|
คนคิดมาก
Diary of a mad man
ตอน
คนคิดมาก
โดย GTW
+++++++
ผมไม่ได้บ้า
จ้างให้ผมก็ไม่ได้บ้า แต่พวกหมอและตำรวจพวกนั้นเข้าใจผิดไปเอง สรุปไปเอง
ที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเอามีดทำครัวเชือดคอเพื่อนรักที่คบกันมานานนับสิบปีคนหนึ่งจมกองเลือดอยู่บนเตียง...ใช่..บนเตียงของผมเอง ก่อนที่จะใช้มีดเล่มเดียวกันนั้น เสียบลงบนเนินอกอวบอิ่มนิ่มเนียนของศรีภรรยาสุดที่รัก ที่บังเอิญนอนอยู่บนเตียงนั้นด้วยกัน
มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ตำรวจโผล่มาในขณะที่ผมกำลังใช้มีดเฉือนส่วนหนึ่งของตับภรรยา ออกมาแทะเล็มดูอย่างช้าๆ และเยือกเย็นอย่างที่คนบ้าไม่มีทางทำได้ กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั้งห้องอบร่ำคาวคละคลุ้งฉุดลากความคิดให้ผมดื่มด่ำลงไปในอารมณ์ที่ไม่เคยแม้จะคิดว่าจะมีโอกาสสัมผัส
ในวันนั้นเองที่มุมมองและโลกทัศน์ของผมเปลี่ยนไป ความกระทบกระเทือนจิตใจระดับมากกว่าสิบริคเตอร์ เริ่มมองเห็นสายธารแห่งกาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างเรื่อยเอื่อยหากเลือดเย็น กัดกินทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ตัวมันเอง และมันกำลังเฝ้ามองผมด้วยสายตาของอสรพิษจ้องจะพุ่งเข้าฉกเหยื่อ ได้ยินพวกหมอแอบนินทาว่าผมเป็นโรคล้มละลายทางสติปัญญาและความคิด
ไอ้พวกบ้า....!!!
++++++++
พวกเขาเอาผมมาขังไว้ในห้องแคบๆ ตำรวจต้องการแน่ใจว่าผมไม่ได้เสียสติเพื่อที่จะจัดการเรื่องให้มันง่ายขึ้น ทนายฝ่ายผมกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างที่จะให้ผมกลายเป็นคนบ้าสมบุรณ์แบบในสายตาของอัยการ แต่ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก
ตอนนี้ผมมีความสุขดีในโลกแคบๆ ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรทั้งนั้น
ในห้องมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้แคบๆ และห้องน้ำขนาดความจุคนหนึ่งคน พวกเขาเรียกว่าห้องบำบัด แต่ผมเรียกว่าห้องนอนส่วนตัว อาจมีคนเสนอหน้า มองเข้ามาทางช่องเล็กๆ ด้านบนประตูบ้างแต่ก็ช่างหัวมันปะไร อยากดูอยากศึกษาอะไรก็ช่างมัน
ผมไม่จำเป็นต้องดูทีวี ฟังวิทยุ หรืออ่านอะไรทั้งนั้น เพราะผมดูตัวเอง ฟังตัวเอง อ่านใจตัวเอง สนุกกว่ากันเยอะ ผมกำลังนึกถึงวันเกิดเหตุ มันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าวันอื่นๆ นอกจากการกลับบ้านในตอนเที่ยงแทนที่จะเป็นตอนเย็น เพราะต้องการให้ภรรยาตื่นเต้นกับชองขวัญวันเกิด?ต้องใช้เวลาเก็บเงินหลายเดือน แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ พวกเราตื่นเต้นกันทั้งสามคนเลย
เสียงสำลักเลือดจากลำคอและปากของคนใกล้ตายปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมามองเห็นคมมีดที่กำลังปักอกพอดี
เลือดและความตายจากเพื่อนและคนรัก ทำให้ประสาทชาด้านสับสนไปชั่วขณะ ทุกอย่างเวิ้งว้างเลื่อนลอยเหมือนความฝัน จนชวนให้คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
แต่ในที่สุดผมก็แน่ใจว่าพวกเขาตายไปแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย สีหน้าท่าทางอันเต็มไปด้วยความตื่นตกใจทรมานยังกระจ่างชัดในความทรงจำ ตับของเธอก็มีรสหวานคล้ายตับวัวสดๆ เพียงแต่มีกลิ่นคาวมากกว่าเท่านั้น
โดนขนาดนี้ตายแน่นอน
ถ้าไม่ตายก็เป็นเรื่องตลกโหด พวกเขาอาจฟื้นขึ้นมาจากความตายเหมือนหนังสยองขวัญ คนหนึ่งเดินโซเซเอามืออุดลำคอที่ขาดวิ่นออกล่าตัวฆาตรกร อีกคนเดินเอามือกุมท้องซึ่งอวัยวะบางส่วนถูกกินเป็นอาหารเดินตามหลังมาติดๆ ในสภาพเลือดท่วมตัว ท่ามกลางหมอกควันและความหนาวเย็น คงจะเป็นภาพที่น่าดูเสียนี่กระไร
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่เดินโทงๆ ตามถนนอย่างสง่าผ่าเผย คงต้องหลบๆซ่อนๆในเวลากลางวัน และเดินทางเวลากลางคืน มุ่งหน้าออกมาจากที่เก็บศพ ตรงมายังบ้านของผมเพื่อล้างแค้น
นึกแค่นี้ผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างสมน้ำหน้า ..ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องน่าขำแทบใจขาด ซอมบี้สองตัวไปเพื่อจะพบกับบ้านที่ว่างเปล่า ถ้าจะเดินมาที่สถาบันบำบัดทางจิตคงต้องใช้เวลาเป็นเดือน จนพวกเขาเน่าเปื่อยผุพังระหว่างการเดินทางไปเสียก่อน
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคงบังเอิญ มองผมผ่านช่องกระจกหน้าประตู เขาส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่า ไอ้หมอนี่บ้าสมบูรณ์แบบ จู่ๆ ก็หัวเราะคนเดียว...แต่ช่างหัวมัน!
นึกภาพต่อไป....สมมุติว่าสองผีตายซากเดินทางไปจนถึงห้องพักของผม พวกเขาคงต้องประหลาดใจที่พบว่าห้องว่างเปล่า เพราะสิ่งของทั้งหลายถูกขนย้ายออกไปจนหมดสิ้น ญาติ และตัวผมเองไม่ต้องการที่จะให้ผมไปใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำเปื้อนเลือด
พวกเขาคงมองหน้ากันและปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางนึกออก สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่หลังความเพียรพยายามเดินทางมานานและเหน็ดเหนื่อยคือความว่างเปล่า และคงไม่น่าประหลาดใจเลยถ้าพวกเขาจะสูญเสียพลังร่างกายและจิตใจจนล้มลงฟาดพื้นกลายเป็นศพเก่าๆเน่าๆ กลางห้อง แม่บ้านที่คอยดูและความสะอาดเปิดประตูเข้ามาเห็นคงช็อคตากลับ
นึกถึงตอนนี้ ก็ต้องหัวเราะออกมาดังๆ
ควรจะตั้งชื่อเหตุการณ์นี้ว่าอย่างไรดีนะ....ศพสิ้นหวัง...หรือ ความสิ้นหวังหลังความตาย...กันดีนะ
มันเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่พาตัวผมมาอยู่ที่สถาบันทางจิต เพราะซากพวกนั้นไม่มีทางเดินมาถึง มันไกลเกินไป
ถ้าผมเก็บศพพวกนั้น ซ่อนหรือทำลายหลักฐานให้ดี บางทีผมก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างเป็นปกติสุข วิธีการกำจัดศพก็มีมากมายให้ดูให้ศึกษา ทั้งจากหนังสือ จากข่าวต่างๆ ที่มีคนทำเป็นตัวอย่างมากมาย อาจจะเอาทั้งสองซ่อนในผนังโดยก่อผนังทับอีกชั้นหนึ่ง แน่นอนว่าผมจะต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีแมวดำบังเอิญหลุดเข้าไปด้วยแบบในนิยายเขย่าขวัญ
แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว บางคืนผมอาจพาผู้หญิงคนอื่นมานอนค้างคืนในห้องนี้ ให้พวกซากศพหลังกำแพงอิฐพากันจ้องมองผ่านคอนกรีตอันหนาทึบอย่างทุรนทราย หรือบางคืนอาจนอนฟังเพลงเบาๆ ให้พวกเขาอิจฉาเล่น
จะใช้เวลากี่ปีกี่ชาติที่ซากศพพวกเขาจะสลายกลายเป็นฝุ่น หรือจนกว่าจะมีการรื้อบ้าน เพื่อเปิดเผยร่องรอยฆาตกรรม แน่นอนว่าผมคงเผ่นไปที่อื่นนานแล้ว
หากเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยือนในตอนนี้ คงชื่นชมกับภาพเขียนบนผนัง หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังมีซากศพกำลังจ้องมองผ่านดวงตาที่เน่าเปื่อยผุพัง
ผมแน่ใจว่าคงจะนอนอย่างมีความสุข ไม่เงียบเหงาอ้างว้างอีกต่อไป แน่ล่ะ...คนหนึ่งเป็นคนรัก อีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนแท้ จะเงียบเหงาได้อย่างไรกันคุณว่าไหม.....
บางทีพวกเขาอาจจะพูดคุยกันเบาๆ อย่างมีเลศนัย กลัวว่าจะมีคนได้ยิน ซึ่งทีจริงพวกเขาไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย คนที่ตายไปแล้วยังจะกลัวอะไรอีก
แต่เสียงพึมพำของพวกนั้นรบกวนสมาธิในการเขียนหนังสือเหลือเกิน บางทีเหมือนกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอ จนอดไม่ได้ที่จะต้องเดินไปเอามือทุบผนังแรงๆ หลายครั้ง
เบาๆ หน่อยสิ พวกคุณ ผมไม่มีสมาธิเขียนหนังสือแล้ว
ผมตะโกนใส่ผนัง ได้ผลเสียงนั้นหายไป แต่เป็นความเงียบที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมและชั้นเชิงอันคาดเดาไม่ได้ บางทีพวกเขาอาจต้องการแก้แค้น
แต่ตอนที่เคาะผนัง ผมสังเกตเห็นว่าผนังมีรอยแตกจางๆ เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะทะลุออกมา ตอนแรกผมก็ไม่ใส่ใจนัก แต่วันต่อมารอยนั้นก็เปลี่ยนรูเล็กๆ และขยายออกทุกวัน เมื่อมองเข้าไปก็พบแต่ความมืดและกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา
มันชักจะแปลกๆ แล้ว และแน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้จะไม่รั่วไหลไปถึงแม่บ้านคนดูแลตึกเด็ดขาด เพราะนั่นมันเป็นการเชื้อเชิญแขกผู้มีเกียรติมาจากสถานีตำรวจโดยไม่จำเป็น ดังนั้นผมจึงเลือกวิธีไปซื้อปูนขาวราคาถูกๆ มาจัดการกับรูลึกลับนี้ และจัดการปิดทับอีกทีด้วยภาพดาราสาวสุดเซ็กซี่คนโปรดในชุดนุ่งน้อยห่มนิด
หลังจากจบงานอันเหน็ดเหนื่อย ผมแวะไปซื้ออาหารสองสามอย่างจากแผงลอยข้างถนน ไม่ลืมหิ้วเบียร์ราคาถูก ๆ ติดมือมาด้วย ทักทายคนดูแลตึกสองสามคำพอเป็นพืธีก่อนขึ้นมาบนห้องปิดประตูฉลองผลงานของตัวเองคนเดียว
อากาศค่อนข้างเย็น แต่ผมยังเดินไปเปิดหน้าต่างรับลมเย็น ด้านนอกมืดแล้ว แต่ชีวิตของผู้คนยังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง บนถนนยังคงพลุกพ่านเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะ แท่งสี่เหลี่ยมซึ่งติดไปสว่างราวหอคอยเมืองคอนกรีต กักขังชีวิตผู้คนมากมาย ถัดออกไปมองเห็นภาพห้างสรรพสินค้าอยู่ลิบๆ มองมองเห็นมันในลักษระประตูทางเข้าเป็นปากขนาดยักษ์ที่กำลังกลืนกินผู้คน ดูดรีดเค้นเอาทรัพย์สินเงินทองออกมาแทบหมดตัวแล้วคายกลับออกมาในสภาพบ้าหอบฟาง
ชีวิตพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ...ทุกข์สุขที่แต่ละคนเผชิญอยู่
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ผมหันกลับมา จัดการกับอาหารมื้อค่ำอย่างเงียบเชียบ ใช่..มันเงียบไปจริงๆ ผมหันไปยังเครื่องเสียงมุมห้อง วางแผ่นซีดีเพลงโปรดลงไป เครื่องเล่นซีดีส่งเสียงครวญครางเหมือนคนใจขาดก่อนจะสำลักแผ่นออกมาอย่างรีบร้อน
ไอ้เครื่องเฮงซวย..
ผมสบถให้กับความอัปลักษณ์ของเจ้าเครื่องผลิตเสียงนั่น จู่ๆ นึกจะเสียก็ไม่บอกล่วงหน้า ไม่เป็นไร ฟังเพลงจากวิทยุก็ได้ มันคงไม่ห่วยแตกโฆษณายัดเยียดและเพลงหุ่นดีกันหมดทุกสถานีหรอก
แต่เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงทั้งสองตู้กับมีแต่เสียงแปลกๆซึ่งจับใจความไม่ได้ บางครั้งมันแหบโหยต่ำพร่า บางครั้งหวีดหวิวเหมือนเสียงหวีดร้องผ่านประตูนรกและหลุมฝังศพอันหนาวเย็น รวมทั้งเสียงซ่าเหมือนกับรับคลื่นไม่ชัดแทรกมาเป็นระยะๆ
ลองใช้วิธีการรักษาอาการรวนของเครื่องใช้ไฟฟ้าเบื้องต้น โดยการเคาะแรงๆ สามสี่ครั้ง แต่เสียงนั้นยังคงดังอยู่
มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ..ผมคำรามในใจ จัดการปิดเจ้าครื่องเสียงราคาพอประมาณนั่นเสีย ก็ได้...ก็ได้...ฉันไม่ง้อแกก็ได้...
แต่แล้วผมก็ยืนตัวแข็ง เมื่อหูยังได้ยินเสียงแปลกๆ นั่นเหมือนเดิม หันไปมองอย่างไม่แน่ใจ แต่สองตายังเห็นชัดๆ ว่าไฟหน้าปัดเครื่องเสียงดับลงหมดแล้ว .....หมายถึงอาการหลับสนิทของมัน
เสียงหวีดหวิวผสมกับกลิ่นแปลกๆทวีมากขึ้นทุกที มันเหมือนกลิ่นธูปซึ่งปักวางอยู่ในงานศพ ทันใดนั้นเองผมก็รู้สึกขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เสียงและกลิ่นพวกนั้นไม่ได้มาจากเครื่องเสียง แต่มันมาจากผนังห้อง ...
ผนังห้องซึ่งรูปดาราสาวสวยถูกฉีกขาดออกพับร่องแร่ง ดูเหมือนว่ารอยฉีกนั้นจงใจตัดผ่านบริเวณลำคอของเธอจนดูดเผินๆ เหมือนศพถูกเชือดคอ พับพาดอยู่กับกำแพง และเบื้องหลังคือช่องว่างขนาดใหญ่ที่มืดดำ
ผมยืนตัวแข็ง ขนลุกเกรียว เส้นผมบนศีรษะเหมือนจะสยายออกไปทุกทิศทุกทาง อาการหวาดสยองที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกำลังคืบคลานมาตามไขสันหลัง แผ่ซ่านไปตามไหล่ทั้งสอง และยื่นมืออันเยือกเย็นเข้าไปเกาะกุมหัวใจ
บริเวณด้านข้างของโพรงบนผนัง มีรอยเปราะเหมือนเลือดสดๆที่ถูกสาดไว้หลายวันจนแห้งกรัง เหมือนมีร่างทุรนทุรายตะเกียกตะกายอยู่ปากโพรงนรก ของเหลวสีช้ำเลือดช้ำหนองกระจายอยู่บริเวณนั้นเต็มไปหมด
หรือพวกเขายังไม่ตาย
ไม่น่าเป็นไปได้ ผมยังได้ชิมชิ้นส่วนของพวกเขาอยู่ แบบนั้นจะรอดได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้
ความรู้สึกเบาโหวงเหมือนล่องลอยในความฝัน นี่ใครบางคนกำลังพยายามตะกายออกมาจากโพรงแห่งนี้ ออกมาจากการกักขังด้วยกำแพงที่ผมสร้างขึ้นมากับมือ
ภรรยาสุดที่รัก กับเพื่อนที่แสนดี.... ผมได้จัดการพวกเขาไปแล้ว ความรู้สึกกำซาบยังติดอยู่ปลายประสาทแห่งการรับรู้ ใช่แล้ว ทั้งสองคนนั่นถูกจักดารง่ายๆเหมือนเศษสวะไร้ความหมาย ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปหวาดกลัว ฉันลงพวกแกลงนรกไปแล้ว ...คงจะไม่แปลกถ้าส่งพวกแกกลับนรกเป็นรอบที่สอง
ค่อยเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน มีดที่ใช้สร้างผลงานครั้งก่อนนอนรออยู่อย่างสงบเยือกเย็น ทันทีที่ได้จับด้ามมีดเล่มนั้น กำลังใจแห่งวิญญาณฆาตกรก็ประทุราวไฟพะเนียงจนหัวอกแทบระเบิด มันมีทั้งความตื่นเต้น ความสะใจเร้าใจ
ผมกำมีดแน่น เดินช้าๆ ตรงไปยีงโพรงข้างผนัง รูนั้นขนาดใหญ่พอดีคนที่ก้าวเข้าออกได้ง่ายๆ และมองจากด้านนอกมันมืดดำจนมองไม่เห็นข้างใน มันเป็นความมืดราวกับหลุมดำที่กัดกินทุกสิ่งแม้กระทั่งแสงสว่างที่วครจะผ่านเข้าไปได้บ้างก็ไม่ปรากฏในโพรงนั้นแม้แต่น้อย
ด้านในยังมีเสียงเหมือนหยดน้ำไหลก้องสะท้อนไปมาอย่างน่าแปลกใจ ..ทำไมผมจะไม่รู้ว่าด้านหลังของโพรงนี้ก็เป็นผนังห้องของห้องข้างๆ เท่านั้นเอง
ป่านนี้ศพของสองคนนั่นคงเน่าเปื่อยไปหมดแล้วจะลุกขึ้นมาตะกายผนังออกได้อย่างไร ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด
ในขณะที่กำลังยืนคิดอยู่นั่นเอง มือของใครคนหนึ่งก็คว้ามาจับแขนช้ายไว้แน่นทำเอาสะดุ้งโหยง แล้วใบหน้าเจ้าของมือก็โผล่มาปรากฏให้เห็น ....ใบหน้าแห้งกรังเหมือนผีตายซากที่เดินทางไกลจนแสงแดดแผดเผาอบรีดเร้นจนเลือดเนื้อเหือดแห้ง แต่ต่อให้เปลี่ยนไปอย่างไรก็ยังพอจำได้ว่าเป็นใบหน้าของไอ้เพื่อนทรยศคนนั้น ริมฝีปากบิดเบี้ยวเหมือนกำลังพยายามแสยะยิ้ม กลิ่นเหม็นอับสาปสางตะลบไปทั้งห้อง
มันพยายามลากผมเข้าไปด้วยพละกำลังมหาศาล
ทันทีที่ได้สติมีดในมีดก็แทงสวนเข้าไปเต็มอก ฉันฆ่าแกไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมฉันจะฆ่าแกอีกไม่ได้
ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนแทงลงบนซากอะไรสักอย่างที่ไร้ชีวิตจิตใจ คมมีดเหมือนผ่านลงไปบนเนื้อแห้งๆและเย็นชืด ไม่ได้ให้ความรู้สึกกำซาบสาสมใจแบบครั้งแรกเลยแม้แต่น้อย
เสียงแหบต่ำจากปากตายซากแห้งกรังกังอยู่ข้างหูชวนขนลุก
เพื่อนรัก.....แกจะฆ่าคนที่ตายไปแล้วได้อย่างไรกัน...
ขณะที่กำลังฉุดกระชากลากถูกันอยู่นั้นเอง ร่างในชุกนอนขาดวิ่นอีกร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาจากโพรงพร้อมด้วยรอยยิ้ม ร่างที่เคยสดสวย...ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มเป็นสีชมพูแห่งความมีชีวิตและวัยสาว แต่ตอนนี้เป็นเพียงซากแห้งกรังเป็นหนังค้างปี
ที่รักคะ..ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน
เสียงออกจากปากยังคงเป็นเสียงใสหวานของภรรยาสุดที่รักไม่เปลี่ยนแปลง เสียงแบบนั้นแทนที่จะฟังรื่นหูกลับขัดกันอย่างรุนแรงกับใบหน้าตายซากคำคล้ำ สองมือของเธอรั้งผมลากเข้าสู่ประตูนรกอย่างไม่ใส่ใจกับการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง หนื้อหนังบาดกับแง่คอนกรีตปากโพรงจนเลือดอาบ พวกมันกำลังจะฆ่าผมทั้งเป็น!
เสียงหัวเราอย่างพึงพอใจดังขึ้นในโพรงที่มืดมิด ร่างของผมถูกอ้อมแขนนรกบีบรัดรัดจนบิดเบี้ยวผิดรูปความเจ็บปวดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนบดขยี้ความรู้สึกอย่างไร้ความเมตตา แต่ผมยังมองเห็นปากโพรงนั้นกำลังมีใครบางคนเริ่มก่อกำแพงอิฐปิดปากโพรงอย่างรวดเร็ว
คนๆนั้นเป็นใบหน้าของผมเอง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็น มุมปากยังดูเหมือนจะมีรอยยิ้มอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำไปในขณะวางก้อนอิฐลงบนเนื้อปูน มันบ้าบออะไรกันนี่ !!!!
ในขณะที่ริมฝีปากของภรรยาสุดที่รักกำลังจะบดขยี้ลงมา ผมยังจดจำอะไรบางอย่างได้ลางเลือนเหมือนความฝัน ผมอยู่ในสถาบันทางจิตหรืออะไรสักอย่าง ...ใช่..ผมเริ่มจำได้ แต่มัน เลือนรางเหลือเกิน
และความทรงจำนั้นก็ดับวูบลงไปเมื่อก้อนอิฐก้อนสุดท้ายปิดบังแสงสว่างและโลกภายนอกตลอดกาล
+++
Create Date : 05 มีนาคม 2548 |
|
30 comments |
Last Update : 5 มีนาคม 2548 15:38:07 น. |
Counter : 401 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ชมทะเล 5 มีนาคม 2548 18:36:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขำขำ 5 มีนาคม 2548 19:36:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: MDA 5 มีนาคม 2548 20:27:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: วัฌชา 5 มีนาคม 2548 20:31:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัชฌิมา 6 มีนาคม 2548 8:42:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: V-FAN 6 มีนาคม 2548 15:59:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: GTW 7 มีนาคม 2548 13:07:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nessa 7 มีนาคม 2548 16:18:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: prncess 7 มีนาคม 2548 20:50:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: GTW 8 มีนาคม 2548 17:43:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: yadegari 10 มีนาคม 2548 23:11:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: soi IP: 124.120.27.104 6 พฤศจิกายน 2550 10:51:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ดีนะที่อ่านตอนกลางวัน...
สุดยอดแห่งความสยองขวัญกลับมาสู่พื้นบรรณพิภพอีกแล้ว
คารวะ ยอมแพ้ สุดยอดจริง ๆ
แค่กินตับ กับ ซอมบี้ มาไกลได้ถึงเพียงนี้
ตอนนี้เริ่มไม่กล้ามองรอยแตกบนผนังแล้ว
ยิ่งอ่าน รอบสองก็รู้สึกเหมือน
"ความสิ้นหวังหลังความเป็น..."
เป็นหรือตาย ของคุณ "ผม" แทบไม่ต่างกันเลยเนอะคะ
ขอบคุณค่ะที่ปะให้อ่านตอนกลางวัน
ฮือ ฮือ