เมื่อวันที่ 12 พ.ค 2554 ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทางหน่วยงานได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนกรมฯ ไปร่วมพระราชพิธีพืชมงคลที่วัดพระแก้วเป็นพิธีที่สมเด็จพระโอรสาธิราชทรงเจิมและพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์แก่พระยาแรกนา คือ นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อดีตข้าราชการกรมชลประทาน และเทพีคู่หาบทองและหาบเงินเพื่อความเป็นสิริมงคล และหนึ่งในสี่เทพีก็เป็นข้าราชการจากกรมชลประทานและเป็นน้องที่ทำงานในหน่วยงานเดียวกัน ไปเป็นตัวแทนในครั้งนี้กันสองคนถือเป็นสิ่งดีในชีวิตที่ได้ไปร่วมงานแบบนี้ การเป็นตัวแทนกรมฯ ปรากฏว่าที่หน่วยงานโดนกันเป็นแถวเตรียมชุดขาวกันแทบไม่ทันอย่างตัวเองและเพื่อนบางคนต้องไปหาที่เช่าชุด และต้องไปสอบถามกองการเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเครื่องหมายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ว่าควรติดชั้นไหนอย่างไร รับราชการมาไม่เคยได้ศึกษาเลย ครั้งนี้เลยได้ความรู้ใหม่เป็นสิ่งที่ข้าราชการทุกคนควรรู้ ก็เลยขอนำมาลงไว้เป็นเกียรติประวัติส่วนตัวที่บล๊อกแห่งนี้
วันที่ 13 พ.ค 2554 ซึ่งเป็นวันที่สองเรียกกันว่า พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีเพื่อนที่ห้องโดนเวรไปร่วมงาน 1 คนการคัดเลือกข้าราชการที่ไปร่วมงานพิธีแบบนี้จะคัดเลือกจากข้าราชการที่เป็นนักวิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญงาน หรือตั้งแต่ระดับ 5 เป็นต้นไป การแต่งกายของสองวันนี้ก็ผิดกัน วันที่ 12 ถือเป็นงานในวังต้องแต่งกายครึ่งยศ คือเสื้อขาวกระโปรงดำ ส่วนคนที่ไปร่วมงานในวันที่ 13 ให้แต่งกายปกติขาว คือชุดขาวทั้งเสื้อและกระโปรง การติดเครื่องหมายก็ผิดกันคนแต่งครึ่งยศต้องใส่เครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นแพรแถบที่ไหล่ซ้ายตามระดับที่ได้ คือ ช้างเผือก จะเหนือกว่ามงกุฏไทยถ้าหากได้สองแถบก็ต้องติดช้างเผือกอยู่เหนือมงกุฏไทยและติดเหลือมล้ำกันลงมา ที่นำมาลงจะลงเฉพาะตระกูลช้างเผือกเพราะเป็นตระกูลสุดท้ายที่ จขบ.ได้รับ ส่วนคนที่แต่งกายปกติขาวหน้าอกซ้ายจะติดเฉพาะแถบระดับชั้นเท่านั้น สำหรับ จขบ.เพิ่งได้รับดวงดาราติดหน้าอกซ้ายอีกดวงหนึ่งเสื้อขาวเลยดูเด่นสวยงามกว่าระดับเดิม ข้อเสียคือดวงดาราจะมีรัศมีของดาราคมมากเกี่ยวเนื้อและเสื้อซะหลายจุดเลยค่ะ...
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนี้ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานแล้ว และได้กระทำเต็มตามรูปแบบบุรพประเพณีในครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ แล้วก็ว่างเว้นไปจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันได้โปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูขึ้นเป็นพระราชพิธีหน้าพระที่นั่งประจำทุกปี ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยในระยะแรกอธิบดีกรมการข้าวเป็นพระยาแรกนาโดยตำแหน่ง ส่วนเทพีทั้งสี่นั้น คัดเลือกจากภริยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังปลัดกระทรวงเกษตรเป็นพระยาแรกนาโดยตำแหน่ง ส่วนเทพีทั้งสี่ก็คัดเลือกจากข้าราชการหญิงโสดในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ชั้นโท ปัจจุบันก็คือตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปนั่นเองแต่ปัจจุบันราชการได้ปรับเป็นเข้าแท่งแล้วก็คือ ระดับชำนาญงาน
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีการเพื่อความเป็นสิริมงคล และบำรุงขวัญเกษตรกร โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของเกษตรกร เนื่องจากเป็นวันเริ่มต้นของการไถหว่าน โดยเมื่อพระยาแรกนาได้เจิมพระโคและคันไถ แล้วทำการไถดะ 3 รอบ, ไถแปร 3 รอบ และหว่านเมล็ดข้าวในลานแรกนา ก่อนจะไถกลบอีก 3 รอบเพื่อกลบเมล็ดพันธุ์แล้ว ได้มีการนำของกิน 7 สิ่งตั้งเลี้ยงพระโคหน้าพระที่นั่ง ซึ่งในปีนี้ ผลการเสี่ยงทายผ้านุ่งซึ่งพระยาแรกนา ตั้งสัตยาธิษฐานหยิบปีนี้ได้ผ้า 5 คืบ พยากรณ์ว่า "น้ำในปีนี้ จะมีปริมาณพอดีข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี" ส่วนผลการเสี่ยงของกินพระโคกินหญ้า พยากรณ์ว่า "น้ำท่า จะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหารมังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี" และพระโคกินเหล้าพยากรณ์ว่า "การคมนาคมสะดวกขึ้นการค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง"
สิ่งที่เห็นจนคุ้นตามากๆ ในทุกๆ ปี ก็คือหลังจากเสร็จพระราชพิธี จะเห็นประชาชนกรูกันเข้าไปกอบหรือโกยเมล็ดพันธุ์ข้าวที่พระยาแรกนาได้หว่านไว้ในลานแรกนาเพื่อนำไปผสมกับเมล็ดพันธุ์ข้าวของตนเองที่จะนำไปไถหว่านในที่นาของตนเองเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ปีนี้นั่งดูข่าวจะเห็นภาพบางคนเข้าไปนำต้นกล้วยบ้าง ต้นไม้ในพิธีบ้างนอกเหนือจากเมล็ดพันธุ์ข้าว และตามเนื้อข่าวบอกว่าบางคนเมื่อได้เมล็ดพันธุ์ข้าว หรือต้นกล้วยต้นไม้อื่นจะนำไปวางขายกันซะงั้น
พูดถึงการได้แต่งชุดข้าราชการครึ่งยศของตัวเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้แต่งแบบนี้ ส่วนมากจะแต่งชุดกากี หรือไม่ก็ชุดขาว แต่วันนี้เป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่นอกจากได้แต่งชุดครึ่งยศแล้วยังได้นั่งรถเบนซ์ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในราชการของหัวหน้าหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดในหน่วยงานของ จขบ. ภูมิใจค่ะภูมิใจ...55555...พูดถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ จขบ.นำมาติดบนบ่าและหน้าอกแล้ว เป็นเครื่องราชฯ ตระกูลช้างเผือก เค้าถือกันว่าเป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันป็นที่เชิดชูยิ่งพระราชทานแก่ ผู้กระทำความดีความชอบ เป็นประโยชน์แก่ราชการ หรือสาธารณชน ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควร มีทั้งหมด 8 ชั้น พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี ดังนี้.-
จะเห็นการลดหลั่นความสำคัญของเครื่องราชฯ ตั้งแต่อันดับสูงสุดจนต่ำสุด
1. ชั้นสูงสุด เรียกว่า "มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก"
2. ชั้นที่ 1 เรียกว่า "ประถมาภรณ์ช้างเผือก"
3. ชั้นที่ 2 เรียกว่า "ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก"
4. ชั้นที่ 3 เรียกว่า "ตริตาภรณ์ช้างเผือก"
5. ชั้นที่ 4 เรียกว่า "จตุรถาภรณ์ช้างเผือก"
6. ชั้นที่ 5 เรียกว่า "เบญจมาภรณ์ช้างเผือก"
7. ชั้นที่ 6 เรียกว่า "เหรียญทองช้างเผือก"
8. ชั้นที่ 7 เรียกว่า "เหรียญเงินช้างเผือก"
และเครื่องราชฯ ที่ข้าราชการทุกคนที่รับราชการมากกว่า 25 ปีจะได้รับ คือ เหรียญจักรพรรดิมาลา ผู้ที่ได้รับพระราชทาน เหรียญจักรพรรดิมาลานั้นให้มีประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธย และประทับตราพระราชลัญฉกรประกอบ เหรียญจักพรรดิมาลานั้นพระราชทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคล (ไม่เรียกคืนเหมือนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั่วไป) มอบให้แก่ข้าราชการเท่านั้น ถือเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสูงสุดของประเทศไทยเป็นความภาคภูมิใจของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่นักการเมือง แม้แต่รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีสิทธิครอบครองได้..ส่วนเครื่องราชฯ ข้างต้นตั้งแต่อันดับ 1-8 นั้นเมื่อเกษียณอายุราชการต้องนำมาคืนให้กับหลวงค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากคืนก็สามารถเก็บไว้ในครอบครองได้แต่ต้องจ่ายเงินคืนให้กับหลวงแทนนะคะ ชั้นยิ่งสูงก็ยิ่งแพงตามลำดับค่ะ...
หลังเสร็จพิธีฝนก็เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาผลเปียกปอนกันไปตามๆ กัน จขบ.ก็เปียกเช่นเดียวกัน ที่สำคัญให้รถกลับกรมฯ ไปแล้วเพราะกรมฯ กับบ้านคนละทางกัน ฟังความจากเจ้าหน้าที่บอกว่าหลังเสร็จพิธีฝนจะตกแบบนี้ทุกปี..ซึ่งตลอดพิธีก็สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าตลอดก็จริงด้วยค่ะ การไปร่วมพระราชพิธีในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติยศความภาคภูมิใจของ จขบ. และเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกเรื่องหนึ่งที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสในชีวิตซึ่งข้าราชการทุกคนน้อยคนจะมีโอกาสแบบนี้....
คนพิเศษ
วิยะดา โกมารกุล ณ นคร
คงจะมีบางครั้งที่ใจเคลิ้มลอยล่องไป
ทำอะไรๆที่มันไม่เคย
อยากฮัมเพลงหวานๆฝันกลางวันอยู่เรื่อยเลย
อยู่เฉยๆ ก็แอบเปรยยิ้มคนเดียว
คงมีเพียงบางคน ที่ทำฉันได้อย่างนี้
และก็คนๆนี้ ก็มีแค่เธอ
นั่งมองดาวบนฟ้าเห็นเป็นดวงตาของเธอ
แหละยังแอบเผลอ คอยคิดว่าเธอยิ้มมา
เธอเท่านั้น เธอคือคนพิเศษ
เสกให้ใจของฉันโบกปีกบินสู่ฟ้า
คอยยังคอย ให้เธอมาประคองแล้วพูดว่า
เมื่อเธอหลับตา ก็เคลิ้มถึงฉันเหมือนกัน
คงมีเพียงบางคน ที่ทำฉันได้อย่างนี้
และก็คนๆนี้ ก็มีแค่เธอ
นั่งมองดาวบนฟ้า เห็นเป็นดวงตาของเธอ
แหละยังแอบเผลอคอยคิดว่าเธอยิ้มมา
เธอเท่านั้น เธอคือคนพิเศษ
เสกให้ใจของฉัน โบกปีกบินสู่ฟ้า
คอยยังคอย ให้เธอมาประคองแล้วพูดว่า
เมื่อเธอหลับตาก็คิดถึงกันและกัน
แวะมาเจิมบอกว่าขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ