แดดกำลังอุ่น จิบน้ำชาเย็นชืด นั่งมองสีท้องฟ้าพลางเกิดความคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ วุ่น ๆ วาย ๆ มาก ๆ มาย ๆ ไอ้ความคิดลอยเปะปะอยู่หลายปุยพอเอื้อมมือไปคว้ามาพิจารณาชัด ๆ ก็จับได้เรื่องหนึ่งขึ้นมา คิดใคร่ครวญอย่างเป็นจริงเป็นจังก็กลายเป็นเรื่องเรื่องนี้ นิชคุณเป็นคนเชื่อในสิทธิสตรี...และน่าจะเชื่อถึงเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดส่วนเห็นจะได้ แต่เราคิดว่าคุณไม่ใช่คนเชื่อในสิทธิความเท่าเทียมของผู้ชายกับผู้หญิงหรอกนะ ตัวเราเองก็ไม่เชื่อในสิทธิความเท่าเทียมของผู้ชายกับผู้หญิง แต่เราเชื่อในสิทธิความเป็นคน มันต่างกันนิดหนึ่ง ดึงขยายข้อความออกมา... คุณเป็นผู้ชายประเภทที่ขึ้นรถเมล์แล้วลุกให้เด็ก สตรีและคนชรานั่งโดยไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เห็นปุ๊บ ลุกปั๊บ โดยไม่ต้องมีการประมวลที่สมองส่วนหน้าด้วยซ้ำ ส่วนเรา...เปรียบยากหน่อยเพราะดันเป็นผู้หญิงซะนี่ เอาเป็นว่าถ้าเราเป็นผู้ชาย ถ้าไม่ใช่เห็นว่าพิการหรือดูแล้วสมควรต้องได้พักขาอย่างคนที่ดูเหนื่อยจนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ เราก็ไม่คิดจะขวนขวายลุกให้นั่งหรอก เพราะเราคิดว่ามันไม่ต่างจากการรับบริการ เราจ่ายเพื่อจะได้บริการ และคนมาก่อนก็ต้องได้รับบริการก่อน ถึงแม้จะคิดในแง่เป็นผู้หญิง เราก็ไม่เคยต้องการให้ใครลุกให้เรานั่ง ก็อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องการรับบริการ เรามาถึงทีหลังก็รับสภาพไป ....การคิดแบบนี้เราคิดว่านี่ล่ะคือการเคารพสิทธิความเป็นคน ไม่เอาเรื่องเพศ อายุ สถานะ ฐานะ บรรดาศักดิ์ มาเอาเปรียบคนอื่น ส่วนที่เหลือก็คือความเื้อื้อเฟื้อที่พร้อมจะให้คนอื่นหรือไม่ เป็นเรื่องน้ำจิตน้ำใจ และวิจารณญาณที่ไม่ให้ก็ไม่ผิด ไม่สมควรถูกประนาม เพราะงั้นเรากับคุณจึงปฏิบัติต่อคนรอบข้างต่างกันอยู่ ถึงว่าล่ะมารถึงได้แอบหลงใหลเทพจนได้ตำนานเว้า ๆ แหว่งๆ เกิดมา่อยู่หลายเรื่อง พอมาพิจารณดูสิทธิสตรีที่คุณเชื่อก็มาจากความคิดในเรื่องที่ว่าชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน เราก็ไม่อยากย้ำเน้นทุกครั้งว่านี่เป็นความคิดส่วนตัว การเขียนบล็อกมันก็ต้องเป็นความคิดส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ก็อดปอดแหกไม่ได้อยู่จึงขอย้ำชัดๆก่อนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน คุณเป็นผู้ชายประเภท old school ผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงเพราะเห็นว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่่อนแอกว่า ส่วนย้ำขยาย มีสรีระอ่อนแอกว่าผู้ชาย ไม่ใช่่เรื่องความอ่อนแอ เพราะการที่ผู้หญิงมีสรีระที่อ่อนแอกว่าผู้ชาย ผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงกว่าจึงต้องมีหน้าที่คอยปกป้องผู้หญิง เราว่าฮอตคงเห็นและรับรู้ถึงความอ่อนโยนและการให้เกียรติต่อสตรี เด็กและคนชราของคุณชัดเจนมากมานานแล้ว เพราะการที่คุณไม่คิดว่าชาย-หญิงมีความเท่าเทียมกัน หรือจะพูดว่าคนเราไม่อาจเท่าเทียมกัน แต่ในเมื่อเกิดมาเข้มแข็งกว่าจึงถือเป็นหน้าที่ที่ต้องปกป้องคุ้มครองคนที่อ่อนแอกว่า มิฉะนั้นแล้วความเข้มแข็งที่มีก็ไร้ค่า ผู้หญิงของคุณจะต้องปลอดภัยในปีกที่คุณกางโอบไว้คอยป้องกัน ถึงฟ้าถล่มลงมา ผู้ชายคนนี้ก็จะพร้อมเอาบ่ายันฟ้าไว้ ชั่วชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจะได้รับการดูแลโดยไม่มีวันปล่อยมือทิ้งโดยไม่เหลียวแล คิดทบทวนแบบนี้แล้ว หัวใจเกิดพลันกระตุกวูบ ผู้หญิงเราก็ต้องมีชายในฝัน นิชคุณไม่ใช่แบบผู้ชายในฝันเรา คุณเคยให้สัมภาษณ์เรื่องอนาคตครอบครัวตัวเองเอาไว้ว่าอยากมีลูกชาย-หญิงอย่างละคน ถ้าตอบแค่นี้ก็คงไม่มีอะไรน่าเอามาพูดถึง คำตอบพื้น ๆ ของหนุ่มสาวตั้งแต่ยุค 80-90 โน่นแล้ว แต่คำตอบต่อมานี่สิน่าสนใจ คุณขยายความถึงลูกชายหญิงที่อยากมีเอาไว้ว่า "อยากมีลูกชายก่อน จะได้ไว้คอยดูแลน้องสาว" อ่านคำตอบนี้แล้วเราก็หัวเราะจนหัวโขยกอยากพุ่งเข้าไปในจอคอม กระแอมหนึ่งที ส่งรอยยิ้มล้อเลียนให้เจ้าของคำพูดนี้ ไม่มีคำตอบไหนแสดงตัวตนคุณได้ชัดกว่านี้อีกแล้วในสายตาเรา ไม่ใช่คนทุกคนจะเหมาะเป็นพ่อแม่คน อย่างน้อยก็ไม่ใช่เราคนหนึ่งล่ะ หัวเราะแห้งๆสองที แต่ถ้าจะถามว่าคนแบบไหนเหมาะ เราเองก็ไม่รู้คำตอบแน่หรอก แต่ในห้วงสมองพลันเกิดภาพใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมา ในฐานะประชากรไทยที่อยู่ในยุคลูกจอมกร่างที่เกิดความจำเสื่อมจำชื่อพ่อแม่ตัวเองไม่ได้ต้องเที่ยวไล่ถามคนไปทั่ว เด็กความจำเสื่อมแบบนี้มีลดน้อยคนแผ่นดินก็ร่าเริง เพิ่มมากอีกคนชาติก็บรรลัย ลูกชายของนิชคุณจะต้องเดิบโตขึ้นอย่างปลอดภัยและมีความสุข...แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสบาย เพราะต้องโตมาโดยถูกสั่งสอนอย่างเข้มงวดให้เป็นลูกผู้ชายที่พร้อมให้เกียรติและคอยดูแลปกป้องผู้หญิง พูดตรงๆเลยว่าถึงจะเป็นน้องชาย เราก็คิดว่าไม่พ้นต้องรับบทหนัก ถูกสั่งสอนให้ึคอยปกป้องพี่สาวอยู่ดีนั่นล่ะ หนีไม่พ้นชะตานี่หรอกหนุ่มหรเวชกุลน้อยเอ๊ย คืออยากสุขและสบาย โตมาอย่างเจ้าหญิงตัวน้อยๆของพ่อคุณ ก็ต้องเป็นสาวหรเวชกุลน้อยเท่านั้นล่ะ เห็นความอ่อนโยนที่คุณแสดงกับน้องสาวตัวเองแล้ว ก็พอเห็นภาพเลาๆแล้วว่าลูกสาวของผู้ชายคนนี้จะได้รับความรัก การดูแลชนิดได้แต่นึกถึงข้อดี ส่วนข้อเสียแม้ครึ่งคำก็นึกไม่ออก แล้วปล่้อยให้ตาแป๋วๆของหนุ่มหรเวชกุลน้อยคลอไปด้วยหยาดน้ำตาบ่นงึมงำน้อยใจที่เห็นพ่อเอาใจแต่น้องสาวแต่กลับเข้มงวดกับเขา จากนั้นก็ซบลงบนตักแม่รอให้โอ๋จนพอใจแล้วค่อยชะัม้อยตาละห้อยโน้มคอแม่มาจุ๊บ เขียนคำชวนขนลุกเกรียว แต่น่าแปลกกลับไม่ได้รู้สึกขนลุกเกรียวสักเท่าไร แต่หนำซ้ำใจกลับชวนไหววูบ แปลกดีแท้ นิชคุณ Buck หรเวชกุล ไม่ใช่ผู้ชายในฝัน แม้เราจะัเป็นคนที่หลงรักน้ำเน่าฝรั่งอย่าง Pride and Prejudice ทั้งจากตัวหนังสือของเจน ออสเตน บวกหนังกับซีรี่ส์ก็เถอะ นิชคุณก็ยังไม่ใช่ผู้ชายในฝัน แต่คนที่เชื่อในสิทธิความเป็นคนแบบเรานั้นใจก็ยังอดกระเพื่อมเป็นวงใหญ่ไม่ได้เวลาเห็นผู้ชายที่ผายมือให้ผู้หญิงเดินไปก่อน ลุกขึ้นยืน รอเลื่อนเก้าอี้ให้ผู้หญิงนั่ง ผู้ชายที่ยืนกรานเสียงแข็งลงมือทำงานที่ใช้แรงด้วยตัวเองโดยไม่ให้ผู้หญิงต้องเหนื่อยแทน ผู้ชายที่ออกจะอนุรักษ์คร่ำครึ หากเมื่อไม่อาจห้ามไม่ให้เปิดเผยร่างกายได้ก็จะตามคอยดูไม่ให้ผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อสายตาใคร นิชคุณ...แค่ก แค่ก...เผอิญเราเป็นคนปากแข็ง...ไม่ใช่ผู้ชายในฝัน โลกเรามีผู้ชายที่ลืมนึกว่าชายหญิงแตกต่าง จนลืมถนอมบุปผา การมาได้เห็นว่ายังมีผู้ชายที่รักและถนอมเพราะเห็นค่าของความบอบบางของบุปผาแบบนี้แล้ว โลกกระด้างหนึ่งใบก็อดนุ่มนวลลงไม่ได้ หากทะเลเปลี่ยนเป็นท้องนาเราเกิดมีลูกสาว เราก็อยากให้ลูกเราโชคดีพอได้คู่ครองแบบนิชคุณ ผู้ชายแบบนี้ล่ะที่พ่อแม่จะวางใจว่าผู้ชายคนนั้นจะเห็นคุณค่าความรู้สึกที่มีลูกมอบให้เขาและไม่เห็นภรรยาเป็นเบี้ยล่างจนเกิดเจ็บช้ำน้ำใจ แรกรักความรักอาจสำคัญที่สุด แต่เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกยาวนาน ความรักก็ไม่ใช่คำตอบเดียว หากการให้เกียรติและเห็นคุณค่าความรู้สึกของอีกฝ่ายต่างหากที่จะประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เราเชื่อว่านิชคุณเป็นผู้ชายแบบนี้ทำให้พอมองเห็นภาพครอบครัวที่พร้อมพรั่งด้วยความรักและการดูแลปกป้องของหัวหน้าครอบครัวที่มีต่อคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขา เป็นคนของเขา ก้าวอ้อมเป็นวงใหญ่ขนาดนี้ ในที่สุดก็มาถึงใจความหลักจนได้ ผู้หญิงของนิชคุณ Buck หรเวชกุลเป็นผู้หญิงโชคดี ครอบครัวหรเวชกุลต้องเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นชวนอิจฉา คำว่า "โชคดี" กับ "อิจฉา" สองคำนี้ทิ่มแทงใจคนไร้คู่โดดเดี่ยวเช่นเราจนตัวสั่นยะเยือกอย่างหักโหม ถ้ามีคนถามเราให้อธิบายความเป็นนิชคุณ Buck หรเวชกุล มีเรื่องสั้นๆที่เรานึกถึงทุกครั้งที่ได้ยินคำถามนี้อยากเล่าให้ฟัง จากปากคำของน้องชายที่รักและใช้ชีวิตสนิทสนมกับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่ม อีจุนโฮ โฮจังเคยพูดถึงคุณไว้ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเห็นพี่คุณกำลังจดอะไรจากหน้าจอโทรทัศน์ก็เลยถามไปว่าทำอะไรอยู่ โฮจังเล่าว่าพี่คุณหันมายิ้มอายๆแล้วบอกว่าจดเบอร์โทรศัพท์เพื่อจะได้ไปบริจาค ภาพคุณที่หันมายิ้มอาย ๆ แบบนั้นเรานึกออกในทันที ไม่ออกเป็นภาพชัดเจนอะไร แต่ว่าเป็นความรู้สึกลอยอวลอยู่ นั่นล่ะคือความรู้สึกที่เรามีต่อผู้ชายที่ชื่อนิชคุณคนนี้ ความอบอุ่นใจดี ความอ่อนโยนและการทำความดีโดยไม่กระโตกกระตากบอกใครจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นต่อ ๆ ไป มีคำพูดหนึ่งว่า ข่าวลือถึงเราปิดประตูใส่ พออีกวันมันก็ลอยออกมาทางหน้าต่างอยู่ดี เราว่าคุณความดีก็ไม่ต่างหรอกนะ ถึงไม่เปิดเผยแต่ก็ต้องมีคนอดใจออกปากชมเชยออกมาสักวัน ผู้ชายแบบนี้ถึงไม่ใช่้ผู้ชายในฝัน แต่หากมายืนยื่นมือมารออยู่ตรงหน้่า ถึงอาจเป็นได้แค่ฝันตื่นหนึ่ง จะมีใครอดใจไม่ส่งมือไปสอดปลายนิ้วประสานเกาะกุมบ้างไหมนะ ....น้ำชาหมดกา |