มิถุนายน 2561

 
 
 
 
 
1
5
6
13
15
16
17
18
20
21
22
23
24
29
 
All Blog
ก่อนเดินทาง (ภาพจำยังชัดเจน)


ผมไม่อยู่ป้วนเปี้ยนแถวนี้สักสองสามวัน
" ความเหงา "  จะวิ่งทันให้มีคนคิดถึงผมไหมนะ?

..........

ข้ามประเทศไปนิด แค่สองสามวัน
แต่หัวใจกลับ รู้สึกเหมือนจะไปกันข้ามปี
ผมไม่เคยออนไลน์เวลาไปไหน
ทั้งที่โลกมันก็มีอินเตอร์เนทให้ใช้มาช้านาน
ดังนั้น เมื่อวาน  ผมจึงได้รู้ว่า ผมซื้อซิมผิด (แฮร่)
ผมไม่รู้จริง ๆ นะคุณ ว่าอันไหนอะไรยังไง
คิดตามเวลาที่มันค่อนข้างกระชั้นชิด หยิบของใกล้มือไปก่อน
เพียงแค่ อยากให้คุณไปกับผม ไปด้วยกัน 


หลายครั้งที่เดินทาง ไปต่างที่ต่างถิ่น
ผมก็เพียง กาง แผนที่ในมือ เดินดุ่มท่องไป

ไม่ว่าจะไปเอง หรือไปกับทัวร์ 
ผมก็ไม่เคยจะออนไลน์กลับมาหาใคร
การเดินตามรอยในแผนที่เป็นเรื่องสนุกสำหรับผม
แม้ว่าโลก อยากให้ก้าวตามทันพี่กูเกิ้ลก็ตาม


สมัยยังละอ่อนกว่านี่ แผนที่ประเทศไทยก็ไม่มีแจก
ผมมีน้องคนนึงคอยขับรถให้ เราลุยกันไปเรื่อย ๆ 
ตามแต่เงินในกระเป๋าจะพาและเวลาอำนวย
ค่ำไหน วัดนั่น ถ้าหาจองโรงแรมไม่ทัน มันก็ไม่ยากอะไร
กาง-เก็บ เต็นท์มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม
น้องนอนเต็นท์ ผมนอนในรถ
จำค่ำคืนหนึ่งที่ห้วยน้ำรู กับการนอนริมผา หนาวจับขั้วหัวใจ
ผมมีแค่กางเกงขาสั้น กับเสื้อวอร์มอีกตัว ผ้าห่มยกให้คนขับไปแล้ว
วันนั้น มาม่าต้มยำกุ้งที่ควันฉุย ทำให้ท้องอิ่มและกายอุ่นดี
ผมมองพระจันทร์ที่คล้อยผ่านหัวไปที่ละองศา นับนาที
เมื่อไหร่มันจะเช้า ผมจะรอดคืนนี้ไปได้ไหม

พบว่า อากาศเมื่อคืนที่ผ่านมาต่ำกว่าสิบองศา
และ ผม ก็ยังหายใจอยู่ถึงตอนนี้


และทุกครั้งที่เอารถไปเอง
เนวิเกเตอร์ คือหน้าที่ ที่พลขับจองไว้ให้
คนขับจะชอบให้นั่งข้าง ๆ เสมอ
นอกจากจะลืมตา นั่งคุย เป็นเพื่อนไปตลอดแล้ว
คนขับยังอิ่มท้องตลอดเวลาที่เดินทาง
เรียกได้ว่าไม่ทัน มีเวลาง่วงและหิว


เวลาแห่งความสุขอันเยาว์วัยผ่านไปแล้ว
แต่ยังระลึก นึกถึง และมีรอยยิ้มจาง ๆ ไว้คิดถึง
ภาพของความจำผ่านเข้ามา ไม่แจ่มชัด แต่ยังมีเค้าโครง
คนของความรู้สึกผ่านกันไปแล้ว ยังเป็นเงาอยู่ตรงนั้น ไกล-ไกล


..........

โตมาหน่อยไป แม้จะไปต่างประเทศ ก็ยังจะชอบกางแผนที่อยู่ดี 
เดินหลงกันไป สามสถานีรถไฟฮ่องกงก็ทำมาแล้ว
พบว่า ปวดขาได้ที แต่ก็ทำให้จำทางได้แม่นทีเดียว

แม้ตอนไปสิงคโปร์ล่าสุด โหลด map.me มาลงมือถือ
คร้านจะหาเนทมาเกี่ยวเอวเอาไว้  

นั่นคงเพราะ ไม่ได้มีใครให้คิดถึง ด้วย - กระมัง

ว่าไปนู้น 

..........


การเดินทางครั้งนี้ ผมรู้สึกหนักหน่วงในใจ อยู่พอสมควร
กับการรับรู้ การนับเวลาถอยหลังไปเรื่อย ๆ ของคนหนึ่ง
กับการพยายามจะยิ้ม จะหัวเราะ จะไม่ร้องไห้ ไม่เศร้า

การหยัดยืนด้วยตนเอง และจะต้องต่อสู้กับเรื่องร้ายลำพังในที่สุด
เป็นเรื่องที่ผม ยอมรับ นับถือ ด้วยหัวใจอย่างจริงจัง

ผมไม่เคยทำอะไรให้พี่เลย เพราะอยู่เมืองนอกอันไกลโพ้น
แต่คราวก่อนที่พี่มาเมืองไทย ทุกก้าวที่พี่เดินไป พี่จะนึกถึงผมเสมอ
พี่มีขนมติดมือมาฝากเสมอ และคอยถามว่าผมชอบกินอะไร


คราวนี้ จึงเป็นการตอบแทนจากผมถึงพี่ 
จากคราวก่อนที่พี่มา  ที่ผมมองเห็น และสังเกตการณ์ ผมรู้..
ผมพร้อมจะทำอะไรให้ได้ โดยไม่ต้องมีการร้องขอเลย
เพียงแค่พี่เอ่ยปาก ผมก็วิ่งข้ามประเทศไปหาพี่ได้ตามนั้น

ครั้งที่แล้วผมปฏิเสธไปที เพราะไม่สบายใจที่จะไป
สำหรับครั้งนี้ ผมรู้ว่า พี่ไม่มั่นใจว่าผมจะไปได้ไหม 

พี่ก็คงรู้แก่ใจอยู่แล้ว ว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมไม่ได้เอ่ยออกมา

....





ความรัก เหมือนกับภาพถ่าย
เก็บความทรงจำเอาไว้ 
ทุกข์ อย่างไร - สุข อย่างไร

ก็อยู่ที่หัวใจเราเอง

....

ผมไม่คุ้นชิน กับการถูกละเลย 
ผมไม่คุ้นเคย กับการถูกหลงลืม

....



คุณ - ขอบคุณนะ

ไม่เหนื่อยใช่ไหม ที่เป็น เราอยู่ตรงนี้
แม้เรา - ไม่ใช่คนรัก แต่ ผมได้รับมากยิ่งกว่า
ผมได้รับ "ใจ"  ใจที่ใส่ใจ ของคุณอยู่เสมอ

ขอบคุณที่เข้าใจ และ มีไหล่ไว้ให้พิงทุกครั้ง
ไม่ว่าจะอย่างไร เราจะไม่ปล่อยมือกันใช่ไหม คุณ ?

- คิดถึงผมบ้างนะ ผมอยากได้ยิน -



Create Date : 14 มิถุนายน 2561
Last Update : 15 มิถุนายน 2561 0:04:03 น.
Counter : 276 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

inmemoir
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



-in memoir-

งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม
ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์
ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6

ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์
ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
ไม่จำต้องจดทะเบียน
  •  Bloggang.com