Lyon ซิตี้ไลอ้อน : กลางเปลวแดดในเมืองมรดกโลก เ ก่ า แ ก่ แต่ เ ก๋ ไ ก๋
บล๊อกนี้เพิ่งโหลดรูปลงใหม่ๆ ไม่ใช่โอนย้ายมาจากมัลติพลายหรอกครับ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องราวต่างแดนแนวเดียวกัน ก็เลยจับมาใส่บล๊อกกรุ๊ปนี้ ไปทำภารกิจ 3 วัน ที่ลียง แต่ก็ต้องหาเวลาไปเปิดหูเปิดตาให้ได้มั่งสิเนอะ จะได้คุ้มค่าตั๋วเครื่องบิน และสมใจเจ้าบ้านที่อยากอวดของดีๆงามๆในบ้านเค้า ช่วงเย็นถึงค่ำในฤดูร้อนของยุโรปตอนนี้จะมืดช้ามาก ทำกิจกรรมได้อีกหลายชั่วโมง เพื่อนๆคงเข้าใจนะครับว่า . . . นิสัยครูดิ่งเนี่ย หัวโบราณคร่ำครึก็ปานนั้น คัดเอาแต่ของเก๋ากึ๊กมาให้ดูกัน ไอ้ร้านกระเป๋าแบรนด์หลุยส์ติงต๊องก็ไปคร้าบ แต่ไม่เอารูปมาใส่ให้เปลืองที่ร้อก หุ หุ หุ ......................................................ผมไปเข้ายุโรปทางแฟรงค์เฟิร์ตครับ แล้วค่อยต่อเครื่องมาลงที่ลียง สนามบินเมืองนี้ออกแบบได้โดนใจมั่กมาก ดูสิครับ 1
ภายในสนามบิน
St Exupéry Airport เทอร์มินัลที่ 3
ตั้งชื่อตามนักเขียนขวัญใจครูดิ่งคนหนึ่ง ที่แต่งเรื่อง "เจ้าชายน้อย" งัย
ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในช่องซี่โครงของสัตว์ตัวหญ่ายยยย
สันตรงกลางดูเหมือนกระดูกสันหลังเนาะ
2
พอออกมาดูข้างนอก เหมือนท่าทางของตัวนิ่ม หรือตัวกินมด
แต่บางคนก็ว่าเหมือนนก ก็แล้วแต่ตาใครจะมองว่าเป็นอะรัย
เป็นสถาปัตยกรรมที่เห็นครั้งเดียวก็ติดตาแล้ว...ชอบ ชอบครับ
ไปถึงวันแรกก็ทำงานเลย แต่ดันหลงทางขึ้นบัสผิด คนที่นี่ยังไม่ชอบใช้ภาษาอังกฤษ การถามทางจึงทุลักทุเล แต่เขาก็มีน้ำใจช่วยเหลือ พาเดินไปส่งที่ป้ายรถบัสเลยครับ ช่วงอยู่ที่นี่ผมใช้ตั๋ววันสำหรับขึ้นบัส รถราง หรือใต้ดิน สะดวกมาก ธุระเสร็จช่วงตอนเย็นก็ออกชมเมือง ที่ลียงต้องสตาร์ทที่ย่าน Place Bellecour เดินมาที่จตุรัสใหญ่ เมืองต่างๆในยุโรปจะมีลานกว้างแบบนี้เสมอ
3
บริเวณ Place Bellecour มีสิ่งเตะตาโดดเด่น
คือหอนาฬิกาเก่าแก่ของ Charity Hospital
4
ตรงกลางลานมีอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้า
ม้าไม่ยกขาผาดโผนแสดงว่ารัชกาลนี้บ้านเมืองสงบ ไม่มีสงคราม
มีรูปปั้นขนาบ 2 ข้างที่ฐาน เป็นเทวดาประจำแม่น้ำสองสายหลักของลียง
คือแม่น้ำ Soane (เทพี) และแม่น้ำ Rhone (เทพ)
5
ดูพระพักตร์ใกล้หน่อยว่าจะทรงพระหล่อเหลาขนาดไหน
6
ฝั่งตรงข้ามหอนาฬิกา (รูปที่ 3) เห็นวิหารใหญ่ลิบๆ
หมายตาไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตามไปดู
7
อาคารที่ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวเปิดให้เข้าไปสอบถาม
และมีเอกสารแจกมากมาย สัญลักษณ์ของเมืองนี้คือสิงโต
Lyon ก็คือ Lion นั่นเองแหละ
8
วิวนี้จะเห็นวิหารใกล้เข้ามาหน่อย เสาเหล็กข้างๆทำเลียนแบบหอไอเฟล
สร้างอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอม..ผมว่าไม่มีจะดูดีกว่ามั้ย?
9
ย่านถนนคนเดินก็มีแทบทุกเมืองใหญ่
สองข้างเป็นร้านค้าให้เลือกช็อปเยอะแยะ
10
ที่ขาดไม่ได้คือนักแสดงเปิดหมวก
ใครสนใจจะถ่ายรูปก็บริจาคให้เขาบ้างตามศรัทธา
11
วัยรุ่นที่เรี่ยวแรงมากมายก็สามารถมาระบายออกที่นี่
12
Palais de la Bourse
อาคารนี้ออกแบบโดยสถาปนิก Dardel ในปี 1860
เรียกอีกชื่อว่า Palais du Commerce ใช้เป็นหอการค้า
13
หลังคาทรงเครื่องงดงามตามแบบฝรั่งเศส
ภายในมีภาพเขียนเพดานสวยมาก โดยเฉพาะห้องโถงค้าหุ้น
14
แล้วก็เดินมาถึง "หัวลำโพง" ไม่ใช่สถานีรถไฟหรอก
แต่เป็นโรงมหรสพ Opera House
15
โอเปร่าเฮ้าส์นี้มีชื่อเล่นว่า "The Toaster"
หมายถึงหน้าตาเหมือน "ที่ปิ้งขนมปัง" เหรอ?
ของเดิมออกแบบโดย Germain Soufflot เปิดใช้ปี 1757
แต่ภายหลังมาปรับปรุงใหม่ใส่หลังคาโค้งเมื่อปี 1997 นี่เอง
16
อยู่ตรงข้ามโอเปร่าเฮ้าส์เป็นด้านหลังของ City Hall
ซึ่งเรียกอาคารหลังนี้ว่า The Hôtel de Ville สวยและเก่าแก่มาก
17
เดินตรงมาสุดถนนจะเป็นพาร์คเล็กๆ มีน้ำพุทรงโมเดิร์น
18
น้ำจากน้ำพุจะมีทางระบายไหลออกมา
ให้เด็กๆได้ลุยเล่นเย็นสบายยามหน้าร้อนแบบนี้
19
เนินใกล้ๆน้ำพุมีรูปปั้นหญิงสาวขนาดใหญ่อวดโฉมสล้าง
20
เดินอ้อมกลับมาชมด้านหน้าของ City Hall จะตื่นตากับ
สถาปัตยกรรมชั้นครู
21
โคลสอัพมาที่ส่วนหน้าที่เด่นสุดของอาคาร
The Hôtel de Ville มีรูปปั้นนูนต่ำเป็นภาพทรงม้าของพระเจ้า Henri IV
ปั้นโดย Legendre-Heral ในปี 1827
อาคารหลังนี้เริ่มสร้างปี 1646 ออกแบบโดย Simon Maupin
แต่ถูกไฟไหม้ในปี 1672 ถูกทิ้งไว้จนมาบูรณะใหม่ในปี 1699 โดย
สถาปนิกชื่อดังสมัยพระเจ้า Louis XIV คือ Jules-Hardouin Mansart
22
บนหลังคามีรูปปั้น Hercule หรือเฮอร์คิวลีสยืนเต๊ะท่าเท้าสะเอว
ที่อยู่คู่ขนานกันบนหลังคาอีกฟากคือรูปปั้นของเทพีอธีนา
ยืนถือหอก-โล่พิทักษ์รักษาอาคารนี้
23
มองรูปด้านหน้าเต็มๆของ
The Hôtel de Ville ตรงกลางที่เห็นเป็นหอระฆัง กับนาฬิกา
ลานใหญ่หน้าอาคารนี้คือ Place des Terreaux
24
ลาน Place des Terreaux เป็นที่พักผ่อน
ออกกำลัง หรือทำกิจกรรมของชาวลียงทุกเพศทุกวัย
25
อาคารที่อยู่ตรงข้าม
The Hôtel de Ville 26
อาคาร The Palais Saint-Piere
เป็น Musée des Beaux-Arts (พิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม)
ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของ Place des Terreaux จัดแสดง
งานศิลปะชิ้นสำคัญมากมาย...เสียดายไม่มีเวลาพอแวะ
27
ด้านหนึ่งของ Place des Terreaux มีน้ำพุสร้างใน
ศตวรรษที่ 19 ออกแบบสร้างโดย
Frédéric-Auguste Bartholdi นายช่างผู้มีฝีมือคนนี้ เป็นคนเดียวกันกับที่สร้างรูปปั้น เทพีเสรีภาพ (The Liberty) ที่ฝรั่งเศสส่งไปเป็นของขวัญให้อเมริกา
28
ตอนย้อนกลับมาทางเดิม ยังติดใจในความงาม
ของ
The Hôtel de Ville เลยยิงแชะอีกฉ็อต
29
หิว!...ได้เวลาดินเนอร์แล้ว หมายตาภัตตาคารนี้ไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย
ชื่อ Brasserie Georges เป็นร้านเก่าแก่ เปิดตั้งแต่ปี 1836
(Brasserie แปลว่า Brewery แต่ในที่นี้มิได้แปลว่้าโรงเบียร์
คนฝรั่งเศสใช้เรียกภัตตาคารหรูเลิศ มีคลาส ระดับมืออาชีพ)
หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์แนะนำว่า..ต้องชิม
30
ภาพวาดบนเพดานภัตตาคารนี้สวยมั้ยครับ?
31
"Good Beer and Good Cheer since 1836" 32
ผมเลือกสั่งจานหลักเป็นเนื้อแกะย่าง หอมอร่อย ไร้กลิ่นสาบ
33
กินเสร็จตอนขาออกมาพบว่ามีลูกค้าเข้าแถวรอ..ยาวววววว
คอนเฟิร์มว่าเป็นยอดนิยมจริง
34
สถานีรถไฟแห่งแรกของลียงสร้างในปี 1905-1908
ปิดใช้งานในปี 1983 เมื่อเปลี่ยนมาใช้รถไฟ TGV
(
Train à Grande Vitesse แปลว่า
high-speed train )
ที่นี่ยังมีสำนักงานอัยการและบริษัทบางแห่งใช้เป็นออฟฟิศ
35
วันรุ่งขึ้นแวะมาตั้งต้นที่ Place Bellecour อีก...ที่เห็นในรูป
เป็นรูปปั้นเทพประจำแม่น้ำ Rhone ที่ฐานอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
เมื่อวานถ่ายรูปไม่ได้เพราะเด็กวัยรุ่นนั่งรายรอบอยู่เต็ม
36
ช่อดอกไม้ที่นี่ราคาไม่เบาเลย
15-22 ยูโร คูณ 40 เข้าไปก็ตกช่อละ 600-880 บาท
ถ้าจะส่งให้แฟนผมจะบอกว่า...ตัวเอง เอาเงินไปซื้ออะไรกินดีกว่ามั้ย?
37
อนุสาวรีย์ของ André-Marie Amp é re ใครเรียนวิชาไฟฟ้า
ก็คงรู้จักที่มาของหน่วยวัด "แอมแปร์"
38
เขาเป็นผู้ค้นคิดทดลองจนสร้าง "ไฟฟ้า" ให้พวกเรา
ได้ใช้อย่างสุขสบายทุกวันนี้ บ้านเกิดและที่ค้นคว้าของเขา
ก็อยู่ที่ลียง ในเมืองนี้สร้างพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องราวของเขา
ให้เป็นเกียรติและเป็นแหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นหลังด้วย
39
วิหารบนภูเขาที่เราเห็นและหมายตาไว้
ขึ้นรถรางโดยสารมาถึงแล้ว ชื่อว่า Fourviere Basilica
เป็นวิหารเก่าแก่ตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 12 สร้างและบูรณะ
มาตลอด พระเจ้าแผ่นดินอุปถัมภ์เป็นระยะ จนใหญ่โตอลังการ์
อย่างที่เห็น แสดงให้เห็นว่า "ศรัทธา" ของมนุษย์นั้น เมื่อบวกจินตนาการ
เข้าไปก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์พันลึกได้เสมอ
40
ข้างวิหารใหญ่จะเป็นโบสถ์ St. Thomas Chapel
หอระฆังที่เห็นเป็นฝีมือของ Duboys สร้างตามบัญชา
ของพระคาร์ดินัล de Bonald ในปี 1851
41
รายละเอียดของหน้าบัน เป็นรูปแม่พระอุ้มพระเยซู
ล้อมแหนด้วยสังฆราชา สภาเมืองผู้มาปฏิญาณตนคารวะ
42
ถัดลงมาเป็นซี่ลูกกรงที่จำหลักเป็นรูปทูตสวรรค์มีปีก
รองรับด้วยสิงโตมีปีกเหนือโค้งซุ้มทางเข้า
ลวดลายละเอียดประณีตยิ่งนัก
43
ประตูทางเข้าด้านหน้ามีทับหลังเป็นรูปแม่พระยืนกระพุ่มมือ
ยอดซุ้มประตูเป็นดาว 8 แฉก
44
ภาพใกล้ให้เห็นรายละเอียดของทับหลังประตูหน้า
45
ฐานของหอคอยสูงด้านข้าง ชิดบันไดหน้า
จำหลักเป็นรูปทูตสวรรค์และคนนอนบนหลังสิงโต
46
เหนือซุ้มประตูทางเข้า-ออก ชั้นล่างใต้ดิน
มีรูปสิงโตมีปีก สัญลักษณ์เมืองลียง
47
ด้านข้างของสิงโตมีปีก
48
โถงหน้าประตูด้านหนึ่งจำหลักเรื่อง Original sin หรือ Ancestral sin
ความผิดบาปครั้งแรกของมนุษย์ เป็นรูปอดัมกับอีวาถูกขับจากสวนอีเด็น
เพราะไปเชื่อมารในร่างงู...เลยต้องลำบากขุดร้างถางพงหากินเลี้ยงลูกเต้า
49
อีกด้านเป็นรูปจากพระคัมภีร์เก่าเหมือนกัน
เดาเอาว่าน่าจะเป็น the first murder ของมนุษย์
เคนฆ่าอาเบล...มือมนุษย์เปื้อนเลือดมนุษย์ครั้งแรกในโลก
ก่อนเข้าไปในวิหารก็ควรตระหนักถึงความผิดบาปของตนก่อน
สารภาพบาป สำนึกแล้ว...ก็จงอย่ากระทำอีก
50
ลวดลายประดับโค้งเพดานโถงก่อนเข้าประตูหน้า
51
ทูตสวรรค์กับโบสถ์วิหาร ก็อยู่คู่กันเสมอ
เหมือนดวงตาแห่งพระเจ้าจะเห็นความผิดถูกของมนุษย์เสมอ
52
ภานในวิหารมีภาพผนังเขียนสีปิดทอง เล่าประวัติตำนานศาสนา
ทำนองเดียวกับในโบสถ์วิหารของวัดพุทธบ้านเรา
ดูเป็นตัวอย่างสัก 2-3 ภาพนะครับ
53
54
55
รูปปฏิมาประธานของวิหาร
ประดิษฐานบนแท่นบูชาตรงกลาง
สลักเป็นรูปแม่พระทรงอุ้มพระกุมารเยซู
มีฉัพพรรณรังสีสีทองเปล่งประกายทั้งองค์
56
ภาพเขียนสีภายในวิหาร
ยังมีสิงโตให้เห็นเรื่อยๆครับ
57
The Angel of Knowledge
เทพธิดา 4 ปีก เพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นครั้งแรก
58
griffin คือ สิงโตมีปีกที่หัวเป็นนกอินทรี
59
ซุ้มโดมภายใน สร้างไว้ตรงมุมทั้งสี่ของวิหาร
60
เพดานโดมเขียนสีและจำหลักลายปิดทองงามวิจิตร
61
รูปวาดสีน้ำมันประดับข้างเสา
62
Chapel ภายในวิหาร มักเป็นที่สำหรับบุคคลสำคัญสร้างไว้
เพื่อประกอบพิธีกรรมเป็นส่วนตัวของครอบครัวหรือตระกูล
63
ด้านนอกของวิหาร มีรูปปั้นของโป๊ป จอห์น ปอล ที่ 2
สูง 3 เมตร สร้างโดยอาร์ชบิชอปแห่งลียงร่วมกับนายกเทศมนตรี
สร้างในวาระครบรอบ 25 ปี แห่งการเยือนลียงของโป๊ปองค์นี้
ทำพิธีเปืดเป็นทางการเมื่อ 8 ตค. 2011 นี้เอง
64
ทิวทัศน์มุมกว้างของเมืองลียง
เมื่อมองลงมาจากบริเวณด้านนอกของวิหาร
65
จะเห็นแม่น้ำ Soane ชัดเจนทอดยาวตัดกลางเมือง
ถ้านับแม่น้ำ Rhone ผ่ากลางเมืองด้วยแล้ว ลียงก็ "อกแตก" เป็น 3 เสี่ยง
ตึกโดดเด่นสีเทาดำเรียกชื่อเล่นว่า "แท่งดินสอ", ชื่อจริงคือ Tour Part-Dieu
สูง 42 ชั้น ใช้เป็นโรงแรม อ๊อฟฟิศ และภัตตาคาร-ชมเมือง(ชั้นบนสุด)
66
รูปปั้นแม่พระสีทองบนยอดหอระฆังองค์นี้
ในปี 1852 ผู้สร้างประสงค์ให้เป็นสัญลักษณ์ของเมือง
ให้มี " colossal golden Virgin " เป็นกตัญญุตาคารวะแด่พระศาสนา
67
บนยอดวิหารประดิษฐานรูปปั้นเซนต์ไมเคิล
ชูหอกเป็นสัญลักษณ์การพิทักษ์ความดีและขจัดความชั่วร้าย
ตรงดิ่งตามแนวหอกลงมาถึงพื้นล่างต่ำสุดของวิหาร..เป็นรูปงู (มาร)
เรียกว่าสักเลขลงยันต์ใส่รูปรอย "ข่ม" พญามารตั้งแต่เขียนแบบแปลนเลย
68
ผนังด้านข้างภายนอกมีลวดลายจำหลักเป็นระยะๆ
69
ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวยืนชมเมืองด้านล่าง
70
ขาลงก็นั่งรถรางสายนี้แหละครับ
ทางชันประมาณ 30 องศา
71
ยังไม่เหนื่อยเดินต่อมาชมของเก่าแก่ต่อไป
เจ้าเสาเขียวๆนี่เอาไว้ทำไม?
ติ๊ก ต็อก ติ๊ก ต็อก ติ๊ก ต็อก
เฉลย
คือที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจเมื่อหยุดเต้น (Defibrillator)
แสดงว่าแถวนี้มีคนแกร่เกิดแอ๊กซิเด็นท์บ่อยๆ
72
เป็นอัฒจันทร์ศิลาสำหรับดูมหรสพของชาวโรมันโบราณ
เรียกว่า "Hedrian's Theatre"
ตั้งอยู่ที่ชายเนินของ Fourviere Hill
การแสดงที่ว่า มีทั้งละครสัตว์ กายกรรม
คนสู้คน(ทาส) และคนสู้กับสัตว์ร้าย เช่น สิงโต
73
ผมปีนขึ้นมาจนถึงชั้นสูงสุด ขณะที่เพื่อนบางคนขอนั่งรอข้างล่าง
ได้เหงื่อพอสมควร . . . มิน่าต้องมีเครื่องปั๊มหัวใจไว้ใกล้ๆ
74
พวกเด็กๆยังวิ่งขึ้นลงกันสนุกสนาน
76
ตามบ้านเรือนยังมีศิลปินกร๊าฟฟิตี้ (มือบอน)
ฝาก..ลายมือพ่นสีสเปรย์เป็นจารึกเสมอ
เหมือนกันแทบทุกแห่งในโลกนี้
76
ได้เวลาดินเนอร์อีกครั้ง แนะนำโดยนิวยอร์คไทม์เหมือนเดิม
แต่ร้านนี้ไม่ได้ให้ดาวไว้ ชื่อร้าน Le Pertit Flore
เป็นอาหารพื้นเมืองแถวนี้แม่นมั่น
77
ร้านเปิดทุ่มหนึ่ง ไปถึงก่อนครึ่งชั่วโมง
ยังกินไม่ได้...ให้ไปเดินเล่นก่อน
เลยลุยต่อไปโบสถ์ใกล้ๆ คือ St Jean Baptiste Cathedral
Facade หน้ามีหน้าตาอย่างนี้แหละ เก่ามากๆด้วย
78
ลานหน้าโบสถ์กว้างขวาง มีน้ำพุ
ตรงกลางก่อเป็นซุ้ม ภายในมีรูปปั้นคู่หนึ่ง
79
ดูใกล้ๆครับ . . . เป็นรูปนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์
กำลังทำพิธีรดน้ำดำหัวแด่พระเยซู
80
โคล้สอัพ ส่วนซุ้มหลังคาทรงสามเหลี่ยม
81
ส่วนข้างของด้านบน
82
ห้องสมุดที่ไหนเอ่ย?
83
"สวรรค์ส่วนตัวของข้าพเจ้า"
ลักษณะใกล้เคียงบ้านผมเลยอะครับ
84
แต่หนังสือของผมยังน้อยกว่านี้จี๊ดนึง
ส่วนระดับความรก...ผมชนะขาด
เฉลย
3 รูปข้างบนเป็น กล่องจำลองบ้านหลังเล็กๆ...อยู่ใน
พิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว (Miniatures Museum et Cinéma of Lyon)
ขนาดประมาณแค่ กว้าง 1 x ยาว 1.5 X ลึก 1 ฟุต
แต่มีรายละเอียดเหมือนของจริงมากกกกกกกกกก
85
กลับมาร้าน อาหาร เปอติต์ ฟลอเร...ไม่ใช่ "ของจิ๋ว" นะครับ
เป็นของจริง..ภายในตกแต่งด้วยโปสเตอร์โบราณเต็มฝาทุกด้าน
86
สั่งอาหารมาแบบจิ้มๆเอาที่เมนู
เชฟให้ข้อมูลพอสมควร รู้แต่ส่วนประกอบ
รสชาติ "เสี่ยงดวง" เอาเอง
ชามนี้ร้อนลวกลิ้นเลย ผมตั้งชื่อว่า "ซุปแหนม"
หมูหมักออกเปรี้ยว ในน้ำซุปเค็มๆ
87
จานหลักเป็นเนื้อปลา ปรุงมาเป็นก้อน
ผมเรียกว่า "ห่อหมกฝรั่งเศส"
88
ตบท้ายด้วยของหวาน ออกแนว custard
ราดให้หวานด้วยคาราเมล ผมเรียว่า "สังขยาลียง"
แหม่...มาฝรั่งเศสจะกินอาหารพื้นเมือง จิ้มมาได้อาหารไทยทั้งชุด 555
89
สถานที่ประชุมของพวกเราอยู่ที่นี่ครับ
ที่ที่เราหลงทางมากันวันแรกนะแหละ
เรียกว่า Cite Nationale ออกแบบสร้างโดย
สถาปนิกชื่อ Renzo Piano ใช้เป็นศูนย์ประชุมระดับชาติและนานาชาติ
90
ภายในมีห้องประชุมขนาดใหญ่ เป็นอัฒจันทร์โค้ง
จุคนได้ 3000 ที่นั่ง ระบบแสงสีเสียงสมบูรณ์ครับ
91
ประชุมเสร็จก็ชมเมืองตามเคย
ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
น้ำพุเต้นระบำในโถงอาเขด ข้างบันไดเวียน
92
หน้าห้าง Galeries Lafayett มีเปียโนไว้บรรเลงกล่อมลูกค้า
เผื่อฟังแล้วใจเติบ ควักกระเป๋าจับจ่ายง่ายขึ้น
93
ห้างในศูนย์การค้าก็มีแหล่งให้เด็กๆมาสนุกสนาน
จะได้ติดใจ รบเร้าพ่อแม่พามาบ่อยๆงัย
เป็นกลยุทธ์การค้าเหมือนกันทั้งโลก
ลียง...ยังมีอะไรน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น เป็นเมืองทอผ้าไหมที่โด่งดัง เป็นเมืองบ่อเกิดของภาพยนตร์ มีหุ่นกระบอกโบราณที่เรียกว่า Guignol มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะทั้งเก่าและใหม่ ฯลฯ . . . เหล่านี้ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด แต่ผมก็จนด้วยเกล้าคือเวลาสั้นไป จึงเก็บได้แค่นี้ บ๊ายบายแล้วสิงห์บุรี...เอ๊ย ลียง เมืองสิงโต จบม้วนแรกของทริปแค่นี้ก่อนเนาะ ขอโทษที่โม้ยาวมากเกินไปแล่ว ตัวหนังสือที่ใส่ๆไว้...เผื่อใครสนใจจะได้เก็บไปค้นต่อได้ง่ายขึ้นเนอะ เล่าผิดมั่วพลาดประการใด ขออภัยด้วยขอรับ การได้ "เตรียมตัว" ก่อนไปเที่ยวต่างแดน จะทำให้เราสนุกมากขึ้น ครูดิ่งนิสัยไม่ดีอย่างคือ...ไม่สบายใจถ้าไม่รู้ว่าที่ตัวเองยืนอยู่ เป็นตรงไหนของโลก จึงต้องหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง พร้อมกับวาดแผนที่แล้วขีดเส้นทางไว้ จะได้รู้ได้เห็นว่า...ที่ตรงหน้าเนี่ยมันคืออะไร-ที่ไหน มีที่มา-ที่ไปอย่างไร เสียเวลาศึกษาสักนี้ดจะเก็บเกี่ยวของดีๆได้โดยไม่พลาด อุตส่าห์เสียเงินเสียเวลามาตั้งเยอะแยะแล้วหนิ แต่บางคนก็ไม่ชอบ . . . สู้ลุยๆเสี่ยงไปเจออะไรก็ได้ ตื่นเต้นดี แบบนี้เรียกว่า "ผจญภัยต่างแดน" ได้ลุ้นเร้าใจอีกแนว ชอบแนวไหนก็เลือกเอาเถอะครับ สมัยนี้ความรู้อยู่แค่ฝ่ามือ ไอโฟนไอแผ็ดที่เอาไปได้ประโยชน์แน่นอน แผนที่มีให้ดู อย่างน้อยผมก็ใช้ถ่ายรูปแลนด์มาร์คไว้กันหลง พอหลงก็ควักออกมาเปิดรูปปุ๊บ ถามคนแถวนั้นปั๊บ...กลับถูกทุกทีครับเพื่อนๆ .....................................................
คลิปครั้งนี้ชวนฟังเพลงดังของฝรั่งเศสนะครับ โรแมนติก น่าฟังมากกกกกก VIDEO คลิปแรกเป็นเพลงบรรเลงชื่อ Arabesque หมายเลข 1 แต่งโดยคีตกวีฝรั่งเศส Claude Debussy (1862 - 1918) แถมรูปบนปกคลิปเป็นภาพวาดฝีมือจิตรกรเอกฝรั่งเศสด้วย คือ Water Lillies วาดโดย Claude Monet (1840 - 1926) ....................................
VIDEO คลิปที่สอง เป็นเพลงป๊อปหวานซึ้ง
Lara Fabian นักร้องเลือดผสมสองชาติ เบลเยี่ยม-อิตาเลียน
ร้องเพลงยอดนิยมของฝรั่งเศส Je t'aime ( I love you )
น่าประทับใจมาก เพราะคนฟังชิงร้องก่อนนักร้อง
แถมเปลี่ยนเนื้อร้องเป็น on t'aime ( we love you )
ทั้งนักร้องและผู้เข้าชมก็ร้องเพลงนี้เคล้าคลอกันไปจนจบ
บราโววววว . . . สุดยอดจริงๆ
ขอบคุณ You Tube ที่นำเพลงไพเราะมาสู่เราเสมอมา
.......................................
ขอบคุณที่แวะมา สวัสดีครับ
Create Date : 20 กันยายน 2555
19 comments
Last Update : 20 กันยายน 2555 6:13:21 น.
Counter : 6240 Pageviews.
ฟ้าสวยขาดใจเลยครับพี่
ฟ้าแบบนี้นักถ่ายภาพเห็นแล้วตาลุกครับ
พี่ดิ่งโชคดีจังครับ
งานสถาปัตยกรรมและงานปูนปั้นของเขาน่าทึ่งนะครับ
สมจริง สมจังมกาๆครับ