Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
ไม่ใช่เืพื่อน แต่พวกเราคือ "ครอบครัว"






ห้าปีจะว่ายาวนานมันก็ไม่ถึงกับนานเท่าไร แต่หากจะบอกว่ามันสั้นก็ดูจะโกหกคำโตไปสักหน่อย

 

มีคำพูดที่ว่า "เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ" ถ้าหากคำพูดนี้ไม่ผิด เวลา5ปี(นับจริงๆกับความเป็นฮอตเทสเต็มตัว...ก็ไม่ถึงนะ 5555555) กับผู้ชายหกคนนี้ก็ไม่ถือว่ายาวนาน  เพียงแค่เผลอเรอเวลาก็บินผ่านมาถึงปีที่ 5 กับเส้นทางเดินเมื่อหันย้อนกลับไปมอง ณ ช่วงเวลาหนึ่งของเรา มีรอยเท้าของผู้ชายหกคนเดินขนานไปกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราอย่างที่พอกลับมาคิดๆดูมันก็ออกจะดูน่าแปลกอยู่ไม่น้อย


ฮอตเทสหลายๆคน หรืออาจบอกได้ว่าจำนวนหนึ่งก็ได้ล่ะมั๊งก็คงใช้ส่วนหนึ่งในชีวิตตัวเองไปไม่ต่างกับเรา ชีวิตที่รอยยิ้มของผู้ชายแปลกหน้า 6 คนทำให้วันเหงาๆกลับสดใสขึ้นมา กับเสียงหัวเราะบ้าบอจากการเย้าแหย่กันของผู้ชายทั้งหกพาให้ต้องส่ายหน้าด้วยความปลงแต่สุดท้ายก็อดเก็บเสียงหัวเราะตามไปไว้ไม่ไหว   แต่แล้วพอเห็นหยดน้ำตาที่ผู้ชายตัวโตเป็นตึกแอบเช็ดป้อยๆแล้วเอาตัวบังไม่อยากให้เราต้องรับรู้...น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนก็ร่วงตามอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่




กับบทสัมภาษณ์มากมายที่ได้อ่านก็พาเอาความปลาบปลื้มในตัวตนและความคิดของผู้ชาย 6 คนจนทำให้สามารถเชิดหน้าพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งกับใครต่อใครได้อย่างเต็มปากว่าผู้ชายของฉันสุดยอด  ทั้งๆที่พวกเขานั้นไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของเราด้วยซ้ำ...แต่นั่นสำคัญเหรอ???....ไม่เลยสักนิด


เรายังคงจดจำคำพูดของชานซองไม่เคยลืม  เมื่อผู้ชายคนหนึ่งรับมือกับสายตาและคำดูถูกจากคนรอบข้างด้วยการเก็บเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นแรงฮึดสู้แทนที่จะเหยียบตัวเองให้จมดินตามลงไป

"ตัวผมเริ่มจากศูนย์...ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ  ผมคนที่ไม่มีซึ่งความสามารถอะไรพิเศษอย่างคนอื่นเขา โดนว่าใส่หน้าหลายต่อหลายครั้งว่าร้องก็ไม่เป็น เต้นก็ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย แต่ผมไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ...ก็เหมือนกับวัชพืชนั่นไงล่ะครับ เพราะงั้นไม่วาจะโดนเหยียบสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็จะกลับมาลุกขึ้นยืนใหม่และพยายามสู้และสู้ต่อไป...จนในที่สุดผมก็สามารถพาตัวเองยืนอยู่ตรงจุดจุดนี้จนได้   และผมก็จะไม่มีวันหยุดที่จะพยายามนั้น"


เด็กผู้ชายตัวโตกับสีหน้าเหม่อๆ พูดจาไม่ค่อยทันใครเขาเพราะมัวแต่จะคิดเรียบเรียงเป็นทวิตลองเกอร์อยู่ Smiley มัำกทำให้เราอดเอ็นดูกับความเจ้าความคิดที่บางครั้งอาจจะฟุ้งอยู่(มาก)บ้างก็ตามเถอะ...และในความเอ็นดูนั้นมีความนับถือให้กับหัวใจนักสู้ของเขาอยู่ไม่น้อยเลย

 

เราชอบความสัมพันธ์ของวง 2pM  ผู้ชายหกคนทำให้เราเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะมอบความจริงใจให้แก่กันทั้งๆที่ในส่วนลึกแต่ละคนต่างแข่งขันกันอยู่อย่างเงียบๆ

อูยองตอบว่า "แทค" คือคนที่เจ็บปวดง่ายแต่ฟื้นตัวยาก  "...แม้แต่พี่จินยองยังต้องระวังไม่กล้าตำหนิเขาแรงๆเลยด้วยซ้ำ  คือถ้าเผลอลงมือหนักไปสักหน่อย เขาอาจทิ้งพวกเราไปซะเฉยๆก็เป็นได้  แทคยอนเขาเป็นผู้ชายหัวใจอ่อนแอครับ อ่อนเอามากๆ อ่อนที่สุดในบรรดาพวกเราเลยล่ะครับ  แทคเขาเป็นคนใช้กล้ามหนาๆของเขาปิดบังความอ่อนแอของตัวเองเอาไว้"

ด้งดูเหมือนพูดแหย่แทค  แต่ประโยคต่อมามันแสดงให้เห็นว่าผู้ชายพวกนี้รู้จักกันดีแค่ไหน  ห่วงใยกันแค่ไหน  "เวลาที่จู่ๆแทคเขาออกอาการว่าเขาตื่นเต้นมีความสุขมากๆนั่นล่ะมันกลับยิ่งทำให้พวกเราต้องคอยมองเขาด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาเก่งในการทำตัวมีความสุขหรือทำตัวน่ารักคิกขุ  แต่ถ้าเมื่อไรที่เราเห็นว่าเขาแสดงออกให้เห็นถึงความสุขออกมามากกว่าเคยแล้วล่ะก็...มันยิ่งทำให้เราเกิดกลัวขึ้นมาว่าเขากำลังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น  จนต้องขอให้เขาหยุดทำตัวแบบนั้นซะที  แทคเขาไม่ใช่คนที่จะสามารถเก็บความรู้สึกได้  เขามักแสดงออกมาให้พวกเรารับรู้เสมอ"

ด้งบอกว่าตัวเองน่ะเป็นคนประเภทที่ถึงแม้กำลังเสียใจอยู่แต่ถ้าได้กินไอศครีมแล้วล่ะก็จะอารมณ์ีดีขึ้นมาทันที  แต่พอคนสัมภาษณ์บอกว่าเด็กชายแทคคงไม่ใช่คนแบบนั้นสินะ  ด้งก็เลยเฉลยว่า  "ที่จริงแล้วแทคนั่นล่ะเป็นคนซื้อไอศครีมมาให้ผมอารมณ์ดีขึ้นไงล่ะครับ"

....เจ้าเด็กพวกนี้น่ารักเนอะ~♥

 

ความน่ารักของผู้ชายตัวโตๆนี่น่าหลงใหลชะมัด   จำได้ว่าคอนWTII in Seoul คุณที่ยังคงรู้สึกผิดอยู่นั้นก็ยังคงขอโทษและขอสัญญา  แต่พอแฟนคนหนึ่งตะโกนร้องบอกคุณว่า  "คุณน่ะสุดยอดที่สุดแ้ล้ว!"  หนุ่มหัวไวอย่างคุณเลยถามกลับไปว่า "อ่า...พวกเราสุดยอดที่สุดแล้วงั้นเหรอครับ? ...งั้นอะไรจะเยี่ยมสุดกว่าสุดยอดอีกล่ะ"   โฮจังที่ยืนข้างๆคุณก็กระซิบบอกคุณว่า  "มันคือจังจังแมนไง" 

ซึ่งดูแล้วโฮเองอาจไม่คิดว่าพี่ชายคนนี้จะกล้าใช้คำแสลงนี้ที่โฮบอก   แต่แล้วคุณพูดกลับพูดออกมาหน้าตาเฉยซะงั้นว่า  "งั้นพวกเราจะยิ่งพยายามให้หนักกว่าเคยเพื่อที่จะกลายมาเป็นจังจังแมนกันเถอะนะครับ"   แบบได้ทั้งอารมณ์ทั้งความน่ารักโคตรโคตร 

ซึ่งจะว่าไปที่มันขำมากขนาดนั้นก็เพราะคุณน่ะให้ลักษณะภาพลักษณ์ของหนุ่มเนี้ยบแถมดูออกจะหัวโบราณอยู่(ไม่)สักหน่อยแต่พอยอมแสดงความรั่วออกมาแบบไม่มีเหนียมหรือติดเก็กเลยแบบนั้น   มันก็เลยทำให้โฮจังถึงกับขำกลิ้งและภูมิใจในพี่ชายคนนี้ของตัวเองเอามากๆ  เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นคนชงมุขให้พีุ่คุณก็จริงแต่คงไม่คิดว่าพี่คุณจะตบมุขตามแบบนั้นและขนาดนั้นด้วย

 

จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับกับศิลปินของไอดอลกลุ่มอื่นเป็นอย่่างไร จะแตกต่างหรือเหมือนมากน้อยแค่ไหนระหว่างฮอตกับศิลปิน

แต่แทคมันทำให้เราคิดว่าเขาคือเด็กผู้ชายข้างบ้านที่เราสะดวกใจคบหาคุยด้วยทั้งๆที่เขาเติบโตเป็นผู้ชายน่าหลงใหลได้มากขึ้นทุกวันแบบนี้ก็ตามเถอะ   การเย้าแหย่ระหว่างฮอตกับเด็กบ่ายโดยเฉพาะกับเจ้าเหมียวมันยิ่งทำให้เราลดความแปลกหน้าที่มีต่อผู้ชายกลุ่มนี้ลดลงจนเหลือแค่ช่องแคบของความเกรงใจอยู่นิดๆ 555555555

เรายังจำบทสนทนาในแฟนคาเฟ่ที่อ่านเจอเมื่อนานมากแล้วได้อยู่เลย  อ่านครั้งแรกขำจนปวดท้องไปหมด...จากนั้นเวลาเซ็งขึ้นมาทีไร มานั่งเปิดอ่านแล้วนึกภาพตามก็ไม่เคยหยุดขำได้เลยสักครั้ง  ฮอตกับศิลปินนี่เหมือนไม่เบื่อไม้เมากันจริงๆ ถ้าต่างฝ่ายไม่มีกันคงเหงา(ปาก)ตายกันไปข้างแน่แท้

สมัยนานโพ้นที่คุณคิมจุนเค ยังคงถูกขนานนามเรียกคิมจุนซูอยู่เลย

เจ้าเหมียวเข้าห้องแชทแฟนคาเฟ่ด้วยชื่อ Eric Benetman พอเข้าป๊วบก็เจอฮอตส่งกระหน่ำจนมาเจอฮอตเด็กตัวแสบไม่แพ้เหมียวคร่ำครวญใส่ว่า  "พี่คะพี่  พี่จุนซูหายหน้าไปไหนล่ะ หนูรอ ร๊อ รอ พี่จุนซูก็ไม่เห็นมาโพสต์สักที  อิ๊งงงง...หนูแซดดดสุดนะพี่นะ"  (อิเหมียวคิด...อ๊คอยู่นี่  ถามถึงอ๊คจิ ไปถามหาไผที่ไหนกั๊น

 

แล้วสงสัยอิหนูฮอตเทสน้อยจะได้ยินฟามในใจเหมียวเลยหยอดน้ำตาลให้เหมียวสักนิดว่า  "หนูเองก็รักพี่แทคยอนนะคะ....นะ"  อิเหมียวเห็นแค่นี้ยิ้มแฉ่งจนตีนแมวย่องขึ้นหน้า...แต่แล้วก็แทบหุบยิ้มไม่ทันเมื่อเจออิหนูตลบหลังด้วย  "แต่พี่ช่วยบอกพี่จุนซูให้เข้ามาแฟนคาเฟ่หน่อยสิคะพี่  บอกให้พี่เขาช่วยมาทิ้งข้อความอะไรก็ได้นะ  พวกเรารอพี่จุนซูอยู่นะคะ นะพี่แทคยอนนะ...อ้อ...แล้วฝากบอกพี่จุนซูด้วยนะคะว่าหนูรักพี่ม๊ากมากนะคะ"

 555555555555555555555555555555

ยัง...ยังไม่จบ  หลังจากเหมียวเลียแผลจากการโดนฮอตเทสกระซวกซะหัวใจแหลกเป็นริ้ว กัดฟันกรอดยอมตอบว่า  "ก็พี่จุนซูเขายุงยุ๊งยุ่งอยู่น่ะ"   ตอบเสร็จรู้ตัวว่ากำลังขุดหลุมฝังตัวเองหล่นดังแอ้กเลยหลุดบ่น  "อ๋าย~เด๋วนะ พูดแบบนี้เหมือนจะบอกว่าตัวเองว่างงานอยู่เลยนี่หว่า"  (เหมียวกัดตัวเองเสร็จสรรพ)  แต่ก็ยังใจดีอดไม่ได้ ข่วนเพื่อนสักแผลให้เหวอะตามๆกันมาว่าช่วงนี้จุนซูเขาไม่ว่างก็เพราะ...  "คุณจุนซูเขาเป็นผู้ชายราคาแพงนี่ครับผม"

 

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายหกคนนี้  เราว่าเราสนุกที่จะได้รับรู้  มีความสุขเมื่อได้รับฟัง...จริงๆนะ

 

 

แทคบอกไว้ว่าการทำงานคนเดียวมันต้องใช้พลังส่วนตัวอย่างแรงกล้าต่างจากการทำงานเป็นกลุ่ม  ซึ่งถ้ามีแค่คนคนเดียว ก็จะมีเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง  แต่พวกเขามีกัน 6 คน เพราะฉะนั้น... "พวกเราก็จะมีเวลาถึงกว่า 100 ชั่วโมงต่อวัน  และเราแต่ละคนต่างก็ชดเชยจุดบกพร่องของกัน ทั้งยังหนุนจุดเด่นของแต่ละคนเพื่อแสดงบนเวทีได้อย่างแข็งแกร่ง"

แทคย้ำว่าพวกเขา 2PMแตกต่างจากไอด้อลกลุ่มอื่นด้วย 2 เรื่องก็คือ  "ทีมเวิร์คและการแสดงอย่างยอดเยี่ยมบนเวที  การแสดงบนเวทีของพวกเรานั้นต้องอาศัยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน   มีหลายท่าเลยที่พวกเราต้องพี่งพาซึ่งความไว้วางใจในตัวของอีกฝ่าย  ดังนั้นการจะแสดงแบบนี้ออกมาได้พวกเราต้องสามารถเชื่อใจกันได้"

เมื่อพวกเขาต่างใช้เวลาร่วมกัน  ความขัดแย้งจึงไม่ใช่เรื่องหลีกเลี่ยงได้  แต่พอฟังที่แทคบอกถึงวิธีการแก้ปัญหากันในกลุ่มแล้ว  เรามองว่านี่คือกลุ่มเพื่อนที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยทีเดียว

"พวกเราจะร่วมกันแก้ไขปัญหา  มันจะไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งเท่านั้นแต่เราจะหาทางร่วมกัน...นี่คือสไตล์ของ 2PM ไม่มีใครนำใครหากแต่พวกเราคือหนึ่งเดียวกัน"

 

...นี่คือกลุ่มยอดเยี่ยมที่สุดกลุ่มหนึ่งที่เราได้รู้จัก

พวกเขาก้าวจากคำว่าเพื่อน  กลายมาเป็น "ครอบครัว" กันแล้วในที่สุดอย่างที่ออกปากไว้อย่างไม่ต้องสงสัยแม้สักนิด

 

  

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา พอมองย้อนกลับไปกับอัลบั้มGROWN  จากเด็กหนุ่มสู่ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์  พวกเขาต่างคนต่างเริ่มต่อสู้เพื่อเส้นทางของตัวเอง  ภาพการแยกย้ายกันทำงานเดี่ยวนั้นดูจะเด่นชัดกว่า  แต่ถ้าเป็นอย่างที่โฮบอกไว้ว่าแต่ละคนต่างแยกย้ายกันทำงาน ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้น แกร่งขึ้น   เพื่อทำให้ 2PM ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปกว่าเดิม

ปีที่ 5 ก็น่าจะนับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างที่พวกเขาบอกไว้จริงๆ  แล้วมันดูจะเป็นก้าวที่น่าสนใจ...เมื่อหมดความหวือหวาของความฉาบฉวยจากชื่อเสียงที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้ามาครอบครองแทบตายแล้ว  จากนั้นมันน่าจะคือความมั่นคงของไอเดียในการแสวงหาสิ่งใหม่ๆที่เหมาะสมกับตัวพวกเขาเองมากที่สุด

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  มันคงน่าสนุกที่จะเฝ้ามองและคุ้มค่าที่จะรอคอยไม่น้อย Smiley

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 04 กันยายน 2556
Last Update : 4 กันยายน 2556 16:33:37 น. 8 comments
Counter : 7194 Pageviews.

 
ไม่ผิดหวัง แอบคิดว่าวันดีๆ แบบนี้ เราต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ เข้ามาชะเง้อตั้งแต่เมื่อคืนแต่ไม่มีเวลาอ่านเลยและอย่างที่เคยบอกไปว่าบล็อกของคิวเสพเพียงผิวเผินได้ซะที่ไหนล่ะ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลานานนิสสสส นุง (เอ๊ะ! หรือจริงๆ ฉันเป็นคนเข้าใจอะไรยาก!!)

เข้าเรื่องกันเถิด..


เวลาผ่านเราไปรวดเร็วจริงๆ แหละ คิดถึงวันที่บังเอิญได้ดูรายการหนึ่งในช่องทรู ภาพเด็กตัวโตๆ แต่งตัวตลกๆ ไม่ยอมพูดจา แต่กลับเขียนลงบนกระดาษสั่งการเพื่อนๆ ในวันนั้น แรงดึงดูดไม่มากไม่น้อยนำพาให้ตัวเองต้องหลงเข้ามาในวังวนนี่อีกหน หลังจากนั้น รู้ตัวอีกที ชีวิตในทุก ๆ วันก็มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายซนๆ ทั้ง 6 คน ตามติดอยู่ในชีวิตประจำวันซะแล้ว มันก็แป๊บๆ เองนะ ที่ไหนได้ 3 ปีเข้าไปแล้ว 3 ปีที่เหมือนฉันมีบ้านหลังนึง ข้างๆ บ้านมีเด็กผู้ชาย 6 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เปิดหน้าต่างออกไปก็ได้ยิน เดินออกมาหน้าบ้านก็ยังมองเห็น เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะ เห็นการหยอกเย้า เห็นการให้กำลังใจกันและกัน เห็นถึงความพยายาม เมื่อไหร่ที่ใครซักคนมีงานเดี่ยว มีงานใหม่ๆ อิฉันก็คอยลุ้นจิกกับเด็ก ๆ ว่าพวกเขาจะทำมันได้มั้ย จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กพวกนี้มันแกร่งและเก่ง เรื่องยิ่งใหญ่แค่ไหนก็กลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋ว แต่ก็อดที่จะลุ้นตามไปไม่ได้ พอเด็กประสบความสำเร็จขึ้นมาเราก็ยินดีด้วย ยิ้มแก้มปริ น้ำตาคลอซะเหมือนคนในครัวเรือนเดียวกันงั้นแหละ (ก็นะ น้องโฮตั้งให้อิฉันเป็นแม่คนที่สองของเขานี่น่า แค่นูนาหรืออาจุมม่ามันยังน้อยใจใช่มั้ยจ๊ะโฮ) เพราะงั้นถ้ามองย้อนรอยเท้าที่ย่ำขนานไปกับชีวิตประจำวันของเราที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ หลับตาเสมือนว่ากำลังเดินอยู่บนชายหาด คิดภาพรอยเท้าที่เดินย่ำขนาดกันไปด้วยกัน บางรอยก็บางเบา บางรอยก็ย้ำลึก มันคงทอดไกลจนมองจุดเริ่มต้นแทบไม่เห็น และจากตรงนี้ลองมองต่อไปในอนาคตข้างหน้า มันคงขนานกันไปอีกเป็นทางยาวไกล แต่วัดไม่ได้หรอกว่ายาวไกลแค่ไหน บอกไม่ได้ด้วยว่านานไปอีกซักเท่าไหร่ แต่ฉันก็พร้อมจะก้าวต่อไปแล้วล่ะ.. เด็ก ๆ บอกว่าอีก 10 ปี 20 ปี เขาก็จะอยู่ด้วยกัน ถ้าเด็ก ๆ ยังไหว อิฉันก็คงไหว (ละมั้ง)



เด็กผู้ชายที่ตีลังกาหกคะเมนหัวทิ่มหัวตำใน 5 ปีที่แล้ว เผลอแป๊บๆ กลายเป็นเจ้าชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดใครต่อใครน้อยซะที่ไหน ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าผู้ชายของเรามันเจ๋งกว่าใครๆ ไม่กล้าพูดว่าผู้ชายของเรามันสุดยอดขนาดไหน แต่ที่กล้าพูดได้ไม่อายใครคือ ผู้ชายของฉัน ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ไม่เคยหยุดที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นในทุก ๆ วัน และสิ่งนั้นมันเหมือนการบ้านที่พวกเขาเอามาอวดให้ฉันเห็นอยู่เสมอๆ ดูสิ จากเด็กน้อยที่ร้องเพี้ยน ผิดคีย์อยู่ตลอดเวลาอย่างหมีชาน ตอนนี้แต่งเพลงเองก็ได้ เสียงร้องแม้ไม่ได้เลิศเลออย่างปู่แต่ก็ฟังสมูทไปกับเพลงได้แล้ว แสดงละครก็เท่ส์ผุดๆ โฮน้อยในวันที่แทบไม่มีบทบาทกับวง ดวงไฟไม่ค่อยจะฉายไปที่เขาเท่าไหร่ แล้ววันนี้ล่ะ ประสบความสำเร็จในการเดบิ้วที่ญี่ปุ่น เดบิ้วเป็นนักแสดง ใครต่อใครก็ชื่นชมฝีมือ สปอร์ตไล้ท์มันส่องมาที่หนูสว่างจ้าจนอิฉันตาพร่าไปแล้ว คนอื่นก็เหมือนกัน และเชื่อได้ว่าพวกเขาจะยังคงพัฒนาตัวเองอีกต่อๆ ไป เหมือนย่อหน้าเกือบๆ สุดท้ายของคิวที่โฮบอก "ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้น แกร่งขึ้น เพื่อทำให้ 2PM ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปกว่าเดิม" อ่า! ถ้าถึงวันนั้น โปรเจคครองโลกก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมไปใช่มั้ย...


ขอบคุณบทความซึ้ง ๆ สนุก ๆ ของคิวนะ นับจากวันนี้ กระพริบตาอีกทีก็คงจะต้องมาอวยปีที่ 6 กันแล้ว และจนกว่าจะถึงเวลานั้น จะคอยติดตามผลงานอื่นๆ ของคิวไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งขี้เกียจเขียนล่ะ... สู้ๆ ^^


โดย: พุดดิ้งของซอนโฮ วันที่: 5 กันยายน 2556 เวลา:10:23:09 น.  

 
จริงๆเราก็รอคอมเ้ม้นต์จากคุณพุดดิ้งตลอดเหมือนกันนะ
ผ่านมาปีที่5 เราก็หวังว่าตัวเองจะสามารถอยู่กับเจ้าเด็กพวกนี้ไปได้จนถึงปีที่10 ...ก็อะไรในโลกล้วนอนิจังนี่เนอะ

หวังว่าถ้ายังมีปีที่10จริง เราจะยังได้คุยกันอยู่นะคะว่าไหม


โดย: Quaver วันที่: 6 กันยายน 2556 เวลา:14:20:05 น.  

 
เพราะความที่นึกถึงคิวอยู่เนืองๆ เราเหมือนจะขาดการติดต่อกันทางทวิตเตอร์ไปเลยนะหึ ...

น้ำก็พบว่าตัวเองจำ pass เข้า pantip bloggang
ไม่ได้เลยยยย กว่าจะได้ pass เล่นเอาเกือบตาย
และมันก็ทำให้รู้สึกดีมากๆที่เสียเวลาไปงมกับ pass แล้วพอ login มาเจอกับสิ่งนี้ ...


ชื่นชมการเขียนของคิวเหมือนเดิมนะ
คิดถึงมากด้วยเพื่อน
เรามากอดคอกันจนไปอีก 5 ปีข้างหน้านี้เลยนะ ...


โดย: w@TerMeLoN วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:19:05:01 น.  

 
คุณคิวทำเราเสียน้ำตาอีกแล้ว

คุณคิวเขียนได้ดีมากจริงๆ เขียนได้ตรงความรู้สึกของฮอตเทสอย่างเรา(และคิดว่าอีกหลายคนก็คงคิดเหมือนกัน)

ถึงแม้เราจะได้ร่วมเดินทางมากันกับเจ้าพวกบ่ายตั้งแต่ต้น แต่ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาร่วมบนทางสายนี้ คำว่า 2PM ก็ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งของชีวิตเรา

รอยยิ้มของทั้ง 6 คน ทำให้เรามีความสุขมากๆๆ

ถ้อยคำกัดจิก แซะ กระแนะกระแหนของพวกเขา(โดยเฉพาะเจ้าแมวยักษ์สีเขียว) ทำให้เราหมั่นไส้จนอดโต้กลับไม่ได้ แต่ก็ทำให้เรามีความสุขมากๆๆ ด้วยเช่นกัน

น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน...หลั่งริน เมื่อเห็นว่าพวกเขาแม้เพียงสักคนกำลังเศร้า

น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน...หลั่งริน เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้ง 6 คนรักกันมากแค่ไหน

เจ้าพวก 6 คนทำให้เรากลายเป็นคนขี้แย ทุกข์ก็ร้องไห้ สุขก็ร้องไห้

อย่างล่าสุดจากคลิปวันครบรอบ 5 ปีที่จุนเคอัพขึ้น Instagram ดูตอนแรกก็ขำๆ ดูไปอีกรอบน้ำตาคลอ ดูอีกครั้งก็หมั่นไส้ แต่ทุกครั้งที่ดูใจเป็นสุขล้นทุกครั้ง

เราก็ไม่รู้ว่าไอดอลหรือศิลปินวงอื่นเขาทำยังไงกับแฟนคลับ

แต่จะมีไอดอลหรือศิลปินสักกี่คนที่มาบอกรักแฟนคลับในวันครบรอบปี ไม่ได้มีคำพูดพูดสวยหรู ไม่ได้มีคำพูดหวานหู ไม่ได้ฉากหรือบรรยากาศที่สวยงาม แค่คำพูดสั้น "ซารังเฮ/ไอเลิฟยู" แต่ถ่ายทอดออกมาจากตัวตนของแต่ล่ะคนโดยแท้จริง กริยา ท่าทาง น้ำเสียง สีหน้า อารมณ์ในตอนที่ทั้ง 6 คนบอกรักฮอตเทสนั้น ทุกคนต่างเป็นตัวของตัวเอง นั่นจริงทำให้เรารับรู้ได้ว่าพวกเขารักพวกเราจริงๆ นะ

จากที่รู้ๆ กันว่าตอนนี้ทั้ง 6 คนต่อสัญญากับ JYPE ไปจนถึงปี 2018 ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว "เรามาแก่ไปด้วยกัน" ดั่งบัญชาจักรพรรดิกันเถอะนะ


โดย: naughtyprogrammer วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:23:02:38 น.  

 
มันก็น่าสนใจเหมือนกัน

ว่าเรื่องต่อไปที่พี่คิวจะพูดถึงนั้น

จะเป็นยังไงนะ


โดย: ddt_duean (DDT_Duean ) วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:15:26:19 น.  

 
เป็นครั้งแรกที่มาเม้นในบล็อคพี่คิว ^^

อ่านเรื่องที่พี่คิวเขียนแล้วมักจะอมยิ้มไปด้วยเสมอ บางครั้งก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ด้วยความซาบซึ้ง...

มันตรงกับใจจริงๆที่เฝ้ามองผช 6 คนนี้ ด้วยความสุขเติบโตไปกับเค้า ทั้งสุขทั้งทุกข์คละเคล้ากันไป

ชอบควงามรู้สึกที่พี่คิวถ่ายทอด มันดูอ่อนโยนและเอ็นดู..ตั้งแต่ต้นบทสัมภาษณ์ของชานก็ทำเอาน้ำตาซึมแล้ว ชานซองเป็นแบบนั้น(จริงๆ ผช.6คนนี้เป็นแบบนั้น รู้ว่ายังไม่ดีพอและไม่เคยหยุดที่จะำพยายาม) ไม่ว่าจะตอนนี้หรือ 5 ปีที่แล้ว ก็ไม่เคยหยุดรักได้เลย รักตั้งแต่ตอนเริ่มต้นที่ไม่มีอะไร



ชอบรูปของชานมาก มันให้ความรู้สึกอ่อนโยนแต่ไม่ได้อ่อนแอ

เวลาเค้าอยุ่ด้วยกันแล้วมันเกิด "ความสุข"เหมือนภาพนั้น คำสั้นๆแต่บรรยายความรู้สึกได้ตรงมาก เมื่อเรามองดูและมันเกิด "ความสุข" จริงๆ

ญาเป็นคนเขียนไม่เก่ง แต่สุดท้ายความรู้สึกของเราต่อ 2PM ก็มากกว่าแฟนคลับ ไปเป็นครอบครัวแล้วละ อย่างน้อยก็ญาคนนึง ^^

ปล.คิดถึงพี่คิวนะคะ



โดย: YA (Y2pmA ) วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:17:37:08 น.  

 
อ่านบล็อคพี่คิวแล้วยิ้มได้ตลอด ^^

ปีกว่าๆ ที่มาร่วมเดินเป็นเส้นขนาน
กับ ผช. ทั้ง 6 คน ได้พบเจอ ได้ทำอะไรหลายอย่าง ที่เรียกว่าครั้งแรกในชีวิต

และจะเดินด้วยกันไปเรื่อยๆ จะรักให้ดีที่สุด..




โดย: แนนนี่ (nannykittiya ) วันที่: 12 กันยายน 2556 เวลา:12:56:29 น.  

 
น้ำทำให้เรารู้สึกผิดเลย นะ นะ นะ(เสียงเอคโค่)
คือตรงที่เรา(จำ)ต้องอยู่ตอนนี้ เนตมันแรงก็จริง แต่มันหลุดบ่อยมากกกกกกกกกกกก
(ตอนเขียนบล็อกนี้ตอนกดส่ง ถึงขนาดไขว้นิ้วภาวนาไม่ให้เนตหลุดเลยคิดดู)
คือทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเข้าเวปแล้วเปิดทิ้งๆไว้ เราก็เลยเข้าพวกเวป ทัมเบอร์อะไรพวกนี้แทนน่ะ
..น้ำเข้าใจเนอะเำพราะดูท่าเราสองคนจะไม่ต่าง งานเยอะไม่เท่าไร แต่ความรับผิดชอบที่มากับหน้าที่มันใหญ่ขึ้นน่ะ เพราะงั้นพอว่างเราก็เลยขอนอนพักซะมากกว่า ชีวิตมันเหนื่อยไป
แต่ว่าจะเดี๋ยวจะไปหา 555555 จะได้พักประมาณวีคนึงล่ะ โฮะ โฮะ โฮะ


คุณnaughtyprogrammer ก็เป็นอีกคนที่เรารอนะ ตามประสาบล็อกที่ไม่ค่อยมีคนเม้นต์ จำได้ทู้กกกกคน โฮะ โฮะ โฮะ
จริงๆแล้วเราลืมเขียนล่ะ คลิปอิปู่นั่นล่ะ ว่าจะเอามาใส่สักหน่อยแต่ลืม....ดีเลยที่คุณ naughtyprogrammer มาเขียนไว้ให้
เราว่ามีคนที่เขียนถึงบ่ายดีกว่าเราเยอะะะะะะ (ประมาณตน) ยุทธจักรมากด้วยยอดฝีมือ
พวกเรามาแก่และจนพร้อมๆกันกับบ่ายเถอะค่ะ อ๋า....สงสัยจะมีแค่ฝ่ายเดียวที่จนนะ TTTTTTT.TTTTTTT


เจอครูเดือน พี่อยากเห็น ถึงมันอาจออกแบบในแบบที่เราไม่ชอบแต่ถ้าเป็นที่เจ้าพวกนี้ชอบที่จะทำ พี่ก็อยากเห็นนะ
อยากเห็นในสิ่งที่ผู้ชายคิดและเป็น


ญา..พี่คิดถึงเราแฮะ ไม่ได้คุยเลย จำได้เสมอล่ะว่าญาบอกเป็นนักอ่านเงา คราวนี้ออกกลางแสงไฟจนได้เลยแฮะ
เราเป็นคนเขียนดีนะญา พี่ไม่คิดว่าญาเขียนไม่เก่ง ญาเลือกคำใช้ได้น่าอ่านเลยล่ะ(ยิ่งเวลาพิมพ์ผิดนะ คำยิ่งน่าอ่านเข้าไปใหญ่ 55555555 โทษทีพี่ไม่ได้แซวแรงไปใช่ไหม)
ตอนที่พี่นึกถึงเรื่องของชานจะเอามาเขียน พี่ก็นึกถึงญาด้วยนะ พี่คิดว่าถ้าเป็นญาอาจมีเรื่องของหมีมาเขียนได้ดีกว่านี้ล่ะ


หนูแนนนี่ มะ...มาเดินไปในอีก5ปีข้างหน้าด้วยกันเถอะ


โดย: Quaver วันที่: 12 กันยายน 2556 เวลา:15:43:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.