แม่สอดที่รัก ... ชั้นรัก "ลีมูเชง" ตอนที่ ตง (จบแย้ววว )

วันนี้เดี๋ยวจะพาเข้าสวนค่ะ จริงๆแล้วเราเดินสวนกันสองวันเลยค่ะ วันแรกมัวแต่ทำกับข้าวกันเพลิน กว่าจะออกไปก็เกือบเก้าโมง แดดเริ่มออก ... อีกวันพวกเราก็เลยออกให้เช้าขึ้น อากาศดีมากเลยค่ะ เดินไปถึงท้ายสวนที่เราเคยมองมาจากบนระเบียง ว่ามันสุดลูกหูลุกตา เนี่ย แป๊บๆก็ถึงแล้วค่ะ เดินไปนุ้ยก็เลือกๆเด็ดส้มให้กิน


เจ้าการ์ฟิลด์ กับ เจ้าทรัฟเฟิ้ล เนี่ย ส้มเป็นหมาประจำสวนส้มค่ะ ชอบกินส้มมากๆ นานๆจะเห็นหมากินส้มเป็น ... สำคัญก็คือ ถ้าเราปอกส้มร่วงๆ แล้วเอาให้กินเนี่ย ถ้ามันเริ่มมีกลิ่นนิดๆ มันจะไม่ยอมกินเลยค่ะ บ้วนทิ้งทันที


ชอบรูปคุณนายการ์ฟิลด์รูปนี้มากเลยค่ะ ... เลียปากแผล่บๆ เพิ่งกินส้มอร่อยมาค่ะ





เอาหล่ะ วันนี้ก้อยพาจะพาไปเที่ยวสวนส้มค่ะ ... จะเข้าสวนก็ต้องแต่งตัวกันซะหน่อย ... เริ่มแรกก็ต้องกางเกงขายาว ใส่รองเท้าบู๊ต เวลาเดินจะได้ย่ำอะไรได้สะดวก ไม่เลอะเท้าเลอะขา เสื้อแขนยาวใส่เพื่อกันแดด แล้วก็ขาดไม่ได้คือหมวกค่ะ เลือกปีกใหญ่ๆ จะได้กันแดดส่องหน้าด้วย


เจ้าการ์ฟิลด์ แล้วก็ ทรัฟเฟิ้ล ชอบการออกไปเที่ยวสวนเป็นที่สุด ถ้านุ้ยออกไปสวนแล้วไม่ให้ไปด้วยเนี่ย มีงอนค่ะ เห่าๆๆๆ ตะกุยๆๆๆๆ จะออกไปด้วยให้ได้





ใช่ชุดเต็มยศอย่างนี้ นุ้ยถึงจะยอมให้เดินสวนค่ะ





เห็นส้มดกๆอย่างนี้ น่าปลื้มใจแทนนุ้ย





สวนส้ม ... ฟ้าใส ... หมาน้อย ... กะ หมาใหญ่ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ





เดินไปเจอส้มนัมเบอร์วัน ... ลูกใหญ่ สีเหลืองทอง





นุ้ยกระโดดเก็บให้ ... จัดการเอากรรไกรกรีดเปลือกส้ม ฉ่ำจังเลยค่ะ ไม่ฟ่าม





อร่อยมาก ... รสจัดทีเดียวค่ะ เห็นอย่างนี้ แล้วอยากทำเครปส้ม

จริงๆ เจ้าบอลส่งสูตรเครปส้มมาให้ก่อนหน้าจะมาที่นี่ ก็ไม่มีเวลาทำเลยค่ะ หนหน้าต้องทำให้ได้ เพราะส้มอร่อยเหลือเกิน





ที่สวนนุ้ย นอกจากจะปลูกส้มแล้ว ยังมีผลไม้อื่นๆอีกค่ะ ... นี่เป็นหนแรก ที่ก้อยได้เห็นต้นอะโวคาโด ตอนแรกนึกว่าเป็นต้นเลื้อยๆซะอีก ที่แท้เป็นไม้ยืนต้น ต้นใหญ่ขนาดให้ร่มเงาได้เลยค่ะ





ลูกห้อยระย้า





อีกอย่างนึงที่ชอบมากคือแมคคาเดเมียค่ะ เมื่อต้นปีนุ้ยเคยเอามาฝาก เป็นแบบอบแล้วก็ซีลใส่ถึงสุญญากาศมาให้ ยังตื่นเต้นเลยค่ะ ว่า ... โห ที่บ้านนุ้ยทำเองเหรอเนี่ย ... เป็นหนแรกที่เห็นต้นแมคคาเดเมียอย่างใกล้ชิดอย่างนี้ เพราะเคยเห็นที่สิงค์โปร์ แต่ก็เป็นแบบเห็นไกลๆค่ะ ... ต้นใหญ่เชียว






ใบเค้าเป็นอย่างนี้ค่ะ





ดีใจจัง ได้เห็นดอกด้วย





ที่เห็นลูกเขียวๆที่อยู่บนต้นเนี่ย ... ไม่ต้องเก็บนะคะ





เค้าจะเก็บลูกที่ร่วงแล้วที่ใต้ต้น





ลูกนี้เผยออยู่ให้เห็นด้านใน





คนมือซนอย่างเรา อดไม่ได้ ...ขอแงะดูหน่อยค่ะ





แล้วด้วยความงก ...... เราก็ได้สมบัติกลับบ้านค่ะ





มีต้นกาแฟด้วยนะคะ เสียดายลูกยังไม่สุก ไม่งั้นคงจะเป็นสีแดงสวย





พอดีตอนจะเดินกลับบ้าน ... เจอรถเข้าพอดี ขึ้นซะเลยค่ะ ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกันแล้ว





ก่อนจะถึงบ้าน ... เราแวะโรงเรียนก่อนค่ะ ตรงนี้เป็นศาลาไม้ที่ทางบ้านนุ้ยสร้างเอาไว้ทำเป็นโรงเรียนเล็กๆ เพื่อที่เวลาพ่อบ้านออกไปทำงาน เด็กๆ แทนที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ก็ออกมาเรียนหนังสือ ทำให้อ่านออกเขียนได้ คิดเลขได้ค่ะ จะมีอยู่สองชั้นเรียน เด็กเล็กกับเด็กโต





เกรดหนึ่ง ...





ครูน่ารัก ... ใจดี แล้วก็ใจเย็นกับเด็กๆมาก ... ชอบมวยคุณครูค่ะ เลยขอถ่ายรูปไว้ซะหน่อย





กลับมาดูต่อนะคะ ว่าวันนี้ตอนเช้าเรากินอะไรกัน ... วันนี้ทำข้าวต้มกับกินกัน อย่างแรกม้าซื้อเต้าหู้มาหลายวันแล้ว ก็เลยทอดทิ้งเอาไว้ให้พวกเรา





ก้อยก็เลยเอาไปทำเต้าหู้ผัดหนำเลี้ยบค่ะ ทำเหมือนหมูหนำเลี้ยบเลย เพียงแต่เติมเต้าหู้ลงไปเท่านั้น





ผักกวางตุ้งตอนแรกซื้อมา ว่าจะทำบะหมี่ไก่น้ำแดงกินกัน แต่ดูๆแล้วไม่มีมื้อกินแน่ๆ ก็เลยจับมาผัดซะ ผัดแบบใสๆ ใส่เกลือกับน้ำตาลนิดเท่านั้นค่ะ





อีกอย่างที่นุ้ยรีเควสให้พี่ก้อยทำให้กิน ก็คือผัดกังกง ผัดผักบุ้งแบบทางมาเลย์สิงค์โปร์ คงเห็นตอนก้อยโพสต์ทู้ตอนไปดู The Phantom of The Opera ก็เลยอยากกินขึ้นมา ก้อยก็เลยเตรียมซอส Sambol Sauce มาจากกรุงเทพ สูตรนี้ได้มาจากบล๊อกของคุณกัซซี่นะคะ ตามเข้าไปดูวิธีที่คุณกั๊ดทำไว้ได้เลยค่ะ

ขอลงสูตรคุณกั๊ดไว้นะคะ ... คุณกั๊ดเขียนไว้ว่าดังนี้

สูตรที่นำมาแนะนำในวันนี้ เป็นสูตรแบบที่กิ๊กชาวสิงคโปร์สอนเอาไว้ เป็นแบบที่ต้องทำซอส (Sambal) ก่อน แล้วค่อยไปใช้ผัดกับผัดทีหลัง

เครื่องปรุงที่ใช้ในการทำ Sambal ก็จะมี

1. กุ้งแห้ง (เลือกตัวโตหน่อย) 60 กรัม แช่น้ำพอน่าย แล้วสับหยาบ ๆ หรือโขลกพอแหลก

2. พริกชี้ฟ้าแห้ง 12 - 15 เม็ด (ถ้าความอดทนของปากมีมาก จะใช้พริกขี้หนูแห้งแทนก็ได้) แช่น้ำพอนุ่ม เอาเมล็ดทิ้งไป แล้วนำไปโขลกกับเกลือเล็กน้อยให้ละเอียด

3. หัวหอมแดง 10 หัว โขลกให้ละเอียด

4. กระเทียมจีน 4 - 5 กลีบโต ๆ ปอกเปลือกแล้วโขลกให้ละเอียด

5. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

6. น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 3 - 4 ช้อนโต๊ะ

7. น้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ

8. พริกขี้หนูแดง สับละเอียด 2 - 3 เม็ด

9. น้ำมันพืช 1/ 4 ถ้วย

10. เกลือป่น เล็กน้อย


วิธีทำ

1. ตั้งกะทะ ใส่น้ำมัน บนไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอน้ำมันร้อนดีแล้ว ก็ใส่กุ้งแห้ง พริกแห้งโขลก หัวหอมแดง และกระเทียม ลงไป ผัดกับน้ำมันพอหอม แล้วจึงใส่พริกขี้หนูแดงสับ

2. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ผัดต่อไปจนกระทั่งส่วนผสมข้น จึงยกลงจากเตา แล้วเติมน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ขวดแก้ว แช่ตู้เย็นไว้ใช้ ผัดกับผักต่าง ๆ หรือใช้คลุกข้าวก็ได้






เวลาจะผัด ก็จะต้องเตรียม

1. ผักบุ้งจีน ล้างให้สะอาด และพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. กระเทียมสับ
3. กุ้งแห้งแช่น้ำไว้ พอนิ่ม (ไม่ใส่ก็ได้)
4. กะปิ ย่างไฟพอหอม
5. ซอส Sambal ที่เตรียมไว้
6. น้ำตาลทราย เล็กน้อย

ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมลงเจียวให้หอม ใส่กะปิ และซอส Sambal ลงไปผัดให้เข้ากัน เติมกุ้งแห้ง และน้ำตาลทราย ผัดอีกที คราวนี้เร่งไฟให้แรงสุด ใส่ผักบุ้งที่เตรียมไว้ลงไป ผัดด้วยความรวดเร็ว พอให้ผักสุก แต่อย่าให้สุกเกินไป ตักใส่จาน เสิร์ฟร้อน ๆ


ทำตามเป๊ะ ... รสออกมาเหมือนที่อยากกินเลยค่ะ





ทานกับข้าวต้มร้อนๆ





ก้อยทำแกงเขียวหวานไก่ ...เครื่องแกงซื้อเค้ามา ดมๆดูแล้วไม่หอม ก็เลยตำกระเทียมกับกระปิเพิ่มลงไปหน่อย แถมขมิ้นอีกนิด สีจะได้สวยๆ





เมื่อวานเดินตลาดแล้วเจอแต่มะเขือเปราะที่ไม่สวย ... สุดท้าย ซื้อมะเขือยาวมาแกงแทน





ขนมจีนแช่ตู้เย็นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน .. ไม่ค่อยไว้ใจ ก็เลยอุ่นแบบลวกน้ำร้อยเอา





ตั้งสำรับได้เลย





ขาดไม่ได้ น้ำปลามะนาว ... ซอยหอมแดงลงไป เด็ดสุด





เพราะว่าตั้งใจจะกินน้ำปลามะนาวกับไข่ต้มค่ะ






พอดีเป็นวันเกิดของคุณก๋ง ... นุ้ยบอกก้อยล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนขึ้นมาว่า ให้พี่ก้อยช่วยทำกับข้าวไปให้คุณก๋งหน่อย .. นี่เลยค่ะ เมนูถนัด เพราะทำง่ายมาก ไก่อบมะนาว ...จัดการหมักไก่เอาไว้ก่อน





น่ากินมั๊ยคะ ... ส่วนก้อยดีใจมากๆ เพราะนุ้ยบอกว่าได้รับคำชมจากคุณก๋ง






วันก่อนที่ไปตลาดริมเมย ได้กุ้งแม่น้ำมากิโลนึง เพราะอยากกินกุ้งอบวุ้นเส้น ตุ๋มทำตามสูตรจุ๋ม แม่สลิ่ม

หมักกุ้งไว้ก่อน





ได้เบคอนมารองก้นหม้อ





กุ้งอบวุ้นเส้น ขาดซวงเจี่ยไม่ได้เลยนะคะ ไม่ใส่เหมือนไม่ได้กินกุ้งอบวุ้นเส้น





ออกมาอร่อยมาก ... คุ้มกับที่ขนเหล้าจีนกับน้ำมันงาขึ้นไปค่ะ





นี่ก็เป็นวันที่สี่แล้วนะคะ ... เสียใจจัง จะต้องกลับวันนี้แล้ว
นุ้ยบอกเอาไว้ว่า อยากให้พี่ก้อยแกงส้มมะละกอทิ้งเอาไว้ให้หน่อย
เอาแบบหม้อใหญ่ๆเลยนะ แบบพี่กลับไปแล้ว
ก็ยังมีหม้อแกงส้มไว้ดูต่างหน้า ฮ่าๆๆๆๆ

น้องเอ่ยปากอยากกินแล้ว ... เครื่องแกงต้องทำเองค่ะ ถึงจะอร่อยสมใจ
ปรกติเวลาทำกับข้าว ก้อยก็เป็นพวกขี้เกียจตำพริกแกงอยู่แล้ว
ต้องพึ่ง blender ทุกหน ...แต่หนนี้ นุ้ยทำโถ blender แตกตอนปั่นอะโวคาโด
ตายๆๆๆๆๆ ต้องตำน้ำพริกเองหรือเนี่ย


นุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

(อันนี้เสียงพี่ก้อยเรียกนุ้ยค่ะ)

นุ้ยมาตำเครื่องแกงด้วยจ๊ะ





ก้อยใช้พริกใหญ่ไป 13 เม็ด ส่วนหอมกระเทียมก็กะๆเอาค่ะ หอมมากกว่ากระทียมนะคะ แกงส้มเนี่ย






ก้อยเอาขมิ้นมาด้วย .... เพราะใส่แล้วสีจะสวยมาก ชอบๆๆๆ
เสียอย่างเดียว ... สีมันติดนิ้วนาน





ทะโมนไพรคนสวยเริ่มโขลกน้ำพริก ... ใส่เกลือลงไปด้วยนะคะ จะได้ละเอียดง่ายขึ้น





... อืม ... เสียงแล้วก็จังหว่ะใช้ได้ค่ะ ยังงี้ม้าไม่ต้องห่วงแล้ว หัวกระไดไม่แห้งแน่ๆค่ะ เครื่องแกงสีสวย สีพริกแห้งแล้วก็สีขมิ้น





กานดาเก็บมะละกอมาหลายลูก ... ก้อยบอกว่าปอกแค่สองลูกก็พอ

เรื่องมะละกอเนี่ย ขำมากเลย วันที่ก้อยทำไก่อบเลมอน ต้องใช้น้ำมันมะกอกด้วย ก็ถามกานดาว่า

ตุ๋ม : กานดาๆ น้ำมันมะกอกอยู่ตรงไหน

กานดา : อยู่บ้านนู้น (ชี้ไปทางบ้านตัวเอง)

ตุ๋ม+พี่ก้อย : หา ทำไมอยู่บ้านโน้น ใครใช้เหรอ

กานดา : บ้านนี้ไม่มี ต้องไปเอาบ้านนู้น

ตุ๋ม+พี่ก้อย : น้ำมันมะกอกนี่นะ อยู่บ้านกานดา น้ำมันมะกอกนะ รู้จักมั๊ย

คุยกันไปคุยกันมา ตกลงว่าเป็นมะละกอค่ะ ที่อยู่บ้านโน้น 555 ขำกันกลิ้งเลย กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง





เนื้อสุกนิดๆ กำลังแกงส้มอร่อยเลยค่ะ ... เอามาเฉือนเป็นชิ้นๆ





ตักเครื่องแกงขึ้น ... เราแกงกะกุ้งค่ะวันนี้ ก้อยแบ่งกุ้งเอาลงไปลวกในหม้อที่เราใส่น้ำไว้เตรียมจะแกง น้ำหวานจะได้ไม่ต้องเสียทิ้ง

เอามาโขลกเพื่อจะได้ละลายน้ำแกงให้ข้น





ตำพอละเอียด





ละลายเครื่องแกงในน้ำ อย่าเพิ่งใส่น้ำเยอะนะคะ เดี๋ยวจะใสเกิน





พอเดือดแล้ว ก็ใส่มะละกอลงไปเคี่ยวซักพัก อย่าเพิ่งไปเติมน้ำส้มมะขามนะคะ





ปรุงรส เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำส้มมะขาม พอได้ที่แล้วก็ใส่กุ้งไปสุดท้าย






น่ากินมั๊ยคะ ... แกงส้มมะละกอทะโมนไพร





ทำแกงส้มเสร็จ ก็ตั้งวงกินข้าวบ่ายกันค่ะ ... แบบว่าไม่อยากจะกลับเลย แต่ก็ต้องรีบ เพราะนัดหมอนวดกันเอาไว้ตอนสี่โมงครึ่ง ก่อนที่จะกลับคืนนี้


วันเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกราค่ะ ... เรากลับจากดอย ลงสู่พื้นราบ





แล้วพี่ก้อยจะกลับขึ้นไปหานุ้ยใหม่นะจ๊ะ ... ตั้งใจว่าซักปีละสี่ครั้ง ....จะไหวมั๊ยน้อ

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551		9 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2551 22:55:36 น.
Counter : 7817 Pageviews.
Share Tweet