เมื่อวานปวดหัวมากรู้สึกตัวว่าจะไม่สบายเพราะพักนี้ฝนตกบ่อย รถติดมาก มีแต่คนกร่นด่าพวกที่ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ใน กทม. ต้องเดือดร้อนเดินทางไม่สะดวกเหมือนทุกวันทั้งที่ในทุกวันก็ติดจนบางวันแทบจะหลับนอนบนรถอยู่แล้ว..เหมือนเพื่อนตัวเองที่รถติดมากจนเผลอหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน พอรู้ตัวว่าไม่ไหวจะเคลื่อนรถเข้าข้างทางเพื่อหยุดรถให้ได้สติกลับคืนมา กำลังคิดจะจอดแทนที่จะเหยียบเบรกแต่กลับไปเหยียบคันเร่งแทน ผลเลยชนกับเสาไฟฟ้าจนได้รับบาดเจ็บเย็บที่ศีรษะไป 30 เข็มแถมกระโหลกร้าว แขนก็หัก ทรัพย์สินก็เสียหาย เรื่องรถติดเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้สักทีสำหรับคนที่อยู่ใน กทม. นี่ยังมีม๊อบโน่น นี่ นั่น ให้ติดหนักขึ้นไปอีก...บ่นไปเหอะพูดไปเถอะไม่มีใครฟังใคร ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนบ้างเพราะสนใจแต่เรื่องของตนเองขอให้สิ่งที่ตนเองต้องการ สำเร็จ เท่านั้นเป็นพอวิธีการไม่เกี่ยว วิธีอะไรก็ได้ที่สามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองของตนเอง สำเร็จ เป็นใช้ได้...จึงเกิดการเถื่อน ถ่อย ไร้วัฒนธรรมทุกรูปแบบทั้งในและนอกสภา และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป หากไร้กฏ ระเบียบ ข้อบังคับ มากำหนดผู้คนที่ทำความเดือดร้อนให้ประชาชนคนที่ไม่ต้องการความเถื่อน ถ่อย ไร้สติแบบนี้อีก

ทีนี้ลองมาอ่านความคิดเห็นของคุณ : Chaly ในเวป teenee.com ที่อ่านดูแล้วค่อนข้างเห็นด้วย ตรงที่ต้องการให้ทุกคนได้รู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ. ปรองดอง ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาทำให้เกิดขบวนการ เถื่อน ถ่อย เต็มรูปแบบ ลองอ่านดูกันค่ะ

**** กระทู้นี้ไม่มีความเห็น****...เพียงแต่อยากจะพูดว่า....วันนี้ขบวนการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้เริ่มขึ้นเต็มรูปแบบอีกครั้งแล้วครับ-ด้วยข้ออ้างที่คนทั้งโลกฟังแล้วต้องสะดุ้งมีนงงนั่นคือการไม่เอาการปรองดอง....ผมจึงต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกครั้งว่า- พ.ร.บ.ปรองดองที่เสนอเข้าสู่สภาฯทุกฉบับในขณะนี้-ไม่มีมาตราใดฉบับไหนเลยที่เขียนเอาไว้ว่าต้องคืนเงินให้ทักษิณฯ 46000 ล้านบาทครับ....มีแต่คืนความเป็นธรรมให้กับทุกคนทุกฝ่ายที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมด้วยกฎหมายพิเศษหลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร-ซึ่งทักษิณฯก็เป็นเพียงหนึ่งในพันในหมื่นเท่านั้นครับ....และการออกมาขัดขวางของแก็งพันธมิตรฯและพรรค ปชป.ก็คือการ-ออกมาปกป้องความผิดของตนเองและพวกที่ได้ก่อการกระทำชั่วเอาไว้เมื่อก่อนและหลังรัฐประหาร....เพราะได้ร่วมมือกับเครือข่ายสุมหัววางแผนปล้น-ล้มอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า-ซึ่งหากคนเหล่านี้ปล่อยให้ พ.ร.บ.ปรองดองผ่านความเห็นชอบของทั้ง 2 สภาฯ...ความผิดที่ได้กระทำไว้เช่นการเข่นฆ่าประชาชนและการทุจริตคอรัปชั่นในช่วงที่เป็นรัฐบาลที่ผ่านมา-ก็จะต้องได้รับโทษทันที่สาสม-ทุกวันนี้ที่คนเหล่านี้ยังลอยนวลก็เพราะมีรัฐธรรมนูญมาตรา 309 คุ้มกะลาหัวเอาไว้อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละครับ....เพราะฉะนั้นแล้ว....ผมก็ขอให้ประชาชนทุกท่านที่รักความถูกต้องและยุติธรรมทั้งหลาย-อย่าได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเหล่านี้-เพราะสิ่งที่เค้าปลุกระดมมันคือความเท็จทั้งสิ้นซึ่งความจริงคือเค้ากำลังปกป้องผลประโยชน์ของตนเองล้วนๆ-ไม่ได้ทำเพื่อชาติประชาชนอย่างที่อ้างแต่อย่างใด....และที่สำคัญ...ผมขอฝากไปยังผู้มีอำนาจเบื้องหลังที่ส่งสัญญาณแรงอยู่ในขณะนี้ว่า-การยึดอำนาจครั้งนี้หากมีขึ้นจริงมันจะเป็นครั้งสุดท้ายของความบ้าอำนาจของพวกท่านแน่นอนครับ....เพราะทุกสิ่งอย่างมันผ่านการเพาะบ่มสุกงอมเต็มที่จนสุดจะทนแล้ว-โดยเฉพาะกระบวนการอยุติธรรมทั้งหลายแหล่-ที่ยังคงทำหน้าที่รับใช้เผด็จการอย่างคงเส้นคงวาและนำมาซึ่งความแตกแยกอย่างถึงที่สุดในวันนี้....สงครามครั้งนี้จึงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆผมเชื่อเช่นนั้น...ซึ่งผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า-ระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่คนส่วนของโลกยอมรับ-กับระบอบอำมาตย์อุปถัมก์หลงยุคของประเทศไทย*****ใครมันจะแน่กว่ากัน****...ครับ.....

อ่านดูแล้วเหนื่อยใจ...ไม่ว่าใครจะผิดใครจะถูกตนเองย่อมรู้ว่าเนื้อความข้างบนที่คุณ Chaly เขียนมานั้นจริงเท็จแค่ไหนอ่านแล้วใช้วิจารณญานกันเองนะคะ นอกจากนี้ยังเก็บความคิดเห็นของคุณทวดเอง ที่เขียนถึงการปรองดองเช่นกันเลยเก็บมาฝาก และถ้าใครอยากอ่านความคิดเห็นแบบเต็มๆ ของคนอื่นๆ ก็ไปอ่านได้ ที่หน้าเวปนี้กันเองนะคะ //tnews.teenee.com/politic/80972.html อย่างที่บอกอ่านแล้วใช้วิจารณญานกันเอง โตๆ กันแล้วไม่ต้องให้ใครมาชี้นำ จะทำอะไร ตัดสินใครผิดใครถูกก็คิดให้ถี่ถ้วน คิดให้ดีๆ อย่าให้ใครคัดนำหรือร่วมขบวนการทำผิดอีกครั้ง เหมือนกับเพลงคนกับหมา ของคุณพงษ์เทพ ตรงเนื้อเพลงที่บอกว่า "ชีวิตฉันมีแต่หมาพาไป จะเดินหนใดมีหมานำ ชีวิตฉันมีแต่หมานำ ฉันเดินก้าวตามตามหมาเดิน ชีวิตของฉันช่างเพลิดเพลิน ฉันเดินตามหมา.นำทาง ชีวิตฉันมีแต่หมาพาไป จะเดินหนใดมีหมานำ ชีวิตฉันมีแต่หมานำ ฉันเดินก้าวตามตามหมาเดิน ชีวิตของฉันช่างเพลิดเพลิน ฉันเดินตามหมา.นำทาง"....55555....จขบ. ไม่อยากให้หมานำชีวิตค่ะ และอยากได้ผู้นำที่มีคุณธรรม รักสันติ ไม่เถื่อน ถ่อย ที่มีแต่ความอิจฉา ริษยา ละโมภอยากได้อยากเป็นมาเป็นผู้นำค่ะ..ลองอ่านความคิดเห็นคุณทวดกันค่ะ...

คุณ : : ทวดเอง (ความคิดเห็นที่ 121)
มาร์คเอ๊ย ข้าฯสุดจะทนกับพวกเอ็งแล้วนะ แต่ไหนแต่ไร ถึงแม้ข้าฯจะไม่ค่อยชอบวิธีการทำงานทางการเมืองที่เอาแต่พูดอย่างเดียว แต่ข้าฯก็ยังให้เกียรติเอ็งในฐานะคนที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำหน้าที่ ดังนั้นข้าฯจึงพูดกับเอ็งในฐานะของประชาชนกับตัวแทนของพวกเรา ถึงแม้ข้าฯจะไม่เคยเลือกเอ็ง แต่เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ให้เอ็งชนะในเขตของเอ็ง ก็ยังคงนับเป็นตัวแทนของข้าฯอยู่ดี แต่เมื่อถึงวันนี้ วันที่พวกเอ็งใช้มารยาทที่ไม่ได้ดีไปกว่าคนไร้การศึกษาอย่างข้าฯ อย่างนี้แล้วข้าฯคงไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเอ็งกับพวกอีกแล้ว ดังนั้นข้าฯจึงขอพูดกับเอ็งแบบคนระดับเดียวกัน หวังว่าเอ็งคงไม่ไปฟ้องข้าฯนะเฟ้ย ถ้าข้าฯจะบอกเอ็งว่า ข้าฯรังเกียจเอ็งจริงๆว่ะมาร์ค ข้าฯรังเกียจที่เอ็งกับพวกพยายามอ้างประชาชนเสียทุกเรื่อง ทั้งๆที่การกระทำของพวกเอ็งล้วนแต่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเองกันทั้งนั้น เอ็งอย่าคิดว่าข้าฯความรู้น้อย เอ็งอย่าคิดว่าข้าฯจะโง่จนเอ็งพูดอะไรก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง ข้าฯอยากบอกเอ็งว่า การศึกษาไม่ได้ทำให้พวกเอ็งดูดีกว่าข้าฯไปได้หรอก ถ้าเปรียบเทียบกับการกระทำของพวกเอ็ง อย่ามาอ้างเลยว่า การปรองดองทั้ง 4 ฉบับเป็นการขายขาติ เป็นการสร้างวาทกรรมเพื่อหาแนวร่วมเท่านั้นเอง เป็นวาทกรรมที่หลอกได้แต่พวกที่ไม่เท่าทันเอ็งเท่านั้นเอง เพราะการไม่ปรองดองต่างหากเล่าที่จะทำลายชาติให้พินาศป่นปี้ ตอนเอ็งเป็นรัฐบาล เอ็งก็ไม่เคยสนใจที่จะปรองดองไม่ใช่หรือ? แล้วเมื่อรัฐบาลชุดนี้เสนอนโยบายเพื่อความปรองดอง พวกเอ็งกลับพยายามทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้การปรองดองเกิดขึ้น อย่างนี้จะให้ข้าฯคิดว่า พวกเอ็งต้องการอาศัยความขัดแย้งของคนในชาติ เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจได้หรือเปล่า? อย่างนี้ยังจะให้ข้าฯคิดว่าพวกเอ็งทำเพื่อประชาชนอย่างนั้นหรือฟะ อย่ามาอ้างเลยว่า รัฐบาลใช้เสียงส่วนใหญ่ลากไป นี่ก็อีกอย่างที่เอ็งพยายามหลอกสาวกให้หลงเชื่อ ทั้งๆที่ตอนเอ็งฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร เอ็งก็อ้างเรื่องเสียงส่วนใหญ่มิใช่หรือ? ทั้งๆที่ดูยังไงก็ไม่สง่างามในสายตาคนที่รักประชาธิปไตย แต่เอ็งก็ยังทำไปได้ แล้วที่เอ็งผ่านงบประมาณเป็นร้อยโครงการในเวลาแค่สิบกว่าชั่วโมง ใช่พวกมากลากไปหรือเปล่าหือ เอ็งพูดเอาแต่ได้นี่หว่า อย่ามาอ้างเลยว่า ประธานไม่เป็นกลางให้เหม็นขี้ฟันเลยฟะ ตอนเอ็งเป็นรัฐบาล ประธานเป็นกลางตายล่ะ แล้วแค่นี้พวกเอ็งยังทนไม่ได้ แต่กลับทนได้กับการตั้ง คตส.ที่เป็นปฏิปักษ์ในการสอบสวนคดีคุณทักษิณ ทีอย่างนี้พวกเอ็งประสานเสียงกันว่าเป็นไปตามกฎหมาย ฮี่โธ่เอ๊ย ที่ได้ประโยชน์เอ็งก็ว่าเป็นกลาง พอไม่ได้ดั่งใจ เอ็งก็หาว่าไม่เป็นกลาง ตกลงแล้วนี่เอ็งไปจบหลักสูตรประชาธิปไตยประเทศไหนกันวะ ช่วยบอกที อย่ามาอ้างเลยว่า พรบ.ปรองดอง จะทำลายนิติรัฐนิติธรรมของประเทศ แล้วพวกเอ็งทนไม่ได้ ป๊าดโธ่ ตอนเขาฉีกรัฐธรรมนูญ เอ็งไปหลบอยู่ที่ไหนหือ ตอนนั้นข้าฯไม่เห็นเอ็งจะห่วงประเทศด้วยซ้ำไป พอตอนนี้ดันบอกว่าทำเพื่อประชาชน ยิ่งฟังข้าฯยิ่งคลื่นไส้หว่ะ อย่ามาอ้างเลยว่า เมื่อรัฐบาลใช้วิธีโจร ก็เลยต้องใช้วิธีการของโจรมาใช้ แค่คิดก็ผิดแล้วนะเว้ย แต่นี่พวกเอ็งทำเลย ข้าฯถามเอ็งเถิดวะ การใช้โจรปราบโจรนี่เป็นวิธีการถูกต้องแล้วหรือฟะ ไล่โจรไป สุดท้ายก็ได้โจรอยู่ดี แล้วประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหนวะ มิใช่เพราะพวกเอ็งสนับสนุนโจรปล้นรัฐธรรมนูญไปเมื่อหลายปีก่อน ประเทศจึงแตกแยกขนาดนี้ ยังไม่รู้สำนึกอีก ข้าฯล่ะเบื่อหน่ายกับพวกเอ็งจริ๊งจริง อย่ามาอ้างเลยว่า จะต่อต้าน พรบ.ปรองดองให้ถึงที่สุด โดยไม่เลือกวิธีการ จะต่อสู้ทั้งในสภาและนอกสภา นั่นมันนิสัยของคนเกเรต่างหากเล่า เอ็งคงลืมไปแล้วมั่ง ที่เอ็งบอกว่าจะไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายไม่ใช่หรือฟ่ะ เอ็งยอมให้ประชาชนที่เห็นต่างกับเอ็งล้มตายและบาดเจ็บกันเป็นพันๆ แต่ตอนนี้เอ็งกลับเห็นด้วยกับการชุมนุมปิดรัฐสภา นั่นมันเป็นการกระทำไม่ให้อำนาจนิติบัญญัติทำงานได้ เข้าข่ายข้อหากบถเลยนะเว้ย อย่างนี้เอ็งกลับบอกว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ข้าฯสงสัยจริงๆ อังกฤษไม่ช่วยให้เอ็งเรียนรู้ประชาธิปไตยบ้างเลยหรือ? อย่ามาอ้างเลยว่า พรบ.ปรองดองจะทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ เพราะขอเพียงแต่คนคิดเป็น ก็จะรู้ทันทีเลยว่า เอ็งกำลังจะฉวยโอกาสให้ประเทศเกิดความขัดแย้ง เพื่อหวังส้มหล่นเหมือนคราวที่แล้ว เพราะการกระทำของพวกเอ็ง มันส่อให้เห็นถึงความพยายามที่จะปลุกระดมมวลชน ก็พวกที่นิยมเอ็งนั่นแหละ แต่จะมีสักกี่มักน้อยเชียว เพียงแต่พวกเอ็งไม่คำนึง เพียงต้องการให้ประเทศเกิดความวุ่นวายก็พอ แล้วให้กองทัพใช้ความชอบธรรมในการทำรัฐประหารอีกรอบ เพียงแต่คราวนี้คงไม่ง่ายอย่างที่เอ็งคิดหรอกนะ ระวังไว้ด้วยก็ดี เพราะแทนที่จะเป็นส้มหล่นใส่หัวเหมือนคราวก่อน คราวนี้อาจเป็นทุเรียนตกใส่หัวก็ได้ ข้าฯขอเตือนเอ็งด้วยความหวังดี อย่ามาอ้างเลยว่า การกระชากลากแขน การแย่งชิงเก้าอีประธานหรือแม้กระทั่งการขว้างปาสิ่งของใส่ประธานสภา เป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์ โธ่เอ๊ย สัญลักษณ์ถ่อยๆแบบนี้ พวกเอ็งควรไปแสดงที่อื่น ไม่ใช่ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ เพราะการต่อสู้ในรัฐสภา ต้องต่อสู้กันด้วยเหตุผล ต้องต่อสู้กันด้วยหลักฐาน ต้องต่อสู้กันด้วยกฎข้อบังคับ และกติกาไม่ใช่ด้วยพละกำลัง ไม่ใช่ด้วยการกระทำอันป่าเถื่อนอย่างที่พวกเอ็งกระทำ เพราะไม่ว่าการใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตัดสิน แน่นอนอยู่แล้วที่รัฐบาลจะต้องชนะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม แต่ประชาชนที่ดูอยู่ก็จะรับรู้เองว่า ฝ่ายไหนมีเหตุมีผลกว่ากัน เข้าใจไหม? แต่นี่พวกเอ็งไม่ได้ทำอย่างนั้นเลย อย่างนี้มันเป็นเรื่องของคนเกเรที่ไม่เคารพกติกา ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และยังเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่นี่หว่า ไม่ใช่สัญญลกสัญญาลักษณ์ที่พวกเอ็งพยายามแก้ตัวหรอก ข้าฯรู้ดี อย่ามาอ้างเลยว่า การกระทำอย่างนี้ แม้จะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคตกต่ำ แต่ก็ยอม เพื่อแลกกับ พรบ.ขายชาติดังที่พวกเอ็งกล่าวอ้างเลยฟ่ะ การกระทำของพวกเอ็งหน่ะ เป็นเพียงพวกพ่ายแพ้ซ้ำซาก จนไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้กันในระบบรัฐสภา มีความหวาดหวั่นในการเลือกตั้งต่างหากเล่า จึงพยายามทุกวิถีทาง เพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แล้วหันมาใช้อำนาจนอกระบบ อย่างนี้สินะพวกเอ็งจึงจะมีความหวัง แต่ความจริง สิ่งที่พวกเอ็งกระทำนั้น ถ้าลำพังแค่ภาพลักษณ์ของพรรคเอ็งตกต่ำ ข้าฯก็จะขอแสดงความยินดีด้วย แต่ภาพลักษณ์ของรัฐสภาไทยที่เผยแพร่ไปทั่วโลกนี่สิ มันเสื่อมเสียยิ่งกว่าไหนๆ และขอโทษที ถ้าเอ็งรู้จักห่วงประเทศบ้างสักนิด เอ็งก็จะรับรู้ว่า 9 เดือนที่นายกฯยิ่งลักษณ์พยายามสร้างภาพลักษณ์ของประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ถูกพวกเอ็งทำลายลงโดยใช้เวลาแค่สองวันของการประชุม อย่างนี้ยังกล้าพูดให้รัฐบาลรับผิดชอบอีกหรือฟะ ข้าฯล่ะนับถือปากเอ็งจริงๆ สุดท้ายทั้งหมดทั้งปวงจึงไม่ใช่ทำเพื่อประชาชนและประเทศอย่างแน่นอน เพราะคนนอกจะเห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเอ็งจำเป็นต้องรีบขับไล่รัฐบาลให้เร็วที่สุด เพราะคดีความต่างๆก็งวดเข้ามาทุกที มีแต่วิธีนี้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น ที่พวกเอ็งพอมีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาลบ้าง เพราะสิ่งที่พวกเอ็งกลัว ไม่ใช่การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรอก แต่พวกเอ็งเป็นห่วงกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่คนของตัวต่างหาก อันนี้สิน่ากลัว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าฯเพียงอยากตั้งข้อสังเกตดังที่พวกเอ็งชอบทำไงล่ะ มาร์คเอ๊ย
[ วันเสาร์ ที่ 2 มิถุนายน 2555 เวลา 11:04 น. ]

.....555555...ยังไม่พอค่ะในหน้าเวปที่กล่าวถึงยังมีคุณ The Contemporary Thai Political Dictionary ที่ให้ความหมายคำเหล่านี้มาให้อ่านกันค่ะ..ก็คงต้องบอกว่าอ่านแล้วใช้วิจารณญานกันเองนะคะ...จขบ. ไม่เกี่ยวค่ะ...555555....แค่เก็บมาฝากเผื่อใครไม่เคยอ่านเจอค่ะ...เพราะ จขบ. ก็เพิ่งอ่านเจอนี่ล่ะค่ะ...

เผาบ้านเผาเมือง

ความหมาย:
วางเพลิงสถานที่สำคัญหลายแห่ง—ทั้งของราชการและเอกชน, ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด—จนดูราวประเทศชาติตกอยู่ในทะเลเพลิง และประสบความความพินาศย่อยยับนานัปการเหมือนเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง.

ที่มา:นี่คือวาทกรรม—และการแสดงแสงสีเสียงในฉากขนาดมหึมา—ที่สร้างขึ้นเพื่ออำพรางและสร้างความชอบธรรมให้กับการสังหารหมู่ประชาชนกลางกรุงเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓, และเพื่อปลุกเร้าความเกลียดชังและหวาดกลัวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคนเสื้อแดงโดยทั่วไป. ทั้งนี้, ผู้สร้างหรือผลิตซ้ำวาทกรรมนี้มักแสร้งไม่รับรู้ข้อเท็จจริงว่ายังไม่อาจสรุปได้ว่าใครเป็นผู้ก่อการดังกล่าวกันแน่.

สลิ่ม

ความหมาย:
บุคคลที่หลงคิดว่าตนมีสติปัญญา คุณสมบัติ ความเชื่อ ค่านิยม หรือจริยธรรมเหนือกว่าผู้อื่น ทว่าแท้จริงกลับไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่สามารถใช้ตรรกะหรือแสดงเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ จึงมักอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือมีความเชื่อที่ผิดอยู่เสมอ ทั้งยังปากว่าตาขยิบ มีอคติและความดัดจริตสูง เกลียดนักการเมือง และไม่ชอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน

ที่มา:
มาจากบุคคลที่อ้างว่าเกลียดเสื้อแดง แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นเหลืองพันธมิตร บุคคลเหล่านี้เมื่อรวมตัวกันมักสวมเสื้อหลากสีสัน แลดูเหมือนของหวานประเภทหนึ่ง ใช้ในความหมายนี้ครั้งแรกโดย คำ ผกา ในราวปี ๒๕๕๓

ก้าวข้ามทักษิณ

ความหมาย:
รณรงค์, เคลื่อนไหว, หรือดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยไม่ใส่ใจ, ไม่ให้ความสำคัญ, ไม่ยึดติด, หรือพ้นจากอิทธิพลครอบงำของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร.

ที่มา:
เริ่มมีผู้ใช้วาทกรรมนี้ในราวปี ๒๕๕๒. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีบุคคลและองค์กรการเมืองจำนวนมาก, เช่น คนเสื้อแดงบางกลุ่ม หรือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น, ประกาศตนว่าได้ก้าวข้ามทักษิณไปแล้ว. แต่เหตุการณ์กลับดูราวกับว่าอดีตนายกรัฐมนตรีตัวใหญ่เกินไป จนมีน้อยคนนักที่สามารถก้าวข้ามได้สำเร็จ.

ผีทักษิณ

ความหมาย:
วิญญาณหรือสภาพที่ไม่อาจมองเห็นได้ของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกฆ่าตายในทางการเมืองไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ซึ่งมักถูกปลุกขึ้นมาโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสร้างทฤษฎีสมคบคิด เป็นต้น เพื่อก่อให้เกิดความหวาดกลัว ความหวาดระแวง และความเกลียดชังในหมู่ประชาชน อันจะส่งผลดีต่อการชี้นำและควบคุมความคิดของประชาชน และต่อสถานะดั้งเดิมของผู้ปลุกเอง

ที่มา:
นับตั้งแต่การรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เรื่อยมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกสร้างภาพโดยบุคคลที่มีบทบาทในทางการเมือง กลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมือง ให้กลายเป็นตัวร้ายหรือศัตรูอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่หากกำจัดได้ก็จะก่อให้เกิดความสงบ ความผาสุก และความรุ่งเรืองสืบไป

โรคกลัวทักษิณ

ความหมาย:
โรคระบาดชนิดหนึ่งที่พบมากในเขตกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่หลายแห่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางและชนชั้นสูง ไม่ค่อยพบในหมู่ชนชั้นกลางระดับล่างและในชนชั้นล่างในต่างจังหวัดหรือในชนบท พาหะนำโรคได้แก่ผู้ใกล้ชิด สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสังคมทั้งหลาย

ผู้ป่วยมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน วิงเวียนศีรษะ ควบคุมตนเองไม่ได้ กล่าววาจาไม่สุภาพ ผรุสวาท เสียดสี ในรายที่อาการหนักอาจเดือดดาลถึงขั้นก่ออาชญากรรมได้ ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบวัคซีนป้องกันหรือยารักษาโรคนี้แต่อย่างใด

ที่มา:
บัญญัติโดย ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔(อังกฤษ: Thaksinophobia)

รัฐประหาร

ความหมาย:
การล้มล้างรัฐบาล-หมายถึงผู้ที่มีอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ-ที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนั้น แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจเป็นพลเรือนหรือทหารขึ้นแทนที่ แต่มิได้ล้มล้างระบอบการปกครองของประเทศ การกระทำเช่นนี้เป็นกลไกทางการเมืองที่อยู่นอกเหนือหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง

ในประเทศไทย รัฐบาลที่ถูกคณะรัฐประหารล้มล้างมักถูกกล่าวหาด้วยข้อกล่าวหาซ้ำๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งที่บ่อยครั้งคณะรัฐประหารมีพฤติกรรมเช่นว่ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ(ฝรั่งเศส: coup d’etat)

แมลงสาบ

ความหมาย:
๑. พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง แม้จะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ยังสามารถรักษาพรรคเอาไว้ได้ด้วยวิธีการพิเศษ ซึ่งโดยมากไม่ใช่วิธีการที่สะอาดนัก เช่น การส่งคนไปตะโกนใส่ร้ายผู้อื่นในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น อุปมาเหมือนแมลงสาบที่เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ แต่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้ทุกยุคสมัยเพราะยังชีพได้ด้วยการกัดกินสิ่งสกปรกนานา

๒. นักการเมืองที่ใช้วิธีการสกปรกเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมือง เช่น ใส่ร้ายป้ายสี ปั้นนำเป็นตัว เสี้ยมให้เกิดความแตกแยก เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น อิงแอบอำนาจนอกระบบ เป็นต้น

ปรองดอง

ความหมาย:
ออมชอม, ประนีประนอม, ยอมความ, หรือไกล่เกลี่ยกันเพื่อแก้ปัญหาเรื้อรังแบบขอไปที, อันจะนำไปสู่การสมประโยชน์เฉพาะหน้าของชนชั้นนำฝ่ายต่างๆ, ซึ่งนอกจากจะไม่อาจแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้แล้ว ยังไม่ก่อประโยชน์ให้ประชาชนส่วนใหญ่และไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้นในสังคมอีกด้วย. ส่วนใหญ่มักดำเนินการโดยแสร้งลืมเหตุการณ์ความขัดแย้งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น ลืมว่าเคยมีการรัฐประหาร, ลืมว่าเคยมีการแทรกแซงการเมืองของอำนาจนอกระบบ, หรือลืมว่าเคยมีการสังหารหมู่ประชาชนกลางถนน เป็นต้น, และโดยไม่ติดใจเอาความกับผู้ที่อาจมีส่วนกระทำผิดในเหตุการณ์เหล่านั้น.

ที่มา:
มาจากวาทกรรมและเหตุการณ์ทางสังคมการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองนับตั้งแต่หลังการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ จนถึงต้นปี ๒๕๕๕.



ท้ายสุดนี้เก็บเนื้อหาจากข่าวหนังสือพิมพ์มติชนมาฝาก เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษโดยคุณสิริญญา นิมะกุล, เบญจวรรณ คงกิจเจริญกุล (ที่มา:มติชนรายวัน ศุกร์ที่1 มิ.ย.2555) เนื้อหาเป็นการเปิดใจ "บิ๊กบัง" หรือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในวันปรองดองที่ไม่ปรองดองลองอ่านกันดูเองค่ะ....

เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา "ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ....." เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 กลายเป็นรอยด่างในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะผู้ริเริ่มผลักดัน "ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง" เข้าสู่กระบวนการ "สภา" ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มต้น จนเกิดความวุ่นวาย มีการปะทะกันของ "ส.ส." ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีการกระทบกระทั่งไปถึง "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" จนท้ายที่สุด "ประธานที่ประชุม" ต้องสั่งปิดประชุม เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ "พล.อ.สนธิ" เปิดใจกับ "มติชน" ในระหว่างที่สถานการณ์ภายในห้องประชุมสภายังคงขัดแย้งถึงปมปัญหาที่หลายฝ่ายมองว่า "เขา" คือ "ต้นตอ" ของความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน "สภา" วันนั้น

- มีผู้มองว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่ พล.อ.สนธิผลักดัน เป็นต้นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในสภา

อย่าไปดูที่ว่าปัญหามันเกิดจาก พ.ร.บ.เสมอไปสิ การกระทำลักษณะนี้ (ความวุ่นวายในสภา) เนี่ย ปกติแล้วเกิดขึ้นได้ยาก การที่จะเกิดขึ้นแบบนี้มันเป็นเรื่องของมารยาทต่างๆ ของ ส.ส.ด้วย จริงๆ แล้วเรื่องการออก พ.ร.บ.ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง มันก็เป็นธรรมดาตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องไปดูกันในสภาว่าในสภาเห็นด้วยไหม ก็ต้องว่ากันในสภา ไม่ใช่เอาความเห็นส่วนตัวมาบอกว่าเรื่องนี้ถูก เรื่องนั้นไม่ถูก มันต้องพูดกันในภาพรวม ในสภามักจะพูดว่าเสียงข้างมากลากไป เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงความเป็นจริงในระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ อย่างในหลายๆ ประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ในสภาแทบจะไม่มีเสียงข้างน้อยเลย แต่ประเทศมันก็เดินไปได้ บางประเทศมีความก้ำกึ่งกันก็วัดกันด้วยคะแนนเสียง ส.ส. ทุกคนมาจากประชาชนด้วยกัน แต่มันมากกว่ากันคือมีคนสนับสนุนมากกว่ากันเท่านั้น

"คำว่าพวกมากลากไปที่พูดกันอยู่เนี่ยจริงๆ แล้วเหมือนเป็นกฎของระบอบประชาธิปไตย แต่ในเรื่องของปัญหาคือเราต้องยอมรับการตัดสินของคนส่วนใหญ่ ถ้าจะไปเอาเสียงข้างน้อย แล้วบอกเสียงข้างมากไม่เป็นธรรมก็ต้องทบทวนให้ดี เพราะว่าเสียงข้างน้อยมีความคิดอย่างหนึ่ง แต่คนที่สนับสนุนก็เป็นข้างน้อยอยู่วันยังค่ำ ตรงนี้เราต้องตระหนักให้ดี ถ้าไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งไม่จบ" ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นท่านประธานก็พยายามที่จะเป็นกลางมากที่สุดแล้ว ต้องเอาเหตุกับผลมาพูดกัน รวมไปถึงเป้าหมายของการประชุมเป็นตัวกำหนด

- เชื่อมั่นว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของ พ.ร.บ.

คือในเรื่องของการปรองดองแม้กระทั่งฉบับที่ผมนำเสนอนี้มี ส.ส.ร่วมสนับสนุน 35 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคมหาชน พรรคเพื่อไทย ทั้งหมดพรรคการเมือง 5-6 พรรค เขาก็เห็นด้วย การที่เราเสนอ ไม่ใช่ว่า พล.อ.สนธิ จะเสนอแล้วก็เป็นความเห็นของเราคนเดียว อยากถามว่าถ้าเช่นนั้นท่านชุมพล ศิลปอาชา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล จะเอาด้วยหรือ ทุกอย่างผ่านการกลั่นกรองจาก 35 คนแล้ว ก็คิดดูแล้วกันว่าคนเหล่านี้เขาเป็นผู้แทนของคนอีกเท่าไหร่

- ที่มาของร่างฉบับนี้มาจากอะไร

จริงๆ แล้ว (หัวเราะ) เราไม่ได้เป็นนักกฎหมาย เราก็มีนักกฎหมาย แต่เราก็มีวัตถุประสงค์ มีเป้าหมายว่าต้องการอะไร ปัญหาของชาติเกิดอะไรขึ้น เราหันกลับไปมองเรื่องที่เราไปทำการวิจัยมาประกอบในการที่จะสร้างความปรองดอง เราก็เอามาคุยกัน ทุกพรรคก็มีความเห็นตรงกันว่า เนื้อหาที่นักกฎหมายช่วยร่างมา เราโอเคไหม ถ้าโอเคก็เอา ผมเองไม่ใช่นักกฎหมาย จะถามละเอียดในนั้น ผมก็คงไม่รู้ทั้งหมด

- อีกฝ่ายเป็นห่วงเนื้อหาในมาตรา 4 และมาตรา 5 ว่าจะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะคดีเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท

คดีแพ่งไม่เกี่ยว เรากำลังพูดถึงการอภัยโทษกับการนิรโทษกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ผมอาจจะตอบไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่เราต้องการอภัยโทษให้กับคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2548-2554 เพื่อให้สังคมไทยที่เกิดความขัดแย้งของคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ใช่ส่วนน้อยๆ ดังนั้น คนพวกนี้เนี่ย คนคนหนึ่งกำลังมีปัญหาอยู่กับคดีความ ครอบครัว ญาติพี่น้อง ด้วยความที่เขามีความรักชาติ คนที่ไปปิดสนามบินเขาก็รักชาติ คนที่ปิดสภา ปิดทำเนียบก็รักชาติ ฉะนั้นวิธีคิดถึงความรักชาติในแบบประชาธิปไตยเขาก็มีวิธีคิดแบบเขา ฐานความรู้ของคนไม่เหมือนกัน เราต้องให้อภัยเขา เพราะเขาคือคนไทยคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเรื่องทองอะไรเลย เมื่อวาน (30 พฤษภาคม) ท่านสามารถ (แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย) ได้พูดแล้ว นั่นคือความถูกต้องที่ตรงกัน เราไม่ได้นิรโทษ ไม่ได้พูดถึงเรื่องทักษิณ ซึ่งท่านมีคดีก็ต้องรับคดี เงินท่านถูกยึดก็ต้องถูกยึดเราจะไปแตะต้องเงินไม่ได้ เงินมันคืนไม่ได้ เพราะเงินนี่มันไปแล้ว (เสียงดัง) จะคืนได้หรือไม่ไม่เกี่ยวกับกฎหมายตัวนี้เลย

- ในร่างระบุว่าให้ยกเลิกผลการดำเนินการของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

ข้อเท็จจริงคือ คตส.ถูกยกเลิก ใช่ แต่ไม่ใช่ยกเลิกคดีที่ถูกตัดสินไปนะ คดียังอยู่แต่ คตส.ยกเลิกไป คดีทั้งหมดจากนี้ต้องเอาไปขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม เมื่อผู้ที่โดนการตัดสินเขาบอกว่าไม่ยุติธรรมก็ไม่เป็นไร แต่เพื่อให้เกิดความปรองดอง ก็ย้ายไปอีกหน่วยงานหนึ่งที่พวกเขายอมรับ "คำถามที่เขาติดใจว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เกี่ยวกับการเงินหรือไม่ ผมตอบได้คำเดียวว่าไม่ใช่"

- กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ออกมาประกาศระดมพลชุมนุม เพื่อต่อต้านกฎหมายปรองดอง ของ พล.อ.สนธิด้วย

อันนี้เป็นปลายเหตุ เราต้องหาต้นเหตุ ว่าวันนี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ อยากให้ทุกคนไปเฟ้นหาว่าอะไรเป็นที่มาที่ไปว่าเกิดจากอะไร ทุกคนกลัวว่ากฎหมายฉบับนี้ เมื่อออกมาแล้วจะช่วยทักษิณ ทำให้ทักษิณ ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นมูลเหตุที่สำคัญที่เขาออกมากัน แต่กฎหมายนี้ไม่ได้พูดถึงคนใดคนหนึ่งเลย เพราะเราจะช่วยคนที่มีปัญหามาตั้งแต่ปี 2548-2554 เราจะช่วยคนพวกนี้เป็นหลัก

"คือเราไม่ได้มองที่ตัวท่านทักษิณ แน่นอน 91 ศพ ทหาร ประชาชน ที่มีคดีความติดตัว ทุกคนได้รับปัญหาหมด ทุกอย่าง พวกนี้จะโยงกันหมด เราแค่อยากเห็นประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผมทำน่ะ (ยึดอำนาจ) เพราะว่าไม่อยากเห็นคนฆ่ากัน เราต้องการให้สังคมอยู่ต่อไปได้ บ้านเราพอวันที่ 20 กันยายน 2549 ทุกคนก็มีความสุข วันนี้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาล จะปล่อยไปอย่างนี้หรือ หากไม่มีร่างตัวนี้ ความขัดแย้งก็ยังเกิดอยู่ดี ลองดูซิว่าถ้าร่าง ออกมาแล้วหลายคนได้หายทุกข์ หลายคนให้อภัยต่อกัน ถามว่าสังคมจะเป็นอย่างไร มันก็ต้องดีกว่านี้"

- ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับ พล.อ.สนธิ ก็ถูกคนเสื้อแดง บางกลุ่มมองว่าการให้ลืมอดีตมันก็เจ็บปวดสำหรับผู้สูญเสีย

มันมีคนได้และมีคนเสีย ในต่างประเทศเคยมีกรณีที่พ่อเขาถูกฆ่าตาย แต่เขาต้องการให้บ้านเมืองสงบ น้ำตาเขาก็ต้องตกข้างใน แต่เขาก็เห็นว่าประเทศของเขาต้องสงบ วันนี้นักการเมืองทุกคนต้องหันกลับมาคิดเรื่องนี้ การให้อภัยคือการนำไปสู่ความปรองดอง

- ฝ่ายค้านระบุว่า พล.อ.สนธิไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนจะกลับมาเสนอกฎหมายปรองดอง

อย่างที่บอก การพูดคุยมันทำไม่ยากเลยนะ แค่ส่งโทรศัพท์มาก็คุยกันได้แล้ว ส่วนใหญ่ผมก็คุย ถามว่าสบายดีไหมเท่านี้ เรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้คุยกันเลย ทางพรรคเพื่อไทยหลายๆ คนไปพบผู้ใหญ่ เขาก็ส่งโทรศัพท์ให้คุยบ้าง บางทีเราก็ตกใจ แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นในวงการการเมืองเยอะมาก

- ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.สนธิกับพ.ต.ท.ทักษิณ คืออะไร

เขาเป็นน้อง แต่ถามว่ารักกันเหมือนเดิมไหม ไม่รู้ แต่เราคือผู้ที่ทำให้เขาเจ็บปวด ทำให้เขาไม่สบายใจ ถามว่าเขาเจ็บปวด โกรธเราไหม ตอบไม่ได้ แต่ถามว่าเราล่ะ

จะให้ตอบอย่างไร...

- วันนี้ พล.อ.สนธิรู้สึกอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

วันนี้คิดอย่างไรไม่รู้ แต่อยากให้การปรองดองมันเกิด

- เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนว่า พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับนี้จะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง

วันนี้มันยังมีความเจ็บปวดของคนทุกฝ่าย แต่คนที่มันเจ็บคือคนที่ยังมีปัญหาอยู่ เราก็พยายามอภัย และเยียวยาให้เขา อย่างน้อยหนักก็จะได้เป็นเบา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความปรองดอง และการให้อภัยซึ่งกันและกัน รัฐบาลก็จะต้องส่งสัญญาณ เรื่องของการตั้งใจจริง (เสียงดัง) หรือสร้างบรรยากาศปรองดอง รัฐบาลต้องทำ!!!