สวัสดีแฮ็ปปี้สุขสันต์วันวิสาขบูชาครับ นับเป็นมหาศุภฤกษ์ดิถีศรีวโรกาส
ครบ 2600 ปี ในพระพุทธศาสน์
เป็น
"พุทธชยันตี" บล๊อกของผู้ลุ่มหลงใหลในโลกียะสิปปกัมมะกรณี ขอน้อมเกล้าสิระเกศีอภิวันทนาการ อัญเชิญพระคัมภีร์ชาตกมหายาน ที่เรียงร้อยงามตระการเป็นบุษปมาลา ก่อนเก่ามานับแต่ครั้งบุร่ำบุราณ เก็บมาเล่าแผ่เผื่อเจือจานผองเพื่อนสหาย หากแม้นจิตน้อมนำอินทรีย์ทั้งหลายให้ชิดธรรม ก็จักถือว่าเป็นการกระทำกุศลแม้น้อยนิด ให้เมล็ดพันธุ์อันกระจ้อยจิหริดได้งอกงาม สืบศาสนาพระอารามมหาศาลให้ยั่งยืนนาน ตราบสิริคำรบกาลถ้วนพุทธันดร...เทอญ เมื่อคราวน้ำท่วมไทย ได้เก็บหนังสือหนีน้ำขึ้นชั้นสอง ได้พบหนังสือเก่าเก๋า
เล่มหนึ่ง จึงหมายตาว่าจะนำมาเล่าในบล๊อกนี้ ชื่อหนังสือคือ
"ชาดกมาลา" (Jatakamala or A Garland of Birth Stories) ....ตามไปดูฉบับภาษา
อังกฤษได้ที่ลิ้งค์ในวงเล็บได้ครับ
ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ในงานศพมารดาของผู้แปล เมื่อ 1 ธค. 2478
เล่มนี้แหละครับ แปลมาจากหนังสือของปราชญ์ทางตะวันตก คือ
ศาสตราจารย์ จ. ส. สเปเยอร์ (J. S. Speyer) แปลและเรียบเรียง
เป็นภาษาอังกฤษ
หลวงรัชฏการโกศล แปลเป็นภาษาไทย
"ชาดกมาลา" ได้ยกย่องว่าท่าน
"อารยสูระ" เป็นผู้แต่ง
ในคำนำของผู้แปลฉบับแรกสุด เมื่อ 1 ธค. 2478 เล่าว่า
"ชาดกมาลานี้เป็นหนังสือชาดกฝ่ายมหายาน แต่งเป็นกวีพากย์สันสกฤตอย่าง
ไพเราะยิ่งนัก อารยสูระเป็นผู้ประพันธ์เมื่อประมาณก่อน พ.ศ. 1503 เพราะ
ปรากฏว่าหนังสือชาดกนี้ได้ถูกแปลเป็นภาษาจีนแล้วในระหว่าง พ.ศ. 1503
- 1671 ท่านอารยสูระผู้นี้กล่าวว่ามีนามเรียกหลายชื่อ ว่าเป็นคนๆเดียวกับ
อัศวโฆษผู้รจนาหนังสือ "พุทธจริต" เป็นคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในการประพันธ์
ฝ่ายมหายาน และว่าท่านจินตะกวีผู้นี้ทรงคุณธรรมเชี่ยวชาญแตกฉานในพระ
ธรรมยิ่งนัก ได้รจนาหนังสือต่างๆหลายเรื่อง แต่แต่งชาดกมาลาได้ 34 เรื่องก็
มรณภาพ ความพิสดารปรากฏในต้นฉะบับภาษาอังกฤษนั้นแล้ว ท่านผู้สนใจ
จะขอดูได้ที่หอสมุดแห่งชาติ......."
ข้อความเกี่ยวกับท่านผู้ประพันธ์นั้น ผู้แปลได้เปลี่ยนรูปอักขระเป็น
"อารยศูร" ในการตีพิมพ์ครั้งหลัง และในคำนำ เมื่อ 24 มค. 2496 ได้เล่าว่า
"อารยศูรผู้ประพันธ์ชาดกนี้จะเป็นใครเกิดเมื่อใด ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด
เท่าที่ปรากฏประมาณว่าคงจะมีชีวิตอยู่ก่อน พศ. 977 เป็นผู้ทรงคุณธรรม
สูง มีความรู้แตกฉานในพระพุทธศาสนา มีชื่อเสียงปรากฏไปถึงประเทศ
ธิเบต....."
แสดงว่าประวัติท่านอารยศูรก็ยังคงไม่แน่ชัด
และอาจจะไม่ใช่นามหนึ่งของท่านอัศวโฆษ
ท่านอารยศูรแต่งหนังสือนี้เป็นภาษาสันสกฤต
ต้นฉบับของ "ชาดกมาลา" ในปี พศ. 2371 นายเบรียน เอช. ฮอดซ์สัน แห่ง
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้สำเนามาจากภิกษุชาวปาตาน แห่งเนปาล เก็บ
รักษาไว้ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแห่งฟอร์ตวิลเลียม อีกสำเนาหนึ่งส่งไปให้
ห้องสมุดที่ปารีส
ต่อมา พศ. 2418 ศาสตราจารย์เกอร์น ได้ตรวจแก้ แล้วจัดพิมพ์ใหม่เป็นภาษา
สันสกฤตอย่างเรียบร้อยในปี พศ. 2434
ศาสตราจารย์ จ. ส. สเปเยอร์ ได้แปลถ่ายเป็นภาษาอังกฤษเมื่อ พศ. 2438
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานเงินสำหรับการพิมพ์
หนังสือนี้พร้อมๆกับหนังสืออื่นๆ จำนวน 5,000 ปอนด์ เพื่อเผยแผ่พระพุทธ
ศาสนา ใน พศ. 2438 เป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงถึงการเป็น
"ธรรมิกราช" แห่งพระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงประชาราษฎร์พระองค์นี้
ฉบับพิมพ์โดยมหามกุฏราชวิทยาลัย
ครั้งที่ 1/2500 ราคาเล่มละ 15.- บาท
ในฉบับพิมพ์ครั้งแรก มีจำนวนชาดก 10 เรื่อง มีพระเดชพระคุณท่านพระธรรมโกศาจารย์ ได้วิจารณ์ไว้ด้วย 1. เรื่องแม่เสือลูกอ่อน 2. พระราชาแห่งสีพี 3. เรื่องยาคูน้อยหนึ่ง 4. เรื่องเศรษฐีใจบุญ 5. เรื่องเศรษฐีอวิศกยะ 6. เรื่องกระต่าย 7. เรื่องอกัศตยฤาษี 8. เรื่องพระเจ้าไมตรีพล 9. เรื่องพระเวสสันดร 10. เรื่องการบูชายัญญ์ ในฉบับที่พิมพ์โดยมหามกุฏราชวิทยาลัย มีจำนวนชาดก 34 เรื่องได้แปลเพิ่มต่อจนจบ 11. เรื่องพระอินทร์ 12. เรื่องพราหมณ์ 13. เรื่องอุนมาทยันติ 14. เรื่องสุปารค 15. เรื่องปลา 16. เรื่องลูกนกคุ่ม 17. เรื่องไห 18. เรื่องผู้ไร้บุตร 19. เรื่องสายบัว 20. เรื่องขุนคลัง 21. เรื่องจุฑฑโพธิ 22. เรื่องหงษ์ทรงธรรม 23. เรื่องมหาโพธิ 24. เรื่องมหากบี่ 25. เรื่องละมั่ง 26. เรื่องรุรุมฤค 27. เรื่องพระยาวานร 28. เรื่องกศานติวาทิน 29. เรื่องชาวพรหมโลก 30. เรื่องช้าง 31. เรื่องสุตโสม 32. เรื่องอโยคฤห์ 33. เรื่องกระบือ 34. เรื่องนกหัวขวาน
...................................................
จขบ.อยากจะเล่าถึงเรื่องชาดกตามประสบการณ์ตนเองบ้างสักเล็กน้อย
ในวัยเด็กมีพี่เลี้ยงชื่อว่า"ป้าจันทร์" จะเล่านิทานชาดกให้ฟังเป็นประจำ
ก็สนุกประสาเด็ก หาได้เข้าใจสาระอุทาหรณ์อันใดไม่
พอโตมาเข้าเรียน มีหนังสือนิทานสุภาษิต ซึ่งเอาจากชาดกบางเรื่องมา
ให้เรียน ก็สนุกและพอเข้าใจเรื่องที่สอนบ้างอย่างง่ายๆตรงๆ
แต่ครั้นมาถึงชั้นมัธยมปลาย ได้เรียนเวสสันดรชาดก กัณฑ์ชูชก กับ
กัณฑ์กุมาร นอกจากอรรถรสทางวรรณคดีแล้ว ความฉงนสนเท่ห์เรื่อง
ชาดกนี้ยังทวีคูณขึ้น . . .
ทำไมหนอการบริจาคทานของพระเวสสันดร จึง โหดร้ายถึงขั้นเอาเงินทองลูกเมีย ตลอดจนราชสมบัติไปแจกทาน ยอมขัดพระทัยเสด็จพ่อเสด็จแม่ ทอดทิ้งไพร่ฟ้าราษฎร แลกกับการ ให้ทาน เพื่อ "ทานบารมี" การแลกเสียสละเช่นนี้ "คุ้มค่า" และเป็น ทางนำไปสู่ "มหาอมฤตนฤพาน" ได้จริงๆหรือ? จะเรียกว่าโชคดีก็คงได้....สมัยมัธยมปลาย จขบ.ได้อาจารย์ภาษาไทย
ที่ทรงภูมิยิ่ง ขออนุญาตเอ่ยนามท่าน
อาจารย์ภาวาส บุนนาค สอน
ผมครับ ท่านเป็นอักษรศาสตรบัณฑิตจากจุฬาฯ ภายหลังท่านไปรับ
ตำแหน่งเป็นรองราชเลขาธิการ........ท่านอาจารย์ได้อธิบายอย่างแจ่ม
แจ้งจนเข้าใจในวิถีแห่งพระโพธิสัตว์และการบำเพ็ญบารมีในชาติต่างๆ
หวังจะได้ครูแบบท่านให้ได้มาสอนเยาวชนของเราอย่างไม่ขาดสาย
ขอกลับมาถึง "ชาดกมาลา" เล่มนี้
เข้าใจว่าได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อีกหลายครั้ง
เท่าที่ทราบมี
- ฉบับพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงเสถียรโชติสาร 12 พย. 2513
- ฉบับ พ.ส.ล. (ฉบับนักศึกษา) 2516
- ฉบับมหามกุฏฯ พิมพ์ครั้งที่ 2/2541
นอกจากนี้ยังมีผู้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง เช่น ดร.ชัยณรงค์ กลิ่นน้อย อาจารย์แห่ง
มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น
ชาดกนั้นเป็นเรื่องราวแต่ปางก่อน ในพระชาติก่อนๆของพระพุทธเจ้า แสดงถึง
การบำเพ็ญบารมีหรือคุณงามความดีในแง่ต่างๆไว้อย่างมากมายเมื่อครั้งยังเป็น
พระโพธิสัตว์ ผู้ฟังได้ฟังแล้วย่อมจะเกิดศรัทธาปสาทะ ใคร่จะบำเพ็ญตาม
อย่างบ้าง แม้เพียงสักเศษเสี้ยวก็ยังดี
พระโพธิสัตว์จะเสวยพระชาติเป็นทั้งเทวดา มนุษย์ และสัตว์ ในทางเถรวาท
เรามีคัมภีร์หลักด้านนี้คือ นิบาตชาดก และปัญญาสชาติชาดก
นิบาตชาดก มี 500 เรื่อง ซึ่งปรากฏในพระไตรปิฎก ปัญญาสชาติชาดก มี 50 เรื่อง แต่งจากนิทานพื้นเมือง ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฎก เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ กรมศิลปากร ร่วมกับองค์การค้าคุรุสภาได้พิมพ์หนังสือชุด 3 เล่ม ชื่อ"วรรณวิจิตร จากนิบาตชาดก" นำภาพจิตรกรรมฝาผนังจากวัดเครือวัลย์วรวิหาร ซึ่งเล่าเรื่องนิบาตชาดกครบถ้วน งดงามและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย จขบ.ได้ซื้อไว้ราคาชุดละ 2,000 บาท "วรรณวิจิตร จากนิบาตชาดก" นอกจากนี้ที่ บุโรพุทโธ บริเวณผนังด้านในของระเบียง มีการแกะสลักภาพเป็น เค้าโครงเรื่องจาก "ชาดกมาลา" เล่มนี้ จำนวน 372 ภาพ ไว้ด้วยเชิญชมภาพตัวอย่างครับ
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระยาวานร
....................................................................................
ครับ...นับว่าพอครบถ้วนกระบวนความโดยสังเขปอันออกจะยืดยาว
เพราะผสมผเสเล่านอกเรื่องราวไปบ้างก็โปรดอย่าได้ถือสาหาความ
ช่วงที่ผ่านมาหลายเดือน จขบ.ต้องรวบรวมสมาธิและแรงกายทำงาน
อย่างเหน็ดเหนื่อย
การตรวจประเมินใหญ่ๆในโรงเรียนได้ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อ 1 มิย.นี้ คือ
- ตรวจประเมินหลักสูตรใหม่ (บังคับทำทุก 5 ปี)
- ตรวจประเมินสถานที่ฝึกอบรมหลัก (ขอเพิ่มเติมใหม่อีก 1 แห่ง)
สภาวิชาชีพเข้มงวดกวดขันจริงจังมาก เพราะต้องการคุณภาพจริงๆ...
.........ยังรอฟังผลการประเมินด้วยใจระทึก
ลุ้นขอให้ผ่านอย่างมีเงื่อนไข (ไม่มากนัก) เพราะเบื่อที่จะแก้มากกกก
นอกจากนี้ก็เป็นงานรูทีนที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันมาซ้ำรอยเดิมทุกๆปี
เปลี่ยนแต่หน้าลูกศิษย์ที่ละอ่อนๆใสๆอยู่ตอน ปี 1 แต่พอถึง ปี 2-6
ใบหน้าของเธอๆก็จะเข้มเขียวห่อเหี่ยวเบี้ยวบูด เพราะทั้งเรียนหนัก
สอบหนักกว่าจะจบได้เป็นบัณฑิต
ยังไม่พอแค่นั้น.....พวกเธอๆยังต้องสอบให้ผ่านการวัดผล
ของสภาวิชาชีพอีกตั้ง 3 ขั้นตอน จึงจะประกอบอาชีพได้
.....เฮ้อออออออออ......เหนื่อยกันทั้งครูทั้งศิษย์หละเนาะ
....................................................................................
บ่นเสร็จมาฟังดนตรีเพราะๆเพื่อผ่อนคลายกันสัก 2 คลิป นะครับ VIDEO
VIDEO ขอบคุณ You Tube ที่นำดนตรีเพราะๆมาสู่เราเสมอมา
.............................................
สวัสดี สุขศานติ์ศุภวารวิสาขบูชาครับ
สวัสดีวันวิสาขบูชาครับครู