ความจริง-ความดี-ความงาม.........พยายาม-ส่งมอบ-ให้ปวงชน <<<<<<<<<<<<<<<<<
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ยามเยือนบรูจจ์ . . . ดุ จ ฝั น ย า ม ตื่ น












จากอะโตเมียมชานเมืองหลวงตะลุยต่อ


เมืองบรูจจ์ครับ 


เป็นเมืองเก่าขนาดกระทัดรัด  ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ด้วย

เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างแบบโบราณ  รถม้าวิ่งกุบกับๆ  ยอดโบสถ์สูงเสียดฟ้า

ร้านค้าของที่ระลึกและร้านอาหารชวนอุดหนุนเป็นระยะ

เวลาลงเรือเลียบคลองชมเมืองเหมือนเข้าไปอยู่ในแดนเทพนิยาย

ที่ถูกใจที่สุดคือได้ชมรูปปั้นแม่พระอุ้มกุมารเยซู...ฝีมือไมเคิลแอนเจโล

งดงามเป็นเอกไม่แพ้ Pieta ที่วาติกัน

ว่ากันว่าเป็นชิ้นสำคัญที่สมบูรณ์หนึ่งเดียวในจำนวนไม่กี่ชิ้นที่อยู่นอกอิตาลี



มาเที่ยวนี้เวลาไม่รีบเร่ง เลยได้ละเลียดความงามทั้งจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์

อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ไป...ตุนเอาไว้เป็นพลังสำรองไว้รบรากับลูกศิษย์ต่อปายยยย  Smiley




ไปชมรูปกันดีกว่าครับ





1

โรงแรมที่พัก ผนังข้างนอกเก่า
แต่ข้างในใหม่เอี่ยมอ่องแบบบูติกโฮเต็ล



2

เดินจากโรงแรมมานิดเดียว
รูปปั้นข้างโบสถ์ใหญ่ ที่ฐานมีก๊อกน้ำสาธารณะ



3

ส่วนหนึ่งภายนอกของโบสถ์ Church of Our Lady



4

หอของโบสถ์นี้สูง 122 เมตร สูงที่สุดของเมือง
เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13, 14 และ 15
หมายตาไว้..พรุ่งนี้จะเข้าไปดูข้างใน



5

รูปปั้นของ Guido Gezelle (คศ.1830-1899)
กวีผู้ยิ่งใหญ่ของชาวเฟลมมิชเป็นชาวเมืองนี้



6

Gruuthuse Museum
อยู่ติดกับโบสถ์ใหญ่เป็นพิพิธภัณฑ์
เก็บโบราณวัตถุ และงานศิลปกรรมต่างๆ



7

รูปจำหลักเหนือซุ้มประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์
Gruuthuse Museum เป็นรูปอัศวินขี่ม้าสวยงามมาก



8

ด้านนอกพิพิธภัณฑ์มีศิลาจารึกเก่า
ตั้งแสดงเรียงรายเป็นตัวอย่างให้ชม



9

เจ้าของเดิมของอาคารพิพิธภัณฑ์คือ Lord Gruuthuse
สร้างมาราวศตวรรษที่ 15



10

ประตูนอกติดถนน อยู่อีกด้านหนึ่งของพิพิธภัณฑ์



11

ร้านนี้ขายรูปสีน้ำมันระดับแอนทื้ค
ร้านปิดเลยได้ชมแค่จากข้างนอก



12

เดินมาอีกไม่ไกล ถึง Cathedral of St. Sauviour



13

 Cathedral of St. Sauviour สร้างมาตั้งแต่ปี คศ. 640
แต่โดนทั้งข้าศึกทำลาย และไฟไหม้ 4 ครั้ง ได้รับการบูรณะ
เรื่อยมา  ก่อนนี้เป็นแบบกอธิค ครั้งหลังสุดสร้างหอสูงสไตล์
นีโอ-โรมาเนสก์ ในศตวรรษที่ 19  ซึ่งออกแบบโดย J.Cocx



14

บริการนั่งรถม้าชมเมือง...เข้ากับบรรยากาศมาก



15

ถนนขนาด 2-3 เลน ปูด้วยแท่งหิน
เรียบและแข็งแรง ไม่มีทรุดให้เห็นเลย



16

บรูจจ์มีคลองล้อมรอบ และมีคลองซอยผ่านเมือง
จึงได้ชื่อว่าเป็น "Venice of the North" เมืองหนึ่ง
(แปลว่า "เวนิซแห่งภาคเหนือ" ยังมีอีกหลายเมือง
เช่น เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก,อัมสเตอร์ดัม, สต็อคโฮล์ม,
โคเปนเฮเกน, ฮัมบูร์ก และ แมนเชสเตอร์ เป็นต้น)



17

ทางเข้า Church of Our Lady ที่หมายตาไว้เมื่อวาน
วันนี้จะเข้าไปชมข้างในกันครับ
เป็นโบสถ์ใหญ่ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เป็นสไตล์โรมาเนสก์  สร้างเสร็จใน ศตวรรษที่ 15



18

ผ่านเข้ามาในโบสถ์จะเห็นภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่
เล่าเรื่อง "ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์"



19

โถงกลางของ Church of Our Lady
กว้างขวางโอ่อ่าแบบวิหารใหญ่ๆทั่วไป



20

รูปปั้นหินอ่อน "แม่พระมาเรียกับกุมารเยซู"
ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใครครับ บริเวณนี้กำลังซ่อม
เลยส่องเลนส์ลอดช่องแผงกั้นยิงมาช็อตนึง



21

ตรงบริเวณแท่นบูชาประธาน



22

ภาพสีน้ำมัน "พระเยซูตอนถูกนำลงจากไม้กางเขน"



23

ตรงนี้สำคัญ ไม่เปิดให้เดินชมฟรีๆ
ต้องซื้อตั๋วผ่านเข้าไป 4 ยูโร
เป็นแท่นประดิษฐานรูปปั้นหินอ่อน
"Madonna and Child" หรือ " Our Lady and the Infant"
ฝีมือไมเคิลแอนเจโล  เป็นมาสเตอร์พีซของโลกชิ้นหนึ่งครับ



24

เชิญชมใกล้เข้ามาอีกนิด
ประวัติคือพ่อค้าชาวบรูจจ์คนหนึ่งซื้อมาเมื่อปี คศ.1506
ต่อมาปี คศ.1514 เขาได้บริจาคให้โบสถ์แห่งนี้
เคยถูกข้าศึกยึดไป 2 ครั้ง ตอนสงครามกับฝรั่งเศส
และตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ที่เดิมอย่างเรียบร้อย



25




26




27

ภาพสีน้ำมัน "Last Supper" เหนือแท่นรูปปั้นสำคัญ



28

ภายในโบสถ์ เป็นที่ฝังพระศพ
ของพระเจ้า Charles the Bold
และพระธิดา Mary of Burgundy



29

ส่วนที่เป็นออร์แกน และนักร้องหมู่ของโบสถ์



30

ออกจากโบสถ์ใหญ่เราจะไปลงเรือชมเมือง
ท่าเรือประดับด้วยกรอบรูปวาดทิวทัศน์คลอง



31

ดูรูปวาดวิวริมคลอง...เอาไว้เทียบกับของจริง



32

กุหลาบงามช่อโต...โดดเด่นยั่วยวนใจ
ระหว่างนั่งรอเรือมาเทียบท่า



33

อาคารตรงข้ามท่าเรือเป็นโรงพยาบาลเก่า
ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพวาดสมัยกลาง
รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ในโรงพยาบาลสมัยโน้น
ชื่อว่า Hospitaalmuseum-- Sint-Janshospitaal



34

เป็ดและหงส์ อาศัยอยู่ตามคลองอย่างอิสระ



35

ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆนะครับ...งามจนอยากบอกว่า
"เหมือนฝันยามตื่น"



36




37




38




39




40




41




42




43




44

อิ่มเอมใจจากคลองทัวร์...ขึ้นฝั่งกันเถอะครับ



45

เดินไปหน่อยก็เจอพรรคพวก...คุณปิกัสโซ่ ยอดจิตรกร
มีภาพมาแสดงที่นี่ราว 120 ภาพ ค่าชม 7 ยูโร
อยากดู...แต่ไม่ได้ดูเพราะจวนได้เวลานัดหมาย
แหม้......เซี่ยยยดายยยยย จัง 



46

ดนตรีฟรีๆมีให้รื่นรมย์โสตรประสาท
บ้านเมืองเขาช่างใส่ใจหาสุนทรียรสให้ชาวบ้าน



47

นักท่องเที่ยวช่วงที่เรามา เดินกันขวักไขว่



48

ก็มาถึงสัญญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของบรูจจ์
หอระฆังใหญ่ที่จตุรัสกลางเมือง The Belfry and Market Hall



49

สร้างเมื่อปี คศ.1240 เดิมเป็นไม้
ต่อมาปี คศ.1280 ถูกไฟไหม้
จึงสร้างใหม่ด้วยหิน แล้วเสร็จในปี คศ.1300
หอระฆังสูง 272 ฟุต มีบันไดไต่ขึ้นไปถึงข้างบน 366 ขั้น
มองภาพกว้างของบรูจจ์ไกลไปถึงทุ่งนาป่าไร่นอกเมืองโน่นเลย



50

อีกฟากหนึ่งของจตุรัสเป็นอาคารโออ่า
นี่คือ Provincial Palace  สร้างในสไตล์นีโอ-กอธิค
เป็นศูนย์กลางทางการเมือง และเศรษฐกิจ สังคม ของบรูจจ์



51

ภาพของหอระฆังด้านลานจตุรัส



52

Balcony of Belfry มีรูปปั้น Our Lady
ระเบียงนี้เป็นที่ประกาศการออกกฎระเบียบต่างๆ
สำหรับประชาชน พ่อค้าที่มาประกอบการในตลาดการค้าที่นี่



53

กลางจตุรัสมีรูปปั้นของวีรชนชาวบ้าน 2 คน
Jean Breydel (พ่อค้าเนื้อ) และ Pieter de Coninck (ช่างทอผ้า)
ทั้งคู่ต่อสู้อย่างกล้าหาญในสงครามปลดแอกจากฝรั่งเศสในปี คศ. 1302



54

Provincial Palace อีกมุมหนึ่ง



55

รูปถ่ายโบราณในภัตตาคาร
เป็นรูปรถแอมบูล้านซ์สมัยโน้นครับ



56

หลังอาหารเที่ยง...เดินเดี่ยวชมเมืองย่อยอาหาร



57

อนุสาวรีย์หินอ่อนของ Jan van Eyck
จิตรกรชื่อดัง มีชื่อเสียงในการพัฒนาเท็คนิกการวาดสีน้ำมัน
ตั้งเด่นในลานของ
Bruges Academy
สร้างในปี คศ.1820 ปฏิมากรคือ
Jan Robert Calloigne




58

ดูใกล้ๆครับ...ก่อนอำลาบรูจจ์



.......................................................................




เห็นบ้านเมืองของเขาที่อนุรักษ์ไว้อย่างดี  ก็อย่างที่หลายๆคนอิจฉา
นอกจาก "มรดกสมบัติของชาติ" ที่คนรุ่นเก่าสั่งสมตกทอดมาให้แล้ว
ระเบียบ วินัย ในการเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวเมือง
ทางการเขาเคร่งครัดกันมาแต่นานเน
ในการทำ...สิ่งแวดล้อม...ให้น่าอยู่ น่าพำนัก น่าท่องเที่ยว
การเคารพกติกาต่างๆ  ไม่ว่าร้านค้า  หาบเร่  แผงลอย
จัดไว้เป็นที่เป็นทาง  สะอาด - สวยงาม - ปลอดภัย
นี่คือหัวใจของเมืองท่องเที่ยว...ในประเทศที่มีอารยธรรมของโลก


หันมาดูบ้านเมืองไทยของเรา  มีหัวใจปริๆแตกๆแยกๆไปวางไว้เป็นหย่อมๆ

บางแห่งและหลายๆแห่ง  สะอาด - สวยงาม - ปลอดภัย  Smiley Smiley Smiley

บางแห่ง    สกปรก - สวยงาม - ปลอดภัย  Smiley
บางแห่ง    สะอาด - ขี้เหร่ - ปลอดภัย  Smiley
บางแห่ง    สะอาด - สวยงาม - เสี่ยงตาย  Smiley

บางแห่ง    สกปรก - ขี้เหร่ - ปลอดภัย  Smiley Smiley
บางแห่ง    สะอาด - ขี้เหร่ - เสี่ยงตาย Smiley Smiley
บางแห่ง    สกปรก - สวยงาม - เสี่ยงตาย Smiley Smiley

บางแห่งและหลายๆแห่ง  สกปรก - ขี้เหร่ - เสี่ยงตาย   Smiley Smiley Smiley

คนที่จะมาท่องเที่ยวได้...ต้องทำงาน เก็บเงิน เพื่อมาท่องเที่ยวหาความสุข
และเพิ่มประสบการณ์ดีๆเติมเต็มให้ชีวิต
หากมาแล้วเจอะเจอสิ่งไม่น่าอภิรมย์  สกปรก ไร้ระเบียบ
กินอาหารแล้วเจ็บป่วย  เดินทางถูกล้วงกระเป๋า  ซื้อบริการถูกขูดรีดโก่งราคา
แถมโจรผู้ร้ายอาจปล้นฆ่า-ทำร้ายเอาง่ายๆดังที่เป็นข่าวออกสื่อกัน

ใครที่ไหนจะอยากเสี่ยงตายมาเที่ยวกันหนอ

ทั้งข้าราชการ นักการเมือง...ผมว่าพวกท่านได้ใช้เงินภาษีไป "ดูงานเมืองนอก" เยอะแล้ว
ขอได้โปรดประทานกรุณาอย่าสักแต่ว่า "ดู" ขอจงได้นำสิ่งดีงามที่ท่านได้พบเห็น...
มา "ทำ" ให้บ้านเมืองเราเจริญเทียมทันของคนอื่นเขาบ้าง

ที่สำคัญมากกกกคือการสร้าง...วัฒนธรรมการเคารพกฎกติกา

ผู้รักษาควบคุมกฎต้อง...มีความตรงไปตรงมา  ไม่เห็นหน้าอินทร์หน้าพรหม  ไม่เลือกปฏิบัติ
บังคับใช้อย่างสม่ำเสมอ เด็ดขาด
(ยากมากสำหรับบ้านเมืองที่เพียบด้วย..ระบบอุปถัมภ์..แบบไทย)

ชาวบ้านชาวเมืองเราจะได้...เลิกคุ้นเคยกับ อุบาทวธรรม . . "ทำได้ตามใจคือไทยแท้"
ปรับความคิดและการกระทำมาเป็น...มีระเบียบวินัย ไม่ละเมิดสาธารณสมบัติ
เป็น...พลเมืองที่ดี...ตามคำจำกัดความของโลกยุคโลกาภิวัตน์เสียที


ขอบ่นยาวๆพอสังเขปนะขอรับ  Smiley











.......................................


สำหรับคลิปคราวนี้ 

น่าจะฟังเพลงเพราะๆจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเมืองมรดกโลกแห่งนี้



หนังอังกฤษตลกผสมทริลเลอร์...เรื่อง In Bruges
ชื่อเพลง On Raglan Road ผลงานของวง The Dubliners แห่งสก็อตแลนด์


(แถมเนื้อเพลงเผื่อใครอยากร้องคลอไปด้วยครับ)

On Raglan Road on an autumn day
I saw her first and knew
That her dark hair would weave a snare
That I might one day rue
I saw the danger and I passed
Along the enchanted way
And I said: 'Let grief, be a fallen leaf
At the dawning of the day'

On Grafton Street in November
We tripped lightly along the ledge
Of a deep ravine where can be seen
The worth of passion's pledge
The Queen of Hearts still making tarts
And I not making hay
Oh I loved too much and by such
By such is happiness thrown away

I gave her gifts of the mind
I gave her the secret signs
That's known to the artists who have known
The true gods of sound and stone
And word and tint did not stint
I gave her poems to say
With her own name there and her own dark hair
Like clouds over fields of May

On a quiet street where old ghosts meet
I see her walking now
Away from me so hurriedly
My reason must allow
That had I loved not as I should
A creature made of clay
When the angel woos the clay
He'd lose his wings at the dawn of day

 ..............

ขอบคุณ You Tube ที่นำเพลงไพเราะมาสู่เราเสมอมา

...................................


ขอบคุณที่แวะมา แล้วเจอกันใหม่

สวัสดีครับ

Smiley Smiley Smiley












Create Date : 26 ตุลาคม 2555
Last Update : 30 ตุลาคม 2555 20:54:15 น. 21 comments
Counter : 4065 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ดิ่ง

ชอบตรงที่พี่ดิ่งบ่นครับ 555
เห็นด้วยทุกประการ

ทำกฏให้เป็นกฏ
กฏจะหลายเป็นกติกาให้ทุกคนยอมรับและทำตาม

ไม่ใ่ช่ฉันรวย เส้นใหญ่ แล้วจะทำอย่างไรก็ได้
ไม่ถูกต้องจริงๆครับ


ปล. เมืองนี้เป็นเมืองที่ศิลปินน่าจะอยากไปอยู่นะครับพี่
งานศิลปะแวดล้อมตัวเองไปหมดแบบนี้
น่าจะสร้า้งแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะได้ไม่ยากเลย










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:5:38:58 น.  

 
สวยจังเลยค่ะ

น่าเสียดายที่เที่ยวในเมืองไทยหลายๆ ที่นะคะ

"บางแห่งเท่านั้นที่ สะอาด - สวยงาม - ปลอดภัย"

แต่ถึงจะมีน้อย แต่ก็ยังมีอยู่ค่ะ (แอบฟันธง)

ไว้เก็บตังได้เยอะๆ จะไปเที่ยวเมืองไทยให้ทั่วก่อนค่ะ แล้วค่อยบินไปเที่ยวเมืองนอก (แอบอิจฉาค่ะ)


โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:9:18:54 น.  

 
สวัสดี วันศุกร์ อากาศหนาวๆร้อน อากาศแบบนี้ไข้หัวลมถามหาดูแลตัวเองด้วยนะครับ






โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:9:22:51 น.  

 
~ ชอบรถม้าจังเลยค่ะ ~


โดย: ~ sิมน้ำ_VoUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:13:51:03 น.  

 
ครูดิ่งบรรยายบรรยากาศที่เที่ยวเมืองไทยได้เห็นภาพมากครับ


โดย: Polarbee วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:14:22:43 น.  

 

ภาพแหล่มๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ
ชมภาพเพลินเลยค่ะ
แวะมาโหวต TRAVEL BLOG ให้เลยค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:0:33:56 น.  

 
หวัดดีครับครูดิ่ง

เห็นภาพ ถนน อาคารเมืองนี้ ดูแล้วสบายตา แสดง
ว่าคนโบราณมีความคิดละเอียดอ่อน มีศิลป สร้าง
อาคารสวยงาม

ที่น่่าสนใจ เขาก่ออิฐ เปลือยไม่ฉาบ ดูสวยเป็นธรรมชาติ น่าดู แต่ไม่แน่ใจว่า เขาใช้อิฐเล็ก ๆ
แบบไทย หรือโตกว่าครับครู


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:13:22:16 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณพรี่..

เพลิดเพลินจำเริญใจกับวิวงามๆที่พี่ดิ่งนำมาฝาก ดูไปดื่มด่ำไปนึกไปในใจว่า ทำไมหนอ.. ทำไมหนอ.. บ้านเราฯ.. บลาๆๆๆ.. ตวัดสายตามาท้ายบล็อก เออแฮะ.. ชะงักนิ้วได้โดยพลันว่าไอ้ที่จะสาธยายน่ะพี่ดิ่งร่ายมาแทนหมดแระ

มันแสนเสียดายใจจะขาดจริงๆนะคะพี่กับสิ่งดีๆที่เรามี ไม่ต้องอะไร.. ล่าสุดที่ป้าโซไปเืยือนมาเนี่ย ดื่มด่ำซึมซับภาคภูมิใจกับสิ่งดีๆที่เรามีมากมาย แต่เหตุไฉน ?? เฮ้ออออ..

ชอบใจ "อุบาทวธรรม" จริงๆค่ะ เปรียบเทียบได้สมกับเป็นครูดิ่ง กร๊ากกกก..


ปล. อันนู้นนน.. แป้งบัวที่ทำจากเร็งค่อน.. ไ่ม่รู้จักอ่ะค่ะีพี่ ทำอะไรทานได้คะ?


ไปอาบน้ำนอนละค่าาา พักผ่อนมากๆนะคร้าาาคุณพรี่.. ราตรีซะหวัดคร่ะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:20:49:00 น.  

 
สวัสดีค่ะครูดิ่ง

หายศีรษะไปนานเลยงวดนี้ งานยังยุ่งได้ใจ แต่ก็หาเวลาเล่นบล็อกจนได้นั่นแหละ ครูดิ่งสบายดีนะคะ

เคยได้ยินกิติศัพท์ความงามของเมืองนี้มานานแล้ว ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ ชอบสถาปัตยกรรมและงานศิลปะมาก สวยจริง ๆ บรรยากาศก็ดูสงบดีจัง เห็นแล้วอยากตามรอยครูดิ่งไปเที่ยวมากเลยค่ะ

ขอบคุณมากที่พาทัวร์เมืองที่สวย ๆ แบบนี้ แล้วไม่โหวตให้ได้ยังไงเนาะ


โดย: haiku วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:23:35:19 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ดิ่ง








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:6:31:16 น.  

 
สิ่งที่น่าเสียที่สุด
คือครูแอนเธอท้องครับพี่ดิ่ง
แล้วก็จะลาออกเมื่อสิ้นเทอมนี้

โหย --- เสียดายมากครับ

ครูที่เก็บภาพสวยๆของเด็ก
และเขียนเรื่องราวน่ารักของเด็กได้ดีแบบนี้
ไม่น่าลาออกเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:16:32:26 น.  

 
แวะมาเที่ยวกับครูดิ่งต่อ เมืองเค้าน่ารักดีนะคะ


โดย: sawkitty วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:17:39:56 น.  

 
เป็นเมืองหนึ่งที่ชอบมากค่ะ เคยไปมาหลายครั้งก็ยังไม่เบื่อ ชอบแวะไปตลาดสด..ซื้อกุ้งตัวเล็ก ๆ มาใส่ส้มตำ อนร่อยมากค่ะ


โดย: Maeboon วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:20:13:59 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ดิ่ง







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:5:53:17 น.  

 
ชาวบ้านเลว-ขี้โกง 1 คน...ความเสียหายอยู่ในวงจำกัด
นักการเมืองเลว-ขี้โกง 1 คน...ประเทศล่มจมได้

.
.


เห็นด้วยเลยครับพี่ดิ่ง

แถมโทษทีไ่ด้รับกลับไม่ต่างกัน

จริงๆผมคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐหากกระทำความผิด
โทษน่าจะรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป
เนื่องจากรู้กฏหมายแต่ยังทำผิดทำชั่วเสียเอง

โทษน่าจะรุนแรงกว่าเยอะๆไปเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:13:55:53 น.  

 
ขอบพระคุณมากที่แวะไปคุยนะคะ ดีใจที่ครูดิ่งได้อ่านบล็อกก่อนนิทรรศการจะหมดเขตแล้ว อัพบล็อกช้าเกิน เหลือเวลาให้ไปชมอีกไม่ถึงอาทิตย์

หอศิลป์เขาจัดพื้นที่ให้แบบเต็มที่มาก จัดแสดงทั้งหมดสามชั้น แล้วแต่ละชั้นกว้างได้ใจ แต่ก็เดินชมงานศิลปะเพลินจนลืมเมื่อยเหมือนครูดิ่งเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชมไปจดรายละเอียดไป ใช้เวลาเป็นชม. ๆ นี่ถ้ามีสูจิบัตรก็คงจะดี จะได้เบาแรงหน่อย (แต่ก็ต้องเสียเวลาสแกนรูปอีกนั่นแหละ )

พอฟังครูดิ่งบอกว่าเขาจะพิมพ์สูจิบัตรออกมาเลยดีใจมาก แต่นิทรรศการจะหมดแล้ว ไม่รู้เขาจะวางขายตามร้านหนังสือทั่วไปหรือเปล่า ต้องตามข่าวอีกที


โดย: haiku วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:19:44:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ดิ่ง








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:35:46 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ดิ่ง







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:23:39 น.  

 
รูปปั้นหินอ่อน "แม่พระมาเรียกับกุมารเยซู"
ชอบภาพนี้มาก ให้ความเมตตา นุ่มนวล และภาพแสดงอาการลอยตัวบนอากาศ อย่างน่ามหัศจรรย์


โดย: surya21 (surya21 ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:56:03 น.  

 
หมิงหมิงนี่ท่าทางจะขาวยากครับพี่ดิ่ง
ผมพาไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:47:46 น.  

 
ได้ชมเมืองที่อบอวลด้วยผลงานทางศิลปะ
และการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือน ราวกับหยุดเวลาไว้เพื่อคนรุ่นเรา น่าไปชมของจริงสักครั้งครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:44:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Dingtech
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]









◉ ภุมราท้าโลกกว้าง . . เกินฝัน

หวังวาดสู่สวรรค์ . . . . . เวิกโพ้น

แท้คืนสู่สามัญ . . . . . . มละตื่น

ยังฉงนงวยโงกโง้น . . . .โง่ตื้นลืมตาย ฯ





Dingtech :

ผมเป็นคนธรรมดา ธรรมดา มาจากบ้านนอก
รักศิลปะทุกชนิด ทุกรูปแบบ ทุกสัญชาติ

รักชาติไทย รักประเทศไทย
รักคนไทยทุกคน จงรักภักดี และ
เคารพสักการะพระมหากษัตริย์ไทย

ยินดีแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆทุกคนครับ





since 16 December 2009

New Comments
Friends' blogs
[Add Dingtech's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.