นั่งคุ้ยโฟลเดอร์ เจอเรื่องราวอยู่ในนั้นแต่กลับเทียบกับเวลาในช่วงก่อนหน้าไม่ได้เลย รูปที่เก็บเซฟน้อยรูป เรื่องราวประทับใจที่เก็บไว้อ่านน้อยเรื่อง 7 YEARS ITCH มิใช่วลีไร้ที่มา เราเคยถามตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ปีที่ 7 จะเป็นปีที่วัดใจ จะไปหรืออยู่ต่อ ในเมื่อหัวใจเต้นแรงน้อยลงจนกลายเป็นความชินชาเหลือแค่อุณหภูมิร่างกาย กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่เพื่อนฝูง ไม่ใช่คนในครอบครัว เป็นแค่คนที่ครั้งหนึ่งทำให้หัวใจเต้นแรงเพียงแค่เฝ้ามอง กระหายรับรู้เรื่องราว นับเวลาคอยผลงาน หากไม่เหลือความตื่นเต้นเสียแล้ว แค่อุณหภูมิร่างกายจะยังดึงให้เราไปต่อได้อีกจริงหรือ เส้นทางคู่ขนานที่เคยเดินไปกับพวกเขาจากแค่หันมองไปก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนเต็มความรู้สึก แต่ไม่รู้เมื่อไรที่มันกลายเป็นความพร่าเลือน ผู้ชายหกคนอาจเดินเร็วไป ตัวเราเองอาจเดินช้าไป ตัวเราเองอาจเดินเร็วเกิน ผู้ชายหกคนทอดน่องเกินกว่า หรือ เป็นเส้นขนานเส้นนั้นมันค่อยเอนเฉียงห่างออกไปเรื่อยด้วยตัวของมันเอง หันไปมอง สิ่งที่ตาเห็นไม่ชัดเหมือนเคย งั้นสิ่งที่ความรู้สึกล่ะยังชัดเจนเหมือนก่อนไหม ด้งน้องชายคนดีเล่าถึงพี่ชายคนหนึ่งเอาไว้ "Sunhariโซจูเนี่ยอันตรายสุดๆ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม" พูดพลางยกมือขึ้นตบไหล่คิมมินจุนไปพลาง ด้งบอกด้งไม่ได้บอก ใครที่ไหนกันก็ไม่ได้เอ่ยชื่อสักคำนะ แต่ใครจะร้อนตัวก็ช่วยไม่ได้ ทันใดตาแก่ขี้ร้อนก็เกิดครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนสารภาพออกมาหมดเปลือก "มีอยู่ครั้ง ผมเผลอดื่มโซจูรสมะนาวนั่นเข้าไป" รับรองได้ว่าต้องเป็นภาพตาแก่ยิ้มหัวเริงร่า ภูิมิใจนำเสนอ "ปรากฏว่าเช้าวันต่อมาผมเจอตัวเองลืมตาตื่นขึ้นในกรงของเดนเวอร์และนูปี้" มิน่าเล่าด้งถึงได้ฝากถึงมินจุนเอาไว้ว่า "พี่หันมาพึ่งพาพวกผมให้มากกว่านี้ก็ได้นะ ผมและเพื่อนทุกคนในวงอยู่ตรงนี้ื คอยอยู่ข้างๆพี่เสมอ" 'ถึงเดนเวอร์กับนูปี้จะตัวอุ่นดี แต่ผมว่าตัวผมอุ่นกว่า' ด้งไม่ได้กล่าวไว้ อูยองเป็นคนที่มักเข้มงวดกับตัวเอง มองตัวเองไม่เก่งพอเลยต้องเฝ้าฝึกซ้อมอยู่หน้ากระจกทั้งวันทั้งคืน คิดมากไปกับเรื่องต่างๆ เพราะมองตัวเองแบบนี้ จึงเกิดเห็นขึ้นมาว่าความคิดเช่นนี้มันจะหล่อหลอมให้เกิดนิสัยแย่ๆขึ้นมา หากแต่พอเขาลองคิดทบทวนดู ผสมกับเจอประสบการณ์ต่างๆที่เข้ามา ด้งบอกว่า "ผมก็ค่อยๆเรียนรู้ที่จะรักตัวเองขึ้นมา" เมื่อเขารู้จักรักตัวเอง ด้งบอกว่าเขาก็จะทำเพลงดีๆออกมาได้ เมื่อเขาเจอกับคนดีๆ คนเหล่านั้นก็จะเห็นว่าจางอูยองไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร การที่อูยองตระหนักย้อนตัวเองแบบนี้ "นี่ล่ะคือก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเติบโตของตัวผมเอง" เมื่อกลับไปอ่่านบทสัมภาษณ์จางอูยองจากนิตยสารAneCan "ผมอยากให้พี่จุนเครับรู้ว่าพวกเราคอยอยู่ข้างๆพี่เสมอ คงดีไม่น้อยถ้าเราสามารถให้ความช่วยเหลือพี่เขาได้ในเวลาที่เขาต้องการ" คำพูดนี้อาจฟังดูดาดๆ ไม่ว่าใครก็ดูจะพูดกัน หากแต่... "พี่จุนเคเป็นคนประเภทแบกรับทุกเรื่องเอาไว้กับตัวเอง ผมอยากให้พี่เขาหันมาพึ่งพาพวกเราให้มากกว่านี้" ผู้ชายชื่อจางอูยองคนนี้เติบโตขึ้นอย่างมากตามระยะความสัมพันธ์อันยาวนานของพวกเขาผู้ชายหกคน ผู้ชายหกคนต่างคนต่างเรียนรู้ที่จะรู้จักกัน การคบหากันอย่างยาวนานมาตั้งแต่ช่วงวัยที่เลือดร้อนที่สุดของมนุษย์เรา ช่วงเวลาสำคัญของการหล่อมหลอมตัวตนของคนหนึ่งคน พวกเขาต่างมีกันและกันมาตลอดในช่วงเวลาเหล่านั้น เราเชื่อว่าตัวตนของแต่ละคนต่างจะได้รับอิทธิพลส่วนหนึ่งของกันและกันมาหล่อหลอมเป็นตัวของพวกเขาเองในวันนี้ อย่างที่แทคเคยบอกขอบคุณเมมเบอร์ ขอบคุณที่พวกเขาได้มารู้จักกัน มาทำให้อ๊คแทคยอนกลายเป็นคนที่อบอุ่นกว่าที่เคยเป็น ถือเป็นทวีตของแทคที่ทำเราประทับใจมากที่สุด(รองๆจากการส่องทวิตฮอตอันแสนขึ้นชื่อนั่น) คนแบบแทคสมัยก่อนตอนที่อยู่บอสตัน เราว่าเรานึกภาพออกนะ เด็กเอเชียในอเมริกา การแข่งขัน การชิงดีชิงเด่น ความเย็นชาพวกนั้น มันไม่น่าโสภานักหรอก ตัวตนจะถูกกดดันด้วยสลัดคราบมากไปก็จะโดนเหน็บว่าเป็นไอ้พวกbanana น้อยไปก็โดนหยิกเรียกไอ้gook ความกดดันเฮงเซวยแบบนี้มันจะหล่อมหลอมให้คนหัวรั้นเย็นชาได้ไม่ยากเลยสักนิด งานไฮทัชครั้งหนึ่งที่ญี่ปุ่นและมีคนนั่งรถเข็นเข้ามาไฮทัช แล้วแทคก็มองเห็นก็หันไปถามเหล่าสตาฟ แล้วทั้งแทค คุณ โฮก็เลยเดินออกมาไปพูดคุยกับสตาฟด้วยกันหมด คนเล่าบอกว่าพอเห็นแบบนั้นเธอก็เลยยิ่งตื่นเต้นจนขายิ่งขยับไม่ได้ สตาฟก็เลยมาช่วยพยุงพาเธอเดินเข้าไปไฮทัช พอแทคเห็นแบบนั้นก็เลยเข้าไปต่อว่าสตาฟว่าทำไมถึงปล่อยให้คนนั่งรถเข็นต้องเดินมาเองด้วย แล้วบอกให้สตาฟไปเอารถเข็นมา แล้วจากนั้นทั้งมินจุน ชาน อูยองก็รู้เรื่องเข้า จากนั้นผู้ชายหกคนก็มาล้อมวงไฮทัชกับเธอ พวกหนุ่มๆเอาแต่พูดขอโทษ แล้วถามเธอว่าเป็นอะไรไหม สบายดีไหม และพาขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก คนเล่าบอกว่าพวกเขาเอาแต่พูดขอโทษทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด เรายังจำแฟนแอคเค้าท์นี้ได้ อาจจะเคยเขียนถึงไปแล้วด้วยซ้ำ มันเป็นแฟนแอคเค้าท์ที่แสดงตัวตนของผู้ชายหกคนได้ชัดเจนจนเหมือนจะมองเห็นภาพเคลื่อนไหวใต้เปลือกตาด้วยซ้ำ ตัวตนของคนเราก็แสดงให้เห็นกับเรื่องง่ายดายแบบนี้ล่ะ สมแล้วที่ลุงผักพูดเอาไว้ว่าลุงเลือกเด็กที่นิสัยใจคอ มีความตรงไปตรงมามากเสียยิ่งกว่าเลือกพรสวรรค์ สักพักแล้วที่เรารู้ตัวว่าเราไม่ได้มองผู้ชายหกคนนี้เป็นไอดอล ไอดอลในแง่ศิลปินไอดอล งานเพลงของบ่ายไม่อาจดึงดูดเราได้พอ แต่เรายังคงคอยติดตามข่าวสารของพวกเขาเพราะเราหลงรักในตัวตน ความเป็นคนในแบบของบ่าย ความสัมพันธ์ในแบบของบ่าย มันมีเสน่ห์เสียจนเรายังจากไปไม่ได้ง่ายๆ ด้งบอกทูพีเอ็มก็คือเขาอีกคน ชานบอกคือชีวิต สำหรับเราทูพีเอ็มคือเพื่อนที่ไม่อาจสนิทกันแต่กลับเฝ้ามองดูหนทางต่อไปข้างหน้าของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ ถึงสักวันเราหยุดเดินเส้นทางขนานเส้นนี้ แต่แน่ใจได้เลยว่าหูไม่เล็กไม่ใหญ่ใบนี้จะอดเงี่ยฟังข่าวคราวของพวกเขาไม่ได้ น้องเล็กที่ขยันร่ายสปีชประหนึ่งเอสเสให้พี่ๆจอมวายร้ายกลั่นแกล้งก็ยังไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง "พวกผมเดบิ๊วท์กันมาก็เข้าปีที่แปดได้แล้ว งั้นเรื่องที่จะคุยบนเวทีก็ควรต้องมีอะไรใหม่ๆต่างจากเดิมได้แล้วสินะครับ พวกคุณทุกคนต่างก็คอยดูแลปกป้องพวกผมมาโดยตลอด คงชื่นชอบตัวตนของพวกผมแต่ละคนแบบนี้ใช่ไหมล่ะครับ พวกคุณคนที่คอยตามชื่นชอบพวกผมคนที่ค่อยๆเติบโตเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อยตั้งแต่เดบิ๊วท์มา งั้นต่อจากนี้ไปผมก็คิดว่าพวกคุณจะยังคงชอบพวกผมไปตลอดอีกอย่างแน่นอน" ถึงแม้ว่าหมีจะตีขลุมหน้าตายไปสักหน่อย แต่ความจริงในขลุมนั่นก็ชวนตีให้ตายจริงๆด้วยล่ะ ทางพร่าเลือนก่อนนิทราอาจไม่ใช่เรื่องระยะความห่างไกล แต่เป็นเรื่องความแก่ตัวของคนแก่สายตายาวโดยแท้ ห่างหน่อยจะได้พอบรรลุถึงการปวารณาตัวเป็นยางลบบ้างล่ะ ต้นไม้บ้างล่ะ แมวกวักบ้างล่ะขึ้นมาก็ได้ จากใจถั่วงอกหัวโตคนหนึ่ง |