 7พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในนาทันใดนั้นฟ่อนข้าวของฉันตั้งขึ้นยืนตรงแต่ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆมาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของฉัน" 8พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า"เจ้าจะปกครองเรากระนั้นหรือเจ้าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ"พวกพี่ชายก็ยิ่งชังโยเซฟมากขึ้นอีกเพราะความฝันและเพราะคำของเขา 9ต่อมาโยเซฟก็ฝันอีกจึงเล่าให้พี่ชายฟังว่า"ฉันฝันอีกครั้งหนึ่งเห็นดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ฉัน" 10เมื่อเล่าให้บิดาและพวกพี่ชายกับน้องฟังบิดาก็เตือนโยเซฟว่า"ความฝันที่เจ้าได้ฝันเห็นนั้นหมายความว่าอะไรเรากับมารดาและพี่น้องของเจ้าจะมาซบหน้าลงถึงดินกราบไหว้เจ้ากระนั้นหรือ" 11พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟบิดาก็นิ่งตรองเรื่องนี้อยู่แต่ในใจ 12ฝ่ายพวกพี่ชายพากันไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาที่เมืองเชเคม 13อิสราเอลจึงพูดกับโยเซฟว่า"พี่ชายของเจ้าเลี้ยงแพะแกะอยู่ที่เมืองเชเคมมิใช่หรือมาพ่อจะใช้เจ้าไปหาพี่ชาย"โยเซฟตอบว่า"ฉันพร้อมแล้ว" 14บิดาจึงสั่งเขาว่า"ไปดูพี่ชายของเจ้าและฝูงสัตว์ซิว่าสบายดีหรือไม่แล้วกลับมาบอกพ่อ"บิดาใช้เขาไปจากที่ราบเฮโบรนเขาก็มายังเมืองเชเคม 15ชายคนหนึ่งพบโยเซฟเดินไปเดินมาในท้องนาจึงถามว่า"เจ้าหาอะไร" 16โยเซฟตอบว่า"ฉันหาพี่ชายของฉันโปรดบอกฉันทีว่าเขาเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ไหน" 17คนนั้นตอบว่า"เขาไปแล้วเพราะเราได้ยินเขาพูดกันว่า'ให้เราไปเมืองโดธานกันเถิด'"โยเซฟตามไปพบเขาที่เมืองโดธาน 18เมื่อพวกพี่ชายเห็นโยเซฟแต่ไกลยังมาไม่ถึงเขาก็พากันคิดปองร้ายจะฆ่าเสีย 19เขาพูดกันว่า"เจ้าช่างฝันมานี่แล้ว 20มาเถิดให้พวกเราฆ่ามันเสียแล้วทิ้งลงไว้ในบ่อบ่อหนึ่งเราจะว่าสัตว์ร้ายกัดกินมันเสียแล้วเราจะดูว่าความฝันนั้นจะเป็นจริงได้อย่างไร" 21ฝ่ายรูเบนพอได้ยินดังนั้นก็อยากช่วยโยเซฟให้พ้นมือพวกพี่ชายจึงพูดว่า"เราอย่าฆ่ามันเลย" 22รูเบนเตือนเขาว่า"อย่าทำให้โลหิตไหลจงทิ้งมันในบ่อนี้ในถิ่นทุรกันดารอย่าแตะต้องน้องเลย"ทั้งนี้เพื่อจะช่วยน้องให้พ้นมือเขาแล้วจะได้ส่งกลับไปยังบิดา 23ครั้นโยเซฟมาถึงพวกพี่ชายเขาก็จับโยเซฟถอดเสื้อออกเสียคือเสื้อยาวมีแขนที่สวมอยู่ 24แล้วเอาโยเซฟไปทิ้งลงในบ่อบ่อนั้นไม่มีน้ำ 25ขณะที่นั่งรับประทานอยู่เขาเงยหน้าขึ้นเห็นคนอิชมาเอลบรรทุกต่างมาจากเมืองกิเลอาดมีฝูงอูฐบรรทุกยางไม้พิมเสนและเปลือกไม้ชะมดเอาเดินทางไปยังอียิปต์ 26ยูดาห์จึงพูดกับน้องว่า"หากเราฆ่าน้องและซ่อนโลหิตไว้จะมีประโยชน์อันใดเล่า 27มาเถิดให้เราขายน้องแก่พวกอิชมาเอลโดยไม่แตะต้องเขาเพราะเขาก็เป็นน้องและเป็นเลือดเนื้อของเราเหมือนกัน"พี่น้องทั้งปวงก็เชื่อ 28ขณะนั้นพวกพ่อค้าชาวมีเดียนกำลังผ่านมาเขาก็ฉุดโยเซฟขึ้นจากบ่อขายให้แก่คนอิชมาเอลเป็นเงินยี่สิบเชเขลคนอิชมาเอลก็พาโยเซฟไปยังอียิปต์ 29ฝ่ายรูเบนเมื่อกลับมาถึงบ่อนั้นเห็นว่าโยเซฟมิได้อยู่ในบ่อนั้นก็ฉีกเสื้อผ้า 30แล้วกลับไปหาพวกน้องบอกว่า"เด็กนั้นหายไปเสียแล้วแล้วฉันจะไปที่ไหนเล่า" 31พวกเขาก็เอาเสื้อของโยเซฟมาและฆ่าแพะผู้ตัวหนึ่งจุ่มเสื้อของโยเซฟลงในเลือด 32แล้วก็ส่งเสื้อยาวที่มีแขนนั้นไปยังบิดาบอกว่า"พวกเราได้พบเสื้อตัวนี้ขอพ่อจงพิจารณาดูว่าใช่เสื้อลูกของพ่อหรือไม่" 33บิดาตรวจดูแล้วร้องว่า"นี่เป็นเสื้อลูกเราสัตว์ร้ายกัดกินเขาเสียแล้วโยเซฟลูกเราย่อยยับเสียแล้วเป็นแน่" 34ยาโคบก็ฉีกเสื้อผ้าเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้ทุกข์ให้บุตรหลายวัน 35ฝ่ายบุตรชายหญิงทั้งหมดก็พากันมาปลอบโยนบิดาแต่ท่านไม่ยอมรับการปลอบโยนกล่าวว่า"อย่าเลยเราจะโศกเศร้าถึงลูกเราจนกว่าเราจะตามลงไปยังแดนคนตาย"บิดาของเขาร้องไห้คิดถึงเขาดังนี้ 36ในระหว่างนั้นคนมีเดียนก็ขายโยเซฟในอียิปต์ไว้กับโปทิฟาร์ขุนนางผู้หนึ่งของฟาโรห์ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์
ปฐมกาล 38
1ครั้งนั้นยูดาห์ลงไปจากพวกพี่น้องไปอาศัยอยู่กับคนอดุลลามคนหนึ่งชื่อฮีราห์ 2ยูดาห์เห็นบุตรีคนคานาอันคนหนึ่งที่นั่นบิดาหญิงนั้นชื่อชูวาจึงแต่งงานกับหญิงนั้นและเข้าไปหานาง 3หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์มีบุตรชายบิดาจึงตั้งชื่อว่าเอร์ 4หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์อีกมีบุตรชายชื่อโอนัน 5นางมีบุตรชายอีกคนหนึ่งชื่อเช-ลาห์นางอยู่ที่เคซิบเมื่อนางมีเขา 6ยูดาห์ก็ได้หาหญิงคนหนึ่งชื่อทามาร์ให้เป็นภรรยาเอร์บุตรหัวปีของตน 7เอร์บุตรหัวปีของยูดาห์เป็นคนชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้าพระเจ้าจึงทรงประหารเขาเสีย 8ยูดาห์จึงบอกโอนันว่า"เข้าไปหาภรรยาพี่ชายของเจ้าเถิดและทำหน้าที่ของน้องผัวเพื่อจะได้สืบพันธุ์พี่ชายไว้" 9โอนันรู้ว่าพันธุ์จะไม่ได้นับเป็นของตนเมื่อเขาเข้าไปหาภรรยาของพี่ชายจึงทำให้น้ำกามตกดินเสียด้วยเกรงว่าจะสืบพันธุ์ให้แก่พี่ชาย 10ในพระเนตรพระเจ้าสิ่งที่โอนันได้กระทำนั้นผิดพระองค์จึงทรงประหารชีวิตเขาเสีย 11ยูดาห์จึงบอกทามาร์บุตรสะใภ้ว่า"กลับไปบ้านบิดาจนกว่าเช-ลาห์บุตรของเราจะโต"ยูดาห์กลัวว่าเขาจะตายเสียเหมือนพี่ชายนางทามาร์จึงไปอาศัยอยู่กับบิดาของนาง 12อยู่มาภรรยาของยูดาห์ผู้เป็นบุตรีชูวาก็ตายเมื่อยูดาห์ค่อยบรรเทาความโศกจึงขึ้นไปหาคนตัดขนแกะของตนที่บ้านทิมนาทกับเพื่อนชื่อฮีราห์เป็นคนอดุลลาม 13มีคนมาบอกนางทามาร์ว่า"ดูเถิดพ่อผัวของเจ้าไปบ้านทิมนาทจะตัดขนแกะ" 14นางจึงผลัดเสื้อสำหรับหญิงม่ายออกเสียเอาผ้าคลุมหน้าห่มตัวไว้ไปนั่งอยู่ที่ทางเข้าบ้านเอนาอิมริมทางที่จะไปบ้านทิมนาทด้วยนางเห็นว่าเช-ลาห์โตขึ้นแล้วแต่นางยังมิได้เป็นภรรยาของเขา 15เมื่อยูดาห์เห็นนางก็คิดว่าเป็นหญิงโสเภณีเพราะนางได้เอาผ้าคลุมหน้าไว้ 16ยูดาห์จึงเข้าไปพูดกับหญิงริมทางนั้นว่า"มาเถิดให้เราเข้านอนด้วย"เพราะไม่ทราบว่านางเป็นบุตรสะใภ้ของตนนางจึงว่า"ท่านจะให้อะไรสำหรับการที่เข้าหาฉัน" 17ยูดาห์ตอบว่า"เราจะส่งลูกแพะจากฝูงมาให้เจ้าตัวหนึ่ง"นางก็ถามว่า"ท่านจะให้ของมัดจำไว้ก่อนจนกว่าจะส่งลูกแพะนั้นมาได้ไหม" 18ยูดาห์ถามว่า"เจ้าจะเอาอะไรเป็นของมัดจำ"นางจึงตอบว่า"จะขอแหวนตรากับเชือกทั้งไม้พลองที่มือท่านด้วย"ยูดาห์ก็ให้และเข้าไปหานางนางก็ตั้งครรภ์กับเขา 19นางจึงลุกขึ้นไปเสียและเอาผ้าคลุมหน้านั้นออกนุ่งห่มเสื้อผ้าสำหรับหญิงม่ายอีก 20ฝ่ายยูดาห์ฝากลูกแพะมากับเพื่อนคนอดุลลามให้ไถ่ของมัดจำจากมือหญิงนั้นแต่เขาหานางไม่พบ 21เขาจึงถามคนที่อยู่ตำบลนั้นว่า"หญิงโสเภณีที่อยู่เอนาอิมริมทางนี้ไปไหน"เขาตอบว่า"ที่นี่ไม่มีหญิงโสเภณี" 22เพื่อนก็กลับไปบอกยูดาห์ว่า"ฉันหาไม่พบทั้งชาวตำบลนั้นก็ว่า'ที่นี่ไม่มีหญิงโสเภณี'" 23ยูดาห์จึงว่า"ให้หญิงนั้นเก็บของนั้นไว้เถิดมิฉะนั้นคนจะหัวเราะเยาะเราเราฝากลูกแพะตัวนี้ไปให้แต่ท่านก็หาหญิงนั้นไม่พบ" 24อยู่มาอีกประมาณสามเดือนมีคนมาบอกยูดาห์ว่า"ทามาร์บุตรสะใภ้ของท่านคบผู้ชายยิ่งกว่านั้นอีกดูเถิดนางมีครรภ์เพราะการแพศยาแล้ว"ยูดาห์จึงสั่งว่า"พานางออกมานี่จับคลอกไฟเสีย" 25เมื่อเขากำลังพานางออกมานางก็ส่งคนไปหาพ่อผัวบอกว่า"ข้าพเจ้ามีครรภ์กับคนที่เป็นเจ้าของสิ่งนี้"และนางว่า"ขอท่านพิจารณาดูแหวนตราเชือกและไม้พลองเหล่านี้ว่าเป็นของผู้ใด" 26ยูดาห์รับไปพิจารณาดูรู้แล้วก็ว่า"หญิงคนนี้ชอบธรรมยิ่งกว่าเราเหตุว่าเรามิได้ยกเขาให้แก่เช-ลาห์บุตรของเรา"ฝ่ายยูดาห์ก็มิได้สมสู่กับนางต่อไปอีก 27อยู่มาเมื่อถึงเวลากำหนดคลอดบุตรก็มีลูกแฝดอยู่ในครรภ์ 28เมื่อจะคลอดนั้นบุตรคนหนึ่งยื่นมือออกมาก่อนหญิงผดุงครรภ์จึงเอาด้ายแดงผูกไว้ที่ข้อมือและกล่าวว่า"คนนี้คลอดก่อน" 29เมื่อบุตรนั้นหดมือเข้าไปบุตรอีกคนหนึ่งก็คลอดออกมาก่อนหญิงผดุงครรภ์จึงร้องว่า"อาไร้แหวกออกมาได้"เหตุฉะนี้จึงเรียกบุตรนั้นว่าเปเรศ 30ภายหลังบุตรที่มีด้ายแดงผูกข้อมือนั้นก็คลอดจึงให้ชื่อว่าเศ-ราห์ , มัทธิว 10:21-42มัทธิว 10
21แม้ว่าพี่จะมอบน้องให้ถึงความตายพ่อจะมอบลูกและลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย 22คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะความภักดีที่ท่านมีต่อเราแต่ผู้ใดที่ทนได้ถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด 23เมื่อเขาเคี่ยวเข็ญท่านในเมืองหนึ่งจงหนีไปยังอีกเมืองหนึ่งเราบอกความจริงแก่ท่านว่าก่อนที่ท่านจะไปทั่วเมืองต่างๆทั้งหมดในอิสราเอลบุตรมนุษย์จะเสด็จมา 24"ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครูและทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน 25ซึ่งศิษย์จะได้รับการรับรองเสมอครูและทาสเสมอนายของตนก็พออยู่แล้วถ้าเขาได้เรียกเจ้าบ้านว่าเบเอลเซบูลเขาจะเรียกลูกบ้านของเขามากยิ่งกว่านั้นเท่าใด 26"เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเขาเพราะว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ที่จะไม่ต้องเปิดเผยหรือการลับที่จะไม่เผยให้ประจักษ์ 27ซึ่งเรากล่าวแก่พวกท่านในที่มืดท่านจงกล่าวในที่แจ้งและซึ่งท่านได้ยินกระซิบที่หูจงตะโกนจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน 28อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กายแต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณแต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ 29นกกระจาบสองตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือแต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบนกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ 30ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น 31เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลยท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว 32"เหตุดังนั้นทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ 33แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์เราจะไม่ยอมรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ด้วย 34"อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะนำสันติภาพมาสู่โลกเรามิได้นำสันติภาพมาให้gแต่เรานำดาบมา 35เรามาเพื่อจะให้ลูกชายหมางใจกับบิดาของตนและลูกสาวหมางใจกับมารดาและลูกสะใภ้หมางใจกับแม่ผัว 36และผู้ที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกันก็จะเป็นศัตรูต่อกัน 37ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่มีค่าควรกับเราและผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเราผู้นั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา 38และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไปผู้นั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา 39ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิตแต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด 40"ผู้ที่รับท่านทั้งหลายก็รับเราและผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ที่ทรงใช้เรามา 41ผู้ที่รับผู้เผยพระวจนะเพราะเป็นผู้เผยพระวจนะก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้เผยพระวจนะพึงได้รับและผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชอบธรรมก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ 42และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่มเพราะเป็นศิษย์ของเราเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้"
การเยี่ยมชมเรือนจำกลางบนเกาะอัลคา-ทราซในอ่าวซานฟรานซิสโก ทำให้ผมเห็นภาพที่ลืมไม่ลง ขณะที่เรือท่องเที่ยวเข้าเทียบท่า ผมเข้าใจทันทีว่าทำไมอดีตเรือนจำกลางที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า หินผา (The Rock)
ในอาคารจองจำเลื่องชื่อ ผมเห็นลำแสงผ่านหน้าต่างที่ลงกลอนไว้แน่นหนา ผมได้เห็นห้องขังที่ดูเหมือนกรงนกเป็นแถวๆ ซึ่งเคยเป็นที่ อยู่ของผู้ต้องขังชื่อก้องอย่าง อัล คาโปน และ โรเบิร์ต สเตราด์ ฉายา มนุษย์นกแห่งอัลคา-ทราซ
แต่อีกภาพหนึ่งทำให้ประทับใจยิ่งกว่า เมื่อก้าวเข้าไปในห้องขังที่ว่างเปล่า ผมเห็นคำว่า พระเยซู เขียนไว้บนกำแพง ในอีกห้องมีพระคัมภีร์วางอยู่บนชั้น สองสิ่งนี้เมื่อรวมกันกลายเป็นคำกล่าวอย่างเงียบๆ ถึงอิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เปาโลรู้ถึงอิสรภาพเช่นที่ว่านี้ เมื่อกำลังรอความตาย ท่านเรียกตัวเองว่า ผู้ถูกจองจำเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์ และใช้การถูกจองจำของตัวเอง ช่วยผู้ต้องขังคนอื่นให้ได้พบความหมายของการเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าอันเป็นที่รักยิ่งและได้รับการอภัยนิรันดร์ (ฟม.1:10ฟีเลโมน 1
10ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัสลูกของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าได้เป็นบิดาของเขาเมื่อข้าพเจ้าถูกจำจองอยู่ )
หน้าต่างและประตูที่ลงกลอนหมายถึงการถูกคุมขังอย่างหนึ่ง การเป็นอัมพาตฝ่ายร่างกาย ความยากจนที่หนีไม่พ้น และการตกงานยาวนานก็เป็นการถูกคุมขังอีกรูปแบบหนึ่ง คุณอาจจะประสบกับการถูกคุมขังแบบอื่น ซึ่งไม่ว่าแบบไหนก็ไม่มีใครอยากได้ แต่ใครจะยอมแลก การถูกคุมขัง โดยมีพระคริสต์ กับ ชีวิตนอกห้องขัง ที่ไม่มีพระองค์? MRD II
จิตวิญญาณเคยติดอยู่ในวังวน
ไม่หลุดพ้นไม่รู้จักพระคริสต์เจ้า
ได้เป็นไทเมื่อพระองค์ปลดปล่อยเรา
จึงได้เข้าในครอบครัวของพระองค์ Hess
การอยู่ภายใต้การควบคุมของพระคริสต์คือการมีอิสระอย่างแท้จริง
Create Date : 15 มกราคม 2554
Last Update : 15 มกราคม 2554 20:56:08 น.
0 comments
Counter : 423 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
องุ่นทอง
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [
?
]
New Comments
LomoMania
ป้าหมูน้อย
namol
Anna_NSW
LadyJoker
peepa2009
Koamania
แม่น้องพี
soulcast
tuk-tukatkorat
ตงเหลงฉ่า
bluewave
Kengmanny
icon-book
patthanid
puy_naka63
kj2428
lovelydear
nulaw.m
mitrapap
เพลิงวารี
หวานเย็นผสมโซดา
ninaM
พิมลพัทธ์
ลิปิการ์
พลิ้วอ่อน
ซาสี่สีส้ม
สาวไกด์ใจซื่อ
หมอหมู
kotchakorn
little_fuku
kloy049
vuitton
mamminnie
j-wee
bua_suchi
cheezz_cheezz
life-writer
philiciana
ศรีสุรางค์
Aneem
Webmaster - BlogGang
[Add องุ่นทอง's blog to your web]
Bloggang.com