พันผูกจนผูกพัน
ตอนจบซีซั่น 6 เราได้คิดล่วงหน้าไปถึงบล็อกส่งท้ายของซีซั่น 7กะไว้เลยว่าจะใช้ชื่อบล็อก 6th is so sweet but 7th is heavenซึ่งใครเป็นบูลส์จนเข้าเลือด(เฉกข้าพเจ้า)คงจะคุ้นวลีนี้เป็นอย่างดี ตอนบูลส์ได้เป็นแชมป์สมัยที่ 6 ป้ายทำนองแบบนี้โบกอยู่จนทั่วสนามยูไนเต็ด เซ็นเตอร์...แต่ฝันก็สลายไปพร้อมข่าวการรีไทร์ของMJ และการย้ายทีมของPipฮ่วย~!ป่านนี้ยังเจ็บแปรบอยู่เล้ยพอต้องมาแตะเรื่องนี้ แต่ว่า...ผ่านมาไม่ถึงครึ่งซีซั่น เราได้แต่ส่ายหัว สรวงสวรรค์ ?!ห๊ะ~!(โปรดทำเสียงเย้ยหยัน)....ยังดีที่มันไม่ก้าวล่วงไปจนถึงคำตรงกันข้าม(มั้ง?!)เราปลอบใจตัวเองแบบนี้ตอนซีซั่นนี้จบลงคำจำกัดความถึงซีซั่น 7 สำหรับตัวเองแล้ว เรานึกถึงความรู้สึกหนึ่งคือความรู้สึกตอนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา ไอ้อาการจิกเล็บจนเจ็บเนื้อ กัดฟันจนเจ็บเหงือก กลั้นลมหายใจจนแทบขาดใจจนลงมาขาสั่นพรั่บๆพร้อมบ่นสาปส่งว่าชาตินี้ขอขึ้นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแต่ก็ยังอดเผลอมองไปยังจุดที่รางรถไฟราวกับแตะถึงแผ่นฟ้าไม่ได้ ความรู้สึก ณ จุดตรงนั้น ตรงที่ราวกับจะโบยบินไปได้ด้วยมือตัวเอง มันคือความหอมหวานพิเศษแค่เมื่อนึกย้อนถึงประมาณนี้ล่ะ...ไอ้afรุ่นร้ายเดียงสาของเราเกรป เด็กผู้หญิงสิบห้าที่เราจำชื่อพร้อมหน้าตาได้เป็นคนแรกของรุ่น(คนมันแก่แล้วต้องเข้าใจ)หลายคนที่ตามบล็อกนี้มาคงแปลกใจถ้าเราจะบอกว่า เกรบคือเด็กคนแรกเลยที่เราชอบ...ฮ่า (ก่อนเปลี่ยนใจ)เรานั่งมองเกรบแล้วบอกกับตัวเองมาตั้งแต่วันแรกๆเลยว่า เด็กคนนี้ทำไมสวยจังวะสวยไปหมดกับรูปหน้าแบบนี้ โครงหน้าทุกอย่างสมดุลจนน่าอิจฉา ถือเป็นงานง่ายเลยล่ะสำหรับคนชอบดรออิ้งซึ่งในบรรดาเครื่องหน้าของเกรบ ส่วนที่เราชอบที่สุดคือรูปศีรษะทุยกลมได้รูปกับริมฝีปากบางเป็นกระจับ...ไว้ลายกับงานศิลป์เลยค่ะท่าน (เรายกนิ้วให้เบื้องบน)ขนาดขนาดทุกส่วนขยายขึ้นทุกวีค(เอิ้กกกก) หัวยุ่ง ตาขวาง หน้ามัน...ก็ยังสวยอยู่ดีเกรบน่ะทำเราแปลกใจในตัวตนของเกรบหลายๆอย่างที่เปิดออกมาให้เราได้รู้จักอย่างแรกคงเป็น...เด็กสวยขนาดนี้แต่กลับไม่ห่วงสวยเท่าไรเลย หัวยุ่งกระเซิงมีให้เห็นทุกวัน ซึ่งเพราะอย่างนี้จึงเป็นอีกสาเหตุที่เรายังชอบมองเกรบ มองแล้วยังเห็นเป็นเหมือนน้องสาวแถวบ้านแม้จะก่อเรื่องวุ่นวายเอามันได้ทุกเรื่องทุกราวแม้จะมีอีกหลายครั้งเลยที่เกรบทำให้เราหมดความใส่ใจไปโดยสิ้นเชิง ชนิดที่เขาเรียกว่าโกรธจนหนวกกระดิก เรียกว่าขนาดนั่งดูผ่านๆยังเปลืองพลังงานเชื้อเพลิงในการเฝ้ามองไม่รู้กี่พันจูลน่ะน้อง อีกอย่างคือความคิดอ่านของเกรบที่ออกมาให้รับรู้จากการพูดจา ที่ทำให้คนชอบ ฟัง อย่างเรา ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นเป็นพิเศษเวลานั่งฟังเกรบซึ่งมันไม่ใช่เกิดจากการแค่ ฟังไม่รู้เรื่อง(สักเท่าไร) แล้วแต่มันต้องรวมกับฟังแล้วต้องมานั่งเรียบเรียงด้วยตัวเองอีกรอบว่าเด็กคนนี้มันพูดอะไรออกมา(วะ!)แล้วพอจะสรุปว่าที่เกรบพูดออกมานั่นมัน มีอะไร หรือเปล่า เราก็ยังต้องตบความคิดตัวเองให้ตื้นที่สุด เตือนตัวเองไว้ว่าอย่า คิดลึก กับคำพูดเกรบ เอาแค่ที่เรียบเรียงออกมาก็พอ เรียบเรียงได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่มีนอกมีในกับคำพูดของเกรบจ้าเพราะงั้น...อารมณ์ความรู้สึกของเกรบก็อ่านได้จากการกระทำและคำพูดคำจาของเจ้าตัวนั่นล่ะ...พี่เตือนไว้ล่วงหน้าก่อนเลย อย่าเผลอไปเล่นโป๊กเกอร์กับใครล่ะ จะหมดตัวเอาง่ายๆอีหนู เมื่อลองถามตัวเองว่าเราจะนึกถึงอะไรเมื่อพูดถึงเกรบเราจำความรู้สึกหนึ่งได้ในวีคละครเพลงแผลเก่า ในคลาสแอ็คติ้งของครูเงาะและครูย้งที่ให้ปอและเกรบออกมาเล่นอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่พูดประโยคเดิมเรานั่งมองปอจับมือเกรบ(หรือว่าเกรบจับมือปอหวา?)เดือนพูดว่า เดือนรักพี่ปอตอบกลับไปว่า แต่พี่ไม่ได้รักเดือนเรานั่งนิ่งจับอารมณ์เพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่เดือนพูดจำได้ว่าเราเคยเขียนถึงแววตาของเกรบว่าเหมือนฉากหน้าของผืนน้ำในทะเลสาบ ใส สะท้อนแต่เงาของสภาพแวดล้อม จนจับไม่ได้ว่าลึกลงไปใต้นั่นมีอะไรอีกมากมายที่ถูกซ่อนเอาไว้แต่คลาสวันนั้นทุกครั้งที่ไอ้ขวัญออกปากปฏิเศษความรักของเดือนจนไม่หลงเหลือการพูดจา มาเป็นเพียงท่าทางการตัดรอนกับมือของเดือนที่พยายามยื้อยุดใจไอ้ขวัญเอาไว้ความรู้สึกของเกรบที่เราจับไว้ได้ผ่านแววตานั้น ทำเอาน้ำลายเราเหนียวคอ ขมจัดจนขื่นแทนความรู้สึกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเราเป่าปากตอนจบคลาส ถอนใจอย่างยาวนานแล้วบอกกับตัวเองว่า ไม่อยากนั่งเป็นพยานการอกหักของเด็กเลยว่ะเด็กผู้หญิงหนึ่งคนซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองได้ขนาดนี้มันไม่น่าจะใช่ว่าเป็นแค่เรื่องความกล้า บ้าบิ่นอะไรแต่อาจเป็นเพราะความเป็น เด็กน้อย ที่ยังไม่ผู้ใหญ่พอจะแคร์กับเรื่อง การเสียหน้าเด็กที่ไม่คิดคำนวณผลได้ผลเสียล่วงหน้า เด็กที่ยังกล้าพอตะลุยไปข้างหน้าเพียงเพราะยังไม่มีประสบการณ์ว่าอาจจะทำให้เจ็บได้แค่ไหนล่ะมั้งเพราะอย่างนี้ รักแรก จึงเป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันจากเราไปไหนแม้จนเวลาสุดท้ายบนผืนโลกใบนี้กระมังสามเดือนในชีวิตเกรบที่มาให้เรารู้จัก เราว่าเราคุ้มมากเลยกับเวลาที่เสียไปกับการเฝ้ามองเด็กแบบที่เราไม่เคยเป็น อาจมีบางส่วนของเกรบที่เราเคยคบเป็นเพื่อนขืนมีให้คบกับทุกส่วนของเกรบนี่เราคงจับไอ้เพื่อนคนนั้นเขย่าให้มันตื่น ตบกะโหลกไปอีกทีเรียกสติมันกลับคืน ถ้ามีอะไรอยากบอกเกรบเราคงบอกว่า เรียนรู้ทุกเรื่องให้มาก ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ใจเย็นลงกับทุกเรื่องแล้วก็...อ่านหนังสือให้เยอะๆน้องเอ๋ย จะเป็นแค่การ์ตูน นวนิยายตาหวานก็ดี...ค่อยๆอ่าน คอยคิดเยอะๆน้องแล้วเกรบจะรู้ถึงความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้...เชื่อพี่พร้อมเรื่องเตือนอีกอย่างให้เด็กน้อยอย่างเกรบรวมทั้งเด็กทุกคนในรุ่นนี้ให้ใส่ใจไว้ก็คือเวทีน่ะอาจมีแบ่งเป็นเวทีสำหรับมือสมัครเล่น และมืออาชีพแต่ว่า...ความรับผิดชอบไม่มีที่ให้กับคำว่ามือสมัครเล่นหรอกนะน้อง
อยากบอกว่า.... คอนเสิร์ตสแม็ปสุดยอดมาก
แต่ไม่มั่นใจว่าจะสามารถไปดูได้อีกรึเปล่า
เพราะความทรมานของ "หน้าร้อนญี่ปุ่น" มันช่างใหญ่หลวงนัก
ได้ดูคอนวีคสุดท้ายเอเอฟ 7 นิดๆ ด้วยค่ะ
แอบงงๆ ว่าเค้าใช้วิธีประกาศชื่อแล้วให้เด็กวิ่งไปเอาหยิบพอนเดอะริงเหรอ
รู้สึกเหมือน.... เอาอาหารมาวางล่อ สั่งให้สเตย์... แล้วค่อยส่งสัญญาณ ให้ลูกหมาวิ่งไปคาบกระดูกชิ้นโตมาแทะ... อะไรยังไงไม่รู้ ฮ่า ฮ่า
(คิดได้น่ารักมั้ย?)
"เด็กหนึ่งคน ทำให้เรามองเห็นเด็กอีกคน"
ใช่.... ตู่ก็เป็น
คงเพราะ ถ้าอยู่เฉยๆ หรืออยู่คนเดียว ก็ไม่ต่างอะไรกับการดูภาพวาดล่ะมั้งพี่.. มันไม่เห็น "ความคิด" อะ
นี่แหละ หนึ่งในข้อดีของเอเอฟ