|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การบริหารลมหายใจ
การออกกำลังกายจัดได้ว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตให้ยืนยาว และหากเอ่ยถึงวิธีการออกกำลังกายด้วยแล้วหลายคนคงนึกถึงกิจกรรมกีฬาหรือการเต้นออกกำลังกายประเภทต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีกว่าร้อยชนิดให้เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นกีฬากลางแจ้งหรือในร่ม บนบกหรือในน้ำ รวมทั้งท้าทายความสนุกสนานหรือผาดโผนก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่าความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากลักษณะและจังหวะการหายใจของเรานั่นเอง
ดังนั้น การหายใจ จึงเป็นการบริหารร่างกายอีกแบบหนึ่งที่ปฏิบัติได้ง่าย ไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถปฏิบัติได้เป็นประจำทุกที่ทุกเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ
หายใจให้ถูกวิธีดีอย่างไร
เราเคยสังเกตหรือไม่ว่า เวลาที่เรารู้สึกวิตกกังวลหรือกระวนกระวายใจ เรามักจะหายใจไม่เต็มปอดหรือนำเอาออกซิเจนเข้าไปสู่ร่างกายในปริมาณที่น้อยกว่าปกติ เพียงแค่หนึ่งในสามของความสามารถของปอดในการเก็บก๊าซออกซิเจนเท่านั้น หากเราหายใจเข้าเต็มปอด ปอดจะขยายถึง 100 ตารางเมตร (4 ตารางหลา) โดยภายในปอดจะประกอบด้วยถุงลมเล็ก ๆ จำนวน 600-700 ล้านถุง ซึ่งรอให้ออกซิเจนเข้ามาเติมเต็ม และในจังหวะที่หายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด ถุงลมจะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือด ในการไหลเวียนเลือดหนึ่งรอบนั้น กระแสเลือดจะส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับออกมาในจังหวะหายใจออก ซึ่งโดยปกติการหายใจหนึ่งรอบของคนส่วนใหญ่มักไม่สมบูรณ์นัก คือออกซิเจนเข้ามาแค่ภายในถุงลมบริเวณปอดเท่านั้น จึงทำให้ก๊าซเสียอย่างคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วนยังตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ฉะนั้นการหายใจอย่างถูกวิธีในขณะที่เราทำกิจกรรมใดอยู่ก็ตามจะทำให้เรารู้สึกสบายและสดชื่นขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีส่วนช่วยให้น้ำที่หล่อเลี้ยงภายในร่างกายไหลเวียนได้อย่างอิสระเต็มที่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ความงามและสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์นั่นเอง ฝึกหายใจง่ายนิดเดียว จากข้อมูลดังกล่าว เราจึงควรฝึกปฏิบัติการหายใจอย่างถูกวิธีตั้งแต่เวลานี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ควรหายใจช้า ๆ ผ่านโพรงจมูกแล้วปล่อยลมหายใจวิ่งลงไปถึงช่องท้อง พร้อมกับวางมือไว้บริเวณหน้าท้องและทำให้พองเหมือนลูกโป่ง ในขณะเดียวกันต้องรู้สึกว่าลมหายใจเดินทางขึ้นมาสู่ศีรษะ กระจายทั่งสมองที่ว่างเปล่า จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกมาทางปาก พยายามทำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้ง แต่อย่าฝืน-เกร็ง เช่นการยกหัวไหล่ขึ้น เกร็งคอ หรือขบกรามแน่น ลองจินตนาการว่าลมหายใจของเราที่ปล่อยออกมาอย่างเบาสบายนั้นเหมือนกับกระแสลมที่พัดในวันอันเงียบสงบหากปฏิบัติเช่นนี้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาวิตกกังวลกระวนกระวายใจ แล้วสังเกตว่าเรารู้สึกในทันทีหรือไม่ เช่นตื่นตัว ผ่อนคลาย หรือรู้สึกสบายมากขึ้น
เราสามารถใช้วิธีการหายใจเพื่อระบายความโกรธอันพุ่งพล่านได้ดีเช่นกัน เพียงแค่นั่งหรือยืนหลังตรง แล้วหายใจลึก ๆ ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที พร้อมกับสะบัดมือและแขน หลังจากนั้นปล่อยลมหายใจออกอย่างเต็มกำลังจนได้ยินเสียงลมที่ปล่อยออกมาชัดเจน ถ้าแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อย่างไรก็ดี สิ่งสุดท้ายที่เราควรปฏิบัติก่อนนอนเพื่อช่วยให้หลับสนิทก็คือ การนอนหงายบนเตียงตามองเพดานพยายามหลับตา ทำจิตใจให้สบายและหายใจด้วยจังหวะปกติไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป โดยนับ 1-4 ในจังหวะหายใจเข้า แล้วกลั้นลมหายใจไว้ 1 จังหวะ พอจังหวะหายออกให้นับ 5-6 หรือ 5-8 นอกจากนี้เราอาจจะยังไม่ทราบว่า การหายใจจะช่วยชะลออัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยให้ความดันโลหิตปกติ และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค หัวใจอีกด้วย
บริหารลมหายใจเบื้องต้น
การหายใจเข้าออกผ่านโพรงจมูกเป็นหลักสำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารร่างกายแบบชาวตะวันออก อย่างการเล่นโยคะ หรือไทชิ ซึ่งมีจังหวะการหายใจเนิบ ๆ ควบคู่กับท่าทางการเคลื่อนไหวช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะจะทำให้ผู้เล่นเกิดสมาธิ จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังปฏิบัติ การหายใจได้เต็มปอดทำให้เราจึงรู้สึกปลอดโปร่ง ที่สำคัญระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานดีขึ้น โดยสังเกตจากปริมาณเหงื่อที่ไหลออกมาค่อนข้างมากไม่แพ้การเล่นกีฬาประเภทหักโหมเลยทีเดียว สำหรับผู้เล่นมือใหม่อาจพบปัญหาในการฝึกช่วงแรก ๆ บ้าง เช่น จังหวะการหายใจไม่ค่อยสอดคล้องกับการเคลื่อนไหว จึงยังไม่ได้ผลลัพธ์น่าพอใจนัก แต่หากพยายามฝึกต่อไปเรื่อย ๆ จะเกิดความคล่องตัวและมีสมาธิอย่างอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามกิจกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันทำให้การเล่นโยคะหรือไทชิอาจไม่สะดวกสำหรับทุกคนจึงมีผู้เชี่ยวชาญคิดค้นวิธีบริหารลมหายใจง่าย ๆ หลายแบบ สามารถปฏิบัติได้ระหว่างวันด้วยตนเอง และให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกับวิธีเหล่านี้
วิธีที่ 1
ปิดปากให้สนิท สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ให้อากาศวิ่งเข้าทั่วร่างกาย แล้วปล่อยลมหายใจออกมาทางจมูก ให้นิ้วหัวแม่มือขวากดจมูกด้านขวาให้แน่นจนรูจมูกปิด จากนั้นหายใจเข้าลึก ๆ ผ่านรูจมูกด้านซ้าย กดจมูกซ้ายด้วยหัวแม่มือขวาในลักษณะเดิมแล้วดันหัวแม่มือขึ้นพร้อมกับปล่อยลมหายใจออกทางรูจมูกด้านขวา หยุดพักประมาณ 1 วินาที ก่อนเริ่มรอบใหม่ บริหารลมหายใจด้วยวิธีนี้ซ้ำอีก 2-3 ครั้ง หลังจากบริหารลมหายใจด้วยวิธีดังกล่าวจะทำให้รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
วิธีที่ 2
ยืนตรงกางขาเล็กน้อย เท้าชี้ไปด้านหน้าเข่าตึงสบาย ๆ ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าน้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางไม่ทิ้งไปที่ข้างใดข้างหนึ่งมากไป จากนั้นเขย่งปลายเท้า ให้เข่าตึงดึงน้ำหนักไปด้านหน้ายืดลำตัวตรงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จังหวะลงให้ดึงส้นเท้าลงเข่าตึง พร้อมกับปล่อยลมหายใจออกทางปาก เก็บก้นลงเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแน่นกระชับ แต่อย่าแอ่นก้นไปด้านหลังพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าทางจมูก หายใจออกทางปากเช่นเดิมพร้อมกับปล่อยกล้ามเนื้อก้นสู่สภาพปกติ เก็บหน้าท้องโดยนึกว่ากำลังดึงหน้าท้องให้ติดสันหลัง พร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ ขณะสูดลมหายใจเข้าให้จินตนาการว่าตัวเราสูงขึ้น ศีรษะจรดเพดาน ตามองตรงไปข้างหน้า ปล่อยคางกับขบฟันตามสบาย และทิ้งสะบักหลังลง นึกถึงเวลาเราได้ยินข่าวดี แล้วก้าวเดินเนิบ ๆ ตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง เดินช้า ๆ อย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับหายใจอย่างนุ่มนวล ถ้าเป็นไปได้ควรเดินบนพื้นหญ้าหรือพื้นทรายด้วยเท้าเปล่า โดยเริ่มจากเดินชี้ปลายเท้าตรงไปด้านหน้าประมาณ 5 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นเดินลงน้ำหนักที่ปลายเท้าแล้วไล่มาที่ส้นเท้า ปล่อยสะโพกให้เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติและแกว่งแขนสลับช้า ๆ
วิธีที่ 3
เริ่มจากทำจิตใจให้สบาย นั่งตัวตรง หงายมือวางบนหัวเข่า ปล่อยไหล่ตามสบาย ยืดหลังคอขึ้นและกดคางลงเล็กน้อย แล้วเอนตัวไปข้างหน้าและข้างหลังไปมาบนเก้าอี้พร้อมกับหายใจเข้า-ออกช้า ๆ ยืนตรงปล่อยหัวไหล่และใบหน้าตามสบายยืดข้อศอกลงและหันฝ่ามือเข้าหาลำตัวในจังหวะหายใจเข้า พอจังหวะหายใจออกให้เก็บหน้าท้องพร้อมกับกดสะโพกลง ยืดหลังคอขึ้นและศีรษะตั้งตรงอย่างสมดุล นั่งตัวตรงแล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกลึก ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ จะลืมตาหรือหลับตาก็ได้ ปล่อยใบหน้าตามสบาย และอย่าขบฟันแน่น ท่านี้สามารถนำไปใช้เวลาซิตอัพได้ดี เพื่อการหายใจที่มีจังหวะสม่ำเสมอ ควรนับจังหวะการหายใจเข้า-ออกเป็นวินาที เช่น หายใจเข้านับ 4 และหายใจออกนับ 4 ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก 1. นิตยสาร MADAME FIGARO No.21 ฉบับเมษายน 2548
Create Date : 07 ตุลาคม 2554 |
|
25 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 8:07:53 น. |
Counter : 1220 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) 7 ตุลาคม 2554 8:33:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 7 ตุลาคม 2554 9:05:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: moresaw 7 ตุลาคม 2554 9:53:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 7 ตุลาคม 2554 13:14:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 7 ตุลาคม 2554 20:41:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 7 ตุลาคม 2554 20:44:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ถปรร 7 ตุลาคม 2554 21:38:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 7 ตุลาคม 2554 22:37:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]
|
ชื่อเล่นว่าต้อย เป็นคนกรุงเทพฯ ย้ายตามสามีซึ่งรับราชการมาประจำที่จังหวัดเชียงใหม่ มีลูกสาวและลูกชายอย่างละ 1 หน่อ และมีหลานชายวัยกำลังซนผู้เป็นกำลังใจให้คุณย่าได้ต่อสู้กับโรคร้าย
อุปนิสัยส่วนตัวพูดไม่ค่อยเก่ง เขียนเล่าเรื่องราวไม่ค่อยจะิเป็น ถนัดแต่เรื่องเพลง ฉะนั้นบ้านนี้จึงมีเสียงเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่
เรือนเพลงรัก KeRiDa ยินดีต้อนรับเพื่อน ทุกท่านด้วย ความเต็มใจค่ะ
"ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์"
บทกลอนตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6
|
|
|
|
|
|
|