1
โรงแรมที่พัก ผนังข้างนอกเก่า
แต่ข้างในใหม่เอี่ยมอ่องแบบบูติกโฮเต็ล
2
เดินจากโรงแรมมานิดเดียว
รูปปั้นข้างโบสถ์ใหญ่ ที่ฐานมีก๊อกน้ำสาธารณะ
3
ส่วนหนึ่งภายนอกของโบสถ์ Church of Our Lady
4
หอของโบสถ์นี้สูง 122 เมตร สูงที่สุดของเมือง
เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13, 14 และ 15
หมายตาไว้..พรุ่งนี้จะเข้าไปดูข้างใน
5
รูปปั้นของ Guido Gezelle (คศ.1830-1899)
กวีผู้ยิ่งใหญ่ของชาวเฟลมมิชเป็นชาวเมืองนี้
6
Gruuthuse Museum
อยู่ติดกับโบสถ์ใหญ่เป็นพิพิธภัณฑ์
เก็บโบราณวัตถุ และงานศิลปกรรมต่างๆ
7
รูปจำหลักเหนือซุ้มประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์
Gruuthuse Museum เป็นรูปอัศวินขี่ม้าสวยงามมาก
8
ด้านนอกพิพิธภัณฑ์มีศิลาจารึกเก่า
ตั้งแสดงเรียงรายเป็นตัวอย่างให้ชม
9
เจ้าของเดิมของอาคารพิพิธภัณฑ์คือ Lord Gruuthuse
สร้างมาราวศตวรรษที่ 15
10
ประตูนอกติดถนน อยู่อีกด้านหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
11
ร้านนี้ขายรูปสีน้ำมันระดับแอนทื้ค
ร้านปิดเลยได้ชมแค่จากข้างนอก
12
เดินมาอีกไม่ไกล ถึง Cathedral of St. Sauviour
13
Cathedral of St. Sauviour สร้างมาตั้งแต่ปี คศ. 640
แต่โดนทั้งข้าศึกทำลาย และไฟไหม้ 4 ครั้ง ได้รับการบูรณะ
เรื่อยมา ก่อนนี้เป็นแบบกอธิค ครั้งหลังสุดสร้างหอสูงสไตล์
นีโอ-โรมาเนสก์ ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งออกแบบโดย J.Cocx
14
บริการนั่งรถม้าชมเมือง...เข้ากับบรรยากาศมาก
15
ถนนขนาด 2-3 เลน ปูด้วยแท่งหิน
เรียบและแข็งแรง ไม่มีทรุดให้เห็นเลย
16
บรูจจ์มีคลองล้อมรอบ และมีคลองซอยผ่านเมือง
จึงได้ชื่อว่าเป็น "Venice of the North" เมืองหนึ่ง
(แปลว่า "เวนิซแห่งภาคเหนือ" ยังมีอีกหลายเมือง
เช่น เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก,อัมสเตอร์ดัม, สต็อคโฮล์ม,
โคเปนเฮเกน, ฮัมบูร์ก และ แมนเชสเตอร์ เป็นต้น)
17
ทางเข้า Church of Our Lady ที่หมายตาไว้เมื่อวาน
วันนี้จะเข้าไปชมข้างในกันครับ
เป็นโบสถ์ใหญ่ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เป็นสไตล์โรมาเนสก์ สร้างเสร็จใน ศตวรรษที่ 15
18
ผ่านเข้ามาในโบสถ์จะเห็นภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่
เล่าเรื่อง "ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์"
19
โถงกลางของ Church of Our Lady
กว้างขวางโอ่อ่าแบบวิหารใหญ่ๆทั่วไป
20
รูปปั้นหินอ่อน "แม่พระมาเรียกับกุมารเยซู"
ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใครครับ บริเวณนี้กำลังซ่อม
เลยส่องเลนส์ลอดช่องแผงกั้นยิงมาช็อตนึง
21
ตรงบริเวณแท่นบูชาประธาน
22
ภาพสีน้ำมัน "พระเยซูตอนถูกนำลงจากไม้กางเขน"
23
ตรงนี้สำคัญ ไม่เปิดให้เดินชมฟรีๆ
ต้องซื้อตั๋วผ่านเข้าไป 4 ยูโร
เป็นแท่นประดิษฐานรูปปั้นหินอ่อน
"Madonna and Child" หรือ " Our Lady and the Infant"
ฝีมือไมเคิลแอนเจโล เป็นมาสเตอร์พีซของโลกชิ้นหนึ่งครับ
24
เชิญชมใกล้เข้ามาอีกนิด
ประวัติคือพ่อค้าชาวบรูจจ์คนหนึ่งซื้อมาเมื่อปี คศ.1506
ต่อมาปี คศ.1514 เขาได้บริจาคให้โบสถ์แห่งนี้
เคยถูกข้าศึกยึดไป 2 ครั้ง ตอนสงครามกับฝรั่งเศส
และตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ที่เดิมอย่างเรียบร้อย
25
26
27
ภาพสีน้ำมัน "Last Supper" เหนือแท่นรูปปั้นสำคัญ
28
ภายในโบสถ์ เป็นที่ฝังพระศพ
ของพระเจ้า Charles the Bold
และพระธิดา Mary of Burgundy
29
ส่วนที่เป็นออร์แกน และนักร้องหมู่ของโบสถ์
30
ออกจากโบสถ์ใหญ่เราจะไปลงเรือชมเมือง
ท่าเรือประดับด้วยกรอบรูปวาดทิวทัศน์คลอง
31
ดูรูปวาดวิวริมคลอง...เอาไว้เทียบกับของจริง
32
กุหลาบงามช่อโต...โดดเด่นยั่วยวนใจ
ระหว่างนั่งรอเรือมาเทียบท่า
33
อาคารตรงข้ามท่าเรือเป็นโรงพยาบาลเก่า
ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพวาดสมัยกลาง
รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ในโรงพยาบาลสมัยโน้น
ชื่อว่า Hospitaalmuseum-- Sint-Janshospitaal
34
เป็ดและหงส์ อาศัยอยู่ตามคลองอย่างอิสระ
35
ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆนะครับ...งามจนอยากบอกว่า
"เหมือนฝันยามตื่น"
36
37
38
39
40
41
42
43
44
อิ่มเอมใจจากคลองทัวร์...ขึ้นฝั่งกันเถอะครับ
45
เดินไปหน่อยก็เจอพรรคพวก...คุณปิกัสโซ่ ยอดจิตรกร
มีภาพมาแสดงที่นี่ราว 120 ภาพ ค่าชม 7 ยูโร
อยากดู...แต่ไม่ได้ดูเพราะจวนได้เวลานัดหมาย
แหม้......เซี่ยยยดายยยยย จัง
46
ดนตรีฟรีๆมีให้รื่นรมย์โสตรประสาท
บ้านเมืองเขาช่างใส่ใจหาสุนทรียรสให้ชาวบ้าน
47
นักท่องเที่ยวช่วงที่เรามา เดินกันขวักไขว่
48
ก็มาถึงสัญญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของบรูจจ์
หอระฆังใหญ่ที่จตุรัสกลางเมือง The Belfry and Market Hall
49
สร้างเมื่อปี คศ.1240 เดิมเป็นไม้
ต่อมาปี คศ.1280 ถูกไฟไหม้
จึงสร้างใหม่ด้วยหิน แล้วเสร็จในปี คศ.1300
หอระฆังสูง 272 ฟุต มีบันไดไต่ขึ้นไปถึงข้างบน 366 ขั้น
มองภาพกว้างของบรูจจ์ไกลไปถึงทุ่งนาป่าไร่นอกเมืองโน่นเลย
50
อีกฟากหนึ่งของจตุรัสเป็นอาคารโออ่า
นี่คือ Provincial Palace สร้างในสไตล์นีโอ-กอธิค
เป็นศูนย์กลางทางการเมือง และเศรษฐกิจ สังคม ของบรูจจ์
51
ภาพของหอระฆังด้านลานจตุรัส
52
Balcony of Belfry มีรูปปั้น Our Lady
ระเบียงนี้เป็นที่ประกาศการออกกฎระเบียบต่างๆ
สำหรับประชาชน พ่อค้าที่มาประกอบการในตลาดการค้าที่นี่
53
กลางจตุรัสมีรูปปั้นของวีรชนชาวบ้าน 2 คน
Jean Breydel (พ่อค้าเนื้อ) และ Pieter de Coninck (ช่างทอผ้า)
ทั้งคู่ต่อสู้อย่างกล้าหาญในสงครามปลดแอกจากฝรั่งเศสในปี คศ. 1302
54
Provincial Palace อีกมุมหนึ่ง
55
รูปถ่ายโบราณในภัตตาคาร
เป็นรูปรถแอมบูล้านซ์สมัยโน้นครับ
56
หลังอาหารเที่ยง...เดินเดี่ยวชมเมืองย่อยอาหาร
57
อนุสาวรีย์หินอ่อนของ Jan van Eyck
จิตรกรชื่อดัง มีชื่อเสียงในการพัฒนาเท็คนิกการวาดสีน้ำมัน
ตั้งเด่นในลานของ Bruges Academy
สร้างในปี คศ.1820 ปฏิมากรคือ Jan Robert Calloigne 58
ดูใกล้ๆครับ...ก่อนอำลาบรูจจ์
.......................................................................
ชอบตรงที่พี่ดิ่งบ่นครับ 555
เห็นด้วยทุกประการ
ทำกฏให้เป็นกฏ
กฏจะหลายเป็นกติกาให้ทุกคนยอมรับและทำตาม
ไม่ใ่ช่ฉันรวย เส้นใหญ่ แล้วจะทำอย่างไรก็ได้
ไม่ถูกต้องจริงๆครับ
ปล. เมืองนี้เป็นเมืองที่ศิลปินน่าจะอยากไปอยู่นะครับพี่
งานศิลปะแวดล้อมตัวเองไปหมดแบบนี้
น่าจะสร้า้งแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะได้ไม่ยากเลย